เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 12
  พิมพ์  
อ่าน: 23065 ทหารอาสาแห่งกรุงสยาม
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 120  เมื่อ 03 ก.ย. 24, 12:01

หลังรับประทานอาหารเย็นในดินแดนประเทศเยอรมัน นพเปิดเผยเรื่องราวตัวเองต่อลูกน้องคนสนิทด้วยความเต็มใจ

“ครอบครัวผมทำมาค้าขายอยู่ที่ปากน้ำโพ ผมเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพพักอาศัยบ้านญาติ อายุสิบสี่ย้ายมาเรียนโรงเรียนนายร้อยทหารบก สำเร็จการศึกษาเป็นนักเรียนทำการนายร้อยโรงเรียนนายร้อยมัธยม ปีนั้นผมสอบไล่ได้ที่สี่ได้รับการคัดเลือกไปเรียนต่อที่เยอรมัน”

“ที่สี่จากกี่คนครับ” เพิ่มมีคำถามสำคัญ

“หนึ่งร้อยแปดสิบห้าคน”

“คุณพระ!” จรูญเบิ่งตาเพราะความตกใจ “หมวดเก่งมาก”

“มีคนเก่งกว่าผมหลายคน” นพมีรอยยิ้มเบาบาง “กลับเมืองไทยผมได้ประจำการกรมเสนาธิการทหารบก ครบหนึ่งปีมีคำสั่งให้ย้ายมาอยู่กองพลทหารบกที่ 4 จังหวัดราชบุรี จากนั้นอีกหนึ่งปีผมได้มาอยู่กับพวกคุณ”

ช่วงเวลาที่นายทหารหนุ่มทำงานกรมเสนาธิการทหารบก เขาได้รู้จักสาวเศรษฐีล้วนและตกหลุมรักทันที ติดขัดแค่เพียงว่าที่พ่อตาแสดงออกว่าไม่ชอบใจ และด้วยเหตุผลนี้นพจึงจับพลัดจับผลูมาเป็นทหารอาสา

“คนไทยเรียนที่เยอรมันเยอะไหมครับ” เพิ่มมีคำถามใหม่

“เยอะมาก…ตอนนั้นไม่มีปัญหาแม้อยู่ในช่วงสงคราม หลังประกาศสงครามกับเยอรมันคนไทยทั้งหมดย้ายมาเรียนสวิตเซอร์แลนด์ พวกคุณจำร้อยตรีวันได้ใช่ไหม เขาจบมหาวิทยาลัยโปลิเทคนิคุมที่นครซูริก แล้วกลับมารับราชการเป็นนายทหารติดต่อประจำสถานทูตไทยในยุโรป”

“เอ็งเรียนต่อเยอรมันเลยไอ้เพิ่ม” จรูญรีบยุยงส่งเสริม

“เพิ่มอยากเรียนต่างประเทศ” นพสีหน้าประหลาดใจ “อยากรู้เรื่องไหนถามผมได้ ผมแนะนำได้ทั้งที่พัก ที่เรียน หรือที่เที่ยว”

“ผมยังไม่รู้เลยครับ” บุคคลผู้ถูกตั้งความหวังถอนหายใจเสียงดัง

หมวดนพสอบไล่ได้อันดับสี่จึงถูกส่งตัวมาเรียนต่อที่เยอรมัน

ทว่าเขาไม่มีโอกาสเช่นนั้นต้องดิ้นรนขวนขวายด้วยตัวเอง

ปัญหาก็คือตอนนี้เขามีเงินเก็บแค่แปดสิบห้าบาท

จบตอนที่ 19



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 121  เมื่อ 04 ก.ย. 24, 11:49

ตอนที่ 20 จดหมายจากเมืองโป

วันที่ 15 ธันวาคม 2461 กองทหารบกรถยนต์มาปักหลักอยู่เมืองนอยสตัสส์ มณฑลปาลาติหนาต ใช้โรงแรมซุม เลอเว่นเป็นกองบังคับการ หมวดพยาบาลอยู่ในโรงเรือนปลูกองุ่น กองร้อยย่อยที่ 1 อยู่ตำบลไกน์สไฮม์ห่างออกไปเจ็ดกิโลเมตร กองร้อยย่อยที่ 2 อยู่ตำบลมุสส์บาฆห่างออกไปสามกิโลเมตร ส่วนกองร้อยย่อยที่ 3 อยู่ตำบลโฮคสไปย์แอร์ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่พักในเยอรมันสะดวกสบาย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ มีสโมสรให้ทหารชั้นสัญญาบัตรกับชั้นประทวนทั้งไทยและฝรั่งเศสใช้งานร่วมกัน

ทุกกองร้อยย่อยมีการจัดตั้งหมู่รักษาการณ์ ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับพลเมืองทั้งกลางวันและกลางคืน มีพลลาดตระเวนเดินตรวจตามท้องถนน ในห้องพยาบาลมีนายดาบแพทย์กับพลทหารพยาบาลคอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อคนเยอรมันเห็นระเบียบวินัยและความประพฤติทหารไทย ก็เริ่มให้ความสนิทสนมและเชื่อถือคำสั่งอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข

ปัญหาสำคัญเร่งด่วนคือเรื่องการสื่อสาร ทหารไทยพูดเยอรมันได้มีจำนวนน้อยนิด ล่ามท้องถิ่นมีแค่เพียงกองร้อยย่อยละหนึ่งถึงสองคน ปัญหานี้พันเอกพระเฉลิมอากาศเข้ามาช่วยเหลือทันเวลา โดยการเดินทางมาเยือนพร้อมพระราชโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จุดหมายแรกคือสโมสรนายทหารกองร้อยย่อยที่ 1 ณ ตำบลไกน์สไฮม์

“ถึงนายพลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์ หัวหน้าทูตทหารไทย กรุงปารีส จงนำความชอบใจของข้านี้แจ้งแก่ทหารหาญของข้า ในการที่เขาได้แสดงความจงรักภักดี วันที่รู้สึกภูมิใจที่สุดของข้าก็คือวันที่ได้ทราบว่ากองทหารไทยได้รุกเข้าไปเหยียบดินแดนข้าศึกแล้ว และความระลึกแห่งมหามงคลกาลอันนี้จะฝังมั่นอยู่ในดวงใจส่งเสริมให้สู้เสียสละต่อไป ในนามแห่งชาติอันเป็นที่รักและเมืองมารดรของเรา จงนำความยินดีและพรนี้ไปแจ้งแก่กองทหารอันองอาจแกล้วกล้าของขาฉันเพื่อนผู้หนึ่งถึงสหายผู้ทำการอยู่ในสนามรบเทอญ”

พระราชโทรเลขสร้างความอิ่มเอมใจต่อเหล่าทหารอาสา

พันเอกพระเฉลิมอากาศยืนรอครู่หนึ่งก่อนอธิบายเพิ่มเติม

“วันนี้ผมพาทหารติดต่อมาเข้าประจำการ พวกเขาเป็นนักเรียนไทยในเยอรมันเพิ่งถูกปล่อยตัวจากที่คุมขัง เมื่อรู้ว่ามีทหารไทยทำหน้าที่อยู่ในดินแดนข้าศึก พวกเขายินดีและเต็มใจช่วยเหลือไม่เห็นแก่อันตราย”

ทหารติดต่อชุดแรกจำนวนหกนายประกอบไปด้วย

จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวงอุ่น อิสรเสนา ณ กรุงเทพ

จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวง อุดม สนิทวงศ์ ณ กรุงเทพ

จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวง เดช สนิทวงศ์ ณ กรุงเทพ

จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวง ไพจิตร สุทัศน์ ณ กรุงเทพ

จ่านายสิบชั่วคราว เติม บุญนาค

จ่านายสิบชั่วคราว ตั้ว ลพานุกรม

จรูญได้ยินชื่อผู้มาใหม่แล้วพาลตื่นเต้นตกใจ “แต่ละคนลูกเจ้านายทั้งนั้น ลูกตาสีตาสาไม่มีบ้างเหรอ”

“นักเรียนนอกจะมีลูกตาสีตาสาได้ยังไง” เพิ่มอธิบายไปยิ้มไป

“บอกตามตรงข้าใช้คำพูดไม่ถูก”

“พี่หมู่ต้องเรียกตามยศ”

“ได้สองคนหลังเป็นทหารติดต่อก็คงดี”

ความต้องการของจรูญตรงกับใจใครหลายคน โชคร้ายการจัดกำลังถูกกำหนดจากกรุงปารีส จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวงอุ่น อิสรเสนา ณ กรุงเทพ กับจ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวง อุดม สนิทวงศ์ ณ กรุงเทพ ได้รับคำสั่งให้เข้าประจำการกองร้อยย่อยที่ 1 ทำหน้าที่ทหารติดต่อ

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 122  เมื่อ 04 ก.ย. 24, 11:50

เสร็จจากภารกิจพันเอกพระเฉลิมอากาศรีบเดินมาพบร้อยตรีนพ เพื่อยื่นจดหมายฉบับหนึ่งก่อนเดินทางไปพบกองร้อยย่อยที่ 2 นี่คือจดหมายจากร้อยตรีนิจนายทหารสังกัดกองบินทหารบก

“หมวดอ่านเลยครับ” จรูญเสนอหน้าเข้ามาเป็นคนแรก

จากนั้นไม่นานร้อยตรีหนุ่มถูกรุมล้อมจากทหารอาสาหลายสิบนาย นพไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดเผยเรื่องราวของเพื่อนสนิท

“นพเพื่อนรัก…ฉันมีเวลาค่อนข้างน้อยในการเขียนจดหมาย แต่จะพยายามเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟังตามคำสัญญา

ฉันเรียนจบโรงเรียนการบินชั้นต้นวันที่ 2 พฤศจิกายน 2461 ทหารไทยสอบผ่านเก้าสิบห้านายจากหนึ่งร้อยหกนาย มีการคัดนักบินฝีมือดีไปฝึกนักบินเครื่องบินขับไล่ที่เมืองโป นักบินที่เหลือฝึกนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เมืองอาวอร์ต คิดว่านายคงเดาถูกฉันย้ายมาอยู่เมืองโปสักพักหนึ่งแล้ว

ทหารไทยต้องฝึกบินร่วมกับทหารญี่ปุ่น โปแลนด์ และฝรั่งเศส ฉันนอนตึกชั้นเดียวแยกห้องใครห้องมัน มีสโมสรใกล้ที่พัก มีห้องขายเครื่องดื่ม ห้องรับประทานอาหาร และห้องบิลเลียด สุขสบายกว่าที่เดิมหลายเท่าตัว

การฝึกเริ่มจากขับเครื่องบินแท็กซี่มาตามลานบิน ใช้เครื่องบินรุ่นโมรานตัดปีกสั้นมีความคล่องตัวสูง ฝึกบินในอากาศใช้เครื่องบินรุ่นนิเออปอร์ตขนาดสิบสามตารางเมตร เริ่มจากฝึกบินขั้นต้นไล่มาถึงฝึกบินผาดแผลง แต่ต้องฝึกกับเครื่องบินจำลองบนพื้นดินให้ชำนาญเสียก่อน”

“เครื่องบินจำลองคืออะไรครับ” เพิ่มมีคำถาม

“เครื่องบินรุ่นปรกติไม่มีผ้าใบ” นพอธิบาย “ครูฝึกให้ลูกศิษย์ขึ้นไปนั่งบนเครื่อง แล้วสอนวิธีบังคับเครื่องบินควงดอกสว่านกับวิธีแก้คืน”

“สอนยังไงครับ” จรูญตั้งคำถามบ้าง

“หมู่จรูญอยากรู้เดี๋ยวผมทำเรื่องโอนไปสังกัดกองบินทหารบก”

“ผมไม่ได้อยากรู้…ผมแค่ถามแทนไอ้เพิ่ม” โดนขู่เข้าหน่อยจรูญรีบแก้ตัวลิ้นพันกัน หมวดหนอหมวดไม่น่าแกล้งกันต่อหน้าธารกำนัล

“การฝึกบินผาดแผลงใช้ระดับความสูงหนึ่งพันสองร้อยเมตร ผ่านกลางสนามต้องบินท่าควงดอกสว่านให้ครูฝึกดูสามรอบ บางคนบินตั้งหลายรอบไม่ยอมควงสว่านเสียที บางคนทำเกินสามรอบเป็นหกหรือเจ็ดรอบ มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทำคนดูใจหายใจคว่ำ ซากเครื่องบินโหม่งโลกพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี เชื่อว่านักบินโชคร้ายชาวฝรั่งเศสคนนั้นคงไม่รอด

ทหารไทยโชคดีไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง มีแค่นักบินชั้นประทวนนายหนึ่งชนยอดไม้ขณะบินลง บาดเจ็บเล็กน้อยไหปลาร้าหักไม่กี่วันก็หายขาด วันนั้นฉันกำลังเครียดดันเดินมาเจอรถบรรทุกศพเล่นเอาขาแข้งสั่น

นักบินทุกนายจะกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นโต๊ะยาวมีจานชามวางประจำจุดใครจุดมัน เย็นวันไหนถ้าเห็นเก้าอี้ว่างเป็นอันมั่นใจได้ว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนผู้นั้นไปสู่สุคติไม่เดือดเนื้อร้อนใจแล้ว

ทันทีที่ทราบการทำสัญญาสงบศึก พวกเราและชาวต่างชาติพากันฉลองยกใหญ่ ฉันกับเพื่อนนั่งรถรางจากค่ายฝึกไปเที่ยวในตัวเมือง ชาวบ้านออกมาเดินร้องเพลงตามถนนข้ามวันข้ามคืน บ้านหลังไหนนิ่งเฉยอาจถูกปาก้อนหินสร้างความเสียหาย อยากกอดใครจูบใครเป็นอันอนุญาตไม่ติดใจถือสา แต่ฉันไม่ได้ทำดอก…ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียวเหมือนนาย”


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 123  เมื่อ 04 ก.ย. 24, 11:55

เพิ่มกำลังเคลิ้มไปกับเรื่องราวชวนฝันหวานที่เมืองโป บังเอิญเจ้าของจดหมายดันหยุดพูดโดยไม่บอกกล่าว “หมวดอ่านต่อสิครับ”

“จดหมายจบแค่นี้” นพตอบกลับค่อนข้างสั้น

เพิ่มแสดงความเห็นคัดค้าน “ปรกติหมวดนิจต้องมีคำลงท้าย”

“ผมบอกว่าจบก็จบซี”

เจ้าของจดหมายแสดงอาการคล้ายคนทำผิด นพกับจรูญรู้ทันทั้งคู่เพียงแต่ไม่กล้าทำอะไร คนที่กล้าทำคือร้อยเอกศรีผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1 เขาเดินมาด้านหลังเพื่อหยิบจดหมายจากเมืองโป ยื่นให้จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวง อุดม สนิทวงศ์ ณ กรุงเทพ อ่านเนื้อหาส่วนสุดท้าย

“พูดถึงเรื่องนี้ฉันแอบคิดถึงสาวสวยนัยน์ตาชวนฝัน จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่แม่สาวลูกครึ่งฝรั่งเศส-เยอรมัน คนที่ตามส่งข้าวส่งน้ำให้นายตลอดสองปี หล่อนสอนนายพูดภาษาฝรั่งเศสจนคล่องปาก ไม่รู้นายกับหล่อนนินทาฉันลับหลังหรือเปล่า เสียดายไม่มีวาสนาได้ร่วมเรียงเคียงหมอน แต่ก็ดีทำให้นายได้เจอแม่ช้อย แม่ช้อยงามทั้งกายและใจเหมาะสมกับนายมากที่สุด”

ทหารกองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ฉีกยิ้มโดยพร้อมหน้า

หมวดนพได้ภาษาฝรั่งเศสจากสาวสวยนัยน์ตาชวนฝัน

หล่อนเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-เยอรมันบังเอิญเจอกันตอนเรียนหนังสือ

จบตอนที่ 20

+++++++++++

ภาพประกอบคือภาพถ่ายนักเรียนไทยในเยอรมันที่ถูกควบคุมตัว คนยืนที่สองจากขวาคือ จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวง อุดม สนิทวงศ์ ณ กรุงเทพ เป็นตัวละครใหม่เข้ามาเติมเต็มเนื้อหาระหว่างทำภารกิจในดินแดนเยอรมัน


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 124  เมื่อ 04 ก.ย. 24, 12:12

สอบถามอาจารย์ทุกท่านครับ

ผมจะแสดงคลิปยูทูปได้ยังไง กดใส่ไฮเปอร์ลิงก์แล้วลบ s ออกจาก https แบบนี้หรือเปล่า

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 125  เมื่อ 05 ก.ย. 24, 11:34

ตอนที่ 21 แด่นารีที่ร้างอยู่ข้างหลัง

รถยนต์ที่ทหารไทยได้รับจากฝรั่งเศสค่อนข้างเก่า หลายคันอยู่ในสภาพใช้งานหนึ่งวันซ่อมหนึ่งสัปดาห์ เมื่อได้รับคำสั่งให้เดินทางเข้าสู่พื้นที่เยอรมัน พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์จึงทำเรื่องคืนรถหมดสภาพทุกคัน เหลือเฉพาะรถที่ใช้งานได้จริงจำนวนหนึ่งร้อยสี่สิบคัน

เมื่อกองทหารบกรถยนต์เดินทางถึงเมืองนอยสตัสส์ มณฑลปาลาติหนาต มีคำสั่งยุบกองรถยนต์ฝรั่งเศสที่ 14 เปลี่ยนเป็นกองหนุน รถบรรทุกขนาดสองตันครึ่งจำนวนสองร้อยคันถูกส่งมอบให้กับทหารไทย การจัดกำลังพลกองพันอิสระขึ้นตรงต่อแม่ทัพแห่งกองทัพยึดดินแดนเป็นไปตามนี้

หมวดรถยนต์ของกองบังคับการจำนวน 24 คัน

กองร้อยย่อยที่ 1 จำนวน 117 คัน

กองร้อยย่อยที่ 2 จำนวน 99 คัน

กองร้อยย่อยที่ 3 จำนวน 100 คัน

รวมทั้งสิ้น 240 คัน

กองทัพยึดดินแดนฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการทันที ทหารไทยทำหน้าที่ลำเลียงกระสุนปืน เสบียงอาหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์จากฝรั่งเศส มาตั้งมั่นเตรียมพร้อมบนพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์ ถ้าฝ่ายตรงข้ามบิดพลิ้วไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเซ็นสัญญาสงบศึก จะมีคำสั่งเคลื่อนทัพเข้าสู่ดินแดนเยอรมันเพื่อพิชิตชัยขั้นเด็ดขาด

วันที่ 26 ธันวาคม 2461 รถยนต์กองร้อยย่อยที่ 1 จำนวนเก้าสิบคัน รถยนต์กองร้อยย่อยที่ 2 จำนวนห้าสิบคัน รถครัวกองร้อยย่อยที่ 1 จำนวนสามคัน และรถครัวกองร้อยย่อยที่ 2 จำนวนสองคัน ออกเดินทางจากเมืองนอยสตัสส์มาถึงตำบลเด็ดส์ไวแลร์เวลา 17.00 น.ร้อยเอกศรี ศุขะวารีสั่งให้หยุดพักในโรงเรียนประจำตำบล วันรุ่งขึ้นจึงเดินทางต่อมาถึงตำบลครัวซ์ มาร์เวลา 15.00 น.ใช้โรงนอนทหารประจำตำบลเป็นที่พักชั่วคราว

วันที่ 28 ธันวาคม 2461 รถยนต์ห้าสิบคันเดินทางไปลำเลียงกระสุนปืนใหญ่ที่คลังกระสุนในเมืองแองโวกซ์ รถยนต์อีกห้าสิบสองคันเดินทางไปลำเลียงกระสุนปืนเล็กยาวจากสถานที่เดียวกัน ภารกิจนี้กินเวลายาวนานถึงสามวัน ส่งผลให้จ่านายสิบชั่วคราวหม่อมหลวงอุดมเกิดความสนิทสนมกับผองเพื่อน โดยเฉพาะจรูญ เพิ่ม และชื่นซึ่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกันทุกวัน

กองร้อยย่อยที่ 4 หมวด 2 หมู่ 3 เข้าร่วมภารกิจลำเลียงกระสุนปืนใหญ่ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาร้อยโทเรี่ยม เศวตเศรณี

เย็นวันหนึ่งหลังรับประทานอาหารร่วมกัน จรูญกับเพิ่มพาเพื่อนใหม่มานั่งดื่มกาแฟหน้าโรงนอน สายตาสามคู่เหลียวมองชื่นตรวจสอบรถยนต์ช่างเครื่องยนต์ตามลำพังพร้อมกับร้องเพลง

“จ่าปรับตัวได้หรือยัง” เพิ่มสอบถามเพราะความเป็นห่วง

จ่านายสิบชั่วคราวหันมาสบตา “เพิ่มคุณไม่ต้องห่วง…ตอนผมถูกจับพร้อมประจวบกับพี่ชาย ผมลำบากมากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า”

“จ่าถูกจับได้ยังไง” จรูญเกิดความสนใจขึ้นมาทันที

“ผมเรียนวิชาเอนยิเนียร์ที่เยอรมันตั้งแต่ปี 2547 เดือนมิถุนายน 2460 ผมมาทำเรื่องย้ายไปเรียนสวิตเซอร์แลนด์ที่กรุงเบอร์ลิน ตำรวจนครบาลจับผมกับเพื่อนสี่คนคุมขัง ประมาณสิบห้าวันถึงส่งตัวมาอยู่เมืองฮันโนเวอร์ ที่นี่เป็นวังเก่าสำหรับคุมขังทหารฝ่ายสัมพันธมิตร มื้อเช้าได้กาแฟกับขนมปังดำ มื้อกลางวันกับมื้อเย็นได้ซุปหนึ่งชาม”

“วังเก่าไกเซอร์” เพิ่มทบทวนความจำจากเรื่องราวที่เคยได้ยิน

หม่อมหลวงอุดมพยักหน้า “อยู่ที่นั่นบางวันดีบางวันร้าย ประมาณสองเดือนสถานทูตเริ่มส่งอาหารกระป๋องให้ พวกเราได้กินบ้างพนักงานหยิบไปบ้าง ในที่คุมขังเขาอนุญาตให้เล่นดนตรีได้ ผมเคยเข้าร่วมวงดนตรีหลายครั้ง และใช้เวลาว่างเรียนภาษาฝรั่งเศสจากเพื่อนเชลย”

“สู้หมวดนพไม่ได้ มีสาวลูกครึ่งช่วยสอนไม่เสียสตางค์”

มุกตลกของจรูญเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมวงสนทนา

“ทำไมจ่าถูกปล่อยตัว” เพิ่มสอบถามข้อเท็จจริง

“ไม่รู้เหมือนกัน…ผมได้รับใบอนุญาตปล่อยตัววันที่ 20 พฤศจิกายน 2461 ขึ้นรถไฟมานอนค้างเมืองโฮลซ์มินเดินหนึ่งคืน มีเชลยตามมาสมทบประมาณเก้าร้อยคน พวกเราเดินทางต่อผู้ชายนั่งรถบรรทุกสัตว์ผู้หญิงนั่งรถโดยสาร ใช้เวลาประมาณสิบห้าวันถึงกรุงปารีสจึงมาติดต่อสถานทูต”

การเดินทางของหม่อมหลวงอุดมเป็นไปอย่างขลุกขลัก อากาศหนาวจัดบนถนนเต็มไปด้วยหิมะ ประกอบกับตัวเองไม่สบายต้องขอให้คนคุมย้ายมาอยู่รถโดยสาร อาหารการกินจำกัดจำเขี่ยมีแค่พอประทังชีพ แต่ด้วยความมุมานะเขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคถึงที่หมายโดยปลอดภัย


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 126  เมื่อ 05 ก.ย. 24, 11:36

วันที่ 31 ธันวาคม 2461 ขบวนรถเฉพาะกิจเดินทางมาหยุดพักที่ตำบลเด็ดต์ไวแลร์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ร้อยเอกศรีอนุญาตให้ทหารทุกนายพักผ่อนอย่างเต็มที่ มีการจัดงานรื่นเริงขับกล่อมดนตรีไทยในดินแดนประเทศเยอรมัน

“ยามเมื่อลมพัดหวน ลมก็อวลแต่กลิ่นมณฑาทอง

ไม้เอยไม้สุดสูง อย่าสู้ปอง ไผเอยบ่ได้ต้อง แต่ยินนามดวงเอย

โอ้เจ้าดวง เจ้าดวงดอกโกมล กลิ่นหอมเพิ่งผุดพ้น พุ่มในสวนดุสิตา

แข่งแขอยู่แต่นภา ฝูงภุมราสุดปัญญาเรียมเอย…”


ชื่นทำหน้าที่ขับกล่อมบทเพลง ‘ลาวคำหอม’ แม้ไม่มีเครื่องดนตรีแต่พลังเสียงพลทหารนายนี้ไม่ธรรมดา บุคคลผู้ตื่นเต้นมากที่สุดคือหม่อมหลวงอุดม เขาเคยได้ยินชื่นร้องเพลงระหว่างเดินทางหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนลึกซึ้งกินใจน้ำเสียงทรงพลังเทียบเท่าครั้งนี้

หม่อมหลวงหนุ่มเยินยอนักร้องหนุ่ม “ชื่นมีเลือดศิลปินเต็มตัว”

“ขอบคุณครับ” ชื่นแสดงอาการเขินอาย

“ผมพูดเรื่องจริง…คุณเก่งกว่านักร้องเยอรมันที่ผมเคยฟัง”

“จ่าอุดม” จรูญแอบกระซิบข้างหู “ไอ้ชื่นมันบ้ายอใครๆ ก็รู้ จ่าชมมันแบบนี้พวกเราคงได้ฟังลาวคำหอมเช้ายันเย็น”

มุกตลกของจรูญเรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากทุกคน

ตอนนั้นเองเพิ่มพยายามเชิญชวนให้ชื่นกระทำบางสิ่งบางอย่าง เห็นเพื่อนเอาแต่บ่ายเบี่ยงพลทหารวัยสิบเก้าตัดสินใจกระทำด้วยตัวเอง

“จ่าครับ…จ่ารู้จักเพลงที่ทหารอเมริกันชอบร้องหรือเปล่า”

“รู้จัก…ชื่อเพลง เดอะเกิร์ลไอเล็ฟบีไฮด์มี”

“ชื่นอยากได้เนื้อเพลงครับ”

 “อยากได้เนื้อเพลง” หม่อมหลวงอุดมขมวดคิ้วใช้ความคิด “เพลงนี้เป็นเพลงพื้นบ้านอังกฤษใช้ทำนองเพลงไอริช ผมไม่รู้จักเนื้อร้องดั้งเดิมแต่ทุกคนแต่งใหม่ได้ ส่วนมากจะลงท้ายด้วยคำว่าเดอะเกิร์ลไอเล็ฟบีไฮด์มี”

เมื่อได้รับรู้ข้อเท็จจริงสองพลทหารพากันยิ้มกว้าง

“ชื่นอยากแต่งเพลงให้ทหารอาสา” เพิ่มช่วยอธิบาย “เราฟังทหารอเมริกันร้องเพลงนี้ทุกวัน เห็นพวกเขามีความสุขเลยอยากทำบ้าง”

“ผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก” ชื่นอธิบายเพิ่มเติม

“แต่ผมอ่านออก…และผมช่วยคุณได้”

เมื่อได้รับรู้ข้อเท็จจริงหม่อมหลวงอุดมยิ้มกว้างตามกัน

เขามีความรู้เรื่องดนตรีไทยและสากลอย่างแตกฉาน การแต่งเพลงเป็นภาษาอังกฤษย่อมไม่ใช่เรื่องยาก หนำซ้ำยังมีพลทหารเลือดศิลปินเป็นเพื่อนร่วมทีม เดอะเกิร์ลไอเล็ฟบีไฮด์มีภาษาไทยต้องสำเร็จอย่างรวดเร็ว


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 127  เมื่อ 05 ก.ย. 24, 11:37

จากความร่วมมือระหว่างชื่น หม่อมหลวงอุดม และผองเพื่อน ทหารอาสาทุกนายจึงได้ขับขานบทเพลง ‘แด่นาทีที่ร้างอยู่ข้างหลัง’

“แม่ชื่นใจเมื่อพี่ไกลจากเธอแล้ว   สู่ในแนวฝรั่งเศสเขตหนไหน

พี่วอนเธอให้ระลึกตรึกในใจ   สวดอวยชัยให้มีพี่โชคดีครัน

การจากน้องยอดรักแสนจักโศก   สู่วิโยกยากสิ่งทุกสิ่งสรรพ์

แต่ตัวพี่นี่มิใช่คนอาธรรม์   เมื่อยินลั่นคำชาติประกาศชู

ได้อยู่ร่วมกับน้องครองสวาท   เกษมสุขเหลือขนาดนั้นจริงอยู่

แต่สุดมองผองราชศัตรู   ลบหลู่ แดง น้ำเงิน ขาว ไม่เข้าที

เขาไปทัพเคี่ยวขับสงครามกัน   รักษามั่นทั้งชาติและโฉมศรี

ความคิดเขาเฝ้าคะนึงถึงนาที   ซึ่งเขาคิดว่ามีสัจจาจริง

เขามิได้ตั้งใจจะไปจาก   จำต้องพรากด้วยชีวีเป็นที่ยิ่ง

เขาเป็นชาติทหารไทยชาญชัยจริง   ยึดแน่วนิ่งผืนไตรรงค์ธงสำคัญ

ธุรกิจต้องกระทำประจำหญิง   ซึ่งถูกทิ้งอยู่ข้างหลังอย่างเขตขันธ์

ควรระลึกถึงคู่รักที่จากกัน   ซึ่งประจันอยู่ในแถวเขตแนวยิง

เมื่อขากลับนับเวลาได้หลายขวบ   มาประจวบเห็นทุสัจจ์เจ้าหล่อนสิง

ชีวิตเขาจะสลายมิวายประวิง   พร้อมทั้งสิ่งสุขารมย์ล้มละลาย

จงอย่าทำอย่างที่กล่าวนะเธอหนา   จุ่งตั้งความเสน่หาให้มั่นหมาย

เชิญต้อนรับสีกากีที่เลิศชาย   เมื่อเขาบ่ายหน้ากลับรับขวัญนาง

กางกรสองกอดประคองฉลองรัก  เสนอพักตร์รับจุมพิตอย่าอางขนาง

เขาจะปลื้มมิได้ลืมเล่าบอกนาง   ถึงถิ่นแถวแนวทางที่ผ่านไป

คงมีวันจะบันดาลการภายหน้า   มหาสงครามเช่นนี้เวลาคงหาย

ทหารหนุ่มกลุ้มรักยอดยาใจ   จะกลับมาหาเธอใหม่โดยฉับพลัน

อันนารีแถบนี้วิไลเลิศ   สวยประเสริฐทุกหนแห่งเหมือนแกล้งสวรรค์

แต่จะเปรียบความงามของนางนั้น   ยังไกลครันกับที่บ้านหาญรับรอง

เมื่อขณะเหล่าทหารชาญฉกาจ   เดินด้วยเพลงประจำชาติบรรเลงก้อง

ให้รู้สึกเร้าใจในทำนอง   ว่าตัวของเรียมได้ไปทำงาน

พี่บอกน้องคราวประคองน้องจุมพิต   ริมฝีปากน้อยนิดเธอแสนหวาน

ว่าตัวพี่นี้ต้องพรากจากนงคราญ   อีกไม่นานเราคงพบประสบกัน

อย่าเลิกร้างทิ้งขว้างนะนงลักษณ์   แม้เธอรักแล้วจงคอยอย่าบิดผัน

หากชาตินี้มิได้พบประสพกัน   คงมีวันพบที่ประตูทอง

บางนารีมิได้มีความมานะ   หมดสัจจะที่จะคอยประสมสอง

เหหันรักชายอื่นชื่นประคอง   เมื่อคู่ของเธอพรากต้องจากไป

จงอย่าคบคนถ่อยคอยเหหวน   เขาเหล่านั้นยังหาควรมีโชคไม่

ผู้สมควรได้รับเกียรติสิ่งนี้ไซร้   คือผู้ไปประเทศฝรั่งเศสมา

พี่ขอจบจดหมายนี้โดยมีหวัง   ว่าเธอยังเป็นของพี่ในภายหน้า

ในชั่วโมงนี้หนอพี่ขอลา   ตลอดวาระนี้ลาทีเอย”

จบตอนที่ 21



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 128  เมื่อ 05 ก.ย. 24, 11:54

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

ข้อมูลจากหนังสือ ‘ทหารอาสาสงครามโลกอนุสรณ์’ หน้า 145 ระบุว่า เพลง ‘แด่นาทีที่ร้างอยู่ข้างหลัง’ ถอดพากษ์ไทยโดย พลทหาร ชื่น บุณยพุกกณะ ส่วนเนื้อหาภาษาอังกฤษที่ผมไม่ได้ลงไม่มีข้อมูลชื่อผู้แต่ง รวมทั้งไม่มีข้อมูลระยะเวลาในการแต่งเพลง เรื่องราวที่ผมใส่เข้ามาจึงเป็นข้อเท็จจริงแค่เพียงบางส่วน

พลทหาร ชื่น บุณยพุกกณะ เมื่อกลับเมืองไทยมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานตามลำดับ ตำแหน่งสูงสุดคือ รองอำมาตย์โท ขุนรักษาดรุพันธุ์ ส่วนนามสกุล บุณยพุกกณะ พระราชทานแด่ รองหุ้มแพรรวย  นายเวรรับใช้  กรมพระอัศวราช  ทวดชื่อเจ้าหมื่นศรีสุรรักษ์ (สมบุญ)  บิดาชื่อขุนอักษรเลข (พุก) ในปี 2458

บทเพลง ‘the girl i left behind me’ รับฟังได้จากคลิปนี้ ถ้าเพลงไม่เล่นรบกวนอาจารย์ช่วยลงให้ด้วยครับ





บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 129  เมื่อ 06 ก.ย. 24, 12:19

ตอนที่ 22 ดั่งใบไม้ร่วงหล่น

วันที่ 1 มกราคม 2462 ขบวนรถเฉพาะกิจเดินทางมาถึงเมืองไวส์เซ็นต์บูร์ก รถบรรทุกกระสุนปืนใหญ่จำนวนสามสิบห้าคันแบ่งเป็นสามสาย แยกย้ายไปส่งอาวุธให้กับทหารฝ่ายสัมพันธมิตรตามฐานทัพน้อยใหญ่ เสร็จเรียบร้อยจึงเดินทางกลับที่ตั้งในเมืองนอยสตัสส์ เพื่อเข้าร่วมพิธีฉลองปีใหม่และวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โรงแรมซุม เลอเว่นสถานที่จัดงานประดับโคมไฟแลดูสวยงาม ห้องโถงถูกเปลี่ยนเป็นห้องอาหารสำหรับนายทหารไทยและฝรั่งเศส ประดับธงชาติสองชาติบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสองฝ่าย ประตูทางเข้ามีป้ายกระดานเขียนภาษาไทยกับฝรั่งเศสใจความว่า ‘ขอให้สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6 พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงจงพระเจริญ’

อาหารการกินในงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งเพิ่มมากเป็นพิเศษสำหรับทหารไทย ทหารที่ต้องเดินทางไปทำภารกิจจะได้รับอาหารก่อน ส่วนทหารซึ่งอยู่ในที่ตั้งได้รับทั้งอาหารของหวานมากกว่าทุกวัน ฝรั่งเศสยังแจกแชมเปญอวยพรปีใหม่แด่ทหารไทยสี่คนต่อหนึ่งขวด

พันเอกพระเฉลิมอากาศกล่าวสุนทรพจน์ในงานใจความว่า

“ในวันที่ 1 มกราคมนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ของฝรั่งเศส และตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉะนั้น นับว่าเป็นวันงานรวมกับทั้งไทยและฝรั่งเศส ขอชักชวนให้นายทหารทั้งหลายดื่มสำหรับความเจริญสุขให้แก่ทหารฝรั่งเศสสัมพันธมิตรที่รัก”

ร้อยเอกเลอะลอร์แรงผู้กำกับการกองรถยนต์ฝรั่งเศส ได้ลุกขึ้นยืนเพื่อกล่าวตอบพันเอกพระเฉลิมอากาศใจความว่า

“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับประทานอาหารร่วมกันในโอกาสนี้ ซึ่งนับว่าเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม ขอชักชวนให้นายทหารทั้งหลายดื่มถวายชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามและกองทัพบกสยาม”

นี่คือพิธีฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งแรกในดินแดนเยอรมัน


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 130  เมื่อ 06 ก.ย. 24, 12:25

ย้อนกลับมาที่ขบวนรถเฉพาะกิจส่วนที่ยังไม่ได้เดินทางกลับ วันที่ 2 มกราคม 2462 มีคำสั่งจากร้อยเอกศรีผู้บังคับขบวน ให้รถบรรทุกสิบห้าคันเดินทางไปส่งกระสุนปืนใหญ่ที่เมืองแอร์เลนบาค รถบรรทุกยี่สิบคันส่งกระสุนปืนใหญ่ที่ตำบลรุลส์ไฮม์ รถบรรทุกสิบสี่คันส่งกระสุนปืนใหญ่ที่ตำบลนีเดสไฮม์ รถบรรทุกสิบหกคันส่งกระสุนปืนใหญ่ที่ตำบลซีฟแฟร์สตัสส์ และรถบรรทุกหกคันส่งกระสุนปืนใหญ่ที่ตำบลซันเดร์ไฮม์กับเฮาโฮเฟ่น

กองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ร่วมทำภารกิจส่งกระสุนปืนใหญ่ ตำบลรุลส์ไฮม์เป็นที่ตั้งทหารบกจากสหรัฐอเมริกา ทหารอเมริกันนิสัยดีเห็นทหารไทยมีอาหารไม่มาก จึงนำของกินมาแจกเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ และชวนคุยอย่างเป็นกันเองจนกระทั่งทหารไทยเดินทางกลับ

ระหว่างรับประทานอาหารเย็นในที่พักชั่วคราว มีการสนทนาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นตามปรกติ เพิ่มมีปัญหาคาใจบังเอิญได้ยินจากทหารอเมริกัน เนื่องจากตัวเองความรู้จำกัดไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่

“หมวดครับ…ผมได้ยินทหารอเมริกันพูดว่า ทหารที่อยู่แนวหน้าอายุค่อนข้างสั้น นักบินอายุเฉลี่ยสามเดือน ทหารม้าอายุเฉลี่ยหกเดือน ทหารราบอายุเฉลี่ยสิบสองเดือน ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ”

“คุณเข้าใจถูกแล้ว” นพภูมิใจเรื่องลูกน้องคนสนิทเก่งภาษาอังกฤษ

“ทำไมอายุสั้นจังเลย” จรูญตกใจข้อมูลที่ได้รับจากทหารอเมริกัน

เขาเป็นทหารราบมีหน้าที่ลำเลียงอาวุธกับเสบียงอาหาร อายุเฉลี่ยย่อมมากกว่าทหารราบที่อยู่แนวหน้า แต่เพื่อนทหารอาสากองบินทหารบกนั้นเล่า ถ้าทุกคนสำเร็จการศึกษาถูกส่งมาทำภารกิจ จะมีอายุเฉลี่ยในสนามรบประมาณสามเดือน เวลาเพียงสามเดือนน้อยเสียจนน่าตกใจ

“เรื่องอายุเฉลี่ยผมไม่แน่ใจ บางทีอาจเป็นเพียงข่าวลือ” นพไม่กล้าแสดงความเห็นมากกว่านี้ เพราะรู้ดีลูกน้องตัวเองกำลังอกสั่นขวัญแขวน ขืนพูดอะไรออกไปอาจกลายเป็นไฟลามทุ่ง ตัวเองควรนิ่งเฉยรอให้เรื่องนี้เลือนหายไปเอง หรือให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงชี้แจงอย่างเป็นทางการ

ภาพประกอบคือรถบรรทุกเรอะโนลต์ขนาดสองตันครึ่งที่ทหารไทยใช้งาน เป็นรถช่างเครื่องยนต์ประดับธงไตรรงค์และเขียนข้างตัวรถว่า 'รถช่างเครื่องไทย' มีทหารฝรั่งเศสหนวดงามยืนอยู่กลางภาพ มีคนฝรั่งเศสออกอยู่มุมซ้ายสวมสูทสวมหมวกทรงสูง บ้านคนฝรั่งเศสรูปทรงสามเหลี่ยมมีห้องใต้หลังคา เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นจากยุคสมัยนั้นๆ





บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 131  เมื่อ 06 ก.ย. 24, 12:27

วันที่ 3 มกราคม 2462 รถทุกคันเดินทางถึงเมืองนอยสตัสส์ การทำภารกิจนอกพื้นที่เก้าวันประสบความสำเร็จ ผู้บังคับบัญชาทั้งไทยและต่างประเทศพอใจมาก แต่ถึงกระนั้นใครคนหนึ่งกลับมีใบหน้าหมองเศร้า

“หมวดนพเป็นอะไรหน้าหงิกทั้งวัน” จรูญสอบถามลูกน้อง

คำตอบที่ได้รับจากเพิ่มคือการส่ายหัวแผ่วเบา

“เป็นแบบนี้นานหรือยัง”

“ตั้งแต่ได้ยินเพลงที่ชื่นกับจ่าอุดมช่วยกันแต่ง”

“อ๋อ…หมวดคงคิดถึงลูกสาวเศรษฐีล้วน”

บทเพลงแด่นาทีที่ร้างอยู่ข้างหลังเนื้อหาลึกซึ้งกินใจ ประกอบกับที่นี่อากาศหนาวเย็นค่อนข้างเงียบสงบ พลอยทำให้คนมีความรักหัวใจร้อนรุ่ม จรูญเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเข้าใจชัดเจน ส่วนเพิ่มยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรัก เขาแอบสงสัยแค่บทเพลงส่งผลกระทบขนาดนี้เชียวหรือ

นอกจากนพยังมีทหารอาสาหลายนายห่างไกลจากคนรัก ได้ยินชื่นขับขานบทเพลงพลอยเศร้าหมองตามกัน เดือนมกราคมทหารอาสามากมายตกอยู่ภวังค์แห่งความคิดถึง หลายคนคิดถึงพ่อแม่ หลายคนคิดถึงลูกเมีย หลายคนคิดถึงคนรัก หลายคนไม่มีคู่ครองพาลคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน

แด่นาทีที่ร้างอยู่ข้างหลังกลายเป็นบทเพลงได้รับความนิยม ทหารทุกนายได้ยินเพื่อนทหารเจื้อยแจ้วขับขานทุกเมื่อเชื่อวัน ระหว่างขับรถฝ่าความหนาวเหน็บส่งกำลังบำรุงในมณฑลปาลาติ บทเพลงนี้กลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนไกลบ้าน ให้ตั้งใจทำงานทำหน้าที่เพื่อชาติอย่างสมเกียรติ

ระหว่างนั้นมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บังคับบัญชา ร้อยเอกแม้น เหมะจุฑากับร้อยโทพล เสนีวงศ์ ณ กรุงเทพถูกส่งตัวไปรับการศึกษาเพิ่มเติมในยุทธบริเวณกองทัพอังกฤษ ร้อยโท หม่อมเจ้า นิตยากร วรวรรณถูกแต่งตั้งเป็นผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3 เป็นข่าวดีเล็กๆ ปะปนอยู่กับข่าวร้ายบั่นทอนความรู้สึก ซึ่งเกิดขึ้นอย่างถี่ยิบราวกับถูกกำหนดไว้แล้วล่วงหน้า

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทหารจำนวนหนึ่งไม่สบายเพราะสภาพอากาศ ทหารอาสาที่สละชีพเพื่อชาติไทยประกอบไปด้วย

วันที่ 22 มกราคม 2462 สิบเอกปุ้ย ขวัญยืน ถึงแก่กรรมที่ตำบลมุสส์บาฆ ประเทศเยอรมัน

วันที่ 26 มกราคม 2462 จ่านายสิบเจริญ พิรอด ถึงแก่กรรมที่ตำบลกอกรัมสไตน์ ประเทศเยอรมัน

วันที่ 29 มกราคม 2462 พลทหารศุข เพิ่มพ่วงพันธุ์ ถึงแก่กรรมที่เมืองนอยสตัสส์ ประเทศเยอรมัน

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2462 พลทหารเนื่อง พิณวานิช ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลทหารปืนใหญ่ เมืองอาวองค์ ประเทศฝรั่งเศส

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2462 พลทหารนาค พุยมีผล ถึงแก่กรรมที่หมวดพยาบาล เมืองนอยสตัสส์ ประเทศเยอรมัน

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2462 พลทหารบุญ ไพรวรรณ กับพลทหารโป๊ะ ซุกซ่อนภัยนาค ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลอเมริกันที่ 57 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2462 พลทหารเชื่อม เปรมใจปรุง ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลอเมริกันที่ 57 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2462 ดาบเยื้อน สังข์อยุทธ ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลอเมริกันที่ 57 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2462 สิบตรีนิ่ม ชาครีรัตน์ ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลอเมริกันที่ 57 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ความสูญเสียดั่งใบไม้ร่วงหล่นทำลายทั้งขวัญและกำลังใจ


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 132  เมื่อ 06 ก.ย. 24, 12:28

ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากมีข่าวดีเกิดขึ้นที่เมืองนอยสตัสส์

บ่ายวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2462 พันเอกติกซีเยร์นำตราครัวซ์ เดอะ แกรร์มามอบให้กับนายทหารชาวไทยประกอบไปด้วย

1.พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์ ผู้บังคับการกองรถยนต์ทหารบก

2.ร้อยเอกศรี ศุขะวารี ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1

3.ร้อยเอกเพิ่ม อุณหสูต ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 2

4.ร้อยตรีภักดิ์ เกษสำลี ผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1

5.ร้อยตรีกระมล โชติกเสถียร ผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 2

ตราครัวซ์ เดอะ แกรร์สร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารกล้า

เพิ่มกับจรูญดีใจมากที่ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1 ได้รับการยกย่องเชิดชู เพียงแต่สงสัยเล็กน้อยเรื่องวิธีคัดเลือกของกองทัพฝรั่งเศส

จรูญเป็นคนพูดเปิดหัว “หมวดนพทำงานหนักไม่ต่างจากหมวดภักดิ์ ทำไมหมวดภักดิ์ได้แต่หมวดนพไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้”

“ผมเห็นด้วย” เพิ่มมีความในใจมากมายที่ตัวเองไม่ควรบอกใคร

“เขาคงเลือกจากตำแหน่ง” หม่อมหลวงอุดมแสดงความเห็น

ร้อยตรีภักดิ์ตำแหน่งรองจากร้อยเอกศรีเพียงคนเดียว การมอบตราครัวซ์ เดอะ แกรร์ให้กองร้อยย่อยที่ 1 จำนวนสองนายย่อมเป็นสองคนนี้ ร้อยตรีนพซึ่งอยู่อันดับสามจึงไม่ได้รับการเชิดชูเกียรติจากประเทศฝรั่งเศส

ทว่าเขาได้รับการเชิดชูเกียรติจากทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 1

จบตอนที่ 22
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 133  เมื่อ 07 ก.ย. 24, 11:58

ตอนที่ 23 การรบที่แวร์เดิง

ความหนาวคือศัตรูตัวฉกาจทหารอาสาแห่งกรุงสยาม ผู้หาญกล้าทั้งสิบชีวิตไม่มีโอกาสหวนกลับคืนแผ่นดินแม่ รวมทั้งนายดาบเยื้อนซึ่งเป็นแพทย์ทหารลูกน้องคนสนิทร้อยตรีชุ่ม เขาถูกโรคนิวมอเนียเล่นงานจนละสังขารจากโลกนี้ไป พลทหารโป๊ะซึ่งเคยรอดชีวิตจากเหตุระเบิดในกองร้อยย่อยที่ 2 จำต้องชีวาวายม้วยมรณังฝังร่างอยู่ในดินแดนเมืองน้ำหอม

สภาพอากาศส่งผลกระทบต่อการทำภารกิจ กลางคืนหนาวจัดผ้าห่มสองผืนป้องกันความหนาวไม่ได้ กลางวันต้องทำงานโชคร้ายรถบรรทุกยี่สิบคันใช้งานได้เพียงเจ็ดคัน รถส่วนใหญ่หม้อน้ำแตกเพราะน้ำแข็งตัวจากด้านใน หิมะหรือสโนก็ตกกระหน่ำทุกวันยิ่งกว่าพายุฝนในประเทศฝรั่งเศส 

ทหารทุกกองร้อยย่อยพยายามป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ แต่แล้วเมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคม 2462 ยังมีผู้จากไปจำนวนสองรายประกอบไปด้วย

วันที่ 2 มีนาคม 2462 พลทหาร ศิลา นอบภูเขียว ถึงแก่กรรมที่หมวดพยาบาล เมืองนอยสตัสส์ ประเทศเยอรมัน

วันที่ 4 มีนาคม 2462 จ่านายสิบชั่วคราว หม่อมหลวงอุ่น อิสรเสนา ณ กรุงเทพ ถึงแก่กรรมบนถนน เมืองนอยสตัสส์ ประเทศเยอรมัน

การเสียชีวิตของหม่อมหลวงอุ่นสร้างความตกใจและตกตะลึง

ชายหนุ่มผู้กล้าจากไปแบบปุบปับ จากไประหว่างทำหน้าที่เพื่อชาติเพื่อคนในชาติ เขาเต็มใจพลีชีพทั้งที่ตัวเองไม่ใช่ทหารอาสา อาจเป็นเพราะร่างกายอ่อนล้าหลังถูกคุมขังอยู่ในเยอรมันเป็นเวลาช้านาน เมื่อต้องทำงานหนักติดต่อกันในสภาพอากาศหนาวเหน็บร่างกายจึงทนไม่ไหว

นพเสียใจเหลือเกินเรื่องสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชา

ทว่าบุคคลผู้เสียใจมากที่สุดก็คือจ่านายสิบชั่วคราวหม่อมหลวงอุดม

บรรดาเพื่อนสนิทร่วมกองร้อยย่อยพยายามช่วยปลอบใจ

“จ่าอย่าคิดมาก” จรูญไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้

เขาเคยรู้สึกไม่ดีกับลูกเจ้านายได้รับการศึกษาสูง คิดว่าทุกคนมาเป็นทหารสื่อสารเพราะอยากโก้เก๋มีหน้ามีตา แต่แล้วเมื่อได้ทำงานร่วมกันรู้จักนิสัยใจคอซึ่งกันและกัน ทหารชั้นประทวนพูดเก่งพบว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ จะลูกเจ้านายหรือลูกคนสวนก็มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไม่แตกต่างกัน

“ผมทำให้คุณอุ่นตาย” หม่อมหลวงหนุ่มน้ำเสียงสั่นสะท้าน “ทีแรกคุณอุ่นตั้งใจช่วยงานสถานทูตในปารีส เห็นผมกับพี่เดชสมัครทหารอาสาเลยอยากตามมา ผมรู้ว่าร่างกายเขายังไม่แข็งแรงแต่ผมกลับไม่ห้าม”

“ไม่ใช่ความผิดจ่า” นพพยายามอธิบาย “จ่าอุ่นไม่สบายหลายวันแล้ว เขาไม่ยอมไปหมวดพยาบาลอ้างว่าไม่เป็นอะไร หมวดภักดิ์ให้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในที่พัก แต่จ่าอุ่นอยากช่วยเพื่อนสื่อสารกับคนเยอรมัน วันนั้นทุกคนมัวแต่วุ่นวายเรื่องงาน รู้ตัวอีกทีเห็นจ่าอุ่นนอนฟุบอยู่ข้างรถ”

“เสียใจด้วยครับ” เพิ่มพยายามให้กำลังใจเพื่อนร่วมรบ เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากช่วยพิธีฝังศพ และคาดหวังว่าหม่อมหลวงอุดมจะก้าวผ่านความทุกข์ระทม กลับมาเป็นผู้ชายสุภาพอ่อนโยนมีน้ำใจไมตรีกับทุกคน


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 134  เมื่อ 07 ก.ย. 24, 12:00

สิบสองชีวิตที่จากไปเป็นปัญหาใหญ่ให้ทุกคนต้องปวดหัว พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์ หัวหน้าทูตทหารพิเศษแวะมาเยี่ยมเมืองนอยสตัสส์อย่างเร่งด่วน เขาอยากสร้างกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่พากันขวัญเสีย จึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ตัวเองรับรู้ผ่านเอกสารราชการให้รับฟัง เริ่มต้นจากกองร้อยย่อยที่ 1 ซึ่งได้หยุดพักไม่ต้องส่งกำลังบำรุงเป็นเวลาหนึ่งวัน

“ตอนนี้ธงชัยเฉลิมพลอยู่ระหว่างการเดินทาง”

“ฝรั่งจะมอบตราครัวซ์ เดอะ แกรร์ให้กับธงชัยเฉลิมพล”

“วันที่ 7 มีนาคม ร้อยโทวัน ชูถิ่นกับทหารกองบินทหารบกยี่สิบหกนาย จะไปฝึกการบินขับไล่ที่โรงเรียนฝึกขั้นสูงตำบลบลาแบร์”

ข่าวดีจากพลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์มีผลเพียงน้อยนิด ทหารทุกนายเกิดความเครียดจากการทำงานใต้สภาวะอากาศหนาวเย็น จำเป็นต้องนำประสบการณ์จากการรับราชการมาอย่างยาวนานในการแก้ไข

“ผมจะเล่าเรื่องการรบที่แวร์เดิงให้ฟัง”

คำพูดประโยคเดียวเรียกความสนใจจากทหารอาสาทุกนาย

เพิ่ม จรูญ นพ รวมทั้งชื่นพากันขยับตัวเข้าใกล้มากกว่าเดิม

“การรบครั้งสำคัญในสงครามโลกมีด้วยกันสองสมรภูมิ หนึ่งการรบที่แวร์เดิงและสองการรบที่แม่น้ำมาร์น การรบที่ป้อมแวร์เดิงเป็นการรบครั้งสำคัญมากที่สุด ทหารทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างทรหดสมศักดิ์ศรีชาตินักรบ

แวร์เดิงคือหมู่ป้อมปืนหลายป้อมรวมกัน มีการจัดวางตำแหน่งอย่างสลับซับซ้อนยากในการโจมตี ทันทีที่ข้าศึกบุกยึดป้อมใดป้อมหนึ่งได้ จะตกเป็นเป้าหมายให้ป้อมที่เหลือระดมโจมตี ที่ตั้งแวร์เดิงค่อนข้างเหมาะสมทำการสู้รบมีความยุ่งยากซับซ้อน ทหารทั้งสองฝ่ายเกิดความสูญเสียค่อนข้างหนัก ทั้งในด้านกำลังพลและด้านยุทธปัจจัยจำนวนมหาศาล”

หัวหน้าทูตทหารพิเศษเกริ่นนำเล็กน้อยก่อนเข้าสู่เนื้อหา



“ป้อมสำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือป้อมดูโอมองค์ สร้างด้วยแบบแปลนทันสมัยคล้ายเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง อยู่ใต้ดินลึกลงไปตั้งแต่ยี่สิบถึงสี่สิบเมตร ยอดป้อมถูกเจาะช่องไว้ยิงปืนใหญ่กับปืนกลรอบทิศทาง โผล่เหนือพื้นดินเพียงเล็กน้อยและถูกป้องกันด้วยหินเหลี่ยมและหนา

ทหารเยอรมันกับฝรั่งเศสผลัดกันครอบครองป้อมดูโอมองค์ ในป้อมมีกระสุนปืนตกเกลื่อนกลาดจำนวนมาก ผู้บัญชาการป้อมชาวฝรั่งเศสเคยอธิบายว่า เยอรมันจะเริ่มโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง ก่อนส่งทหารราบเข้ามาจู่โจมระยะประชิด กระสุนปืนใหญ่เยอรมันทำให้ตัวเองรู้สึกโคลงเคลงไปมา ราวกับว่าป้อมดูโอมองค์คือเรือกลไฟลอยลำอยู่ในทะเล

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 16 คำสั่ง