เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 22
  พิมพ์  
อ่าน: 23506 คุยกันเรื่องวิลเลียม เชกสเปียร์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 06 ก.พ. 25, 15:51

  อ่านเรื่องย่อของแม็คเบธจนจบข้างบนนี้แล้ว  บางท่านอาจสงสัยว่า ผู้ครองราชย์ต่อมาในตอนจบคือมัลคอล์ม โอรสของดันแคน   ไม่ยักใช่เชื้อสายของแบงโควอย่างที่แม่มดทำนาย   ถ้าอย่างนี้ก็แปลว่าแม่มดทายผิดน่ะซี
  ไม่ผิดค่ะ   
   แม่มดไม่ได้บอกว่าเชื้อสายของแบงโควจะได้ครองราชย์เมื่อไหร่ตอนไหน   ความจริงคือเหลนทวดของแบงโคว ชื่อกษัตริย์โรเบิร์ตที่ 2  ได้ขึ้นครองสกอตแลนด์ในอีกหลายสิบปีต่อมา  เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์สต๊วต(หรือไทยออกเสียงว่าราชวงศ์สจ๊วต)
   เชื้อสายราชวงศ์สจ๊วตได้ครองสกอตแลนด์สืบต่อมา จนถึงพระเจ้าเจมส์ที่ 6  กษัตริย์องค์นี้เป็นพระญาติใกล้ชิดที่สุดของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1  เท่าที่ยังเหลืออยู่    ในเมื่อพระราชินีไม่เคยเสกสมรส  ก็เลยไม่มีโอรสธิดา  หลานก็ไม่มี   เมื่อสิ้นพระชนม์ราชบัลลังก์อังกฤษก็เลยตกไปอยู่กับพระเจ้าเจมส์  ซึ่งกลายมาเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1  แห่งสหราชอาณาจักร
   ว่ากันว่า เชกสเปียร์เขียนตอนนี้เพื่อยอพระเกียรติพระเจ้าเจมส์ เข้าไปในเนื้อเรื่องด้วย  หรือไม่พระเจ้าเจมส์ก็โปรดให้แทรกตรงนี้เข้าไปเอง    แต่ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นข้อแรกมากกว่า


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 07 ก.พ. 25, 11:24

       แฮมเลท มี โอฟีเลียวิปลาส
       แมคเบธ ก็มี เลดี้แมคเบธวิปลาส

ฉากเลดี้วิปลาสล้างมือเปื้อนเลือด จากอุปรากรผลงานประพันธ์ของ Verdi

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 10 ก.พ. 25, 11:08

             ท่านเชกนำแมคเบธ บุคคลในประวัติศาสตร์สก็อตมาแต่งเติมใส่เครื่องปรุงเข้มข้นจนเป็นดรามาหนักแน่น,
โศกนาฏกรรมกรีกหนักหน่วง ทั้งยังแฝงนัยวรรณกรรมการเมืองยอยกเอาพระทัยคิงเจมส์ที่หนึ่งซึ่งขึ้นปกครองอังกฤษ
ต่อจากควีนอลิซเบธ(พระองค์เกี่ยวเนื่องลำดับญาติระดับพระภาดา - ลูกพี่ลูกน้อง,โปรดการละครเช่นกัน)
             ท่านเชกแต่งแต้มให้แมคเบธ(และเลดี้) รับบทฝ่ายอธรรมเป็นตัวร้ายแบบจัดเต็มเกินเลยไปจากประวัติศาสตร์
ก่อนจะจบลงท้ายแพ้พ่ายฝ่ายธรรมะซึ่งคือบรรพชนของคิงเจมส์ที่หนึ่ง เท่านี้ไม่พอท่านเชกยังเสริมเพิ่มตัวละครสำคัญ -
สามแม่มด ด้วยเป็นที่ทราบกันว่าคิงเจมส์ทรงมีความสนพระทัยในเรื่องไสยเวทย์แม่มด และสิ่งสำคัญนอกจากความสำราญ
บทละครแมคเบธยังทำหน้าที่เนียนเป็นบทละครสอนใจในเรื่องคุณธรรมนำสังคม อย่าโลภหลงทะเยอทะยาน (tragic flaw)
คิดการใหญ่ เพราะจะนำไปสู่จุดจบน่าธรรมสังเวชเช่นเดียวกับตัวเอกในเรื่อง (tragic hero)

จาก slideserve


บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 12 ก.พ. 25, 14:11

กระผมชอบเรื่องของแม๊คเบธยิ่งนัก ยินดียิ่งที่ได้เห็นการสนทนาในเรื่องนี้ เคยได้ยินผู้ใหญ่นิสิตจุฬาท่านหนึ่งเล่ามาว่าท่านอาจารย์สดใส ที่ท่านสอนอยู่ที่จุฬาในสมัยก่อน ท่านก็ชำนาญในการเล่าเรื่องเชคสเปียร์ เช่นเดียวกันครับ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 12 ก.พ. 25, 14:16

เรื่องของวรรณกรรมเองหลายท่านได้บรรยายไปแล้ว กระผมจึงจะไม่พูดในจุดนี้มากเท่าไหร่นัก แต่ความบ้าคลั่งในฉากท้ายๆของแม็คเบธนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับกระผมอย่างมาก แท้แล้วคงไม่พ้น นรกในใจ นั้นแล
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 10:11

            บทละครท่านเชก ในบ้านเราใช้เรียนกันในชั้นมัธยม(เวนิสวาณิช - พระราชนิพนธ์แปล) และอุดมศึกษา  
ขณะที่ในยุคของท่าน,ละครได้รับความนิยม มีผู้เข้าชมมากมายทั้ง ชนชั้นสูงลงมาถึงชั้นล่างและบนดิน(ตั๋วยืนหน้าเวที)
            เรียกว่า งานท่านเชกเข้าถึงเป็นที่ถูกใจทุกชนชั้นแบบว่า 'ผู้น้อย'ดูได้ 'ผู้ใหญ่'ดูดี

เหล่าผู้ชมผู้ยืนบนพื้นดินหน้าเวทีนี้ ถูกเรียกว่า groundling ปรากฏในบทละคร แฮมเลท มีความหมายเปรียบเทียบ
คนยืนดูที่เงยหน้าอ้าปากกว้างแลเหมือนปลาปากกว้างซึ่งอาศัยอยู่บริเวณพื้นธารเมื่อมองลงมาจากเวที


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 10:15

       ในยุคนั้นที่สื่อบันเทิงมีไม่กี่อย่าง ผู้คนไม่ได้มีช่องทางเลือกมากเท่ายุคนี้ โรงละครเป็นแหล่งบันเทิงที่นิยมด้วยคุณลักษณะแห่ง
       ความเป็นสมัยนิยม(แฟชั่น) สืบเนื่องตามพระราชนิยมในควีนอลิซเบธตกต่อตามกันลงมา, ราคาที่สามารถเข้าถึงได้
(เริ่มต้นที่หนึ่งเพนนี), สถานที่ออกงานเพื่อการสังคมพบปะผู้คน-จนกระทั่งลูกค้า(ของหญิงบริการ) และ ความสนุกสนาน
สาระสนองสมองและอารมณ์เป็นที่ชมชอบของคนดู    

โรงละคร Shakespeare in Love



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 12:22

เรื่องของวรรณกรรมเองหลายท่านได้บรรยายไปแล้ว กระผมจึงจะไม่พูดในจุดนี้มากเท่าไหร่นัก แต่ความบ้าคลั่งในฉากท้ายๆของแม็คเบธนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับกระผมอย่างมาก แท้แล้วคงไม่พ้น นรกในใจ นั้นแล
ขออภัยที่หายหน้าไปหลายวันค่ะ      เพิ่งรู้ตัวว่าสุขภาพไม่แข็งแรงอย่างที่คิด  พักผ่อนน้อย(= เอาเวลามาตอบกระทู้)  งูสวัดเลยเข้าโจมตี ต้องไปนอนรพ.ให้ยาทางเส้นเลือดมาหลายวัน     เพิ่งกลับบ้านนี่ละค่ะ

ทีนี้ก็มาถึงตอนที่สำคัญที่สุดของแม็คเบธ  คือตอนที่เขารำพึงรำพันขณะศึกครั้งสุดท้ายเข้ามาประชิดติดเมือง   มองไปข้างหน้าก็เห็นแต่ความมืดมน     ภรรยาคู่เวรคู่กรรมก็ชิงฆ่าตัวตายไปหยกๆ ทิ้งแม็คเบธไว้เดียวดายกับชะตากรรมอันโหดร้ายและแสนเศร้าในเวลาเดียวกัน
เชกสเปียร์ก็ส่ง   soliloquy ให้แม็คเบธได้รำพึงรำพันในจังหวะนี้พอดิบพอดี   เป็นบทรำพันอันขึ้นชื่อที่สุดในเรื่อง และในผลงานของท่านเชก    จะเป็นรองชนิดสูสี ก็แต่บท To be,or not to be ของแฮมเล็ตเท่านั้น
 
 Tomorrow, and tomorrow, and tomorrow,
Creeps in this petty pace from day to day,
To the last syllable of recorded time;
And all our yesterdays have lighted fools
The way to dusty death. Out, out, brief candle!
Life’s but a walking shadow; a poor player,
That struts and frets his hour upon the stage,
And then is heard no more: it is a tale
Told by an idiot, full of sound and fury,
Signifying nothing.
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 12:50

อ.นพมาส  แววหงส์ แปลไว้ว่า
" พรุ่งนี้ และพรุ่งนี้ และพรุ่งนี้  คืบคลานเข้ามาทีละวัน ทีละวัน
จวบจนปัจฉิมกาล  และวันวานส่องแสงให้คนโง่  เห็นทางสู่ความตายเป็นภัสมธุลี
ดับไปสิ ดับเสีย เทียนแสนสั้น  ชีวิตเป็นเพียงรูปเงาโลดแล่น
เป็นนักแสดงด้อยฝีมือ ที่เดินวางมาดและกลัดกลุ้ม  ใช้เวลาให้หมดไปบนเวที
และแล้วก็เดินลับตาอันตรธานไป  ไม่มีใครได้ยินเสียงอีก
เป็นนิทานที่เล่าโดยคนโง่บัดซบ   ดีแต่ส่งเสียงและโกรธเกรี้ยว   ไร้ความสลักสำคัญ


    ต่อไปนี้ก็ถึงเวลาแปลไทยเป็นไทยนะคะ
   ขอปูฟื้นก่อนว่า เรื่องแม็คเบธเป็นเรื่องที่เชกสเปียร์ต้องการแสดงถึงความไร้แก่นสารของชีวิต    แนวคิดสรุปได้จากบทรำพึงรำพันตอนนี้เอง    แม็คเบธไม่ใช่ชาวบ้านพื้นๆธรรมดา   เขาเกิดมายิ่งใหญ่เป็นยอดขุนพล   ใฝ่ฝันทะเยอทะยานอยากได้อะไรก็ได้ แม้แต่สิ่งที่เกินเอื้อมอย่างมงกุฎกษัตริย์ เขาก็เอื้อมมาจนได้สำเร็จ    ด้วยวิธีการไหนเขาไม่คำนึง  เอาเป็นว่าถ้าอยากได้   ก็ต้องทำจนได้มา
   ในเมื่อสมหวังทุกอย่างแล้ว   ในฉากสุดท้ายของชีวิต  แม็คเบธได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าชีวิตเขา(และมนุษย์อื่นๆในโลกด้วย)ช่างไร้แก่นสารเสียนี่กระไร   จริงอยู่  เขาทำตามความใฝ่ฝันได้สำเร็จ  แต่หลังจากนั้นล่ะคืออะไร  ไม่ใช่ความสุขสมหวังสมบูรณ์อย่างที่คิด   มีแต่ความทุกข์ถาโถมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า  
   แม็คเบธจึงรำพึงว่า  วันพรุ่งนี้ที่คืบคลานเข้ามาแต่ละวัน มีแต่จะนำมนุษย์ไปสู่ความตาย  ชีวิตก็เหมือนละคร   มนุษย์คือตัวละครที่เดินไปตามบท   ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น  ทำแค่เดินไปเดินมาบนเวที จนถึงเวลาจบก็เดินลับเข้าหลังม่านไป  ไม่มีใครสนใจไยดีอีก   เพราะอะไร  เพราะชีวิตเป็นแค่เรื่องเล่าจากปากคนโง่เง่า  มีแต่เสียงเอะอะกราดเกรี้ยว  แต่ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
  
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 12:55

            คลิปฉากนี้ จากท่าน Sir Ian McKellen นักแสดงคนสำคัญบนจอเงินและบนเวทีที่บ้านเราคุ้นหน้า
จากภาพยนตร์หลายเรื่อง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 13:25

      แม็คเบธได้ประจักษ์ว่า ชีวิตที่ประกอบด้วยเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง ตำแหน่ง ฯลฯ ที่ถือกันว่าเป็นการบรรลุความใฝ่ฝันทางโลกนั้น เอาเข้าจริงแล้ว มันก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยในตอนจบ     เขาเองได้เป็นกษัตริย์สมใจ แต่ต้องแลกด้วยอะไรอีกมหาศาล   ทั้งความทรยศต่อเจ้านายตนเอง การใส่ร้ายผู้อื่น  การไล่ล่าสังหารผู้ที่ปราศจากความผิด  เผชิญความเกลียดชัง การแก้แค้น   แล้วในที่สุดก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่เดียวดาย   รอจุดจบที่จะมาถึงในอีกชั่วครู่ยาม     แม็คเบธมาเรียนรู้ทุกอย่างจากชีวิตได้ก็เมื่อสายเกินไปเสียแล้ว   
     การตั้งคำถามกับชีวิต  เป็นเรื่องที่นักปรัชญาและกวีฝรั่งให้ความสำคัญกันมามาก  ชีวิตคืออะไร  เป้าหมายของชีวิตคืออะไร    ความผิดความถูกคืออะไร ความดีความชั่วคืออะไร     ส่วนใหญ่จะตั้งคำถามแล้วให้คนดู(หรือคนอ่าน)ไปหาคำตอบเอาเอง   โดยเอางานหรือตัวละครที่เขานำเสนอนี่แหละเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ่านเก็บไปคิด

    ขอแยกซอยออกไปอีกหน่อยว่า  ชาวพุทธเราไม่ค่อยจะตั้งคำถามประเภทนี้กับตัวเองนัก   เพราะมีคำตอบกันอยู่แล้ว อย่างถามว่า ชีวิตคืออะไร  ชีวิตก็คือส่วนหนึ่งของการเวียนว่ายตายเกิดที่จะมีอยู่ไม่รู้จบสิ้น ตราบใดเรายังมีกิเลส คือรักโลภโกรธหลงอยู่    ถ้าถามว่าความผิดความถูกคืออะไร ความดีความชั่วคืออะไร คำตอบก็มีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแสวงหา  คือปฏิบัติตามศีลนั่นแหละคือความดี    ผิดศีลคือชั่ว
     แม็คเบธนั่งรำพึงรำพันกับตัวเอง  ให้คนอ่านทั่วโลกได้อ่านและคิดตาม   แต่สุนทรภู่ให้พระโยคีแห่งเกาะแก้วพิศดารมาให้คำตอบในพระอภัยมณี เมื่อถึงตอนไคลแมกซ์ของเรื่องคือทัพฝ่ายกรุงผลึกและลงกาเข้าประจัญบานกัน ชนิดตายกันไปข้างหรือตายหมดทั้งสองข้าง      เพราะบรรดาพระเอกไทยไปเข้าข้างฝ่ายฝรั่งหมดแล้ว
     ชีวิตคืออะไร  แม็คเบธถาม  แล้วตอบเองอย่างข้างบนนี้      ส่วนพระโยคีตอบว่า
     คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้                       ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร
     ความตายหนึ่งพึงให้เห็นเป็นประธาน                    หวังนิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 15 ก.พ. 25, 13:41

      แม็คเบธของเชกสเปียร์บอกว่า  "ชีวิตเป็นแค่เรื่องเล่าจากปากคนโง่เง่า  มีแต่เสียงเอะอะกราดเกรี้ยว  แต่ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง”  แต่พระโยคีของสุนทรภู่ให้โอวาทต่อไปว่า
     "ซึ่งบ้านเมืองเคืองเข็ญถึงเช่นนี้   เพราะโลกีย์ตัณหาพาฉิบหาย
     อันศีลห้าว่าอย่าทำให้จำตาย   จะตกอบายภูมิขุมนรก
     หนึ่งว่าอย่าลักเอาของเขาอื่น   มาชมชื่นฉ้อฉลคนโกหก
     หนึ่งทำชู้คู่เขาเล่าลามก           จะตายตกในกระทะอเวจี
    หนึ่งสูบฝิ่นกินสุรามุสาวาท   ใครทำขาดศิลห้าสิ้นราศี
     ใครสัตย์ซื่อถือมั่นในขันตี   จะถึงที่พระนิพพานสำราญใจ"

     
    พวกเราชาวพุทธชินกับศีล 5 จนไม่รู้สึกว่าต้องคิดอะไรมากในเรื่องนี้       แต่ถ้าเอาศีล 5 มาประยุกต์เข้ากับวรรณกรรมเอกของท่านเชกเรื่องนี้  จะได้คำตอบง่ายๆว่า เพราะแม็คเบธไม่รู้จักศีล 5 ชีวิตจึงเป็นแบบนี้    นี่ถ้าเจอพระโยคีแทนที่จะเจอแม่มด   ก็จะรู้จักศีลข้อปาณาติบาต   หากว่าเชื่อคำพูดพระโยคีแทนที่จะเชื่อคำพูดแม่มด ก็จะไม่เข้าไปสังหารดันแคน   ชีวิตก็จะมีเกียรติยศตามที่สมควรได้รับ  มีความสุขตามแบบที่ควรเป็น จนสิ้นอายุขัย  ไม่ต้องมานั่งรำพึงรำพันว่าชีวิตคือความว่างเปล่า  แล้วถูกฆ่าตายในตอนจบ 
    แต่นั่นแหละ  แฟนท่านเชกทั้งหลายโดยเฉพาะนักวิชาการที่สอนวิชาเชกสเปียร์ คงจะบอกว่ามันขาดอรรถรสของเรื่องไป  ไม่ใช่งานของเชกสเปียร์แน่นอน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 16 ก.พ. 25, 10:24

     ก่อนจะจบเรื่องแม็คเบธ ก็ต้องส่งท้ายว่าด้วย tragic flaw ของพระเอกในเรื่องนี้ ว่ามันคืออะไร
    tragic flaw ของเขาคือ ความมักใหญ่ใฝ่สูง หรืออาจเรียกได้อีกอย่างว่า ความทะเยอทะยานที่ไร้การควบคุมให้อยู่ในขอบเขตอันควร    
     แรกเริ่ม แม็คเบ็ธเป็นนักรบผู้กล้าหาญและมีเกียรติ แต่เขาปล่อยให้ความมักใหญ่ใฝ่สูงเกืินตัว ซึ่งถูกกระตุ้นโดยคำทำนายของแม่มดและคำยุยงของเลดี้แม็คเบธ—บดบังวิจารณญาณทางศีลธรรมโดยส้ิ้นเชิง
     ความกระหายในอำนาจจึงนำไปสู่อาชญากรรมอันโหดเหี้ยมครั้งแล้วครั้งเล่า  ฆ่านาย  ฆ่าเพื่อน ฆ่าผู้บริิสุทธิ์อีกหลายคน    สุดท้ายแล้ว ความทะเยอทะยานนี้ก็นำไปสู่ความโดดเดี่ยวไร้พันธมิตร   แผ่นดินเกิดกบฏ จนนำไปสู่ความตายในตอนจบ  
       ความล้มเหลวในการควบคุมความมักใหญ่ใฝ่สูง  ไม่ตระหนักถึงผลที่ตามมาทำให้ชีวิตแม็คเบธกลายเป็นโศก นาฏกรรมของวีรบุรุษอย่างแท้จริง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 16 ก.พ. 25, 12:06

            มุมมองของปุถุชนคนเสพบทละคร, มอง โลกนี้เป็นโรงละคร  ชาวโลกย์คือตัวละคร ที่แสดงบทบาทตามที่
กิเลส,ความอยากกำหนด
            กิเลส - ความอยาก เป็นพลังขับเคลื่อนโลก ส่วนที่เป็นความอยากที่ดี,ปรารถนาดี,เป็นฉันทะ เมตตากรุณา
พาโลกวิวัฒน์ไปสู่สภาวะที่เจริญ ก้าวหน้า สันติสุข  
           ส่วนความอยากที่เป็นโลภะ ราคะ ตัณหา นั้นนำพาวิบัติมาสู่ผู้คนทั้งตนเองและผู้อื่นได้หากไม่ควบคุม
           แต่ นั่นก็คือสารตั้งต้นของบทบาทการกระทำของตัวละครในบทละครต่างๆ ให้อ่าน,ให้ดูเพลิน

           หากขาดความอยากอย่างที่สอง โลกรุ่งเรือง แต่คงสงบ,ขาดเรื่องราวเร้าใจให้เสพจนน่าเบื่อ?  ซึ่งเป็นไปไม่ได้,
ไม่มีทางเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงเสพดรามากันต่อไปทั้งในโลกจริงและโลกจินต์


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 17 ก.พ. 25, 09:20

    มันก็จริงอย่างที่คุณหมอ SILA ว่า   ถ้าตัวละครทำแต่สิ่งถูกต้องดีงาม    เรื่องราวก็คงดำเนินไปอย่างจืดๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้น  ดีไม่ดีก็ดำเนินต่อไม่ได้ จบเสียในฉากแรก

     คราวนี้มาถึงโศกนาฏกรรมเรื่องที่ 3 คือ King Lear
     ขอสารภาพว่าเป็นเรื่องที่ชอบน้อยที่สุดใน 4 เรื่อง ( หรือเรียกอีกอย่างว่าไม่ชอบมากที่สุดใน 4 เรื่อง)   นอกจากพล็อตจะยุ่งยากซับซ้อนเพราะมีทั้งโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรองให้จำยากแล้ว    เนื้อหามันก็ดาร์คเกินไป   เชกสเปียร์สร้างความหดหู่ให้คนอ่านไม่ได้ว่างเว้นตั้งแต่ฉากแรกจนฉากสุดท้าย  เมื่อเทียบกับอีก 3 เรื่อง  เรื่องนี้ดาร์คสุด  จนกระทั่งคนดูในศตวรรษทีี่ 17 รับไม่ได้ ต้องมาแก้เนื้อเรื่องใหม่ให้จบแฮปปี้เอนดิ้ง    แต่ข้อนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง จึงขอข้ามไปก่อน

     เนื้อเรื่องกล่าวถึงกษัตริย์องค์หนึ่งชื่อพระเจ้าเลียร์   มีพระธิดา 3 องค์คือเจ้าหญิงกอนเนอริล รีแกน และคอร์ดีเลีย    เมื่อเข้าสู่วัยชรา  ก็ทรงคิดจะวางมือจากการปกครอง  จึงอยากยกอาณาจักรให้พระธิดาทั้ง 3 ครอบครองแทน    แต่วิธีการของพระเจ้าเลียร์ ไม่ยักเป็นไปตามหลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์  หรือภูมิศาสตร์ หรืออะไรที่เป็นเหตุเป็นผล แต่ใช้วิธีเรียกลูกสาวเข้ามาถามทีละคน ว่าเจ้ารักพ่ออย่างไรแบบไหนให้บอกมา
     เจ้าหญิงกอนเนอริลและรีแกนต่างก็ปั้นคำหวานหยดย้อยออกมาพรรณนาความรักที่มีต่อพ่อ   เป็นที่พอใจของพระเจ้าเลียร์เป็นอันมาก  แต่เจ้าหญิงคอร์ดีเลียคนสุดท้องซึ่งเป็นลูกรัก   ดูออกว่าพี่สาวหลอกลวงทั้งเพ    เมื่อถึงคราวเธอ
 เธอจึงให้คำตอบเรียบๆแต่ตรงกับความจริง   ว่า
" ลูกรักเสด็จพ่ออย่างที่ข้าพึงรักนาย และลูกพึงรักผู้ให้กำเนิด  ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น"
 คำตอบทื่อๆแต่จริงใจของเธอทำให้พระเจ้าเลียร์ผิดหวังและพิโรธเป็นการใหญ่   จึงตกลงแบ่งอาณาจักรออกเป็น 2 ส่วนให้ลูกสาวคนโตและคนกลางคนละส่วน   ส่วนคนเล็ก ก็ให้ขับไล่ออกนอกอาณาจักรไป 
  คอร์ดีเลียมีหนุ่มหมายปองอยู่ 2 คน คนหนึ่งคือดยุคแห่งเบอร์กันดี  อีกคนคือกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส    พอเบอร์กันดีรู้ว่าคอร์ดีเลียถูกขับไล่ออกมา โดยปราศจากทรัพย์สินติดตัว มีแต่มือเปล่า   เขาก็ถอยหนีไปเลย  ส่วนกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสประทับใจในความซื่อตรงของเธอ ก็เลยเสกสมรสด้วย แล้วอยู่ฝรั่งเศสด้วยกัน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 22
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.111 วินาที กับ 19 คำสั่ง