SILA
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 28 ม.ค. 25, 11:24
|
|
จากหนังสือ ตามใจท่าน พระราชนิพนธ์แปลในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ครับ
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 28 ม.ค. 25, 11:35
|
|
เรื่องราวของเชกสเปียร์และผลงานของเขา ถูกเล่าในรายการ People You May Know (PYMK) ของคุณฟาโรส โดยมีคุณชวัตถ์วิช เมืองแก้ว ศิษย์เก่าสาขาวิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นวิทยากร
วิลเลียม เช็กสเปียร์ มหากวีเอกของอังกฤษในยุคเอลิซาเบธ (Elizabethan era) เป็นนักการละครที่ผลิตผลงานที่ถูกตีพิมพ์ ถูกตีความใหม่ มากที่สุดในโลก และจากภาษาอังกฤษถูกแปลออกไปแล้วมากกว่าร้อยภาษา ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งละครเวที เป็นภาพยนตร์และเป็นซีรีส์ รวมถึงเป็นผู้มีคุณูปการต่อภาษาอังกฤษ เพราะเป็นคนที่คิดคำใหม่ในภาษาอังกฤษหลายร้อยคำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 28 ม.ค. 25, 13:53
|
|
ต่อมา มีการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงเขาบนกำแพงทางด้านเหนือของโบสถ์ เป็นรูปปั้นครึ่งตัว มือหนึ่งอยู่ในท่าจับปากกาขนนกเพื่อเขียนหนังสือ อีกมือจับแผ่นหินที่สลักเป็นรูปแผ่นกระดาษ หมายถึงผลงาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 28 ม.ค. 25, 13:58
|
|
รูปปั้น และอนุสาวรีย์เชกสเปียร์มีมากมายหลายแห่งด้วยกันในอังกฤษ รวมทั้งที่เมืองเกิด สแตรตฟอร์ด อะพอน เอวอน มีอนุสาวรีย์ที่มีมุม 4 มุม ตั้งรูปปั้นจากตัวละครลือชื่อของเขา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 28 ม.ค. 25, 13:59
|
|
ต่อไปจะได้เข้าเรื่องเสียทีค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 09:01
|
|
สำหรับคนที่เคยได้ยินแต่ชื่อเชกสเปียร์ แต่ไม่เคยอ่านงาน ขออธิบายว่าเชกสเปียร์ไม่ได้แต่งนวนิยาย เรื่องสั้น หรือบทความ (สมัยนั้นนวนิยายยังไม่ถือกำเนิด) งานหลักคือเขียนบทละครเวที และมีโคลงประเภท sonnet อีกเล็กน้อย คำประพันธ์ที่ใช้ในการเขียนบทละคร เรียกว่า blank verse หรือกลอนเปล่า เป็นกลอนที่ไม่มีสัมผัส แต่มีจังหวะคำ ผลงานของเชกสเปียร์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ โศกนาฏกรรม (tragedy) สุขนาฏกรรม หรือหัสนาฏกรรม (comedy) และเรื่องอิงประวัติศาสตร์ (historical plays) เรื่องที่เข้าไปอยู่ในหลักสูตรนักเรียนอังกฤษมากที่สุดคือ tragedy และ comedy ส่วน historical นั้นมีเอาไว้สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทหรือเอกที่เรียนเจาะลึก ไม่ค่อยได้เอามาเรียนกันในระดับทั่วไป คนไทยรู้จักงานของเชกสเปียร์มาตั้งแต่รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าทรงแปลไว้ 3 เรื่อง เป็น comedy คือ As You Like It ชื่อไทยว่า "ตามใจฉัน" Romeo and Juliet ชื่อไทยว่า โรมิโอและจูเลียต และ The Merchants of Venice (ชื่อไทยว่า เวนิสวานิช) และทรงดัดแปลงเรื่อง Othello เป็นบทละครเรื่อง "พระยาราชวังสัน" แต่เรื่องนี้ไม่เคยนำออกแสดง ในยุคหลังจากนั้น ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล ณ อยุธยา แปลเรื่อง A Midsummer Night's Dream วงวรรณคดียกย่องว่า โศกนาฏกรรมเป็นเรื่องเหนือกว่าสุขนาฏกรรม เพราะมีความลึกซึ้งกินใจมากกว่า สามารถยกระดับจิตใจคนดูให้สูงขึ้นได้จากการเรียนรู้ธรรมชาติมนุษย์ที่นำเสนอในละคร ในบรรดาโศกนาฏกรรมทั้งหมดที่เชกสเปียร์แต่ง มี 4 เรื่องที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ เรียกรวมกันว่า The Four Great Tragedies คือ Hamlet, Macbeth, King Lear และ Othello (โปรดสังเกตว่า ไม่มีเรื่อง Romeo and Juliet ซึ่งเป็นเรื่องที่โด่งดังที่สุดของเชกสเปียร์)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 09:52
|
|
ทรงแปลเรื่อง โรเมโอและจูเลียต และใช้คำว่า "ลครสลดใจ" (Tragedy)
จากคำนำหนังสือพระราชนิพนธ์ โรเมโอและจูเลียต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 10:09
|
|
เรื่องแรกคือ Hamlet, Prince of Denmark เปิดฉากขึ้นที่กำแพงเชิงเทินของปราสาทเมืองเดนมาร์ก ในยามดึก นักศึกษาหนุ่มชื่อฮเรชิโอ (Horatio) ขึ้นไปเจอทหารยามที่กำลังตื่นตระหนกว่า ได้เห็นปีศาจมาปรากฏตัวซ้ำอีกครั้งแล้ว รูปร่างหน้าตาเหมือนกษัตริย์องค์เก่าที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป ฮเรชิโอตัดสินใจจะนำความไปบอกเจ้าชายแฮมเล็ต โอรสกษัตริย์องค์เก่าซึ่งเป็นเพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน ตอนนี้แฮมเล็ตเพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยมาเยี่ยมบ้าน กำลังเศร้าโศกเสียใจมากเมื่อพบว่าพระบิดาสิ้นพระชนม์กะทันหัน ยิ่งกว่านั้นคือพระราชินีเกอร์ทรูดผู้มารดาก็แต่งงานใหม่กับเจ้าชายคลอเดียสผู้เป็นน้องชายของสามี ทั้งๆสามีเพิ่งตายไปหยกๆ คลอเดียส ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์อีกด้วย เมื่อเพื่อนเล่าให้ฟังเรื่องปีศาจ แฮมเล็ตก็ตัดสินใจจะไปดูด้วยตาตนเอง ปีศาจปรากฏตัวอีกครั้งกับแฮมเล็ต เล่าว่าถูกคลอเดียสลอบสังหาร ด้วยการเอายาพิษกรอกหูขณะเขากำลังหลับ ขอให้ลูกชายช่วยแก้แค้นให้ด้วย แฮมเล็ตสาบานว่าหากค้นพบว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เขาจะล้างแค้นให้บิดา ที่ลังเลแทนที่จะปลงใจเชื่อ เพราะแฮมเล็ตเกรงว่าปีศาจมาได้หลายรูปแบบ อาจจะสวมรอยมาล่อลวงก็เป็นได้ จึงวางแผนที่จะสืบหาเรื่องราวทั้งหมด โดยแกล้งทำเป็นวิกลจริต เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าแท้จริงเขาสืบหาอะไรอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 10:35
|
|
Tales from Shakespeare เขียนโดยสองพี่น้อง Charles และ Marie Lamb ใน ค.ศ. ๑๘๐๗ (พ.ศ. ๒๓๕๐) โดยมีจุดประสงค์ให้เยาวชนรู้จักงานของเชกสเปียร์ โดยยังคงรักษาภาษาของเชกสเปียร์เอาไว้ ป. อนุกระทานนท์ แปลและเรียบเรียง ในชื่อ รวมเรื่องเอกของเชกสเปียร์ มีทั้งหมด ๒๓ เรื่อง พิมพ์ใน พ.ศ. ๒๕๑๑
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 10:48
|
|
Hamlet, Horatio, Marcellus and the Ghost (Shakespeare, Hamlet, Act 1, Scene 4)
Engraver: Robert Thew (British, Patrington 1758–1802 Stevenage)
Artist: After Henry Fuseli (Swiss, Zürich 1741–1825 London) youtube มีหลากหลายคลิป แฮมเล็ท นำแสดงโดยศิลปินอังกฤษชื่อดังหลายนามตั้งแต่ Lord Laurence Olivier จนรุ่นหลังที่ยังมีชีวิตอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 12:48
|
|
ตัวละครอื่นๆในเรื่องคือขุนนางชื่อโพโลเนียส เป็นที่ปรึกษาและมือขวาของคลอเดียส ทำให้เขากุมอำนาจในราชสำนัก มีลูกชายชื่อเลอาร์ทีส ซึ่งกำลังจะเดินทางกลับไปเรียนต่อฝรั่งเศส กับน้องสาวชื่อโอฟีเลีย เป็นคนรักของแฮมเล็ต ทั้งพ่อและพี่่ชายไม่อยากให้โอฟีเลียสานสัมพันธ์กับแฮมเล็ตต่อไป โอฟีเลียเป็นทุกข์ใจมาก เพราะตั้งแต่แฮมเล็ตแสร้งทำเป็นวิกลจริต เขาก็ผลักไสเธอออกไปห่างเช่นกัน คลอเดียสสงสัยว่าจู้่ๆลูกเลี้ยงซึ่งเคยปกติทุกอย่าง กลับมีอาการแปลกๆเหมือนวิกลจริต จึงสั่งให้โพโลเนียส คอยสอดแนมแฮมเล็ต แฮมเล็ตทราบข่าวว่ามีคณะละครเร่เดินทางมาแสดงในวัง จึงคิดอุบายใช้ละครเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความจริงเรื่องฆาตกรรม ด้วยการวางแผนให้คณะละครสอดแทรกฉากวางยาพิษเข้าไปด้วย เพื่อเวลาแสดง เขาจะเฝ้าดูปฏิกิริยาของคลอเดียส เพื่อจะได้รู้ว่าได้คลอเดียสสังหารบิดาจริงหรือไม่ พอถึงวันแสดงละคร คลอเดียสก็ทนดูละครไม่ได้ เขาลุุกหนีออกไปก่อนที่ละครจะจบ ทำให้แฮมเล็ตมั่นใจว่า คลอเดียสสังหารบิดาของเขาจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร ยังคงเล่นบทวิกลจริตต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 13:01
|
|
โพโลเนียสเสนอให้ราชินีเกอร์ทรูดได้คุยกับลูกชายกันตามลำพังฉันแม่กับลูก จะได้รู้ถึงสาเหตุของอาการวิกลจริต ส่วนตัวเขาแอบฟังอยู่หลังม่าน เขาอ้างกับเกอร์ทรูดว่าจะได้วิเคราะห์ว่าเกิดจากเรื่องใดกันแน่ ก่อนที่แฮมเล็ตจะเดินไปหาแม่ เขาเห็นคลอเดียสคุกเข่าภาวนาอยู่ตามลำพัง เหมือนกำลังสวดมนตร์อธิษฐานต่อพระเจ้า เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะเข้าไปสังหารคลอเดียส แต่แฮมเล็ตตัดสินใจไม่ทำ เพราะเห็นว่าฆ่าคลอเดียสในขณะที่กำลังสวดมนตร์ จะทำให้วิญญาณได้โอกาสไปสู่สวรรค์ แฮมเล็ตไม่ต้องการเช่นนั้น เขาอยากให้ฆาตกรตายแล้วลงนรก จึงปล่อยโอกาสให้ผ่านไป เมื่อแฮมเล็ตไปพบแม่ โพโลเนียสแอบซ่อนตัวอยู่ในห้องหลังม่าน คอยฟังว่าแม่ลูกพูดอะไรกัน แฮมเล็ตต่อว่าแม่อย่างเผ็ดร้อนที่แต่งงานใหม่กับน้องชายพ่อ พอดีเห็นม่านไหว ก็เลยนึกว่าคลอเดียสแอบฟังอยู่ จึงแทงเข้าไปในม่าน โพโลเนียสล้มลงตาย ทำให้แฮมเล็ตตระหนักว่าเขาพลาดไปแล้ว แทนที่จะสร้างความยุติธรรมให้พ่อ เขากลับตกลงไปในวังวนแห่งความยุ่งยาก หาทางออกไม่ได้ ปีศาจปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อเร่งให้แฮมเล็ตแก้แค้นเสียที คลอเดียสจำต้องซ่อนศพโพโลเนียสไว้ไม่ให้เรื่องฆาตกรรมอื้อฉาวออกไป เขาเนรเทศแฮมเล็ตไปอังกฤษ เหมือนให้พ้นจากเรื่องนี้ แต่จริงๆแล้วเพื่อวางแผนกำจัดแฮมเล็ตให้ไปโดนประหารที่นั่น แต่แฮมเล็ตก็เอาตัวรอดมาได้ ระหว่างที่แฮมเล็ตไม่อยู่ โอฟีเลียเริ่มเสียสติเอาจริงๆ เพราะแบกรับความทุกข์ไม่ไหว พ่อเสียชีวิต คนรักก็เสียจริต พี่ชายก็จากไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส วันๆเธอได้แต่เดินกระเซอะกระเซิงไปตามที่ต่างๆ จนกระทั่งจมน้ำตายในลำธาร ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งอุบัติเหตุ และฆ่าตัวตาย
ภาพนี้วาดขึ้นในยุคหลัง โดยจิตรกรชื่อ Sir John Everett Millais
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 29 ม.ค. 25, 14:22
|
|
ภาพวาดลือชื่อที่สุดจาก แฮมเล็ท รับบทโอฟีเลียโดย muse - นางบันดาลใจ ชื่อดัง Elizabeth Siddal นางแบบตัวแม่ของ Pre-Raphaelite Brotherhood Sir Millais วาดภาพนี้ในหน้าหนาว จัดท่าให้นางนอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำอุ่นด้วยตะเกียงลนใต้อ่าง จนตะเกียงดับไป ก็ไม่ทันสังเกต ส่วนนางแบบก็อึดทนจนล้มป่วยด้วยไข้หวัดรุนแรงหรือปอดติดเชื้อ โดยมีท่านเซอร์เป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล https://www.thecollector.com/who-was-elizabeth-siddal-pre-raphaelite-muse/
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 30 ม.ค. 25, 09:09
|
|
เลอาร์ทีสพี่ชายของโอฟีเลีย กลับจากฝรั่งเศสด้วยอารมณ์คั่งแค้น เมื่อรู้ข่าวว่าพ่อถูกฆ่าตาย น้องสาวเสียสติแล้วตายจากไปอีกคน เขานำไพร่พลบุกมาที่ท้องพระโรง เพื่อบีบคั้นพระราชาหาคำตอบให้ได้ แต่คลอเดียสใช้วิธีเกลี้ยกล่อมให้สงบ ด้วยการป้ายความผิดไปให้แฮมเล็ตคนเดียว เลอาร์ทีสยอมสงบศึกกับคลอเดียส แต่พุ่งความแค้นไปที่แฮมเล็ตแทน แฮมเล็ตกลับมาที่เดนมาร์ก เมื่อไปที่สุสานก็พบว่าพ่อเลี้ยง แม่ เลอาร์ทีส, บาทหลวง และเหล่าผู้ติดตาม แบกโลงศพของโอฟีเลียมาที่สุสานเพื่อทำพิธี แฮมเล็ตเผชิญหน้ากับเลอาร์ทีส ซึ่งคิดอย่างเดียวว่าต้องการแก้แค้นแทนพ่อให้ได้ ทั้งสองจึงกลายเป็นศัตรูกันนับแต่นั้น ทั้งๆที่แฮมเล็ตไม่เคยต้องการเช่นนั้นเลย คลอเดียสแต่งตั้งเลอาร์ทีสเข้ารับตำแหน่งแทนพ่อของเขาที่ราชสำนัก แล้วกำหนดให้มีการดวลดาบระหว่างสองหนุ่ม แฮมเล็ต กับเลอาร์ทีส คลอเดียสวางแผนให้แฮมเล็ตต้องตาย ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ โดยทายาพิษเอาไว้ที่ดาบ และใส่ยาพิษลงไปในไวน์ที่จะให้แฮมเล็ตดื่มระหว่างการดวล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 30 ม.ค. 25, 09:17
|
|
แผนเกิดผิดพลาด เมื่อดวลดาบกัน แฮมเล็ตชนะในยกแรกและยกที่สอง แต่เขาปฏิเสธไม่ดื่มไวน์ใส่ยาพิษสำหรับฉลองชัยชนะ คลอเดียสใส่ไข่มุกลงไปเพื่อเพิ่มการเดิมพัน แฮมเล็ตตัดสินใจดวลต่อในยกที่สาม ราชินีเกอร์ทรูดเข้ามาซับเหงื่อให้แฮมเล็ต แล้วดื่มไวน์อาบยาพิษแก้วนั้นเสียเอง โดยไม่ฟังคำห้ามปรามของคลอเดียส ระหว่างการดวล ฮัมเล็ตถูกเลอร์ทีสฟันโดยดาบอาบยาพิษ ในการชุลมุน ดาบของทั้งคู่เกิดสลับกัน และฮัมเล็ตใช้ดาบที่มีพิษแทงเลอาร์ทีส เมื่อรู้ว่าตัวเองใกล้ตายและตระหนักว่าคลอเดียสเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เลอาร์ทีสจึงสารภาพความจริง ให้อภัยแฮมเล็ต แล้วสิ้นใจ เมื่อยาพิษเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วตัว แฮมเล็ตรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย จึงตัดสินใจทำตามคำสั่งของปีศาจบิดา เขาบังคับให้คลอเดียสดื่มไวน์ยาพิษที่ยังเหลือในถ้วย ยาออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว คลอเดียสก็ขาดใจตาย เหลือแต่แฮมเล็ตเพียงผู้เดียวในท้องพระโรง ก่อนหมดลมหายใจ เขาขอให้ฮโรชิโอเพื่อนรักเปิดเผยเรื่องราวตามความจริงต่อกษัตริย์องค์ใหม่–ฟอร์ทินบราส แห่งนอร์เวย์ ผู้กำลังยกทัพมาถึงเดนมาร์ก บัดนี้บัลลังก์ไม่เหลือใครแล้ว ฉากสุดท้ายคือตัวละครสำคัญทุกตัวสิ้นชีวิต มีแต่ศพเกลื่อนกลาดในท้องพระโรงอย่างน่าสลดใจ
ภาพ The Last Scene of Hamlet โดย Salvador Sanchez Barbudo
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|