เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 12
  พิมพ์  
อ่าน: 23070 ทหารอาสาแห่งกรุงสยาม
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 30 ส.ค. 24, 12:05

เมืองคูร์ติโซลส์สัมพันธมิตรยึดได้จากฝ่ายตรงข้าม ทหารฝรั่งเศสกับสหรัฐอเมริกาพักอาศัยอยู่กับชาวบ้านเป็นเวลาช้านาน รวมทหารไทยเข้าไปบ้านแต่ละหลังค่อนข้างแออัดยัดเยียด จากการสำรวจจำนวนประชากรลดลงพอสมควร ชาวบ้านที่มีฐานะพากันโยกย้ายไปอยู่ตอนใต้ของฝรั่งเศส

เรื่องปากท้องทหารไทยใช้รถครัวประกอบอาหารแจกจ่ายกำลังพล นายทหารชั้นสัญญาบัตรทุกกองร้อยย่อยจะจัดหาห้องรับประทานอาหารให้ ใช้งานร่วมกับนายทหารฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา ส่วนที่กองบังคับการมีห้องอาหารส่วนตัวรองรับนายทหารชั้นผู้ใหญ่

คืนแรกที่เมืองคูร์ติโซลส์ทหารอาสาทุกนายนอนไม่ค่อยหลับ

“เสียงระเบิดน่ากลัวมาก” จรูญอ้าปากหาวน้ำหูน้ำตาไหล

“ทำไมผมไม่ได้ยิน” ในใจเพิ่มมัวแต่คิดถึงพลทหารรุ่นพี่ เขาเข้านอนค่อนข้างดึกและเผลอหลับยาว พาลไม่รับรู้เสียงระเบิดลงตอนตีสาม

“ที่นี่อยู่ห่างชาลองส์สิบกิโลเมตร เสียงที่พวกเราได้ยินมาจากที่นั่น เมื่อคืนเยอรมันส่งเครื่องบินมาถล่มคลังแสง” นพได้ข่าวด่วนจากนายทหารสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ระหว่างหยุดพักหลังประจำการแนวหน้าหลายเดือน

“หมวดครับ” จรูญพูดเสียงเบา “ไอ้ผ่องที่เคยอยู่กองร้อยย่อยที่ 7 บอกผมว่า ที่นี่มีคนตายเยอะมาก กลางคืนไม่มีใครกล้าออกนอกบ้าน”

“ถึงไม่มีคนตายก็ไม่มีใครกล้าออกหรอกพี่หมู่ อยู่ระหว่างสงครามสุ่มสี่สุ่มห้าเดินออกมาอาจเจอกระสุนปืน” เพิ่มพยายามทัดทาน

“เอ็งอย่าขัดคอข้าสิวะ ข้าแค่อยากบอกหมวดว่า เวรยามควรมีเป็นคู่ไปไหนไปกัน มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันตามประสาคนไทย”

นพพลันเข้าใจเหตุผลลูกน้อง “หมู่กลัวผีก็บอกมาเถอะ”

“ผมไม่ได้กลัว…ผมกลัวไอ้เพิ่มกลัวเลยอยากให้หมวดรู้”

เสียงกระซิบจรูญดูเหมือนจะดังเกินงาม ร้อยโทศรีผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1 ได้ยินโดยไม่ตั้งใจ เขารีบก้าวเท้าเข้ามารวมกลุ่มเพื่อแจ้งข่าวสำคัญ

“พักเรื่องผีสางนางไม้ไว้ก่อน พรุ่งนี้เราจะเข้าสนามรบ”

จบตอนที่ 16 เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นห้ามพลาดเด็ดขาด  เจ๋ง

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 31 ส.ค. 24, 09:51

ตอนที่ 17 ภารกิจแรก

คืนนั้นเพิ่มกับจรูญมีอาการตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ คนหนึ่งตื่นเต้นตัวเองจะได้เข้าร่วมราชการสงคราม อีกคนตื่นเต้นหลังได้รับจดหมายจากเมืองไทย กลางเดือนกันยายนภรรยาจรูญคลอดลูกคนแรกให้กับครอบครัว เป็นเด็กผู้ชายตัวใหญ่หน้าอูมร้องไห้เสียงดังไม่เกรงใจหมอตำแย

“เอ็งได้เป็นน้าคนแล้วไอ้เพิ่ม” คุณพ่อมือใหม่ฉีกยิ้มให้กับดวงดาว

“ลูกชายพี่หมู่จะนำโชคดีมาให้พวกเรา” เพิ่มดีใจมากที่การคลอดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถ้าบังเอิญเกิดปัญหาคนเป็นพ่ออาจสติแตกทำงานไม่ได้

“เมียข้าให้ข้าตั้งชื่อลูก…แต่ข้าคิดไม่ออก ชื่อไอ้ทองอยู่โบราณไป ชื่อไอ้เปล่งเหมือนเพื่อนเก่า ชื่อไอ้น้อยประเดี๋ยวคนอื่นคิดว่าลูกสาว ชื่อไอ้แดงกลัวซ้ำลูกชาวบ้าน ชื่อไอ้ผ่องข้ากลัวมันหน้าดำ ตกลงเอ็งคิดว่าชื่ออะไรดี”

“พี่หมู่บอกเมียพี่ตั้งชื่อลูกไปเลย”

“ทำแบบนี้ข้าก็ซวยสิวะ”

“ไม่ซวยหรอก…พวกเรามีของรับขวัญหลานชาย”

ขณะฉีกยิ้มกว้างเพิ่มหยิบกำไลข้อเท้าทำจากนาคคู่หนึ่ง ส่งให้กับคุณพ่อมือใหม่ประจำกองทหารบกรถยนต์แห่งประเทศไทย

“เอ็งได้มาจากไหน” จรูญทั้งแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน ไม่คิดมาก่อนฝรั่งเศสจะมีกำไลข้อเท้าพร้อมลูกกระพรวนสำหรับเด็กน้อย

“อยู่พระนครพวกเรารวมเงินได้ก้อนหนึ่ง หมวดนพพาผมไปซื้อตั้งใจให้ลูกพี่หมู่ ผมลืมเรื่องนี้ไปเลยหาอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอ”

“ขอบใจมาก…ฝากขอบใจทุกคนด้วย” คุณพ่อซึ่งยังตั้งลูกชายไม่ได้น้ำตาซึม คืนนี้จรูญคิดถึงทั้งลูกและเมียอยากกลับเมืองไทยเร็ววัน บังเอิญตัวเองเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาร่วมสงครามถึงยุโรป ต้องคิดถึงแผ่นดินเกิดเป็นลำดับหนึ่งประชาชนคนไทยเป็นลำดับถัดไป

ของรับขวัญหลานคนแรกของกองร้อยย่อยไม่หมดเพียงเท่านี้ หมวดนพกับหมวดศรีรวมเงินซื้อสร้อยทองมอบให้แด่ลูกน้อง จรูญได้สร้อยพร้อมจดหมายเขาแทบก้มกราบผู้มีน้ำใจแสดงความขอบคุณ ตกกลางคืนบรรดาเพื่อนร่วมกองร้อยย่อยยังทำให้สิบโทลูกหนึ่งต้องประหลาดใจ


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 31 ส.ค. 24, 09:52

ของขวัญจากเมืองไทยใช่มีแค่จดหมายฉบับเดียว ทหารอาสาทุกนายได้รับแจกห่อผ้าขนาดใหญ่โดยทั่วถึง ในห่อผ้าบรรจุหวี สบู่ ผ้าเช็ดหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เชือกผูกรองเท้า ปลาซาดีนกับของกินแห้ง รวมทั้งเสื้อสเวตเตอร์คุณภาพเยี่ยมอีกหนึ่งตัว

“ประชาชนเรี่ยไรเงินซื้อแจกพวกเรา” นพอธิบายค่อนข้างสั้น

ของขวัญจากเมืองไทยเพิ่งมาถึงเมืองคูร์ติโซลส์ พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์กับพันเอกพระเฉลิมอากาศช่วยอำนวยความสะดวกเต็มที่ ราคาค่างวดไม่มากก็จริงทว่าทหารอาสาทุกนายทั้งปลาบปลื้มและอิ่มเอมใจ

“ของพี่ชั้วล่ะครับ” เพิ่มนึกถึงเพื่อนสนิทนอนเตียงติดกัน

“อยู่กับข้าเอ็งไม่ต้องห่วง” จรูญอาสารับผิดชอบแทนลูกน้อง

ของขวัญจากเมืองไทยสร้างขวัญกำลังใจต่อเหล่าทหารกล้า ทุกคนพร้อมเผชิญหน้าอันตรายไม่หวาดกลัวภัยร้ายจากกระสุนปืน


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 31 ส.ค. 24, 12:54

วันที่ 17 ตุลาคม 2461 เวลา 06.00 น.รถบรรทุกทหารอาสาสามกองร้อยย่อยจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบคัน เดินทางมารับเสบียงที่สถานีรถไฟซูอิปป์ สถานีเสบียงระหว่างโครัวย์กับมองค์ซังค์ เรอะมีย์ และสถานีเสบียงหมายเลข 204 ที่ซอมม์ ซูอิปป์ เพื่อส่งให้กับกองทัพน้อยที่ 11 ของฝรั่งเศสซึ่งกำลังรบติดพันอยู่ที่แนวหน้า

ภารกิจแรกของทหารไทยใช้รถบรรทุกหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคัน บรรทุกเสบียงน้ำหนักประมาณสามร้อยยี่สิบสองตัน รถบรรทุกอีกสามคันลำเลียงทหารจากซอมม์ ปุยมาส่งที่กรางค์โรมานี ปฏิบัติการนี้ทหารไทยต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องเผชิญพายุฝนพัดโหมกระหน่ำแทบไม่หยุดพัก กว่าจะเดินทางกลับถึงเมืองคูร์ติโซลส์ปาเข้าไปเช้าตรู่ของอีกวัน
 
หยุดพักเพียงหนึ่งวันเหล่าทหารกล้ากลับคืนสู่สมรภูมิอีกครั้ง วันไหนทำงานข้ามคืนวันถัดไปได้หยุดซ่อมบำรุงรถยนต์ วันไหนทำงานถึงตอนเย็นวันถัดไปได้รับคำสั่งใหม่ วนเวียนอยู่แบบนี้กระทั่งถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2461 กองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ได้รับภารกิจลำเลียงทหารจากสถานีรถไฟซูอิปป์มาส่งฐานทัพในเมืองกรางค์โรมานี

เมื่อทหารผมทองนายสุดท้ายเข้าแถวรวมพล ร้อยตรีนพมีคำสั่งให้ขบวนรถเบนหัวกลับที่พัก ระหว่างทางบังเอิญเจอรถบรรทุกกองร้อยย่อยที่ 2 หมวด 4 หมู่ 1 คันหนึ่ง จอดนิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่เนื่องจากเครื่องยนต์ประสบปัญหา มีรถบรรทุกกองร้อยย่อยเดียวกันอีกหนึ่งคันทำหน้าที่คุ้ม

รถนำขบวนกองร้อยย่อยที่ 1 ของหมู่จรูญขับโดยพลทหารชื้น อดีตพลขับประจำตัวร้อยตรีนพถูกโยกย้ายมาทำหน้าที่แทนพลทหารชื่น ส่วนพลทหารชื่นย้ายมาขับรถยนต์ช่างเครื่องยนต์แทนพลทหารชั้ว เมื่อขบวนรถใกล้ถึงรถบรรทุกกองร้อยย่อยที่ 2 ผู้บังคับหมวดมีคำสั่งให้หยุดเดินทาง

นพวิ่งฝ่าสายฝนโปรยปรายมาสอบถามเรื่องราว “รถเป็นอะไร”

“น้ำมันเครื่องรั่วครับ พลขับหักหลบวัวพลัดตกข้างทาง ใต้ท้องรถชนก้อนหินขนาดใหญ่” ช่างเครื่องยนต์กองร้อยย่อยที่ 2 ตอบคำถาม

“รถคันอื่นล่ะ”

“หมวดชื่นสั่งให้กลับที่ตั้ง หมวดบอกว่าจะตามช่างฝรั่งเศสมาดูรถ ระหว่างนี้ให้พวกผมพยายามซ่อมเครื่องยนต์ด้วยตัวเอง”

“ใกล้เสร็จหรือยัง” นี่คือคำถามที่นพให้ความสำคัญมากที่สุด

คำตอบจากช่างเครื่องยนต์ใบหน้าบูดบึ้งคือการถอนหายใจ

โรงเรียนการรถยนต์สอนวิธีดูแลซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ สอนวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น แต่ไม่เคยสอนวิธีแก้ไขปัญหาถังน้ำมันเครื่องรั่ว ตอนนี้รถไม่เหลือน้ำมันเครื่องแม้แต่หยดเดียว ฝืนขับกลับที่พักเครื่องยนต์อาจเสียหายหนัก เขาอยากทิ้งรถไว้ข้างทางเพราะกลัวเครื่องบินเยอรมัน บังเอิญผู้บังคับหมวดกลับที่พักไปแล้ว ไม่มีคนสั่งการทหารทุกนายพาลไม่กล้าตัดสินใจ


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 31 ส.ค. 24, 12:56

“พวกคุณอยู่ที่นี่ไม่ได้ ทหารเยอรมันกำลังจะยิงปืนใหญ่”

นพแก้ปัญหาโดยการส่งช่างเครื่องยนต์กองร้อยย่อยที่ 1 มาช่วย

เพิ่มทำหน้าที่ตรวจสอบรถบรรทุกกองร้อยย่อยที่ 2 เห็นร่องรอยความเสียหายใต้ท้องรถแล้วพาลหน้าเสีย เขาทำให้รถคันนี้เป็นปรกติภายในเวลาสั้นๆ ไม่ได้ แต่ช่วยให้ทุกคนเดินทางกลับถึงที่พักโดยสวัสดิภาพได้

“วิธีผมเครื่องยนต์อาจพังจนซ่อมไม่ได้” ช่างเครื่องยนต์ฝีมือดีชี้แจง

“เอ็งจะทำยังไงวะ” จรูญเกิดความอยากรู้อยากเห็น

“ใช้ดินน้ำมันอุดรอยรั่ว ระหว่างทางถ้ารั่วอีกก็ทำเหมือนเดิม เรามีรถหลายคันน้ำมันเครื่องน่าจะพอ” วิธีการของเพิ่มค่อนข้างแปลกประหลาด

เขาเคยใช้ดินน้ำมันอุดโอ่งน้ำที่บ้านหลายครั้ง จึงนำมาประยุกต์ใช้งานกับรถบรรทุกขนาดสองตันครึ่ง ประคองรถถึงที่พักแล้วค่อยแก้ไขปัญหาอย่างถาวร อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแต่เหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุด

หลังปรึกษาหารือกับร้อยโทชาวฝรั่งเศสนพจึงมีคำสั่ง

“ผมรับผิดชอบเองคุณทำเลย”

วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเพิ่มใช้เวลาเพียงสิบนาที

ขบวนรถออกเดินทางอีกครั้งพร้อมความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ สายฝนโปรยปรายกลายเป็นพายุโหมกระหน่ำ ถนนดินบดอัดกลายเป็นดินโคลนรถหลายคันเกือบลื่นตกถนน พลขับทุกนายเพ่งสมาธิทั้งหมดมาที่การบังคับรถ กว่าจะฟันฝ่าเดินทางถึงที่หมายใช้เวลาร่วมๆ สองชั่วโมง

เนื่องจากทหารทุกนายยังไม่ได้กินอาหารกลางวัน นพมีคำสั่งให้มารวมตัวที่บ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง หุงหาอาหารเสร็จให้กินมื้อกลางวันพร้อมกันที่นี่ ก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนหรือดูแลรักษาทำความสะอาดรถยนต์

ตอนนั้นเองเกิดปัญหาเรื่องใหม่ให้ทุกคนปวดหัว

จรูญรายงานข่าวร้าย “รถกองร้อยย่อยที่ 2 สองคันมาถึงที่นี่พร้อมเรา แต่รถกองร้อยย่อยที่ 1 หายไปหนึ่งคัน”

ร้อยตรีหนุ่มคิ้วขมวดทันควัน “ใครเป็นคนขับ”

“พลทหารช้างกับพลทหารรอด สงสัยเลี้ยวผิดเพราะฝนตกหนัก”

การพลัดหลงจากขบวนเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง บังเอิญครั้งนี้เกิดใกล้แนวปะทะทหารฝรั่งเศสกับทหารเยอรมัน สภาพอากาศไม่เป็นใจอาจถูกกระสุนปืนฝ่ายเดียวกัน นพไม่มีทางเลือกนอกจากตามหาลูกน้องด้วยตัวเอง

“รบกวนหมู่ดูแลทุกคนแทนผม”

“หมวดอยู่ที่นี่เถอะครับ เย็นนี้พันเอกพระเฉลิมอากาศจะมาเยี่ยมพวกเรา ถ้าหมวดหายไปอีกคนผมจะตอบคำถามยังไง”

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคันหนึ่งแล่นฝ่าถนนดินโคลน พลทหารชื้นทำหน้าที่พลขับสิบโทจรูญคือผู้โดยสาร พวกเขาทั้งสองมีหน้าที่ตามหารถกองร้อยย่อยที่ 1 ซึ่งบังเอิญพลัดหลงออกจากขบวนระหว่างเกิดพายุฝน

เพิ่มมองตามหลังกระทั่งมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างหายลับตา รู้สึกกังวลใจพาลไม่อยากรับประทานอาหาร สักพักเดียวสายตาเห็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคันหนึ่งมุ่งตรงเข้าใกล้ พลขับไม่ใช่เพื่อนตัวเองแต่เป็นร้อยตรีชุ่ม จิตต์เมตตา

ผู้บังคับการหมวดพยาบาลแจ้งข่าวร้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง

“พลทหารชั้วจากพวกเราไปแล้ว”

จบตอนที่ 17


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 31 ส.ค. 24, 13:08

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

วันที่ 21 ตุลาคม 2461 พลทหารชั้ว อ่อนเอื้อวงษ์ อายุ 24 ปี จากกองทหารบกรถยนต์ซึ่งป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ ได้ถึงแก่กรรม ณ โรงพยาบาลเฟวรี เมืองชาลองส์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นทหารอาสารายแรกที่พลีชีพระหว่างเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ตอนนั้นน่าจะไม่มีครั้งที่หนึ่งเป็นสงครามโลกเฉยๆ)

พลทหารชั้ว พลทหารชื้น และพลทหารชื่นคือทหารอาสาสงครามโลกตัวจริง บทบาทพลทหารชั้วคงหมดสิ้นเพียงเท่านี้ แต่อีกสองคนยังมีเรื่องราวเพิ่มเติมมากน้อยก็ว่ากันไป

ปล.ร้อยตรีชุ่ม จิตต์เมตตาจะแต่งกายตามภาพประกอบคนกลาง มีสัญลักษณ์กาชาดประดับแขนซ้าย เหน็บกระบี่รมควันดำแบ่งแยกจากพลทหารและทหารชั้นประทวน และมีปืนพกสำหรับป้องกันตัวระยะใกล้ รถไฟแบบนี้แหละครับที่หมู่จรูญบ่นว่าเหม็นขี้ม้า

พรุ่งนี้ผมหยุดหนึ่งวันนะครับ




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 10:21

ตอนที่ 18 ความเปลี่ยนแปลง

มีการประกอบพิธีฝังศพพลทหารชั้ว อ่อนเอื้อวงษ์ที่เมืองชาลองส์ ทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ทุกนายเข้าร่วมพิธีส่งเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายพักผ่อนตลอดกาล การจากไปโดยไม่ร่ำลาของพลทหารชั้วสร้างความตื่นตระหนกตกใจ รวมทั้งทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน โรคภัยไข้เจ็บเป็นอีกหนึ่งอันตรายทหารทุกนายห้ามประมาทเด็ดขาด

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นบุคคลผู้เสียใจมากที่สุดก็คือเพิ่ม ชั้วเป็นเพื่อนสนิทนอนเตียงติดกันตั้งแต่วันแรกที่รับราชการทหารอาสา จัดกำลังรบยังได้ประจำการรถบรรทุกคันเดียวกัน อยู่ดีๆ เพื่อนจากไปโดยปุบปับเขาแทบทำใจยอมรับไม่ได้ ความเศร้าโศกเสียใจของเพิ่มแสดงออกผ่านสีหน้าแววตา

“คิดอะไรอยู่” จรูญนำกาแฟกับขนมปังมาฝากลูกน้อง เห็นใบหน้าเศร้าหมองเขาพลอยเศร้าสลดเกิดความรู้สึกเสียใจตามกัน

เพิ่มถอนหายใจเสียงดัง “ผมคิดถึงคำพูดพี่ชั้ว”

“ชั้วพูดกับเอ็งว่ายังไง”

“ผมเคยบ่นทำไมพี่ชั้วไม่ติดยศสิบตรี พี่ชั้วพูดว่าเพราะพี่ความรู้น้อย เขายังแนะนำผมให้เรียนต่อถ้ามีโอกาส”

“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย…เอ็งหัวดีเรียนจบแน่นอน”

“แต่บ้านผมจนพ่อแม่มีลูกหลายคน”

“เอ็งหาเงินเองซี” จรูญให้คำแนะนำ “ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องกว่านี้ สงครามจบไปสมัครกะลาสีเรือสินค้าต่างชาติ เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเอ็งก็ลาออกมาเรียนต่อ เรียนไปทำงานไปไม่กี่ปีประเดี๋ยวก็สำเร็จ” 
คำแนะนำของจรูญเพิ่มคิดตามแล้วเห็นด้วย ติดขัดแค่เพียงตัวเองไม่ไม่รู้จักนักเรียนนอกแม้แต่คนเดียว ไม่มีคนให้คำแนะนำปรึกษาหารือเรื่องการเรียน สมัครกะลาสีเรือสินค้าอาจได้เป็นกะลาสีเรือสินค้าตลอดชีวิต

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 10:23

หลังประกอบพิธีศพกองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ทำภารกิจต่อ รถบรรทุกเรอะโนลต์ลำเลียงเสบียงและกำลังพลในพื้นที่อันตรายหกวันติดกัน พันตรีสตรองบอคค์ แฟร์มอร์ ผู้บังคับการกองรถยนต์ที่ 1 เห็นความดีความชอบรีบเดินทางมาเยี่ยม เขากล่าวยกย่องชมเชยการปฏิบัติงานของทหารไทย และย้ำอีกครั้งทหารฝรั่งเศสทุกนายยินดีให้ความช่วยเหลือ ท่านจงไว้เนื้อเชื่อใจปฏิบัติหน้าที่ตัวเองให้ดียอดเยี่ยมเช่นนี้ตลอดไป

ต้นเดือนพฤศจิกายนพันโทพระทรงสุรเดชได้ปรากฏตัวแบบเงียบๆ นพมีโอกาสพบเจ้านายเก่าเคยทำงานร่วมกันที่ราชบุรี เขาดีใจมากเมื่อรู้ว่าพันโทพระทรงสุรเดชแวะมาเยือนเมืองคูร์ติโซลส์พร้อมข่าวดี

“กองบินทหารบกสำเร็จการฝึกชั้นสูงแล้ว”

ข่าวดีเรื่องแรกสร้างความตื่นเต้นดีใจต่อทหารอาสาทุกนาย

“วันที่ 30 ตุลาคม เตอรกีประกาศยอมแพ้ฝ่ายสัมพันธมิตร”

ข่าวดีเรื่องที่สองสร้างความยินดีปรีดาต่อทหารอาสาทุกนาย

“วันที่ 3 พฤศจิกายน ออสเตรีย-ฮังการีประกาศยอมแพ้ตามเตอรกี ประเทศเยอรมันเกิดความไม่สงบภายใน อีกไม่นานเราอาจได้ยินข่าวใหญ่”

ข่าวดีเรื่องที่สามสร้างความยินดีปรีดาต่อทหารอาสาทุกนายมากขึ้น

ทว่าข่าวดีเรื่องสุดท้ายทหารอาสาทุกคนทั้งยินดีปรีดาและตื้นตันใจ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศนายทหารบกซึ่งรับราชการในกองทหารบกรถยนต์จำนวนสี่รายประกอบไปด้วย

ร้อยเอกหลวงรามฤทธิรงค์ (ต๋อย หัสดิเสวี) ผู้บังคับการกองทหารบกรถยนต์ เป็นพันตรี

ร้อยโทศรี ศุขะวาที ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1 เป็นร้อยเอก

ร้อยโทเพิ่ม อุณหสูต ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 2 เป็นร้อยเอก

ร้อยโทแม้น เหมะจุฑา ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3 เป็นร้อยเอก

หลังทำหน้าที่พันโทพระทรงสุรเดชเดินมาพบอดีตนายทหารคนสนิท เพราะอยากพูดคุยเป็นการส่วนตัวก่อนเดินทางกลับกรุงปารีส

“ฝรั่งเศสดูแลพลทหารชั้วดีแค่ไหน”

“ดีมากครับ” นพเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด “ร้อยตรีชุ่มผู้บังคับการหมวดพยาบาลรับพลทหารชั้วไปรักษาตัว ผ่านไปคืนเดียวเห็นอาการไม่ดีจึงส่งมาที่โรงพยาบาลเฟวรีในเมืองชาลองส์ หมอฝีมือดีให้ความช่วยเหลือสุดความสามารถ รักษาตัวไม่กี่วันทหารชั้วก็จากพวกเราไป”

พันโทพระทรงสุรเดชพยายามปลอบใจทหารที่อยู่แนวหน้า

“พ่อนพไม่เคยสูญเสียลูกน้องในสงคราม ฉันเคยเจอมาก่อนรู้ดีทำใจยาก พ่อนพอาจสงสัยตัวเองกำลังทำอะไร ทหารอาสาเสียสละไปเพื่ออะไร ฉันตอบคำถามเรื่องนี้ไม่ได้ แต่อีกไม่นานพ่อนพจะรู้คำตอบด้วยตัวเอง”


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 10:25

มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเกี่ยวกับยศผู้บังคับบัญชากองทหารบกรถยนต์

หนังสือ ‘อนุสรณ์ นายพันโท พระอาสาสงคราม (ต๋อย หัสดิเสวี)’ กับหนังสือ ‘ทหารอาสาสงครามโลกอนุสรณ์’ ระบุว่า นายพันตรีรามฤทธิรงค์ (ต๋อย หัสดิเสวี) เป็นผู้บังคับบัญชากองทหารบกรถยนต์ แต่หนังสือ ‘ไทยกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง’ ลงข้อมูลการเลื่อนยศจากร้อยเอกหลวงรามฤทธิรงค์เป็นพันตรีรามฤทธิรงค์ ฉะนั้นยศที่ถูกต้องคืออยู่เมืองไทยเป็นร้อยเอกและได้พันตรีที่ฝรั่ง เท่ากับว่ายศที่ผมเขียนในเรื่องราวที่ผ่านมาต้องเปลี่ยนเป็นร้อยเอก

เป็นความผิดพลาดของผมเองไม่ขอแก้ตัว เขียนครั้งแรกใส่ยศร้อยเอกไว้ในต้นฉบับ พออ่านหนังสือหลายเล่มดันเปลี่ยนเป็นใจใส่ยศพันตรี เพราะคิดว่าทหารคุมกำลังระดับกองพันสมควรเป็นนายพัน ขอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียนสอนใจตัวเอง

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 12:57

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2461 เวลา 07.00 น.ทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 1 ได้รับคำสั่งเคลื่อนพลมาประจำการตำบลโอ เซวิลล์ กองร้อยย่อยที่ 2 ประจำการตำบลจูเบคูร์ต กองร้อยย่อยที่ 3 กับกองบังคับการประจำการตำบลวิลล์ ซู คูซางค์ ทั้งสามตำบลอยู่ห่างเมืองแวร์เดิงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณยี่สิบกิโลเมตร

ที่ตั้งใหม่ไม่ไกลจากแนวสนามเพลาะปืนใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ทหารราบฝรั่งเศสกับสหรัฐอเมริกาประจำการในแนวหน้า บ้านเรือนส่วนมากถูกกระสุนปืนใหญ่สร้างความเสียหาย เป็นเมืองร้างเนื่องจากคนฝรั่งเศสหนีไฟสงครามไปอยู่ที่อื่น ทหารอาสาชาวไทยพักอาศัยในบ้านที่ยังแข็งแรงร่วมกับทหารฝรั่งเศสกับสหรัฐอเมริกา

ภารกิจใหม่คือลำเลียงกระสุนดินดำกับเสบียงอาหารจากคลังแสง ส่งให้กับทหารฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกาตามที่ตั้งมากมาย การส่งกำลังบำรุงเหล่าทหารไทยเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเส้นทางหลักชำรุดเสียหาย สภาพอากาศหนาวจัดเกิดหิมะตก ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มที่ มองเส้นทางไม่ชัดเจน รวมทั้งต้องแยกย้ายกันเดินทางเป็นขบวนย่อย

ประจำการเมืองแวร์เดิงแค่เพียงวันเดียวได้รับข่าวดี เยอรมันติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรขอทำสัญญาสงบศึก ระหว่างการเจรจาการส่งกำลังบำรุงยังเดินหน้าต่อไป เนื่องจากอากาศหนาวเย็นมีฝนตกแทบไม่หยุดพัก สภาพรถค่อนข้างย่ำแย่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย รถบางคันเจอถนนลื่นพลขับควบคุมไม่อยู่พลัดตกข้างทาง บางคันล้อหลังวิ่งแซงล้อหน้า บางคันแล่นอยู่ดี ๆ เสื้อสูบระเบิดกลางทาง บางคันเฟืองท้ายแตกเข้าเกียร์ไม่ได้ รวมทั้งรถบรรทุกติดธงไตรรงค์ประจำกองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3

“รถเป็นอะไร” จรูญตะโกนสอบถามแข่งกับเสียงฝน

“เพลาขาด” เพิ่มตอบกลับน้ำเสียงเคร่งเครียด

“เอ็งซ่อมได้ไหม” ทหารชั้นประทวนเสียงเครียดตามกัน

“ได้…แต่ต้องกลับไปเอาอุปกรณ์”

พลทหารชื่นขับรถยนต์ช่างเครื่องยนต์กลับตำบลโอ เซวิลล์ ปล่อยให้พลทหารชื้นกับสิบโทจรูญทำหน้าที่เฝ้ารถเสียกลางป่า ระหว่างเดินทางเพิ่มเป็นห่วงกลัวเพื่อนหิวข้าวจนตาลาย หลายวันที่ผ่านมากองร้อยย่อยที่ 1 ได้รับเสบียงค่อนข้างน้อย ทหารทุกนายไม่อิ่มท้องแต่ไม่รู้จะหาอาหารจากที่ไหน ผู้บังคับบัญชากำลังคิดหาหนทางแก้ไขทว่ายังไม่เป็นรูปธรรม

ทั้งหิวข้าวทั้งรถเสีย…สองคนนั้นอาจคิดว่าตัวเองตกนรกทั้งเป็น

พลทหารวัยสิบเก้าควานหาขนมปังแข็งๆ ติดมือมาหนึ่งชิ้น

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 12:59

เมื่อเพิ่มเดินทางกลับมาถึงจุดเกิดเหตุฝนหยุดตกพอดี เขาพาลแปลกใจเมื่อเห็นจรูญกับชื้นนั่งกินขนมปังหอมกรุ่นกับเนื้อกระป๋อง ริมฝีปากคาบบุหรี่ราคาแพงมองเห็นไฟแดงวูบวาบๆ กับควันขาวโพยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

“พอดีทหารอเมริกันขับรถผ่านมา ข้าให้ไอ้ชื้นไปเจรจาเลยได้ของดี เอ็งกับไอ้ชื่นกินให้อิ่มก่อนค่อยทำงาน” จรูญแสดงน้ำใจไมตรี

เพิ่มเข้าใจอย่างชัดเจน “ทหารอเมริกันนิสัยดี”

“พวกเอ็งยังไม่รู้เรื่องนี้ สองวันก่อนไอ้เชิดขับรถเสยต้นแอปเปิลหม้อน้ำแตก ทหารอเมริกันช่วยลากรถกลับมาส่ง ไม่อย่างนั้นไอ้เฉลิมซวยแน่”

“ทำไมล่ะครับ” พลทหารสามนายสอบถามพร้อมกัน

“ก็ไอ้เฉลิมไม่อยู่บนรถ…มันขับมอเตอร์ไซค์ไปกับหมวดชื่น แต่ไปที่ไหนข้าไม่รู้ดอก โชคดีกลับมาทันก่อนไอ้เชิดกับรถจะถึงที่พัก”

ตั้งแต่เยอรมันติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรขอทำสัญญาสงบศึก หมวดชื่นก็ลดความขยันกลับมาเอื่อยเฉื่อยตามเดิม ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 2 เรียกไปตักเตือนหลายครั้ง แต่ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตามสุภาษิตโบราณ

เย็นวันนั้นเมื่อเพิ่มกับจรูญเดินทางกลับถึงที่พัก มีของขวัญจากเมืองไทยส่งมอบให้กับทหารอาสาทุกนาย นอกจากของใช้ส่วนตัวยังมียาสูบหนึ่งร้อยห้าสิบมวน บรรดาสิงห์อมควันพากันยิ้มหน้าบานจนลืมเรื่องอาหาร บางคนอยู่ในวิกฤตใกล้ลงแดงขาดใจตาย บางคนเก็บก้นยามาสูบต่อให้พอชื่นใจ จะซื้อใหม่ก็ห่อละสามฟรังค์นำมามวนใบต้นแอปเปิล ทั้งรสและกลิ่นแตกต่างจากยาสูบไทยจนเจ้าของเงินเศร้าโศกเสียใจ

ของขวัญจากเมืองไทยช่วยต่อลมหายใจทหารอาสาหลายนาย

จบตอนที่ 18

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 13:03

นี่คือเครื่องแบบที่ทหาอาสากองทหารบกรถยนต์สวมระหว่างทำภารกิจส่งกำลังบำรุง ทหารในภาพถ่ายสวมเครื่องสนาม หมวกเหล็ก และหน้ากากป้องกันไอพิษ ถือปืนเล็กยาวคาดกระเป๋าบรรจุซองกระสุน มีกระเป๋าสะพายสำหรับของกินและกระติกน้ำ หิมะตกหนาด้วยทหารไทยจากเมืองร้อนได้เดือดร้อนกันยกใหญ่



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 03 ก.ย. 24, 09:24

ตอนที่ 19 อุบัติเหตุ

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2461 มีการลงนามสัญญาสงบศึกบนรถเสบียงในเมืองคองปิเจน ทหารเยอรมันและทุกชาติในกลุ่มมหาอำนาจกลางต้องถอยทัพออกจากดินแดนฝ่ายสัมพันธมิตร ข้ามแม่น้ำไรน์กลับสู่ดินแดนตัวเองโดยไม่มีข้อแม้ รวมทั้งยินยอมให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเคลื่อนทัพเข้ามาครอบครองพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์

ผลลัพธ์ตามมาเยอรมันจะสูญเสียเรือรบ ปืนใหญ่ เครื่องบิน รถถังรถยนต์ รถไฟ และอุปกรณ์สงครามที่อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์ เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงการประหัตประหารพลอยสิ้นสุดตามกัน ฝ่ายสัมพันธมิตรเฉลิมฉลองทั้งคืนโดยการยิงสลุตด้วยปืนใหญ่ ท้องฟ้าสว่างไสวเพราะพลุส่องวิถีจำนวนมหาศาล มองไปทางไหนล้วนพบเจอแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะ

ทหารทุกนายสดชื่นอารมณ์ดีหลังได้หยุดพักภารกิจเสี่ยงตาย ยกเว้นแค่เพียงทหารอาสาชาวไทยยังทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทุกกองร้อยย่อยได้รับภารกิจลำเลียงทหารกับสัมภาระเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ต้องทำให้เร็วทันเวลาเพื่อครอบครองพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์แทนที่ทหารเยอรมัน

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2461 เกิดเหตุไม่คาดฝันที่ตำบลจูเบคูร์ต

เวลาประมาณ 10.00 น.ระหว่างเตรียมตัวออกเดินทางตามปรกติ ทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 2 ได้ยินเสียงระเบิดบริเวณท้ายรถบรรทุกคันหนึ่ง ในที่เกิดเหตุพบร่างเพื่อนทหารจำนวนสี่นายนอนหงายบนพื้น สอบถามได้ความว่าระหว่างทำความสะอาดรถและเติมเชื้อเพลิง ได้ยินเสียงระเบิดจากข้างทางแต่ไม่ทราบว่าเป็นอาวุธชนิดไหนหรือของใคร

พลทหารพรม แตงแต่งวรรณเสียชีวิตในเวลาต่อมา เพื่อนทหารอีกสามนายบาดเจ็บสาหัสต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

ผลการสอบสวนจูเบคูร์ตเคยถูกเยอรมันโจมตีด้วยปืนใหญ่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างกรมสรรพาวุธถูกส่งเข้ามาค้นหาและเก็บกู้ โชคร้ายมีกระสุนปืนใหญ่จำนวนหนึ่งหลงหูหลงตา โชคร้ายยิ่งกว่ากระสุนปืนใหญ่ทำงานเพราะได้รับแรงกระแทก ส่งผลให้ทหารอาสาชาวไทยบาดเจ็บล้มตายจำนวนหนึ่ง

ทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 1 ได้รับข่าวร้ายในช่วงเย็น

“หมวดเดียวกับไอ้เฉลิมแต่คนล่ะหมู่” จรูญตกใจเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เขายังมีแก่ใจเป็นห่วงคู่ปรับเก่าซึ่งเคยออกปากท้าดวลตัวต่อตัว

“ผมรู้จักพี่พรมแต่ไม่สนิทกัน” เพิ่มก็เป็นอีกคนที่มีอาการเศร้าโศกเสียใจ ผู้เสียชีวิตถึงอยู่ต่างกองร้อยแต่เป็นทหารอาสาเหมือนกัน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในสนามรบ ทหารไทยเพิ่งเข้าร่วมทำภารกิจไม่ถึงหนึ่งเดือนยังอ่อนด้อยหลายต่อหลายเรื่อง

“เอ็งบอกทุกคนระวังตัวให้ดี ห้ามหยิบอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของเรา”

“พวกเราไม่มีใครกล้าทำ ทุกคนกลัวหมวดนพลงโทษ”

“ไม่ทำก็ดี…ได้ข่าวว่าจะจัดพิธีฝังศพวันพรุ่งนี้”

“ที่ไหนครับพี่หมู่”

“น่าจะแถวที่พัก…เหมือนเราจัดพิธีฝังศพให้ชั้ว”

ทุกครั้งที่เกิดสงครามย่อมมีความสูญเสีย

อุบัติเหตุที่จูเบคูร์ตคือความสูญเสียครั้งที่สองของทหารอาสา

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 03 ก.ย. 24, 09:26

สองวันหลังเกิดเหตุร้ายกับกองร้อยย่อยที่ 2 ข่าวดีจากกองร้อยย่อยที่ 3 เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว พันตรีสตรองบอคค์ แฟร์มอร์ ผู้บังคับการกองรถยนต์ฝรั่งเศส นำตราครัวซ์ เดอะ แกรร์มามอบให้กับนายทหารไทยสองนายประกอบไปด้วย 

ร้อยเอกแม้น เหมะจุฑา ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3

ร้อยตรีเภา เพียรเลิศ ผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3

ทั้งคู่ซึ่งมีความดีความชอบจากการสำรวจเส้นทางในพื้นที่อันตราย เป็นคนไทยชุดแรกที่ได้รับเหรียญตราแสดงความกล้าหาญจากฝรั่งเศส นพดีใจกับเพื่อนทหารทั้งสองนายและแอบครุ่นคิดถึงตัวเอง ถ้าเขากลับเมืองไทยพร้อมตราครัวซ์ เดอะ แกรร์ การแต่งงานกับช้อยคงไม่มีใครเข้ามาขัดขวาง

แต่ถึงกระนั้นทหารหนุ่มรักเดียวใจเดียวรู้ดีเต็มอก เขาไม่ควรคิดถึงเรื่องส่วนตัวจนทำให้ภารกิจเกิดความเสียหาย อุบัติเหตุที่จูเบคูร์ตคือสิ่งย้ำเตือนทหารทุกนาย ตราบใดที่อยู่ในสมรภูมิสถานที่ทุกแห่งล้วนไม่ปลอดภัย เขาต้องดูแลลูกน้องทุกชีวิตให้กลับคืนสู่ครอบครัวโดยไม่เกิดอันตราย

ภาพประกอบคือตราครัวซ์ เดอะ แกรร์ ระหว่างปี 1914-1918 ในสงครามโลกครั้งที่1




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 03 ก.ย. 24, 11:59

กลางเดือนพฤศจิกายนทหารอาสาได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติการในดินแดนประเทศเยอรมัน ถือเป็นข่าวดีสร้างขวัญกำลังใจแทนที่ข่าวร้ายจากความสูญเสีย โดยปรกติกำลังทหารที่ถูกส่งเข้าไปทำภารกิจในดินแดนข้าศึก ย่อมถูกพิจารณาแล้วว่าทหารหน่วยนั้นความสามารถดีเยี่ยม เคยแสดงความกล้าหาญในสนามรบ เป็นผู้มีวินัยอันดีงาม มีความรับผิดชอบสูง มั่นใจได้ว่าจะไม่กระทำความเสียหายใดๆ ให้ฝ่ายข้าศึกดูหมิ่นดูแคลน

ทหารไทยได้รับการคัดเลือกถือเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิต

พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์แจ้งข่าวดีหัวหน้าทูตทหารพิเศษ พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์รีบโทรเลขทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนในชาติจึงพลอยรับรู้ข่าวดีจากฝรั่งเศสในเวลาต่อมา

วันที่ 12 ธันวาคม 2461 กองทหารบกรถยนต์ย้ายที่ตั้งจากเมืองแวร์เดิง เข้าสู่พื้นที่ประเทศเยอรมันในมณฑลปาลาติหนาต เป็นกองพันอิสระขึ้นตรงต่อพลเอกฟายอลล์แม่ทัพแห่งกองทัพยึดดินแดน
เหยียบดินแดนเยอรมันวันแรกเกิดปัญหาใหม่ให้ได้ปวดหัว

“เราหลงทางครับหมวด” จรูญแจ้งข่าวร้ายสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี

กองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ได้รับภารกิจลำเลียงเสบียงอาหารไปส่งแนวหน้า โชคร้ายขากลับฝนตกอย่างหนักมองเส้นทางไม่ชัดเจน เมื่อพายุฝนผ่านพ้นไปขบวนรถจอดอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา ทหารอาสาทุกนายหน้าตาเลิ่กลั่กรีบขอความช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา

นพกางแผนที่ตรวจสอบเส้นทางที่ถูกต้องเหมาะสม นายทหารฝีมือดีพิจารณาครู่หนึ่งก่อนได้ข้อสรุปว่า ขบวนรถพลัดหลงออกห่างจากเส้นทางหลัก เขาไม่รีรอที่จะเดินไปสอบถามคนเยอรมันซึ่งพักอาศัยอยู่แถวนั้น
การกระทำของนพสร้างความประหลาดใจต่อเพิ่มและจรูญ

เมื่อผู้บังคับบัญชาเดินกลับมาทหารชั้นประทวนพลันเกิดคำถาม

“หมวดพูดภาษาเยอรมันได้?”

“นิดหน่อย” ร้อยตรีหนุ่มตอบกลับเพียงสั้นๆ

“หมวดพูดได้ยังไงครับ” คำถามถัดไปส่งมาจากเพิ่ม

“ผมเคยเรียนที่นี่สองปี”

“เรียนเยอรมันสองปี!” เพิ่มกับจรูญอุทานพร้อมกัน

ข้อมูลใหม่สร้างความตกใจระคนแปลกใจอย่างถึงที่สุด

ทุกคนรู้ว่าหมวดนพพูดอังกฤษและฝรั่งเศสดีอันดับหนึ่ง ทว่าไม่มีใครรู้หมวดพูดเยอรมันได้ด้วย เจ้าตัวบอกว่าเคยเรียนที่เยอรมันสองปี หมวดพูดเยอรมันได้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก พูดอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลได้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พูดฝรั่งเศสได้ทั้งที่ไม่เคยเรียนฝรั่งเศสนี่สิเรื่องแปลก


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 16 คำสั่ง