เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 22
  พิมพ์  
อ่าน: 31232 คุยกันเรื่องวิลเลียม เชกสเปียร์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 27 ก.พ. 25, 14:08

2     ความดูถูกเหยียดหยามทางเชื้อชาติที่อีอาโกแสดงออกลับหลังโอเธลโล ผู้เป็นเจ้านายผู้บังคับบัญชาของเขา
       ต่อหน้า อีอาโกจะอ่อนน้อม สุภาพ  เคารพนับถือโอเธลโล  แสดงความเป็นมิตรดีและเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์เสมอ
แต่พอลับหลัง  เขาก็มีคำพูดสารพัดอย่างที่สะท้อนอาการเหยียดเชื้อชาติ เช่นเรียกโอเธลลีด้วยชื่อต่ำช้าต่างๆ  เช่น
       “อ้ายแกะดำแก่”
        “อ้ายคนชาวมัวร์” (ถูกใช้เรียกโอเทลโลแทนชื่อของเขาตลอดเรื่อง)
        “อ้ายม้าบาร์บารี” (คือลดสภาพของโอเธลโลจากมนุษย์เช่นเดียวกับคนอื่นลงไปเป็นแค่สัตว์   และม้าบาร์บารีได้ข่ื่อว่าเป็นม้าที่มีความต้องการทางเพศสูง)
       โอเธลโลเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ว่าชาวเวนิสเหยียดผิวของเขา   (มีอย่างเดียวที่ไม่รู้คืออีอาโกก็รวมอยู่ในนั้นด้วย)
เมื่อถูกอีอาโกปั่นหัว โอเทลโลเริ่มคิดว่าตนเองไม่คู่ควรกับเดสเดโมนาเพราะสีผิวของตน เขากล่าวว่า:
     "บางทีเพราะข้าผิวดำ
     และไม่ได้มีวาทศิลป์ไพเราะ
     เหมือนพวกขุนนาง"
     คำพูดนี้สะท้อนว่าโอเธลโลเองก็มีปมด้อย เกิดจากเชื้อชาติของเขา  ทำให้มองตัวเองได้ไม่ดีนัก   แม้แต่ความรักของเดสเดโมนาก็ไม่สามารถปกป้องเขาจากปมด้อยเรื่องเชื้อชาติได้
     เมื่ออีอาโกจี้ลงไปตรงจุด ว่าเดสเดโมน่าหันเหไปรักหนุ่มผิวขาวด้วยกัน     ก็เลยตรงกับความคิดของโอเธลโล ว่าความกลัวของเขาเป็นจริงขึ้นมาแล้ว    เขาจึงสังหารเดสดีโมน่า ด้วยเหตุผลว่า เมื่อนางตายไปเสีย นางก็จะได้พ้นจากความเป็นหญิงชั่วคบชู้นอกใจสามี   ไม่สามารถทำบาปที่โอเธลโลเกลียดนักเกลียดหนาได้อีก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 27 ก.พ. 25, 14:24

        หญิงสาวผู้อ่อนโยน งดงาม และร่าเริง … จะละทิ้งครอบครัวของตน
         เพื่อไปหาชายผิวดำเช่นเจ้า ผู้เป็นที่หวาดกลัวมากกว่าน่าหลงใหลหรือ?"

          ในจุดนี้,ท่านเชกสะกิดต่อมสงสัย ทำไมเดสโมนาถึงปลงใจรักต่างวัย,ต่างสถานะ,ต่างผิวสี
ถ้าเป็นบทละครยุคนี้คงมีการย้อนอดีตให้เห็นความดีงามของโอเทลโลที่ชนะใจนาง(หรือเหตุอื่นๆ)
ทำให้นางหลงรักมากจนหมดใจ,ตราบจนจะหมดลมหายใจก็ยังปกป้องสามี

         ท่านปู่เชกให้เหตุผลเอาไว้เหมือนกันค่ะ  อยู่ในเนื้อเรื่อง 
         คือเดสเดโมน่าเป็นสาวน้อย ยังไม่รู้จักความเป็นไปของโลกมากนัก   นางมีโอกาสได้สนทนากับโอเธลโล ก็คงจะหลายครั้งอยู่เหมือนกัน   เพราะต่างก็อยู่ในสังคมไฮโซของเวนิส  แม้โอเธลโลอยู่อย่างคนนอกก็ตาม
        สาวน้อยคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นๆ คือไม่รังเกียจที่จะทำความรู้จักกับชายผิวดำ  ฟังเขาเล่าถึงประสบการณ์การเป็นนักรบ ต้องบากบั่นต่อสู้  เอาชีวิตแทบไม่รอด  เป็นชีวิตตื่นเต้นผจญภัยที่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จากคนอื่นๆ    เดสเดโมน่าก็เลยเกิดอาการ hero worship  คือชื่นชมบูชาผู้ชายคนนี้ว่าเป็นวีรบุรุษ
         นางมองทะลุผิวสีดำของเขาแบบเดียวกับรจนามองเจ้าเงาะ  คือ "เห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน  เอารูปเงาะสวมใส่ให้คนหลง"
       เมื่อเกิดอาการชื่นชมบูชาเต็มที่  เดสเดโมน่าจึงมองเห็นความงามของโอเธลโล ทั้งความสง่างามอย่างนักรบ ทั้งความกล้าหาญ เป็นตัวของตัวเอง ฯลฯ   ดังนั้นผู้ชายผิวขาวทั้งเมืองเวนิสก็เลยไม่มีความหมาย   เดสเดโมน่าผู้มีอุดมคติอยู่เต็มหัวใจจึงยินดีจะตัดตัวเองออกจากผิว    ตกลงแต่งงานกับแม่ทัพผิวดำ ทั้งๆรู้ว่าพ่อแม่ยังไงก็ไม่ยอม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 27 ก.พ. 25, 14:35

      ความรักชนิดนี้ นำไปสู่โศกนาฏกรรมได้ง่าย   เพราะเป็นรักที่มีพื้นฐานอยู่บนอารมณ์ชื่นชมบูชา   มองเห็นอีกฝ่ายเป็นเทพบุตรบนหิ้ง  ทั้งๆไม่ได้เป็น
      เดสเดโมน่าไม่ได้ทำความรู้จักกับโอเธลโลอย่างถ่องแท้จนเห็นทุกด้านทุกมุมของเขา  โดยเฉพาะอารมณ์หึงหวงแรงกล้า เป็นสิ่งที่นางซื่อเกินกว่าจะเข้าใจ     นางกลับคิดว่าเมื่อนางไม่เคยคิดอย่างอื่นนอกจากรักและซื่อสัตย์ต่อสามี   เขาจะคิดว่านางเป็นอื่นไปได้อย่างไร  ก็ต้องรู้สิ ว่าภรรยารักเขาคนเดียว 
      ส่วนโอเธลโลก็รักนางแบบซุกปมด้อยเอาไว้ ไม่ได้แสดงให้เห็นแต่แรก   แต่พออีอาโกมาจี้จุดให้ระแวงได้สำเร็จ  พร้อมกับสร้างหลักฐานต่างๆนานาจนเชื่อ   ความรักของเดสเดโมน่าจึงถูกกลบด้วยความหึงหวงแรงกล้า   ถึงขั้นฆ่านาง (แทนที่จะไปฆ่าคาสสิโอซึ่งถูกป้ายสีว่าเป็นชู้- ข้อนี้เทาชมพูขัดใจมากๆ)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16142



ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 27 ก.พ. 25, 18:35

พฤติกรรมของ Othello นี้ถูกนำมาเป็นชื่อเรียกโรคทางจิตเวชของบุคคลไม่ว่าหญิงหรือชายที่มีพฤติกรรมหึงหวงหวาดระแวงว่าคนรักจะนอกใจโดยเรียกว่า Othello Syndrome

Othello Syndrome ในบางครั้งก็ถูกเรียกว่า Delusional Jealousy, Erotic Jealousy Syndrome, Morbid Jealousy, Othello Psychosis หรือ Sexual Jealousy ซึ่งหมายถึงการที่บุคคลมีจินตนาการขึ้นมาว่าคนรักของตนเองกำลังแอบนอกใจไปมีคนอื่น โดยเชื่อจินตนาการของตนเองอย่างหนักแน่นมากว่ามันคือความจริง ทำให้เกิดพฤติกรรมหึงหวงซึ่งในบางรายก็มีพฤติกรรมแบบหึงโหดถึงขั้นมีการลงไม้ลงมือกับคนรักหรือทำการฆาตกรรมเพราะความหึงหวง

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 28 ก.พ. 25, 10:11

         ^^ ถามพ.จิตเวช, เคยได้ยินคำนี้ แต่ไม่ค่อยเห็นใช้กัน

        งานมโน, โอเทลโล ไม่น่าจะเป็นคนเคร่งศาสนา มาอยู่ต่างเมืองก็ครองคู่กับคนต่างศาสนา
แต่ก็เติบโตคุ้นเคยกับสังคมชายเป็นใหญ่ มีการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างรุนแรงมาก ด้วยอารมณ์รักแรง,
หึงแรง,โกรธและผิดหวังมาก จนลืมตัว
       บางเว็บ(เสริม)ว่า เป็นการลงโทษผู้ผิด(ตัว ตกใจ) และ(ถึงขนาดว่า)เป็นการป้องกันไม่ให้เดสเดโมนาไปกระทำเช่นนี้
กับชายอื่นอีกต่อไป  
        
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 28 ก.พ. 25, 10:30

   พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปลง Othello เป็นละครนอกแบบไทย   ชื่อว่า "พญาราชวังสัน" ทรงแปลงชื่อตัวละครในเรื่องให้ออกมาเป็นแบบไทย   เช่นโอเธลโล มาเป็น "พญาราชวังสัน" เดสเดโมนาเป็น "บัวผัน"  แปลงชื่อเมืองเวนิสเป็น กรุงศรีวิชัย  เจ้าเมืองเวนิสกลายมาเป็นสมเด็จพระวิกรมราชสีห์    ตัวละครอื่นๆก็แปลงชื่อเป็นขุนนางไทยทั้งหมด
   ทรงดำเนินเนื้อเรื่องตาม Othello  เกือบ 100 %    แม้แต่ตอนจบก็ให้พญาราชวังสันฆ่าบัวผันด้วยความเข้าใจผิดว่ามีชู้   เมื่อรู้ความจริงก็ฆ่าตัวตายตามนาง
   พระราชนิพนธ์เรื่องนี้แต่งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2454  เคยนำออกแสดงเฉพาะตอน 1 และตอน 2 คือตอนบัวผันหนีจากบิดาไปบ้านพญาราชวังสัน จนถึงพระวิกรมตัดสินความ  และตอน2 พญาราชวังสันยกทัพไปปราบมละกาได้สำเร็จ  มีงานฉลอง  ส่วนตอนท้ายเรื่องมีการฆ่ากัน  คนไทยออกจะถือว่าอัปมงคล  จึงไม่เคยมีการออกนำแสดง   แสดงเฉพาะตอน 1 และ 2 หลายครั้ง เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยรัชกาลที่ 6

  ใครสนใจไปหาอ่านได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
   พญาราชวังสัน
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16142



ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 28 ก.พ. 25, 11:35

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แถลงพระบรมราชาธิบายไว้ว่า

เรื่อง "พญาราชวังสัน" นั้น ข้าพเจ้าได้เอาเรื่อง "โอเทลโล" ของเซกส์เปียร์เป็นหลัก แต่แต่งเป็นบทละครนอกอย่างไทยเรา และแปลงนามบุคคลในเรื่องเป็นไทยทั้งหมด เช่นเจ้าเมืองเวนิส แปลงเป็น "สมเด็จพระวิกรมราชสีห์" โอเทลโล แปลงเป็น "พญาราชวังสัน" เดสเดโมนา แปลงเป็น "บัวผัน" เมืองเวนิส แปลงเป็น "กรุงศรีวิชัย" เกาะไซปรัส แปลเป็น "เกาะมละกา" ดังนี้เป็นต้น บทละครนั้นข้าพเจ้าได้แต่งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๔ และได้แต่งแต่ต้นจนจบเรื่องตามของเดิม แต่ได้เคยออกโรงเล่นละครเพียง ๒ ตอน คือ ตอนที่ ๑  ตั้งแต่บัวผันหนีจากบ้านบิดาไปบ้านพญาราชวังสัน จนถึงสมเด็จพระวิกรมทรงตัดสินความ และตอนที่ ๒ ตั้งแต่พญาราชวังสันยกทัพจากศรีวิชัยไปปราบโจรสลัดแล้วไปเกาะมละกาและมีงานฉลอง ส่วนตอนต่อจากนั้น ซึ่งกล่าวถึงหมื่นศรีสิทธิการ (อิยาโก) คิดกลอุบายให้พญาราชวังสัน (โอเทลโล) แตกกันกับขุนไกรพลพ่าย (คัสสิโย) แล้วเกิดหึงส์ สงสัยว่าบัวผัน (เดสเดโมนา) เป็นชู้กับขุนไกร จนพญาราชวังสันฆ่าบัวผันและฆ่าตนเองเป็นที่สุดนั้น ยังมิได้เคยออกโรงเล่นเลย เพราะเนื้อเรื่องตอนนี้ออกจะถือ ๆ กันว่าเป็นอัปมงคล ใช้เล่นในงานมงคลไม่เหมาะ ตอนที่ ๑ และที่ ๒ ได้เคยออกงานหลายครั้งหลายแห่งแล้ว มีผู้รู้จักกันมาก

ส่วนบทเสภานั้น ข้าพเจ้าได้แต่งขึ้นภายหลัง โดยดัดแปลงบทละครให้เหมาะกับที่จะขับเป็นเสภาและแต่งบทส่งลำเดิมขึ้นใหม่บ้าง บทเสภาได้แต่งไว้เริ่มแต่พญาราชวังสันปรารภถึงการจะไปรบและคิดถึงบัวผัน จนถึงยกทัพและเรือออกเดินทะเลเท่านั้น เพราะตอนรบจะใช้ขับเบ็นเสภาก็คงไม่เพราะหรือเข้าทีเลย บทเสภา "พญราชวังสัน" นั้น ได้เคยใช้ขับในเมื่อมีงานเลี้ยงหลายคราวแล้ว และขับเวลาข้าพเจ้าทรงเครื่องใหญ่ (ตัดผม) ด้วยเสมอ ๆ

อันเรื่องนี้เนื้อเรื่องข้าได้อ่าน         ของท่านเช็กส์เปียร์กระวีใหญ่
เรื่องชื่อโอเท็ลโลกำหนดไว้         ข้าซอบใจเรื่องเขาดูเข้าที
แล้วนายฉันกุหลาบมากราบวอน   ให้แต่งเป็นลครอย่างไทยนี่
ได้ริเริ่มนิพนธ์สนธิ์วจึ                กันยายนวันที่ยี่สิบนิยม
ที่สิบเจ็ดตุลาคมมาศ                 ศักราชได้ร้อยสามสิบผสม
สำเร็จดังมุ่งไว้ใฝ่อารมณ์            แล้วจึงเกลาเกลี้ยงกลมให้กลอนงาม
วชิรนิพนธ์นุสนธ์ไว้                  เพื่อบรรเทิงเริงใจแห่งซาวสยาม
แม้กลอนใดไม่เพราะไม่เหมาะงาม ปราชญ์สยามจงให้อภัยเทอญ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 28 ก.พ. 25, 13:51

          ตัวละครสำคัญอีกหนึ่งใน โศกนาฏกรรม ของ โอเทลโล ผู้หึงโหด,เขลา คือ อิอาโก ผู้อิจฉา,ฉลาด
สามารถสร้างเรื่องลวงนายทัพสำเร็จ เวอร์ชั่นหนัง 30 ปีก่อนจึงเลือกนักแสดงมากความสามารถ Kenneth Branagh
มารับบทรองก็จริงแต่ต้องมีความสตรองจึงจะทำให้น่าเชื่อว่าสามารถหลอกนายทัพได้

How am I then a villain

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 01 มี.ค. 25, 09:49

  อิอาโก เป็นตัวร้ายท่ีขึ้นชื่อลือชา  ยืนอยู่หน้าสุดในโศกนาฏกรรม 4 เรื่องของเชกสเปียร์     เพราะความร้ายของเขาซ่อนเอาไว้สนิทจากตัวละครอื่นๆ   ไม่ได้ร้ายออกมาโจ่งแจ้งอย่างเอ็ดมันด์
 แม้เชกสเปียร์ไม่ได้อธิบายชัดเจนนักว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นอย่างไร    คนอ่านก็พออนุมานได้จากบทพูดว่าเขาเป็นชายหนุ่มผิวขาว  อายุ 28 ปี   บุคลิกดูเป็นคนจริงใจ    กิริยาท่าทีสุภาพ เป็นมิตรดีน่าคบหาสมาคมด้วย    ซ่อนความเหี้ยมโหดและริษยาอาฆาตเอาไว้มิดชิด    แม้แต่โอเธลโลผู้ผ่านศึกสงครามมาโชกโชน  ก็ยังมองไม่ออก  ไม่เคยระแวงลูกน้องคนสนิทคนนี้เลย
   ถ้อยคำที่ขึ้นชื่อลือชาของอิอาโก คือคำที่เขาพูดถึงตัวเอง
   "But I will wear my heart upon my sleeve
For daws to peck at: I am not what I am."

    " ข้าจะแสดงตนว่าข้าเป็นคนอย่างไร
ให้อ้ายพวกโง่เง่าเห็นแล้วจิกตรงนั้น   แต่จริงแล้ว ข้าหาเป็นอย่างที่ข้าเป็นไม่ "
     ขอหมายเหตุว่า ภาษาในละครของท่านปู่เป็นภาษาง่ายในยุคที่นำออกแสดง   ชาวบ้านฟังรู้เรื่อง แต่ล่วงเลยมาหลายร้อยปี   แปลจากอังกฤษเป็นไทยยังไม่พอ   ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที
     อีอาโกพูดถึงตัวเองว่า   เขาจะทำทีเปิดเผยตัวตนว่าเป็นคนอย่างไรแบบไหน ให้คนอื่นเห็นได้ง่ายๆ แล้วฝังใจว่าเขาเป็นคนแบบนั้น   แต่ความจริงแล้ว  เขาไม่ใช่คนแบบที่เขาแสดงออก โดยสิ้นเชิง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 01 มี.ค. 25, 13:02

     "But I will wear my heart upon my sleeve

          เป็นทั้งชื่อและหนึ่งบรรทัดเนื้อร้องของเพลงมากมาย ของหลากหลายศิลปิน รวมถึงซุปตาร์อย่าง Taylor Swift
          หนึ่งคือเนื้อในของเพลงฮิท Honesty จากนักร้องระดับตำนาน(ที่ยังหายใจ) - Billy Joel


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 02 มี.ค. 25, 09:52

ความรักที่ต่างผิว ต่างชาติต่างภาษา และยังต่างวัย  เกิดขึ้นได้อย่างไร     เชกสเปียร์อธิบายผ่านคำพูดของโอเธลโลตามนี้
"She loved me for the dangers I had passed,
And I loved her that she did pity them."
" นางรักข้าด้วยตระหนักถึงภัยทั้งหลายที่ข้าเคยฝ่าฟันมา
และข้ารักนางด้วยเมตตาที่นางมี"
ความรักของทั้งสองเกิดด้วยอารมณ์ล้วนๆ   เดสเดโมนาชื่นชมความกล้าหาญของโอเธลโล  ส่วนโอเธลโลก็จับใจที่นางชื่นชมเขา    ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เรียนรู้นิสัยกันให้ถี่ถ้วน  จึงเข้าใจผิดกันได้ง่าย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 03 มี.ค. 25, 10:32

     ทีนี้ก็มาถึงงานชิ้นยอดนิยม ที่โด่งดังที่สุดของเชกสเปียร์ คือ Romeo and Juliet
   เนื้อเรื่องเป็นความรักต้องห้ามระหว่าง โรมิโอ แห่งตระกูลมอนตากิว และ จูเลียต ลูกสาวตระกูลคาปุเล็ต    สองตระกูลนี้เป็นศัตรูกันในเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี  เห็นกันไม่ได้เป็นต้องวิวาทหรือแม้แต่ไล่ทำร้ายกันกลางเมือง
    วันหนึ่ง โรมิโอรู้ว่ารอสลินด์ หญิงสาวที่เขาพึงพอใจไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลคาปุเล็ต  เขาจึงแอบเข้าไปบ้างโดยไม่ให้ใครรู้   จนพบจูเลียต ทั้งสองตกหลุมรักกันทันที และในคืนเดียวกัน โรมิโอแอบปีนขึ้นไปที่ระเบียงห้องของจูเลียต ทั้งคู่สาบานรักต่อกันและตัดสินใจแต่งงานอย่างลับๆ โดยมีบาทหลวงลอเรนซ์ช่วยเป็นผู้ทำพิธี
    อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เมอร์คิวชิโอ เพื่อนสนิทของโรมิโอถูกทิบอลต์ ลูกพี่ลูกน้องของจูเลียตสังหาร โรมิโอโกรธแค้นและฆ่าทิบอลต์ ทำให้เขาถูกเนรเทศออกจากเมืองเวโรนา
    ในขณะที่จูเลียตกำลังสิ้นหวัง พ่อแม่ของเธอบังคับให้แต่งงานกับเคาน์ปารีส   บาทหลวงลอเรนซ์จึงให้เธอดื่มยานอนหลับเพื่อให้ดูเหมือนตายไปแล้ว หวังว่าเมื่อเธอฟื้นขึ้นมา โรมิโอจะมารับเธอหนีไปด้วยกัน
     แต่โชคร้าย โรมิโอได้รับข่าวผิดพลาดว่า จูเลียตเสียชีวิตแล้ว ด้วยความเศร้าโศก เขากลับมาเวโรนาและดื่มยาพิษฆ่าตัวตายข้างร่างของเธอ เมื่อจูเลียตตื่นขึ้นมาและพบว่าโรมิโอตายแล้ว เธอใช้กริชแทงตัวเองจนเสียชีวิต
     ในที่สุด เมื่อตระกูลมอนตากิวและคาปุเล็ตเห็นโศกนาฏกรรมนี้ พวกเขาจึงยุติความขัดแย้งและคืนดีกัน จัดการศพของโรมิโอและจูเลียตให้ถูกฝังเคียงข้างกัน เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป









บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 03 มี.ค. 25, 12:22

    ทีนี้ก็มาถึงงานชิ้นยอดนิยม ที่โด่งดังที่สุดของเชกสเปียร์ คือ Romeo and Juliet

        โด่งดังข้ามกาลเวลา ข้ามมหาสมุทรสู่เมกา เป็น West Side Story เรื่องราวความขัดแย้งของสองแก๊งวัยรุ่น
ที่มีฉากอิงต้นฉบับ เช่น ฉากงานเต้นรำ การพบกันที่ทางหนีไฟนอกตึก แต่ตอนจบตายคนเดียว

        ส่วนแผลเก่า เรื่องรักต้องห้ามเพราะความแค้นเคืองรุ่นพ่อในชนบทไทย ไม่มีข้อมูลว่า ไม้ เมืองเดิม อิงจาก
โรเมโอ และ จูเลียต
       (จากย่ามความทรงจำ ของ เหม เวชกร เขียนลงนิตยสารฟ้าเมืองไทย เล่าที่มาของนิยายเรื่องแผลเก่า
ที่ได้ชุบชีวิตนักเขียนของ ไม้ เมืองเดิม ว่า

              ครูเหมพาเพื่อนรักนายก้านผู้ทดท้อไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายที่ท้องทุ่งยามเย็นบนทางรถไฟสาย
ตะวันออก  ครูเหมให้กำลังใจและแนะให้นายก้านจับปากกาเขียนเรื่องใหม่อีก โดยชี้ไปที่กระท่อมกลางทุ่งนา
ยามสนธยาแลเห็นแสงไฟรำไร แล้วให้จินตนาการว่าได้เกิดเหตุกาณ์อะไรขึ้นที่นั่น นายก้านมองไปทางนั้นแล้ว
นิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่สักพักก็ได้พล็อตเรื่องนิยายแห่งท้องทุ่งนาเรื่องใหม่)
       และ ฉากจบของภาพยนตร์เรื่อง แผลเก่า ที่กำกับโดยคุณเชิด ทรงศรี ได้มีการดัดแปลงให้เรียมนำมีดของขวัญ
มาแทงตัวตายตามเหมือนจูเลียต ก็ไม่พบข้อมูลว่าอิงจากงานท่านเชกสเปียร์


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 03 มี.ค. 25, 14:40

          
    ทีนี้ก็มาถึงงานชิ้นยอดนิยม ที่โด่งดังที่สุดของเชกสเปียร์ คือ Romeo and Juliet

          เนื้อเรื่องใกล้ตัว, ออกจากรั้ววัง เรื่องรักรันทดซาบซึ้งที่เข้าถึงย่อยง่าย ไม่ซับซ้อน แม้จบเศร้าผิดหวังแต่
สร้างความประทับใจตราตรึง(กว่าจบแบบสุขสม)

คลิปละคร จาก Shakespeare in Love เช่นเคย

Prologue to ROMEO AND JULIET



A New Juliet



Final act

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 04 มี.ค. 25, 17:44

  ความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล ที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมของลูกหลานที่มารักกัน ปรากฏอยู่ในหลายชาติหลายภาษา  ของไทยเราก็มีลิลิตพระลอ  ที่สองเมืองคือเมืองแมนสรวง (เมืองของพระลอ) และเมืองสรอง(เมืองของพระเพื่อนพระแพง) เป็นศัตรูกัน    แต่ลูกหลานเกิดรักกัน จนนำมาสู่ความตายของตัวเอกทั้งสองฝ่าย
   ถ้าถามว่า "โรมิโอและจูเลียต" เป็นโศกนาฏกรรมไหม  คำตอบคือใช่  แต่ถ้าถามต่อไปว่า เป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ของเชกสเปียร์ไหม  คำตอบคือไม่ใช่   ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็ยังไม่อาจเทียบได้เท่าเทียมกับ Hamlet, Macbeth, King Lear และ  Othello อยู่ดี
   เหตุผลก็็คือ
   1   โรมิโอและจูเลียต ไม่มีพระเอกที่ยิ่งใหญ่อย่างอีก 4  เรื่องนั้น   โศกนาฏกรรมเป็นเรื่องของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในสังคม ที่มีข้อบกพร่องร้ายแรง เป็นเหตุให้เขาดิ่งลงสู่หายนะในตอนจบ  แต่โรมิโอและจูเลียตเป็นหนุ่มสาวที่มีความรักแรงกล้าตามประสาหนุ่มสาววัยรุ่น   แต่ขาดความยิ่งใหญ่และซับซ้อนอย่างที่พระเอกในโศกนาฏกรรมพึงมีพึงเป็น
    2  เนื้อหาของละครเน้นไปในเรื่องรักหวานของหนุ่มสาวมากกว่าจะมองลึกลงไปในชีวิตของตัวเอก   ไม่มีปรัชญาชีวิตให้ขบคิด  ข้อขัดแย้งในใจตัวละครไม่มี  มีแต่ข้อขัดแย้งภายนอกคือสภาพศัตรูของสองตระกูล ซึ่งตีรันฟันแทงกันเหมือนเด็กๆ    ตัวละครแต่ละตัวไม่มีความลึกในอุปนิสัยตัวตนอย่างอีก 4 เรื่องของเชกสเปียร์
    3  ในโศกนาฏกรรมเรื่องใหญ่ๆของเชกสเปียร์  ความวิบัติหายนะของตัวละครมีที่มาจากตัวเองเป็นส่วนใหญ่    ไม่ใช่จากชะตากรรมภายนอก     ถ้าหากว่าตัวเอกทั้ง 4 ตัวสามารถลบล้างข้อเสียของตัวเองได้ ก็จะไม่ประสบบั้นปลายที่เลวร้าย  แต่ไม่มีใครสามารถเอาชนะตัวเองหรือกลับใจได้
      ส่วนโรมิโอและจูเลียต  ความตายของทั้งคู่เกิดจากเหตุบังเอิญภายนอก    ชะตากรรมกำหนดให้ต่างคนต่างไม่รู้กันว่าอีกฝ่ายยังไม่ตาย  ก็เลยฆ่าตัวตาย  เท่ากับว่าชะตาของคู่นี้ถูกโชคชะตากำหนดมาให้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องตาย   พฤติกรรมหรืออุปนิสัยแต่ละฝ่ายไม่ได้มีผลอย่างใดกับชะตาชีวิตตัวเอง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 22
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 17 คำสั่ง