เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 22
  พิมพ์  
อ่าน: 23484 คุยกันเรื่องวิลเลียม เชกสเปียร์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 09:30

    กลับมาที่แฮมเล็ต
    ตัวละครที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างได้ดี คือตัวละครที่มีความลึกในนิสัยใจคอ  พฤติกรรม ความคิดอ่าน ที่นำไปสู่การตีความได้หลากหลาย  เรียกกันว่าวิเคราะห์กันได้ไม่จบไม่สิ้น   ส่วนตัวละครที่ถือว่าตื้น คือมีอุปนิสัยด้านเดียว หรือน้อยอย่าง  อ่านปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นคนอย่างไรประเภทไหน  ไม่ต้องตีความมาก
      ถ้าแฮมเล็ตถูกสร้างให้ตื้น ก็ดูได้ง่ายๆคือพอปีศาจบอกว่าพ่อถูกฆ่าตายให้ลูกช่วยล้างแค้นให้ด้วย  ลูกชายก็ตั้งหน้าตั้งตาขอล้างแค้นให้พ่อ  ทำได้ไม่ได้ก็อีกเรื่อง แต่จะต้องทำ    ส่วนเชกสเปียร์สร้างแฮมเล็ตให้ลึก มีความเป็นมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่านั้น  คือเขารู้สึกบั่นทอนระหว่าง 2 ด้านคือความกตัญญูในฐานะลูกชาย กับความเป็นนักปรัชญาที่ย่อมจะคิดอะไรลึกกว่าคนธรรมดา
      เราอ่านแล้วจะรู้สึกว่าจริงๆแฮมเล็ตก็ไม่ได้อยากจะฆ่าใคร  แต่หน้าที่ทำให้เขาต้องฆ่า  ทำให้ศัตรูตายตกไปตามกัน  ถ้าอย่างนั้นเขาก็ย้อนมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตคืออะไร ความตายคืออะไร    ถ้าตายไปแล้วมันจะเหมือนการนอนหลับไปตลอดกาล ไม่รู้สึกอะไรอีก  หรือว่ามีโลกหน้ารออยู่  มีอะไรอยู่ในที่นั้นฯลฯ
       เชกสเปียร์สร้างความซับซ้อนในใจของแฮมเล็ตผ่านความรู้สึกนึกคิดของตัวละครตัวนี้    ถ้าแฮมเล็ตเป็นนักรบที่เห็นการพิฆาตศัตรูเป็นเกียรติยศที่จะต้องทำ ก็คงไม่ต้องคิดอะไรมาก   แต่ถ้าเป็นนักปรัชญาหนุ่มที่จำต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ   ต้องรักษาเกียรติยศในสิ่งที่เขาก็เคลือบแคลงว่ามันคืออะไรกันแน่   ความซับซ้อนในใจของตัวละครตัวนี้จึงนำไปสู่สิ่งที่โศกนาฏกรรมกรีกเรียกว่า tragic flaw
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 11:35

ทำไมบทรำพันนี้ ถึงโด่งดังในโลกวรรณกรรม

"To be, or not to be, that is the question"
"จักคงชีวิต, หรือมรณา, นั่นคือปุจฉา"

ค้นหาความหมาย ของบทพูดคนเดียวนี้ได้จากในคลิป "เสวนา แฮมเล็ต" ในตอน "To be, or not to be: that is the question"



     To be, or not to be, that is the question,
     Whether 'tis nobler in the mind to suffer
     The slings and arrows of outrageous fortune,
     Or to take arms against a sea of troubles,
     And by opposing end them? To die: to sleep;
     No more; and by a sleep to say we end
     The heart-ache and the thousand natural shocks
     That flesh is heir to, 'tis a consummation
     Devoutly to be wish'd.

      จากหนังสือ HAMLET  วิลเลียม เชคสเปียร์
      แปลโดย  ศวา เวฬุวิวัฒนา


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 11:59

สลับฉากจาก Shakespeare in Love

       ภาพโรงละครเชก รัชสมัยควีนอลิซเบธที่หนึ่ง รองรับผู้ชมหลากหลายทั้งคนชั้นสูง, ชนชั้นกลางระดับสูง - ล่าง
จนถึงคนรายได้น้อยก็มีตั๋วยืนหน้าเวที (ยืนเพลินตลอดความยาวของละครประมาณ 3 ชั่วโมง +/-)                


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 16:46

    เพิ่มเติมให้อีกหน่อยค่ะ
   1    ขนบอย่างหนึ่งของละครเวทีสมัยเชกสเปียร์ คือตัวละครแต่งตัวร่วมสมัย ไม่ว่าเนื้อเรื่องเกิดขึ้นในยุคไหนสมัยไหน เช่นยุคอียิปต์โบราณ   พระนางคลีโอพัตราและคนอื่นๆก็ยังแต่งกายแบบ Elizabethan อยู่นั่นเอง
   2   ละครสมัยนั้นเป็นแบบชายจริงหญิงไม่แท้  คือไม่มีผู้หญิงเล่น   บทนางเอกใช้เด็กผู้ชายรุ่นๆ เสียงยังไม่แตก รูปร่างยังบอบบาง ไม่กำยำล่ำสันมารับบทนี้     เพราะเหตุนี้ ละครหลายเรื่องของเชกสเปียร์ นางเอกจึงปลอมเป็นผู้ชาย เพราะความสะดวกในการเอานักแสดงชายหนุ่มน้อยมารับบท
   3   ไม่มีไมโครโฟนหรือลำโพง   ตัวแสดงต้องเป็นคนเสียงมีพลังดีมาก  คือพูดเสียงกังวานไกล ชัดเจน   ได้ยินกันทั่วมุมของโรง


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 03 ก.พ. 25, 09:59

         สมัยท่านเชก ตัวละครบนเวทีล้วนรับบทโดยชายหนุ่มและเด็กชาย ผู้หญิงต้องห้ามสำหรับงานแสดง
ในที่สาธารณะ เนื่องด้วยค่าไม่นิยมของสังคมต่อต้านงานละคร ซึ่งถูกมองว่าเป็นบาป, เป็นความหลงเพลิน
ผู้หญิงในโรงละครที่มีจึงต่างเป็นผู้ทำหน้าที่แบบว่า งานเสื้อผ้า เก็บค่าดูหรือขายของกิน จนกระทั่งปี 1661
ผู้หญิงแท้จึงสามารถขึ้นแสดงละครบนเวทีได้

บนเวทีต่อหน้าพระพักตร์ - หญิงไม่แท้(ชุดสีแดง) กับหญิงแท้ผู้รับบทจูเลียต แต่ทรงเมตตาช่วยให้พ้นผิด
โดยทรงเรียกนางว่า master Kent และตรัสชมว่าแปลงตนจนดูเหมือนหญิงจริง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 03 ก.พ. 25, 12:08

     flaw หรือข้อผิดพลาดบกพร่องของแฮมเล็ต ที่นำไปสู่จุดจบน่าเศร้า คือ 'การผัดวันประกันพรุ่ง' (procrastination)       ทั้งที่ตระหนักว่าเขามีหน้าที่จะต้องแก้แค้นแทนบิดา แต่ความลังเลอย่างต่อเนื่องทำให้เขาไม่ยอมลงมือสักครั้ง ทั้งๆมีโอกาสหลายครั้ง    แต่กลับไปอ้อมค้อมทำสิ่งที่ไม่ได้นำผลดีกับตนเอง คือแสร้งทำเป็นวิกลจริต   
      ที่ร้ายคือการกระทำนี้ไปสะกิดต่อมสงสัยของคลอเดียสว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่   อยู่กันมาดีๆ ทำไมทำอะไรแปลกๆ     จนเริ่มสืบหาความจริง จนกระทั่งไหวตัวว่าแฮมเล็ตคิดร้าย  คลอเดียสจึงมีโอกาสรุก หาทางลอบฆ่าแฮมเล็ตได้ก่อนในตอนจบ 
     แม้ม้ว่าในตอนจบ แฮมเล็ตสังหารคลอเดียสได้ แต่ก็เป็นหลังจากที่เขาตระหนักว่าตนเองถูกวางยาพิษไปแล้ว  ไม่มีทางรอด  จึงทำหน้าที่ที่ผัดวันประกันพรุ่งมานาน คือสังหารฆาตกรที่ฆ่าบิดา    ความลังเลจนลงมือล่าช้ากลายเป็นข้อเสียนำไปสู่หายนะแก่ตนเองและตัวละครสำคัญทั้งหมด
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 03 ก.พ. 25, 12:11

      บรรดานักวิชาการและนักวิจารณ์ที่สุดแสนซาบซึ้งกับวรรณคดีเรื่องนี้  ไม่พอใจแค่อ่านเพียงแค่นี้   แต่พยายามขุดค้นให้ลึกลงไปอีกว่าอะไรหนอนำมาซึ่งความอิดเอื้อนผัดวันประกันพรุ่งของพระเอกเรา    เหตุผลหนึ่งที่ดิฉันเองคิดว่าไม่เข้าท่าเท่าไหร่   แต่บุคคลบิ๊กๆในวงการเขาเชื่อกันอยู่หลายคน   หนึ่งในนั้นคือซิกมันด์ ฟรอยด์ บิดาแห่งจิตวิทยา  เชื่อว่าแฮมเล็ตรีรอไม่สังหารอา  ไม่ใช่เพราะไม่อยากแก้แค้นแทนพ่อ  แต่มีเหตุผลทางจิตวิทยา
      ฟรอยด์เห็นว่าคลอเดียสนั้นกระทำบาปหนัก 2 ประการ คือฆาตกรรมพี่ชาย  กับสมสู่อยู่กินกับพี่สะใภ้  ในยุคนั้น   ห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวเดียวกัน เช่นพ่อแม่ลูก พี่น้อง และรวมเขยสะใภ้ไว้ด้วย  ถือกันว่าเป็นบาปหนัก เรียกว่า incest
      แฮมเล็ตเองมีความเสน่หาฉันชู้สาวกับแม่ตนเอง (เป็นปม Oedipus complex ที่ฟรอยด์ตั้งขึ้น)  แต่ซ่อนเร้นไว้   ดังนั้นเมื่ออาทำสิ่งที่ตัวเองก็รู้สึกเช่นกัน   แฮมเล็ตจึงรู้สึกทำนองว่า 'ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง'  คือถ้าอาผิดข้อ incest ตัวเองก็ผิดด้วย  จึงรีรอไม่กล้าลงมือจัดการลงไป 
       ตอนอ่านครั้งแรก นึกว่าความคิดของฟรอยด์มีแต่พี่แกคนเดียวที่เอะอะอะไรก็เอาพฤติกรรมมนุษย์ไปอธิบายในรอยเดียว  คือเกิดจากแรงผลักดันทางเพศเสียจนหมดทุกเรื่อง    แต่มาอ่านทีหลัง  ก็มีนักวิชาการอีกหลายคนเชื่อแนวคิดของฟรอยด์อยู่ไม่น้อย   ส่วนตัวไม่เชื่อ   ก็เลยขอเล่าย่อๆไว้แค่นี้   ถ้าใครสนใจก็ไปหาอ่านเพิ่มเติมเอาเองนะคะ

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 03 ก.พ. 25, 15:45

       ตัวแฮมเลท รีรอทอดเวลาผัดวัน เพื่อสืบเรื่องราวหาหลักฐานพยานประกอบคำให้การของพ่อ
ไม่อยากให้ได้ชื่อว่าเชื่อง่าย,ถูก "ผี(พ่อ)หลอก"
(ถ้าเป็นละครยาวทีวี คงมีการเขียนบทให้มีผู้ต้องสงสัยมากกว่าหนึ่ง รวมทั้งแม่ของตัวเองก็น่าสงสัย
ว่าจะร่วมมือกับอาด้วยหรือเปล่า)  
      และ เพื่อคิดวางแผนหาหนทางแก้แค้น,ฝึกวิชาฯ ระหว่างนี้การแกล้งบ้าก็จะช่วยให้อา(ถ้าเชื่อ)
ตายใจว่าคนเสียสติคงคิดแผนอะไรไม่ได้แยบยล แต่แผนไม่แนบเนียน,ไม่ได้เรียนการแสดง จึงส่งผลให้
ลงท้ายด้วยตายตอนจบกันทุกคน

      รำพึง - นักวิชาการจับทฎษฎีจิตวิเคราะห์ของปรมาจารย์ฟรอยด์เจ้าแรก,เจ้าเดียวที่หยั่งรากลึกยาวนาน
โยงกับหนัง,หนังสือและละคร ต่างๆ เสมอมา (ชื่อปมทั้ง Oedipus- รักแม่เคืองพ่อ และ Electra รักพ่อเคืองแม่
ก็มาจากเรื่องราวปกรณัมกรีก) ไม่เห็นนิยมนำทฤษฎีของรุ่นตามมาอย่าง Carl Gustav Jung มาใช้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 03 ก.พ. 25, 16:59

  เมื่อเอ่ยถึงคำว่า "ผีหลอก" คนไทยร้อยละร้อยนึกถึงคำว่า "หลอกหลอน"  จะออกมาในรูปแลบลิ้นปลิ้นตา  ยืดตัวสูงเท่าต้นตาล ฯลฯ ก็ตามแต่    แต่ไม่นึกว่า หลอก ในที่นี้คือ "หลอกลวง"
   ราวกับเป็นความเชื่อสากลว่า มนุษย์เท่านั้นหลอกลวงกัน  ปีศาจไม่ลวง พูดอะไรย่อมเชื่อได้เสมอ
   แฮมเล็ตคิดลึกกว่าคนทั่วไป  อะไรไม่ควรคิดก็คิด   เลยนำไปสู่ความผิดพลาดอีกหลายประการด้วยกัน
   ถ้าไม่มีใครติดใจเรื่องนี้อีก    ต่อไปจะเข้าสู่เรื่อง Macbeth ค่ะ
 
  
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 04 ก.พ. 25, 07:43

เติมแฮมอีกนิดหน่อย ครับ

         แฮมเลท รีรอลังเลเลื่อน เพื่อที่ว่าละครจะได้ยืดยาวออกไป ไม่จบก่อนสองชั่วโมง  ยิ้ม
ลองคิดดัดแปลงเล่นๆ มาเป็นละครในยุคนี้ดู ครับ

          ผีบอกว่า ตายเพราะโดนผลักตกจากปราสาทโดยใครก็ไม่รู้  - ได้เป็นแนว สืบสวน,ใครฆ่า? (อกาธา คริสตี)
          "ผีหลอก" บอกว่า อาเป็นคนฆ่า,เกิดเรื่องราวตามต้นฉบับจนฆ่ากันตายหมด สุดท้าย last boss(อาจจะเป็นขุนนางทรงอิทธิพล,
พี่ชายต่างมารดาที่เป็นสนม) ออกมาเฉลยว่า เป็นคนร่วมมือกับอาฆ่าแลัวจัดฉากให้คนปลอมเป็น"ผีหลอก" ให้ฆ่ากัน

ชวนฟังครับ Tchaikovsky: Hamlet, Overture-Fantasia, Op. 67
              Israel Philharmonic Orchestra · Leonard Bernstein



และ ฉาก มรณกรรมของโอฟีเลียวิปลาส จากอุปรากร Hamlet ของ Ambroise Thomas

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 04 ก.พ. 25, 08:40

หนังเรื่อง Hamlet  แสดงในแบบละครเวทีของเชกสเปียร์  นำแสดงโดยดาราคลาสสิก เซอร์ลอเรนซ์ โอลิเวียร์
ท่านเซอร์ชำนาญการรับบทในละครของคุณปู่

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 04 ก.พ. 25, 08:43

Hamlet  ประยุกต์ได้หลายรูปแบบ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 04 ก.พ. 25, 08:44

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 04 ก.พ. 25, 09:01

   ในบรรดาโศกนาฏกรรมยิ่งใหญ่ 4 เรื่องของเชกสเปียร์ โดยส่วนตัวชอบ Macbeth มากที่สุด    ตัวละครตัวนี้เป็นอมตะจริงๆ  คนแบบแม็คเบธมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย  อ่านแล้วทำให้นึกถึงบุคคลสำคัญระดับประเทศและระดับโลก  ในหลายยุคหลายสมัยที่มีนิสัยแบบเดียวกัน และจุดจบก็หายนะเหมือนกันด้วย
   เข้าสู่เรื่องค่ะ
   แม็คเบธ เป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของสกอตแลนด์  นอกจากเป็นขุนนางสำคัญแล้วยังเป็นญาติของกษัตริย์ดันแคนอีกด้วย   
    ฉากแรกเปิดขึ้นเมื่อแม็คเบธและแบงโคว แม่ทัพอีกคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับเมืองหลังจากชนะศึกแล้ว   ระหว่างทาง พบแม่มดชรา  3 คน    แม่มดพยากรณ์ว่าแม็คเบธจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสองครั้ง คือได้เป็นเธนแห่งโคว์ดอร์ ( Thane of Cawdor ตำแหน่งขุนนางสำคัญที่กษัตริย์ประทานให้เป็นความดีความชอบ) และตำแหน่งที่สองคือกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์     ส่วนตัวแบงโควเอง  แม่มดไม่ได้ทำนายว่าจะได้ครองบัลลังก์   แต่บอกว่าทายาทของแบงโควจะได้เป็นกษัตริย์ต่อไป      ขุนศึกทั้งสองอยากจะซักถามอีก   แต่หญิงชราทั้งสามก็หายตัวไป


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 04 ก.พ. 25, 09:28

     กษัตริย์ดันแคน เป็นคนซื่อและมีน้ำพระทัยดี   ทรงมีโอรสองค์ใหญ่ชื่อมัลคอล์มซึ่งอยู่ในตำแหน่งรัชทายาท  แต่มัลคอล์มเป็นเด็กหนุ่มไก่อ่อน ไม่มีฝีไม้ลายมือะไรนัก    ออกรบครั้งนี้ก็หวุดหวิดจะถูกข้าศึกสังหาร แต่ได้ทหารเลวเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน  ผิดกับแม็คเบธที่มีฝีมือรบเหนือกว่าหลายขุม  เป็นที่ยกย่องของทหารทั้งกองทัพ
     เมื่อกลับไปถึงเมือง กษัตริย์ดันแคนยินดีมากกับชัยชนะครั้งนี้  จึงปูนบำเหน็จแต่งตั้งแม็คเบ็ธเป็นเธนแห่งโคว์ดอร์ การเลื่อนตำแหน่งนี้สอดคล้องกับคำพยากรณ์ของแม่มด    แม็คเบธเขียนเล่าข่าวดีและคำทำนายไปให้ภรรยาทราบ พร้อมกับแจ้งด้วยว่า ได้รับเกียรติจากกษัตริย์ดันแคนว่าจะมาพำนักที่ปราสาทของแม็คเบ็ธที่อินเวอร์เนสในคืนนั้น ซึ่งถือเป็นการประทานเกียรติอย่างสูง
     เลดี้แม็คเบ็ธเป็นผู้หญิงมักใหญ่ใฝ่สูง  ทะเยอทะยานไม่แพ้สามี   เมื่ออ่านจดหมายแล้ว  นางก็ปฏิญาณว่าจะช่วยให้คำทำนายเป็นจริง  สามีจะต้องได้เป็นกษัตริย์ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 22
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.037 วินาที กับ 19 คำสั่ง