เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 04 ก.ค. 25, 11:49
|
|
เขาเคยไปสหรัฐอเมริกามาก่อน เคยเห็นภูเขาจากหน้าต่างรถไฟเมื่อนั่งข้ามรัฐต่างๆ จำได้ว่ามันเป็นภูเขาทรงกลม เกลี้ยงเรียบ ไม่มีหน้าผาหินขรุขระ มองดูเหมือนรังตุ่นขนาดมหึมาผุดขึ้นจากพื้นราบอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องศักดิ์สิทธิ์หรือสูงส่งอะไร แต่กลับไปคิดว่ามันเหมือนนมผู้หญิงอย่างไรพิกล
อาการเครียดไม่หยุดของสาธึุคุณเดวิดสันเป็นสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจระงับได้ แต่เขาก็ได้รับการเกื้อหนุนทางใจจากความชุ่มชื่นเบิกบานใจอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน เนื่องจากกำลังถอนรากถอนโคนเศษบาปหลงเหลืออยู่ในมุมลึกสุดในหัวใจของหญิงผู้นั้น ยามอ่านพระคัมภีร์และสวดอ้อนวอนกับนาง วันหนึ่งเขาเล่า ขณะสี่คนกินอาหารเย็นอยู่ด้วยกันตามเคย “ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ มิสทอมป์สันบัดนี้มีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง จิตวิญญาณของเธอที่เคยดำมืดเหมือนกลางคืน ตอนนี้บริสุทธิ์และขาวราวกับหิมะตกลงมาใหม่ๆ จนผมรู้สึกตัวเองต้องถ่อมตน ด้วยความยำเกรงเธอขึ้นมา ความสำนึกผิดของเธอต่อบาปทั้งหมดที่เคยทำมาช่างงดงาม จนผมรู้สึกว่าไม่คู่ควรแม้แต่จะแตะชายเสื้อของเธอ”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 04 ก.ค. 25, 12:09
|
|
นายแพทย์แมคเฟลเดาว่า เมื่อเซดี้กลับตัวกลับใจได้แล้ว สาธุคุณเดวิดสันก็คงจะถอนคำร้อง ไม่ส่งนางไปรับโทษจำคุกถึง 3 ปีที่ซานฟรานซิสโก แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เดวิดสันก็คงยังแน่วแน่ต่อการปฏิบัติตนทางศาสนา
“ งั้นท่านสาธุุคุณก็คงไม่ส่งเธอกลับไปซานฟรานซิสโกแล้วนะครับ” หมอแมคเฟลว่า “สามปีในคุกของอเมริกามันโหดมากไป ท่านน่าจะช่วยเธอให้รอดจากเรื่องนี้ได้” " เรื่องนี้น่ะหรือ? คุณหมอไม่เห็นหรือว่ามันจำเป็น จะเว้นไม่ได้ หมอคิดหรือว่าใจฉันจะไม่พลอยเจ็บปวดไปด้วยกับเธอ ฉันเมตตาเธอเหมือนอย่างที่ฉันรักภรรยาและน้องฉัน ตลอดเวลาที่เธอถูกจำคุก ฉันก็ทรมานใจไม่น้อยไปกว่าเธอหรอก ” “ไร้สาระ” หมอโพล่งออกมา " อนิจจา! คุณหมอไม่เข้าใจอยู่ดี มนุษย์อย่างคุณมักจะตาบอดต่อความผิดบาปเสมอ มิสธอมป์สันเป็นคนบาป เพราะฉะนั้นเธอจะต้องรับผลแห่งบาปที่กระทำลงไป ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเจออะไรบ้าง ไม่ใช่ไม่รู้ เธอต้องอดอยากหิวโหย ต้องทรมานทั้งกายใจ ต้องอับอายขายหน้าต่อมนุษย์อื่นๆ แต่โทษทัณฑ์ที่ได้รับนี้คือเครื่องบูชาแด่พระเจ้าที่เธอควรทำด้วยความเต็มใจ จะมีมนุษย์กี่คนที่มีโอกาสรับทุกข์ทรมานเพื่อถวายเป็นเครื่องพลีแด่พระผู้เป็นเจ้า เธอมีโอกาสที่พวกเราจำนวนมากไม่มี สำหรับพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรักและเมตตาเราทุกคน"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 04 ก.ค. 25, 12:25
|
|
ไม่นึกว่า ท่านมอห์มจะขีดเขียนให้ถึงตาย, มีเรื่องราวสืบสวน คาดคิดว่าจะลงเอยด้วยท่านสาธุคุณต้องอับอาย(ซึ่งก็เหมือนตายทั้งเป็น) เพราะแพ้พ่ายกิเลส(โลภ โกรธ หลง)ตน เมื่อต้องผจญกับนางบาปผู้ไร้อายท้าทายโลกประณาม แต่เมื่อได้อ่านมาถึงแนวคิดเคร่งตรงสุดโต่ง,ตกขอบของท่านสาธุคุณแล้ว ก็น่าจะมาแนวเดียวกับ Javert ใน Les Miserables ที่ไม่สามาถรับกับความผิดของตน มิอาจทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 04 ก.ค. 25, 14:16
|
|
วันเวลาล่วงไปทีละวัน ทีละวัน อย่างช้าๆ จนใกล้ถึงวันที่เรือไปซานฟรานซิสโก จะมาแวะที่ท่าเรือเมืองนี้ เซดี้อยู่อย่างซังกะตาย เหมือนคนกลัวจนสิ้นหวัง นางเกาะสาธุคุณแจ ได้แต่ยึดเขาเป็นที่พึ่ง มอห์มบรรยายไว้ว่า
เซดี้เอาแต่ร้องไห้ อ่านพระคัมภีร์ และสวดมนตร์อ้อนวอนพระเจ้า บางครั้งเธอดูเหนื่อยล้าและซังกะตาย จากนั้นเธอก็เฝ้ารอการทดสอบจากพระเจ้า เพราะดูเหมือนว่าการทดสอบนี้จะให้ทางออกที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมจากความทุกข์ทรมานที่เธอกำลังเผชิญอยู่ เธอไม่อาจทนกับความคลุมเครือน่าสะพรึงกลัว ที่รุมเร้าอยู่ได้อีกต่อไป ด้วยความรู้สึกผิดบาป เซดี้ละทิ้งความหยิ่งทระนงทั้งหมด วันๆเอาแต่เดินไปมาในห้องที่รกไม่เป็นระเบียบ สวมเสื้อคลุมสกปรก และชุดนอนที่ไม่ได้เปลี่ยนมา 4 วันแล้ว ไม่สวมถุงน่อง ในขณะเดียวกัน ฝนก็ตกลงกระหน่ำต่อเนื่อง เหมือนเบื้องบนจงใจเทน้ำลงมาจนเกลี้ยงสวรรค์ ฝนยังคงเทลงมาอย่างหนักหน่วงไม่ขาดสาย กระทบหลังคาเหล็ก ทุกอย่างเปียกชื้นและเหนียวเหนอะหนะ มีเชื้อราคืบคลานขึ้นมาบนผนังและรองเท้าที่วางไว้บนพื้น ตลอดคืน ไม่มีใครนอนได้ลง ยุงก็เอาแต่บินหวู่หวี่รบกวนไม่หยุดยั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 04 ก.ค. 25, 15:31
|
|
เซดี้อยู่อย่างซังกะตาย เหมือนคนกลัวจนสิ้นหวัง นางเกาะสาธุคุณแจ ได้แต่ยึดเขาเป็นที่พึ่ง เซดี้เอาแต่ร้องไห้ อ่านพระคัมภีร์ และสวดมนตร์อ้อนวอนพระเจ้า บางครั้งเธอดูเหนื่อยล้าและซังกะตาย จากนั้นเธอก็เฝ้ารอการทดสอบจากพระเจ้า เพราะดูเหมือนว่าการทดสอบนี้จะให้ทางออกที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมจากความทุกข์ทรมาน ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ เธอไม่อาจทนกับความคลุมเครือน่าสะพรึงกลัว ที่รุมเร้าอยู่ได้อีกต่อไป ด้วยความรู้สึกผิดบาป เซดี้ละทิ้งความหยิ่งทระนงทั้งหมด
คำโปรยหน้าปก หลอก?, นึกว่าเซดี้ จะไร้สำนึก ที่จำทนทำเป็นเข้าขบวนการล้างบาปไปก็เพื่อให้ท่านสาธุคุณเมตตา ไม่ส่งเธอกลับซานฟราน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 04 ก.ค. 25, 17:51
|
|
ไม่นึกว่า ท่านมอห์มจะขีดเขียนให้ถึงตาย, มีเรื่องราวสืบสวน
หรือจะเป็นคดี ราโชมอน เวอร์ชั่น ผู้ชาย 1, ผู้หญิง 2 คน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 05 ก.ค. 25, 11:35
|
|
ดูท่าทางคุณหมอสนใจใคร่รู้ตอนจบ ทีแรกว่าจะค่อยๆบอก แต่ตอนนี้เล่ารวดเดียวหมดดีกว่าค่ะ แล้วค่อยมาอธิบายถึงวิธีการเขียน และคิด ของมอห์ม ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องเด่นของเขา
ในตอนเช้าวันก่อนที่เซดี้ถูกส่งตัวลงเรือไปซานฟรานซิสโก นายแพทย์แมคเฟลถูกเจ้าของที่พักแรมมาปลุก ให้รีบแต่งตัวออกไปข้างนอกโดยไม่ต้องบอกคุณนายแมคเฟล เขาไม่ยอมบอกว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น จนกระทั่งไปถึงชายหาด เห็นชาวบ้านมุงดูบางอย่างกันอยู่ ณ ริมชายหาด ร่างของสาธุคุณนอนจมอยู่ครึ่งๆในน้ำ เมื่อพลิกร่างขึ้นมา ก็พบว่าเขาตายมาหลายชั่วโมงแล้ว จนตัวเย็นแข็ง คอถูกปาดจากหูซ้ายถึงหูขวา และในมือขวายังมีมีดโกนที่ใช้เป็นอาวุธ
นายแพทย์สั่งให้แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึง ก็ให้ชาวบ้านช่วยกันยกศพไปยังสถานชันสูตรศพ เมื่อหมอแมคเฟลกลับถึงห้องพัก เขาก็พบว่าภรรยาตื่นนอน แต่งตัวเกือบเสร็จแล้ว
“ ทำไงดีคะ คุณนายเดวิดสันกลุ้มใจจะตายแล้วเรื่องสามี” เธอบอกเขาทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง “ท่่านสาธุคุณไม่ได้เข้านอนมาทั้งคืน เธอได้ยินเขาออกจากห้องของมิสทอมป์สันตอนตีสอง แต่ไม่กลับเข้าห้อง กลับออกไปข้างนอก นี่ถ้ามัวแต่ออกไปเดินจงกรมจนเช้าละก็ มีหวังอดนอนตายแน่”
หมอแมคเฟลแจ้งเหตุร้ายให้ภรรยาทราบ ขอให้เธอบอกข่าวนี้กับนางเดวิดสัน
“โอ๊ยตายแล้ว! ท่านทำงั้นได้ไง” คุณนายแมคเฟลร้องอย่างตื่นตระหนัก “ฉันไม่รู้” “ ฉันทำไม่ลง ข่าวร้ายขนาดนี้ใครจะกล้าบอกเธอได้ลง” “ยังไงเธอก็ต้องทำ”
คุณนายแมคเฟลไปแจ้งข้่่าว ส่วนทางนี้หมอก็เริ่มโกนหนวดและอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็ลงนั่งรอภรรยาของเขา จนในที่สุดเธอก็กลับมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 05 ก.ค. 25, 11:37
|
|
“คุณนายเดวิดสันอยากเห็นศพสามี” เธอบอกสั้นๆ “ ตำรวจนำศพไปที่ห้องเก็บศพแล้ว เราควรไปเป็นเพื่อน พอรู้ข่าวเธอทำยังไงน่ะ” “ฉันว่าเธอคงช็อคนะคะ ไม่ได้ร้องไห้ แต่ตัวสั่นไปหมดเหมือนใบไม้โดนลม” “ งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ” เมื่อสองสามีภรรยาเคาะประตูห้องของเธอ นางเดวิดสันก็ออกมา หน้าซีดเผือด น้ำตาไหลอาบหน้า แต่ไม่พูดไม่จา ทั้งสามเดินออกไปเงียบๆ ตามถนน จนมาถึงห้องเก็บศพ นางเดวิดสันก็เอ่ยขึ้น “ขอฉันเข้าไปหาเขาคนเดียวเถอะนะคะ" หมอและภรรยานั่งรอ ในที่สุดประตูก็เปิดออกอย่างเงียบๆ และนางเดวิดสันก็ออกมา ความเงียบเข้าปกคลุมที่นั้น “กลับกันเถอะค่ะ” นางบอก น้ำเสียงนางกระด้าง มั่นคงไม่สั่นเครือ หมอแมคเฟลไม่เข้าใจแววตาสตรีผู้นี้ รู้แต่ว่าใบหน้าซีดเผือดบอกความเครียดจัด ทั้งสามกลับไปช้าๆ ไม่พูดกันสักคำ ในที่สุดก็มาถึงโค้งถนนอีกด้านหนึ่งของที่พัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 05 ก.ค. 25, 11:40
|
|
นางเดวิดสันชะงักงัน ทุกคนหยุดกึก เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่มีใครนึก ดังแสบแก้วหูออกมาจากในบ้าน ท่วงทำนองโลดโผนระคายโสต “อุ๊ย! เสียงอะไรน่ะ” คุณนายแมคเฟลร้องอย่างตกใจ “เดินกันต่อกันเถอะค่ะ” นางเดวิดสันตัดบท ทั้งสามเดินขึ้นบันไดและเข้าไปในโถงชั้นล่าง ณ ที่นั้น เซดี้ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของนาง คุยอยู่กับกะลาสีคนหนึ่ง มองปราดเดียวก็เห็นความเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ขี้ขลาดหวาดกลัวจนแทบเสียสติอย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เป็นหญิงสาวในกระโปรงชุดสีขาว พร้อมรองเท้าบู๊ตทรงสูงหนังมันวาว แน่นจนดันขาอวบดูแทบจะปริในถุงน่องผ้าฝ้าย ผมเผ้าหวีอย่างประณีตสวมหมวกขนาดใหญ่ติดดอกไม้สีฉูดฉาด ผัดหน้า เขียนคิ้วดำสนิท ริมฝีปากเคลือบสีแดงเจิดจ้า นางยืดร่างตรง ดังนางพญาผู้ทะนงตนอย่างที่คนอื่นๆเห็นในตอนแรก เมื่อทั้งสามเดินเข้ามาในห้องโถง นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมาดังลั่น เมื่อนางเดวิดสันหยุดชะงัก หญิงสาวก็ดันน้ำลายมาไว้ที่มุมปากแล้วถุยปรี๊ดออกมา นางเดวิดสันผงะ แก้มซีดขาวปรากฏสีเลือดฉีดขึ้นจนแดง จู่ๆ ก็ยกมือขึ้นปิดหน้า วิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องพักอย่างไม่เหลียวหลัง นายแพทย์แมคเฟลเดือดพล่านขึ้นมาทันที เขาผลักเซดี้ให้ถอยกลับเข้าไปในห้องของนาง "ทำอะไรทุเรศสิ้นดี" เขาตะคอก " ปิดไอ้เครื่องเล่นบ้าๆนั่นเดี๋ยวนี้" เขาเดินไปหาเครื่องเล่นแผ่นเสียง กระชากแผ่นออกจากเครื่อง หญิงสาวหันมาทางเขา “แหม! หมอ อยากเล่นกะฉันก็ไม่บอก ไม่งั้น จะเข้ามาทำอะไรในห้องฉันล่ะ” “เธอหมายความว่ายังไง” หมอร้องอุทาน “พูดอะไรน่ะ” เซดี้ตั้งหลักได้แล้วในตอนนี้ อารมณ์เหยียดหยามชิงชังสุดขีดที่ปรากฏอยู่ในคำตอบนั้น ล้วนแรงเกินกว่าจะมีผู้ใดบรรยายออกมาได้ " มึงก็ไอ้พวกผู้ชาย จัญไรเหมือนกันทุกคนไม่มีผิด ไอ้พวกหื่น..หื่น..หื่น.." หมอแม็กเฟลอ้าปากค้าง เขาเข้าใจทันทีจบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 05 ก.ค. 25, 13:15
|
|
เลื่อมลายนางบาป ลอกคราบสาธุคุณ
ท่านมอห์ม(น่าจะไม่ใช่คนเคร่งศาสนา) สร้างตัวละครเอกทั้งสองได้จัดจ้าน, คู่ควรประชันกันมาก ในขณะที่สมัยนี้เรื่องนักบวชนอกรีตเป็นข่าวฉาวออกมาเรื่อยๆ จนคุ้นเคยชาชินว่านักบวช(บางคน) คือผู้ชาย(พายเรือ) แต่ตอนสมัยโน้นเนื้อเรื่องแบบนี้ น่าจะส่งแรงกระแทกคนอ่านไม่น้อย เรื่องเล่าผ่านตัวหมอ และทิ้งการบ้านให้คนอ่านไปจินตนาการเติมต่อเอง โดยส่วนตัวแล้วชอบที่จะอ่านเรื่องราวการต่อสู้ กับความขัดแย้งและความแพ้พ่ายในใจ, สำนึกผิดชอบ, การตัดสินใจในชะตากรรมที่ก่อของตัวละครที่ถ่ายทอดออกมามากกว่า ฝน นอกจากทำหน้าที่กำกับให้ตัวละครถูกกักอยู่ในอาคารร่วมกันแล้ว นักวิแคะอาจตีความว่ามีนัยสัญลักษณ์ แสดงความมัวหม่น อึมครึมของเรื่องราว หรือ บอกกล่าวถึงเรื่องอันเป็นธรรมชาติที่ไม่อาจกำหนด,กำกับ,สั่งห้าม(ไม่ให้ตก)ได้ เช่นเดียวกับกิเลสของคนสวมเครื่องแบบนักบวชแต่ภายในใจยังคงเป็นปุถุชน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 05 ก.ค. 25, 13:25
|
|
โดยส่วนตัวแล้วชอบที่จะอ่านเรื่องราวการต่อสู้ กับความขัดแย้งและความแพ้พ่ายในใจ, สำนึกผิดชอบ, การตัดสินใจในชะตากรรมที่ก่อของตัวละครที่ถ่ายทอดออกมามากกว่า ฝน นอกจากทำหน้าที่กำกับให้ตัวละครถูกกักอยู่ในอาคารร่วมกันแล้ว นักวิแคะอาจตีความว่ามีนัยสัญลักษณ์ แสดงความมัวหม่น อึมครึมของเรื่องราว หรือ บอกกล่าวถึงเรื่องอันเป็นธรรมชาติที่ไม่อาจกำหนด,กำกับ,สั่งห้าม(ไม่ให้ตก)ได้ เช่นเดียวกับกิเลสของคนสวมเครื่องแบบนักบวชแต่ภายในใจยังคงเป็นปุถุชน
ประเด็นที่พิมพ์ด้วยตัวแดง เรื่องนี้มีครบค่ะ สัญลักษณ์ของฝนก็เช่นกัน จะค่อยๆอธิบาย ว่าอันที่จริง ธรรมชาติมนุษย์ในเรื่องนี้ไม่ได้ล้าสมัยเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 05 ก.ค. 25, 17:02
|
|
เริ่มต้นด้วยตัวละครสำคัญก่อนนะคะ ตัวเอกในเรื่องนี้คือสาธุคุณเดวิดสัน มอห์มเสนอภาพนักบวชผู้สละอนาคตในบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ห่างไกลนับพันๆไมล์ ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม เพื่ออุทิศตนเผยแพร่ศาสนา ด้วยความศรัทธาในพระเจ้าอย่างแท้จริง หน้าที่หลักของเดวิดสันคือทำให้คนบาปกลับใจมาเชื่อถือและดำเนินชีวิตอย่างศาสนิกชนที่ดี จะว่าไปเดวิดสันก็ไม่ต่างกับนักบวชในอีกหลายๆศาสนา ไม่ใช่เฉพาะคริสตศาสนา ผู้มีศรัทธาแท้จริง มุ่งหน้าจะเดินไปสู่ปลายทางสูงสุดในศาสนา พร้อมกันนั้นก็ช่วยเหลือคนอื่นๆรอบตัวให้เป็นสาธุชนไปด้วย ถ้าถามว่ามอห์มสร้างเดวิดสันให้เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เป็นโจรที่เอาเครื่องแต่งกายพระมาห่มให้คนหลงเชื่อ อย่างรัสปูตินหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ มอห์มปูพื้นเรื่องให้คนอ่านเข้าใจว่า เดวิดสันทำทุกอย่างลงไปด้วยความเชื่ออย่างสุจริตใจ ว่าเขามีหน้าที่ต้องทำให้คนบาปได้บุญ ไม่ว่าด้วยไม้อ่อน เช่นเทศนาอบรม หรือด้วยไม้แข็ง เช่นบังคับกดดัน ก็ตาม ทั้งหมดเพื่อผลดีของคนนั้น ไม่ใช่เพื่อเขา พูดอีกทีว่า เขามีหน้าที่กำจัด ' มาร' ที่อยู่ในใจมนุษย์ ให้หมดสิ้นไปโดยสิ้นเชิง ถ้าเทียบให้ชาวพุทธเข้าใจง่ายๆ ก็คือเดวิดสันต้องการกำจัด 'กิเลศ' ในใจคน ไม่ใช่กำจัดคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ วันนี้ เวลา 12:20
|
|
สาธุคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีศรัทธาสูง,แรงกล้า แต่(สติ) ปัญญาเตี้ย เกินกว่านี้ก็อาจเข้าข่ายพวกคลั่งศาสนา มุ่งมั่นเรื่องนอกตัวจนลืม(มองกิเลสทั้งโลภ โทสะและโมหะของ) ตัวเอง ทั้งที่เริ่มออกอาการมาก่อน เขาจำได้ว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องศักดิ์สิทธิ์หรือสูงส่งอะไร แต่กลับไปคิดว่ามันเหมือนนมผู้หญิงอย่างไรพิกล และเริ่มเป็นหนักขึ้น อาการเครียดไม่หยุดของสาธุคุณเดวิดสันเป็นสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจระงับได้ ... ถ้ามีสติปัญญาก็ต้องรู้ตัว ว่าการนี้ไม่ใช่ ไม่ชอบ(มาพากล)แล้ว
สแกนหนังปี 1953 นำแสดงโดย Rita Hayworth รับบทเซดี้ ผู้ผ่านการล้างบาปจนเปลี่ยนไปแล้วแต่ต้องผจญกับมารในตัวสาธุคุณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ วันนี้ เวลา 13:08
|
|
ดิฉันสงสัยว่าถ้าเดวิดสันมาอยู่ใกล้ๆคุณหมอ SILA คุณหมอคงเกลี้ยกล่อมให้ไปหาจิตแพทย์แล้ว เพราะเห็นว่าอาการชักไม่เข้าที มอห์มบอกใบ้เอาไว้หลายอย่าง เกี่ยวกับนิสัยสาธุคุณผู้นี้ ให้คนอ่านเข้าใจ แต่ตัวละครอื่นๆไม่เข้าใจ หมอแมคเฟลเองน่าจะเป็นหมอประเภทรักษาทั่วไป ไม่ได้ลงลึกในด้านจิตเวช เขาก็เลยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาแสดงว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดสุดโต่งของเดวิดสัน ทีนี้มาดูว่ามอห์มบอกถึงตัวของเดวิดสันผ่านตัวละครอื่นอย่างไรบ้าง แบบเนียนๆ 1 ผ่านสายตาของนางเดวิดสัน ผู้เทิดทูนบูชาสามีทุกย่างก้าว นางศรัทธาในตัวสามี ประหนึ่งว่าเขาเป็นนักบุญมาโปรดสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย ไม่ว่าเดวิดสันทำอะไร นางเห็นดีเห็นงามด้วยใจจริง ไม่ได้เฉลียวคิดเลยว่า การที่เดวิดสันไปห้ามชาวพื้นเมืองนุ่งผ้าครึ่งท่อน (ทั้งๆอากาศทั้งร้อนทั้งชื้น จนเนื้อตัวเหนียวไปหมด) ห้ามพวกเขาร้องรำทำเพลง (ทั้งๆเป็นพิธีกรรมหรือวัฒนธรรมของพวกเขามาแต่เดิม) กำหนดให้เขามาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์และเชื่อถือศาสนาใหม่อย่างเคร่งครัด นั่นไม่ใช่เผยแพร่ศาสนา แต่เป็นการกดขี่ใช้อำนาจบังคับ ใต้คำอ้างว่า "บาป" และ "บุญ" พูดอีกแง่หนึ่งก็คือใช้อำนาจเจ้าอาณานิคม ข่มเหงชาวอาณานิคม ภายใต้เหตุผลบังหน้าว่า " พวกเจ้าจะได้เป็นคนดี มีโอกาสขึ้นสวรรค์" เหมือนบอกว่า เพราะพวกเจ้าด้อยพัฒนา ถ้าเราไม่บังคับให้เจ้าพัฒนา เจ้าจะต้องถูกลงโทษ ทั้งหมดนี้ นางเดวิดสันมองไม่เห็น นางขาดความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะนางยึดมั่นถือมั่นในตัว "หลักการ" ซึ่งก็คือสามีนางนั่นเอง คนที่งมงายกับ"ตัวแทน"ทางศาสนา ไม่ใช่ตัว "ศาสนา"เอง มีอยู่มาก ผลก็จะเป็นอย่างตอนจบของเรื่อง เพราะอะไร รออ่านข้อ 2 ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41307
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ วันนี้ เวลา 17:13
|
|
2 ศาสนาที่ไร้การตรวจสอบ ทำให้คนที่ทำหน้าที่ตัวแทนศาสนาหลงตนได้ง่าย เมื่อหลงตนแล้วก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ที่จะเดินทางผิด จากคำบอกเล่าของนางเดวิดสัน ทำให้คนอ่านรู้ว่าทั้งสองเป็นมิชชันนารีชาวอเมริกันคู่เดียวบนเกาะที่ประจำอยู่ นอกนั้นเป็นชาวพื้นเมือง ก็หมายความว่าไม่มีใครใหญ่ไปกว่า 2 คนนี้ ไม่มีใครมาตรวจสอบว่าทำถูกหรือทำผิด ควรทำหรือไม่ควรทำ สาธึุคุณเดวิดสันทำหน้าที่ตำรวจและศาลครบเครื่องในตัวเอง ก็เพราะขาดการตรวจสอบนี่เอง เดวิดสันจึงสามารถตั้งเป้าหมายตามใจตัวเอง แม้จะบอกว่ายึดถือพระคัมภีร์ก็ตาม อันที่จริง ใครจะนับถือศาสนาอะไร เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน หน้าที่ของเดวิดสันคือเผยแพร่สิ่งที่ตัวเองเห็นว่าดีงาม ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับผู้อื่น ถ้าใครเห็นด้วยก็เข้ามารวมกลุ่มด้วย ใครไม่เห็นด้วยก็อยู่ห่างๆนอกกลุ่มไป แต่คนอ่านย่อมเห็นว่าเดวิดสันไม่ได้ถือหลักนี้ กลับถือว่า " ไม่ได้ ใครไม่เข้ามารวมกลุ่ม ถือเป็นคนผิด ต้องถูกลงโทษ" สรุปว่าเขาเองเป็นคนถือกฎหมายข้อนี้เอง บทลงโทษพ่อค้าขี้เมาที่ไม่สนใจจะนับถือศาสนา คือตัดหนทางหากินของคนนั้น ไม่ให้เหลืออะไรไว้ประทังชีพ บทลงโทษโสเภณีอย่างเซดี้ คือถูกส่งไปจำคุกที่ซานฟรานซิสโก คนหลังนี้หนัก คือถึงแม้นางจะกลับเนื้อกลับตัวแล้ว ก็ยังต้องถูกลงโทษในบาปเก่าอยู่ดี สรุปว่ากลับตัวไม่กลับตัวก็อ่วมเท่ากัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|