เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 22
  พิมพ์  
อ่าน: 23442 คุยกันเรื่องวิลเลียม เชกสเปียร์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 30 ม.ค. 25, 09:35

แฮมเล็ต (Hamlet, Prince of Denmark) เป็นบทละครแนวโศกนาฏกรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ เชื่อกันว่าประพันธ์ขึ้นระหว่างปี ค.ศ. ๑๕๙๙ - ๑๖๐๑ เป็นบทละครที่เกี่ยวกับความพยายามที่จะล้างแค้นของปมครอบครัว

หากใครเคยดูภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ไลอ้อนคิง (The Lion King) และเคยอ่านเรื่อง แฮมเล็ต แล้วจะพบว่าเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ช่างคล้ายคลึงกัน ต่างกันเพียงตอนจบของแฮมเล็ตเป็นโศกนาฎกรรม ส่วนตอนจบของไลอ้อนคิงเป็นสุขนาฏกรรม

รายละเอียดอ่านได้จาก Disney Everything

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 30 ม.ค. 25, 09:55

   อ่านเรื่องย่อจบแล้ว  ท่านสมาชิกเรือนไทยอาจรู้สึกว่า..เอ๊! ก็ไม่เห็นมันจะวิเศษวิโสอะไรจนยกย่องกันเป็นวรรณกรรมเอก   เนื้อเรื่องก็คล้ายๆหนังจีนกำลังภายใน  คือพ่อพระเอกถูกฆ่าตาย  พระเอกก็ตามล้างแค้น   เผชิญอุปสรรคนานาชนิดจนจบเรื่องก็ฆ่าตัวการที่ฆ่าพ่อได้สำเร็จ   ต่างกันตรงที่ว่าในหนังจีน พระเอกล้างแค้นสำเร็จก็อาจขึ้นครองบัลลังก์(ถ้าเป็นองค์ชาย)  หรืออำลายุทธภพไปทำไร่ไถนาอยู่นอกด่าน หรือพเนจรต่อไป ( ถ้าเป็นมือกระบี่)   แต่เรื่อง Hamlet   ตัวละครตายเรียบราวกับเจอโควิดโดยไม่ได้ฉีดวัคซีน
   เพื่อให้เข้าใจคุณค่าของเรื่องนี้   จึงต้องอธิบายกันยาวเหยียดหน่อยนะคะ     ปูพื้นตั้งแต่ที่มา บริบททางสังคม ฯลฯ ถ้าใครเบื่อก็อ่านข้ามไปเลยก็ได้      การเรียนวรรณคดีบางทีมันก็ชวนหลับเอาง่ายๆ   แต่ถ้าฝืนถ่างตาไปจนจบคอร์ส   ก็จะเรียนได้สำเร็จ

     ก่อนอื่นขอปูพื้นว่า  ละครเรื่องนี้เชกสเปียร์ไม่ได้แต่งขึ้นด้วยความคิดตัวเองล้วนๆ 100%  ถ้าเขาเป็นนักเรียนวิชา Creative Writing(การเขียนสร้างสรรค์) ต้องแต่งเรื่องแบบคิดเองเขียนเองเต็มร้อย    เขาก็คงได้ F    เพราะงานของเชกสเปียร์ล้วนมีที่มาจากงานของกวีและนักเขียนบทละครคนอื่นๆทั้งก่อนหน้าและร่วมสมัย     เช่นละครเรื่อง  As You Like It  (ตามใจท่าน) ก็เอามาจาก เรื่องร้อยแก้วโรแมนติก (Prose romance) ชื่อ Rosalynde  ของ Thomas Lodge กวีและนักเขียนบทละครยุคเดียวกัน  
     แต่ที่น่าอัศจรรย์คือเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นพื้นฐานแท้ๆ  งานของเขากลับประสบความสำเร็จโด่งดังทะลุฟ้า   ส่วนคนที่ถูกเอาเรื่องมากลับถูกกลืนหายไปในกาลเวลา  
     อย่าง Hamlet นี่ก็เหมือนกัน    
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 30 ม.ค. 25, 10:57

  อ่านเรื่องย่อจบแล้ว  ท่านสมาชิกเรือนไทยอาจรู้สึกว่า..เอ๊! ก็ไม่เห็นมันจะวิเศษวิโสอะไรจนยกย่องกันเป็นวรรณกรรมเอก   เนื้อเรื่องก็คล้ายๆหนังจีนกำลังภายใน  คือพ่อพระเอกถูกฆ่าตาย  พระเอกก็ตามล้างแค้น   

        เมื่อแปลงก(ล)ายมาเป็นหนังจีน มีชื่อเรื่องว่า The Banquet ปรับตัวเอกให้เป็นนักแสดงดัง จาง ซื่อยี่
ดูเป็นหนังจีนกำลังภายในยุคใหม่




บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 30 ม.ค. 25, 11:35

หากความเป็นอมตะของงานศิลปะวัดได้จากความยืนยงเหนือกาลเวลา ผลงานวรรณกรรมของมหากวีอย่าง วิลเลียม เช็กสเปียร์ ก็คงได้รับการพิสูจน์และผ่านการตรวจสอบอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนานสักเพียงใดผลงานเหล่านั้นกลับมิได้เสื่อมความนิยมลงไปเลยแม้แต่น้อยหากแต่ยังคงถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวขาน ตีความ ดัดแปลง และเพิ่มมุมมอง ให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสได้สัมผัสและซาบซึ้งไปกับบทประพันธ์ที่รังสรรค์ขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนอยู่เนือง ๆ

ผู้กำกับแดนมังกร เฝิงเสี่ยวกัง ได้นำเรื่องของเจ้าชายแฮมเล็ตกลับมาเล่าขานอีกครั้งในแบบที่ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อนในหนัง The Banquet ความพิเศษของแฮมเล็ตฉบับนี้ คือความพยายามในการพิสูจน์ให้เห็นว่า นอกจากวรรณกรรมเรื่องนี้จะมีคุณค่ายั่งยืนเหนือกาลเวลาแล้ว ความดีเด่นของมันยังแผ่ไพศาลจนไร้ขอบเขตจำกัดของสถานที่อีกด้วย จึงนับเป็นความแปลกใหม่ที่ได้เห็นบทละครแห่งยุคเอลิซาบีธัน จากฟากโลกตะวันตก ไปเผยโฉมเป็นเรื่องราวในแบบศึกชิงบัลลังก์ อันเป็นแนวทางที่คุ้นเคยกันดีสำหรับเรื่องเล่าในฝั่งโลกตะวันออก

THE BANQUET เมื่อแฮมเล็ตสำแดงวรยุทธ์

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 30 ม.ค. 25, 14:56

หากใครเคยดูภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ไลอ้อนคิง (The Lion King) และเคยอ่านเรื่อง แฮมเล็ต แล้วจะพบว่าเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ช่างคล้ายคลึงกัน ต่างกันเพียงตอนจบของแฮมเล็ตเป็นโศกนาฎกรรม ส่วนตอนจบของไลอ้อนคิงเป็นสุขนาฏกรรม

Harry Potter ก็พล็อตแบบเดียวกันด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 30 ม.ค. 25, 15:15

   ละครเรื่องแฮมเล็ตนี้  เชกสเปียร์ไม่ได้คิดขึ้นมาเองทั้งเรื่อง   แต่ว่าเขาได้ที่มาจากหลายแหล่งด้วยกัน เช่นผลงาน เรื่อง Gesta Danorum III และ IV  จากนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ชื่อ Saxo Grammaticus   มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 12   อีกเรื่องคือ Histoires tragiques เล่มที่ 5 ผลงานของ François de Belleforest นักเขียน กวี และนักแปลชาวฝรั่งเศส     ส่วนตัวบทละครดัดแปลงมาจากบทละครอีกเรื่องหนึ่งชื่อ Ur-Hamlet  ปัจจุบัรบทละครต้นฉบับสูญหายไป เชื่อกันว่าแต่งโดย โธมัส คีด (Thomas Kyd)

    ชาวอังกฤษในยุคนั้นชอบดูละครเรื่องแรงๆ ประเภทเกลียดเคียดแค้น ทรยศหักหลัง ฆ่าฟันกันดุเดือด      นักเขียนบทละครหลายคนจึงหยิบยกประเด็นนี้มาแต่ง    โธมัส คีด ก็เป็นคนหนึ่งที่แต่งบทละครเรื่อง The Spanish Tragedy โดยใช้แนวเรื่องที่เรียกกันภายหลังว่า  “โศกนาฏกรรมแก้แค้น” (Revenge tragedy)   
     เรื่องพวกนี้มีพล็อตหลักเดียวกันคือตัวเอกประสบชะตากรรม ได้รับความหายนะ หรือวิบัติ หรือเศร้าโศกเสียใจสาหัสสากรรจ์   จากนั้นก็มุ่งหมายจะแก้แค้นให้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น  เพื่อกอบกู้เกียรติยศ หรือชดเชยความอยุติธรรมที่ประสบ   คีดเองก็แต่งเรื่องในแนวนี้    กลายมาเป็นต้นแบบให้เชคสเปียร์นำไปศึกษาจนเกิดละครเรื่อง แฮมเล็ต ขึ้นมา
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 10:10

        ประวัติท่านเชก ว่าเล่าเรียนภาษาละติน แต่ผลงานเขียนอ่านดูออกแนวโศกนาฏกรรม กรีก หลายเรื่อง
จนนักวิชาวิแคะเปรียบเทียบงาน,ความคล้ายคลึง วิเคราะห์ความน่าจะเป็นว่าท่านเชกได้อ่าน,ได้แนวทางสืบสายจากกรีก

Hamlet ตัวเอกตายหมด Titus Andronicus ตายนับสิบ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 12:07

      ประเด็นที่คุณหมอ SILA นำเสนอนี้ เป็นเรื่องที่นักวิชาการเถียงกันมายาวนาน (ไม่แพ้เรื่องขออนุญาตสมรส และทำไมไม่อยู่กับลูกเมีย)  ว่าเจ้าหนุ่มบ้านนอกจากสแตรตฟอร์ดมีความรู้น้อยมาก ด้านภาษาคลาสสิก อย่างกรีกและละติน  เรียนไม่จบโรงเรียนมัธยมด้วยซ้ำ  เหตุไฉนจึงสามารถเขียนบทละครที่มีเนื้อหาและขนบของกรีกได้ตั้งหลายเรื่อง  
       ข้อยืนยันว่าเชกสเปียร์ไม่มีความรู้อย่างปัญญาชนสมัยนั้นเขามีกัน  คือเมื่อตอนตายไป   กวีร่วมสมัยชื่อ Ben Jonson ยังเขียนในคำรำลึกว่า เชกสเปียร์เป็นคน “has small Latine and less Greek " (สะกดตามภาษาสมัยนั้น) แปลว่า รู้ละตินเพียงเล็กน้อย ยิ่งภาษากรีกด้วยแล้วแทบไม่รู้เลย
      ตอนที่เขียนรายงาน Shakespeare Forgeries ส่งอาจารย์เอาคะแนน    เคยถามเรื่องนี้เหมือนกัน  อาจารย์อธิบายว่าสมัยนั้นมีหนังสือภาษาอังกฤษ ที่เขียน 'ย่อย' ตำรายากๆภาษาละตินและกรีก   ทั้งพวกประวัติศาสตร์และวรรณคดี พิมพ์จำหน่ายเป็นเล่มเล็กๆ   เชกสเปียร์สามารถหาซื้อมาอ่านได้ไม่ยาก      
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 12:11

    ต่อจากที่เล่ามา
     ถ้าใครสงสัยว่า ก็ไหนว่าเป็นกวีเอก  ทำไมไม่มีปัญญาคิดเรื่องเองบ้างหรือ  จึงต้องไปเอาพล็อตเรื่องของคนนั้นคนนี้มาดัดแปลงเป็นเรื่องใหม่ของตน   คำตอบคือคนที่มีไอคิวระดับอัจฉริยะอย่างเชกสเปียร์ย่อมทำได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว    แต่บริบททางสังคมเอื้อทำให้ทำแบบนี้ดีกว่า
     ดีกว่าอย่างไร?
     เชกสเปียร์เป็นนักเขียนบทละครมืออาชีพ  ทำหน้าที่ทั้งบริหารจัดการคณะละคร และเขียนบทให้นักแสดงในสังกัดได้เล่นกัน    พูดตามข้อเท็จจริง  อะไรก็ตามที่ทำเป็นอาชีพ ผู้ผลิตต้องตระหนักว่าทำแล้วสินค้าขายออกจึงจะพาอาชีพไปได้ตลอดรอดฝั่ง   ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าราคาเป็นแสนเป็นล้านหรือช้ินละไม่กี่บาท  มันต้องขายออกจนได้กำไร  คุณถึงจะอยู่ได้ 
      ดังนั้น ทั้งที่มีความเป็นศิลปินอยู่เต็มร้อย  เชกสเปียร์ก็ต้องมีหัวทางการตลาดด้วย  พอจะตระหนักว่าเรื่องที่เขาเขียนจะต้องถูกใจคนดู   ไม่ใช่ถูกใจตัวเอง     ถ้าถูกใจตัวเองด้วยและถูกใจคนดูด้วยก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่   แต่ถ้าถูกใจแต่ตัวเองคนเดียว    ถือหลักข้าเขียนคนเดียว ข้าชอบคนเดียว  คนอื่นจะชอบหรือไม่ ข้าไม่คำนึงถึง     อย่างนี้ก็มีสิทธิ์จะตกงานหมดอาชีพในเวลามิช้ามินาน
    เมื่อเชกสเปียร์รู้ว่ากระแสคนดูยุคนั้น มีรสนิยมชอบละครแบบไหน  เขาก็เลือกเรื่องที่จะตอบสนองรสนิยมของคนดูในยุคนั้น    อีกอย่างคือยุคนั้นเป็นยุคหลายร้อยปีก่อนกฎหมายลิขสิทธิ์จะถือกำเนิดมา    การเขียนเลียนแบบกวีดังๆที่ตัวเองถูกใจเป็นเรื่องทำกันได้    ไม่มีศาลทรัพย์สินทางปัญญาจะมาเอาเรื่อง
    แต่ความเป็นศิลปินของเชกสเปียร์ก็ทำให้เขาไม่ได้ลอกเรื่องคนอื่นๆมาดื้อๆ เปลี่ยนแต่ชื่อเรื่องหรือชื่อพระเอกนางเอกมาเป็นของตนเอง   ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากโจรปล้นบทละคร   แต่เขาทำให้ละครของเขามี 'ความลึก' อย่างที่ของเดิมไม่มี    มีความไพเราะสละสลวยในบทกวีที่เป็นภาษาของเขาเอง ไม่ได้ลอกใครมา   ตัวละครมีมิติ ไม่ใช่แบนราบ มีความขัดแย้งในจิตใจ   มีปรัชญาชีวิตจากสมองของผู้แต่งบทเอง ที่แทรกเข้าไปความคิดของตัวละครอย่างฉลาดแนบเนียน ทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมาจนมีเลือดเนื้อ มีตัวตนให้สัมผัสได้    ไม่ใช่เป็นแค่หุ่นกระบอกบนเวที
      สิ่งเหล่านี้ทำให้คนดูประทับใจ  เคลิ้มคล้อยไปตามบทของตัวแสดง นอกจากประทับใจแล้วก็ยังได้ขบคิดจากสิ่งที่นำเสนอ     แม้ในยุคต่อๆมางานของเขามักจะนำมาอ่าน มากกว่าแสดงให้ดู   ลีลาภาษาและความคิดของเชกสเปียร์ก็ยังเป็นที่จับใจคนดูทุกยุคทุกสมัยอยู่นั่นเอง
      สำนวนภาษา บทรำพึงรำพัน หรือบทเจรจาโต้ตอบของตัวละครก็มีคนจดจำเอาไปใช้  เอาไปอ้างอิงในวงการประพันธ์และวงการวิจารณ์กันนับไม่ถ้วน แทบว่าจะไม่มีบรรทัดไหนที่ถูกมองข้ามไปก็ว่าได้
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 12:17

           ตอนที่เขียนรายงาน Shakespeare Forgeries ส่งอาจารย์เอาคะแนน         

https://www.reurnthai.com/index.php?topic=836.0
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 13:41

     ก่อนจะเล่าเรื่องแฮมเล็ตต่อไปว่าดียังไง  ขอแนะนำคำอีก 2 คำที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรม คือคำว่า tragic hero  และ tragic flaw
     ละครโศกนาฏกรรมที่ชาวอังกฤษยุคเชกสเปียร์(เรียกกันว่าชาว Elizabethan  เพราะเป็นยุคสมัยที่พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ครองราชย์อยู่) รู้จักและนิยมกันอยู่   ไม่ใช่ละครที่ชาวอังกฤษประดิษฐ์คิดสร้างขึ้นมาเอง  แต่ว่าสืบเนื่องมาจากละครโศกนาฏกรรมของกรีก
      กรีกกำหนดให้พระเอกในละครโศกนาฏกรรมของตนเอง มีคุณสมบัติเฉพาะตัว  ไม่ซ้ำกับประชาชนชาวบ้านร้านถ่ินทั่วไป   
      1    คือต้องเป็นบุคคลที่มีความยิ่งใหญ่  มีฐานะสูงส่งในสังคม  เช่นเป็นกษัตริย์หรือเจ้าชาย หรือยอดขุนพล   เรียกว่าประชาชนตัวเล็กๆ หรือชาวบ้านฐานะปานกลาง ไม่มีสิทธิ์เป็น tragic hero
      2   พระเอกเป็นคนที่แม้จะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม   แต่ก็มีข้อเสียมากๆอย่างหนึ่งในตัวเอง เรียกว่า tragic flaw    เป็นข้อบกพร่องสำคัญยิ่ง   ไม่ใช่นิสัยเสียเล็กๆน้อยๆที่พอจะแก้ไขได้ 
     3   Tragic flaw  ดังกล่าวนำไปสู่ความพินาศ( downfall) ในชีวิตพระเอก จบลงด้วยความตายสถานเดียว
     ถ้าจะถามว่าทำไมบุคคลยิ่งใหญ่แบบนี้จะต้องจบลงด้วยความตาย  จะจบลงด้วยชัยชนะไม่ได้หรือ คำตอบคือไม่ได้    เพราะกรีกถือว่าความตายของตัวเอกในโศกนาฏกรรมไม่ใช่ตายแล้วตายเลยหมดเรื่องหมดราว   แต่เป็นการทำให้คนดูละครได้ตระหนักรู้คุณค่าบางอย่างของชีวิต  นำไปสู่การเข้าใจชีวิตมากขึ้น  ได้ชำระจิตใจให้สะอาดหมดจดขึ้น   และคนดูก็จะเกิดการหยั่งรู้   รู้แจ้งเห็นจริงกับชีวิต  (Enlightenment)   
      คุณสมบัติเหล่านี้ สุขนาฏกรรมให้ไม่ได้  เพราะไปหยุดแค่ความสุขสมหวัง  ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต 
       สังคมอังกฤษสมัยเชกสเปียร์รับขนบนี้มาใช้ในละครเวทีของตน   ดังนั้นโศกนาฏกรรมสมัยนั้นจึงเป็นเรื่องของคนใหญ่ๆโตๆ  เพราะคนที่สูงส่งนั้นเมื่อร่วงหล่นลงสู่ความพินาศ จะก่อความสะท้านสะเทือนใจได้มากกว่าเห็นคนธรรมดาประสบความอาภัพอับจน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 10:59

    ทีนี้มาดูกันว่า แฮมเล็ตเข้าข่าย tragic hero อย่างไรบ้าง
     ข้อแรกคือเขาเป็นบุคคลฐานะสูงส่งในสังคม  เป็นถึงเจ้าชายโอรสพระราชาแห่งเดนมาร์ก   ถ้าเทียบกับราชวงศ์ในยุโรปปัจจุบัน  แฮมเล็ตก็เป็นเจ้าฟ้า 
      ข้อสอง   ความยิ่งใหญ่ของแฮมเล็ตคือความช่างคิด ผิดจากเด็กหนุ่มวัยเดียวกันทั่วๆไป
      แฮมเล็ตมีหัวคิดของนักปรัชญา   ไม่ใช่หนุ่มที่อยู่เสพสุขไปวันๆ หรือทุกข์ก็ทุกข์ประเดี๋ยวประด๋าว   แต่เขาจะตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่  ความตาย  โลกหลังความตาย   คำพูดของแฮมเล็ตมักจะแฝงปรัชญาอย่างน่าขบคิดอยู่เสมอฯลฯ
      บทรำพึงกับตัวเอง (soliloquy) หลังจากได้พบปีศาจของบิดา   ได้ชื่อว่าเป็นบทรำพึงที่มีชื่อเสียงที่สุดของละครเชกสเปียร์  สมาชิกเรือนไทยบางท่านอาจเคยผ่านหูผ่านตามาแล้ว  ที่ขึ้นต้นว่า
     To be, or not to be, that is the question,
     Whether 'tis nobler in the mind to suffer
     The slings and arrows of outrageous fortune,
     Or to take arms against a sea of troubles,
     And by opposing end them? To die: to sleep;
     No more; and by a sleep to say we end
     The heart-ache and the thousand natural shocks
     That flesh is heir to, 'tis a consummation
      Devoutly to be wish'd.
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 11:05

       บทพูด “จะ(มีชีวิต)อยู่หรือไม่(มีชีวิต)อยู่” ได้รับการยกย่องว่าเป็นปริศนาทางปรัชญาที่ลึกซึ้งที่สุดในละครเชกสเปียร์  และเท่าที่เคยแสดงออกในวรรณคดีของโลก   เชกสเปียร์ได้วางความคิดคำนึงของแฮมเล็ตไว้ตรงที่ความเป็นคู่ขนานระหว่าง ชีวิต ซึ่งย่อมจะมีทุกข์ระคนสุขปนเปกันไป  และ ความตาย ซึ่งถูกมองว่าเป็นทางออกหนึ่งจากความสับสนวุ่นวายเหล่านี้  ในเมื่อมีความตายเข้ามาเป็นประเด็นหลัก  ทำให้เกิดความแค้น และการล้างแค้นตามมา   ในเมื่อทุกอย่างจบลงด้วยความตายอยู่ดี   เขาก็ควรล้างแค้นให้พ่อดี หรือว่าจะดับชีวิตตัวเองดี
      ถ้าหากว่าเป็นหนังหรือนิยายประเภทแก้แค้นให้ผู้มีพระคุณ    เราจะเห็นว่าตัวเอกพอรู้ว่าใครฆ่าพ่อหรืออาจารย์ของตน ก็เชื่อทันที    บทบาทต่อไปคือตั้งหน้าตั้งตาฝึกวรยุทร์เพื่อหาทางล้างแค้น   จะสำเร็จหรือตายเองก็รอดูตอนจบเอาก็แล้วกัน   แต่ส่วนใหญ่พระเอกล้างแค้นสำเร็จ  จอมมารตายเซ่นคมกระบี่   
     พระเอกทั้งหลายไม่เสียเวลาคิดว่า ที่มีคนเล่าว่าจอมมารคนนั้นฆ่าพ่อหรืออาจารย์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่     เราควรจะเอาแค้นล้างแค้นดีไหม  หรือให้อภัย  หรือนั่งปลงว่าชีวิตมนุษย์ก็เท่านี้ มีรักเกลียดเคียดแค้น มีทุกข์มีสุขระคนกันไปฯลฯ
     ถ้าแฮมเล็ตคิดเพียงว่าปีศาจบิดามาบอกว่าถูกอาฆ่าตาย ให้ล้างแค้นให้ด้วย  จากนั้นแฮมเล็ตก็คอยจ้องว่าเมื่อไหร่อาจะเผลอ ได้จัดการสังหารซะ ให้จบหน้าที่กันไป   ถ้าอย่างนั้นบทละครแฮมเล็ตก็คงไม่มีความโดดเด่น ก่อความประทับใจให้ยาวนานข้ามมาหลายศตวรรษเช่นนี้
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 12:59

         To see, or not to see, คลิปนี้,ครับ

         a cast of acclaimed actors and even members of the royal family for 2016 live BBC extravaganza
marking 400 years since the death of William Shakespeare.

         พบกับ Benedict Cumberbatch, Judi Dench, Ian McKellen และ ปิดท้ายด้วย เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 09:25

    ในคลิปข้างบนนี้ ดาราและคนมีชื่อเสียงของอังกฤษเขามาเล่นการเน้นคำ (stress) กันกับประโยค To be, or not to be  that is the question กัน   เพื่อให้ความหมายที่แตกต่างกันไปทั้งๆพูดจากประโยคเดียวกัน
     stress หรือการเน้นพยางค์  เป็นเรื่องเจ็บปวดมากสำหรับนักเรียนไทยที่ไปเรียนด้านภาษา  เพราะภาษาไทยเราไม่มีการเน้นพยางค์ในแต่ละคำ   เราจะออกเสียงตามวรรณยุกต์    ส่วนภาษาอังกฤษ(หรืออเมริกัน)ไม่มีวรรณยุกต์ แต่มี stress  คือการเน้นเสียงในพยางค์แต่ละพยางค์   เช่นคำว่า literature ลง stress ที่คำแรก   คือ li   แต่การเน้นนี้ไม่ได้มีสูตรตายตัวว่าต้องเป็นคำแรก หรือสอง หรือสาม  อย่างคำว่า independent ลงที่คำที่สามคือ pen   นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดยิบย่อย เช่นอังกฤษกับอเมริกันยังออกเสียงไม่เหมือนกัน   อเมริกันทางรัฐตะวันตกก็ออกเสียงไม่เหมือนกันอีก 
    สรุปคือถ้าไม่ได้เกิดหรือโตในต่างประเทศ  ต้องท่องลูกเดียว
    ส่วนในคลิป  ไม่ได้เน้นพยางค์ แต่เน้นคำ ว่าคำไหนเป็นหัวใจสำคัญของประโยคนี้   ต้องออกเสียงอย่างไรจึงจะได้ความหมายตรงตามบทละคร   สรุปตอนท้าย  พระเจ้าชาร์ลส์น่าจะได้คะแนนสูงสุดไป
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 22
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 19 คำสั่ง