เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12
  พิมพ์  
อ่าน: 23063 ทหารอาสาแห่งกรุงสยาม
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 07 ก.ย. 24, 12:03

การรบที่แวร์เดิงค่อนข้างผิดแปลกไปจากที่อื่น ทหารทั้งสองฝ่ายอยู่ในป้อมที่ตัวเองเป็นผู้ยึดครอง การรบหลักคือการระดมยิงปืนใหญ่ไม่ใช่การรบระยะประชิด ต่างจากสมรภูมิแห่งอื่นที่สนามเพลาะมักอยู่ห่างกันไม่เกินสามสิบเมตร เวลาพักรบทหารสองฝ่ายตะโกนโต้ตอบกันได้ ที่นี่ฝนตกหนัก หมอกหนาทึบ ลมกรรโชกแรง กระสุนปืนเล็กยาวแทบไม่มีประโยชน์ใดๆ

ทหารเยอรมันใช้กระสุนปืนใหญ่วันละเจ็ดหมื่นนัด กระสุนจำนวนมากพลัดตกบ้านเรือนแถวนั้นจนพังพินาศ พื้นที่โดยรอบเปรียบเสมือนลูกคลื่นไกลลิบลับสุดลูกหูลูกตา เนื้อดินถูกเผาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนดูเหมือนขี้บุหรี่ พลเอกมกุฎราชกุมารของเยอรมันเป็นผู้บัญชาการเข้าตีป้อมแวร์เดิง ว่ากันว่าถ้าเขาสำเร็จจะได้เลื่อนยศจากไกเซอร์เป็นจอมพล ทหารเยอรมันห้าแสนนายถูกส่งมาที่แวร์เดิง สมรภูมิด้านอื่นจึงพลอยอ่อนด้อยตกเป็นรอง

เยอรมันเปลี่ยนมาใช้กำลังทหารราบบุกทะลวง ได้รับการสนับสนุนจากปืนใหญ่นับร้อยกระบอก สามารถทะลุแนวป้องกันยึดป้อมปืนสำคัญสมความตั้งใจ ฝรั่งเศสรีบหันปากกระบอกปืนใหญ่ใส่ป้อมที่ตัวเองเคยยึดครอง ทหารเยอรมันต้องถอยร่นมารวมตัวอยู่ในป้อมหลบหนีไม่ได้ ติดต่อกับเพื่อนตัวเองก็ไม่ได้ เมื่อถูกทหารฝ่ายสัมพันธมิตรโต้กลับต้องยกธงชาวยอมแพ้



การรบครั้งสุดท้ายที่แวร์เดิงฝรั่งเศสใช้ปืนใหญ่แปดร้อยกว่ากระบอกยิงถล่มติดกันหกวัน ใช้กระสุนปืนใหญ่รวมกันมากกว่าหนึ่งล้านหนึ่งแสนนัด กำลังเสริมของเยอรมันเดินทางมาช่วยช้าเกินไป แนวต้านซึ่งมีกำลังพลน้อยกว่าพังทลายราบคาบ ทหารเยอรมันหลักหมื่นคนถูกจับเป็นเชลย”

เหตุผลที่การรบที่แวร์เดิงเกิดความสูญเสียอย่างหนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมกุฎราชกุมารเยอรมันไม่ต้องการเสียหน้า เขาสั่งทหารบุกเข้าตีอย่างหนักเพื่อยึดป้อมกลับ กำลังพลอันแสนเกรียงไกรเริ่มอ่อนล้าไร้ประสิทธิภาพ มีการเจรจาพักรบหลายครั้งเพื่อเก็บศพเพื่อนทหารฝ่ายตัวเอง

พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์ปิดท้ายด้วยคำพูดชวนเศร้าใจ

“เวลาสามร้อยสามวันมีผู้เสียชีวิตมากกว่าสามแสนคน ฝรั่งเศสอาจได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดที่แวร์เดิง แต่ต้องสูญเสียทหารในการรบมากกว่าฝ่ายเยอรมัน ส่งผลให้กองทัพฝรั่งเศสที่กำลังเหนื่อยล้าใกล้ล่มสลาย เหตุผลที่ฝรั่งเศสยังไม่แพ้พ่ายในสงคราม เนื่องจากแนวรบด้านตะวันตกเป็นแนวสนามเพลาะความยาวมากกว่าเก้าพันหกร้อยกิโลเมตร”

ความใหญ่โตของสงครามคือสิ่งหยุดยั้งไม่ให้เยอรมันได้รับชัยชนะ

สงครามโลกสร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อทุกชาติในยุโรป

ชีวิตมนุษย์ถูกสังเวยโดยเปล่าประโยชน์  ไม่มีรางวัลใดๆ ที่จะได้รับหรือสูญเสีย มีแต่การฆ่ามนุษย์และเกียรติศักดิ์แห่งการได้ชัยชนะเท่านั้น

จบตอนที่ 23

ภาพล่างคือสภาพป้อมดูโอมองค์หลังสิ้นสุดสงคราม มองเห็นร่องรอยกระสุนปืนใหญ่จำนวนมากรอบตัวป้อม สถานที่แห่งนี้คือการรบครั้งสำคัญลำดับต้นๆ ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 08 ก.ย. 24, 09:19

ตอนที่ 24 ธงชัยเฉลิมพล

ระหว่างทำภารกิจส่งกำลังบำรุงให้กับทหารฝ่ายสัมพันธมิตร มีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่ตำบลมุสส์บาฆ กองร้อยย่อยที่ 2 ได้รับคำสั่งย้ายที่ตั้งมาอยู่ตำบลโฮคสไปย์แอร์ไม่ไกลจากกองร้อยย่อยที่ 3 กองบังคับการให้เหตุผลว่าเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารจากส่วนกลาง

การย้ายที่ตั้งกองร้อยย่อยที่ 2 มีข่าวลือเกิดขึ้นมากมาย ทหารอาสาส่วนใหญ่ไม่ยอมรับเหตุผลกองบังคับการ ต้องมีอะไรมากกว่านั้นถึงมีคำสั่งโยกย้ายระหว่างทำศึก เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องราว

ทหารกองร้อยย่อยที่ 1 ใช้เวลาครุ่นคิดข้ามวันข้ามคืน วันรุ่งขึ้นจึงค้นพบหลักฐานสำคัญพยานบุคคล พลทหารชื้นซึ่งรับหน้าที่ขับรถให้กับพันเอกพระเฉลิมอากาศ เดินทางกลับที่ตั้งและถูกจรูญเรียกตัวมาสอบถาม
จากนั้นไม่นานทั้งคู่เดินมาพบเพิ่ม ชื่น และหม่อมหลวงอุดม

จรูญออกคำสั่ง “ไอ้ชื้น…เอ็งเล่าให้ข้าฟังอีกครั้ง”

“ผมได้ยินนายทหารคนหนึ่งพูดว่า” ชื้นถ่ายทอดเรื่องราว “กองร้อยย่อยที่ 2 ใช้ห้องโถงโรงแรมเป็นสโมสรนายทหาร เย็นวันหนึ่งหมวดชื่นกินข้าวร่วมกับทหารฝรั่งเศส มีฟรอยไลน์ผมทองสวยน่ารักทำหน้าที่ดูแล”

“เดี๋ยวก่อนไอ้ชื้น ฟรอยไลน์คืออะไร?”

“สาวใช้จ้ะพี่หมู่”

“เอ็งอย่ามาจ้ะกับข้า…เป็นทหารต้องเข้มแข็งมีวินัยพูดใหม่เดี๋ยวนี้!”

“สาวใช้ครับหมู่จรูญ!”
 
“ดีมาก” จรูญหน้าตาล่อกแล่กเข้ามากระซิบข้างหู “แล้วยังไงต่อ”

เพิ่ม ชื่น และหม่อมหลวงอุดมเห็นอาการแล้วพาลถอนหายใจ

ในความคิดหมู่จรูญเป็นทหารต้องเข้มแข็ง…มีวินัย…รวมทั้งขี้นินทา

“ประมาณสองทุ่มทหารฝรั่งเศสขอตัวไปประชุม แต่หมวดชื่นนั่งดื่มไวน์ต่อตามลำพัง เพื่อนทหารชวนกลับที่พักเขาบอกเดี๋ยวตามไป คืนนั้นมีคนเห็นหมวดชื่นพาฟรอยไลน์ขึ้นห้อง” ชื้นเปิดเผยเรื่องราวลับสุดยอด

“นั่นปะไร!” จรูญตบเก้าอี้เสียงดังฉาด “พระเฉลิมอากาศถึงรีบมาจัดการด้วยตัวเอง หมวดชื่นนะหมวดชื่น…ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง”

กฎธรรมชาติของไฟฟ้าสอนไว้ว่า ไฟบวกกับไฟลบย่อมกระโดดเข้าหากัน แม่หญิงเยอรมันมีความงดงามไม่แพ้แม่หญิงชาติอื่น หล่อนมีผมสีทองละเอียดอ่อนคล้ายดั่งสำลี ยามต้องลมเส้นผมปลิวสะบัดพัดเสน่ห์สาวใส่ชายหนุ่ม ไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งด้วยน้ำหอมราคาแพงเหมือนแม่หญิงฝรั่งเศส ผู้ชายมากรักอย่างหมวดชื่นจึงพลอยลุ่มหลงไม่ลืมหูลืมตา

ถ้าหมวดชื่นถูกเชือดคอขาดใจตายระหว่างอยู่กับฟรอยไลน์สองต่อสอง เรื่องราวอาจบานปลายสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงทหารไทย สิ่งที่ทุกคนพยายามอย่างหนักตลอดหลายเดือนจะไร้ค่าไร้ความหมาย
อาจเป็นเพราะเหตุนี้กองร้อยย่อยที่ 2 ถึงย้ายไปอยู่ที่อื่น

“หมู่จรูญครับ” ชื้นอธิบายเพิ่ม “หมวดชื่นมีแต่คนหมั่นไส้ไม่อยากอยู่ใกล้ บางทีหมวดอาจถูกใส่ร้าย เขาไม่น่าทำตัวรุ่มร่ามกับสาวเยอรมัน”

คำชี้แจงของชื้นได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลาม

ร้อยตรีชื่นทำหน้าที่ควบคุมขบวนรถเพียงไม่กี่ครั้ง เขาทำผลงานไม่ดีใช้เวลามากเกินไป ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งย้ายมาดูแลการซ่อมบำรุงรถในที่ตั้ง ผู้ชายมากรักจึงมีเวลาว่างมากขึ้น มีโอกาสทำความรู้แม่หญิงเยอรมันมากขึ้น โดยเฉพาะฟรอยไลน์ซึ่งชอบทำตาเล็กตาน้อยใส่นายทหารชาวไทย


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 08 ก.ย. 24, 09:27

ผมมีของดีมาฝากอาจารย์เทาชมพู หนังสือ 'สยามเหาะ' ชีวิตห้าแผ่นดินของนักบินไทยหมายเลข 1 พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ ผมว่าจะซื้อมาอ่านปรากฎว่าถูกมือดีชิงตัดหน้าไปเสียก่อน


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 08 ก.ย. 24, 12:26


วันที่ 16 มีนาคม 2462 ทหารอาสาทุกนายเกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจ ธงชัยเฉลิมพลเดินทางจากกรุงปารีสมาถึงเมืองนอยสตัสส์ วันรุ่งขึ้นเวลา 17.00 น.มีพิธีพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแก่กองทหารบกรถยนต์ เป็นธงชัยเฉลิมพลธงแรกของหน่วยทหารขนส่งฝ่ายสัมพันธมิตร วันเดียวกันฝรั่งเศสยังมอบตราครัวซ์ เดอะ แกรร์ให้กับธงชัยเฉลิมพล เป็นการแสดงความยินดีและยกย่องทหารไทยซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติ

ทหารสองกองร้อยย่อยรวมทั้งทหารฝรั่งเศส เขาร่วมพิธีรับมอบธงชัยเฉลิมพลที่กองบังคับการโดยพร้อมเพรียง ขณะส่งมอบมีการเป่าแปรคำนับสามรอบ มีคำสั่งให้ทหารทุกนายวันทยาวุธทำความเคารพ จากนั้นไม่นานเสียงไชโยของเหล่าทหารกล้าเข้ามาแทนที่

วันนี้ในเมืองนอยสตัสส์มองไปทางไหนพบเจอแต่รอยยิ้ม

กองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 เข้าร่วมพิธีพร้อมเพื่อนทหาร ทุกคนดีใจมากที่ได้เห็นของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่นึกมาก่อนพระองค์ทรงเป็นห่วงและติดตามข่าวจากแนวหน้าตลอดเวลา

ยอดคันธงประดับรูปพระครุฑพ่าห์สีทอง ใต้ครุฑมีโบสีเหลืองสลับดำจำนวนหกริ้ว พื้นธงรูปทรงสี่เหลี่ยมคล้ายธงไตรรงค์ กลางธงประดับรูปช้างเผือกในวงกลมสีแดง แถบสีแดงด้านบนจารึกคาถา ‘พาหุง สหสสมภินิมมิตสาวุธนัตํ ครีเมขลํ อุทิตโฆ รสเสนมารํ’ แถบสีแดงด้านล่างจารึกคาถา "ทานาทิธมมวิธีนา ชิตวา มุนินโท ตนเตชสา ภวตุเต ชยสิทธินิจจํ’

“คาถาอะไรครับ” เพิ่มไม่เคยเห็นมาก่อนรู้สึกสงสัย

“คาถาอะไรครับหมวด” จรูญรีบโยนคำถามให้ผู้บังคับบัญชา

“คาถาพุทธชัยมงคล” นพอธิบาย “เพิ่มอาจรู้จักในชื่อคาถาพาหุง”

คาถาพุทธชัยมงคลใช้สวดเพื่อเป็นการอวยชัยให้พร การจารึกคาถาบนผืนธงจึงเท่ากับการอวยพรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นนิมิตแห่งชัยชนะและสวัสดิภาพของเหล่าทหารไทยที่อยู่ต่างแดน เปรียบได้กับพรอันประเสริฐสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าของธงเกิดความฮึกเหิม

ขณะเข้าร่วมงานมีการแจ้งข่าวจากผู้บังคับบัญชา วันที่ 25 มีนาคม 2462 ที่ค่ายทหารคาร์เธอร์รัลในเมืองมาร์เซย์ พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์ หัวหน้าทูตทหารพิเศษ จะเข้าร่วมพิธีมอบธงชัยเฉลิมพลผืนที่สองแก่กองบินทหารบก เหตุผลที่เลือกวันนั้นเนื่องจากทหารที่เข้ารับการฝึกบินหลายแห่ง จะกลับมารวมเป็นกองใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมเดินทางกลับประเทศไทย




ในภาพประกอบคือธงชัยกองทหารอาสาจัดแสดงเฉพาะกิจในนิทรรศการวาระครบ 100 ปี แห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 08 ก.ย. 24, 12:28

วันที่ 25 มีนาคม 2462 ขณะจัดพิธีพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแก่กองบินทหารบก ร้อยเอกวิลองต์ เดอลา กรางดิเยร์ นายทหารติดต่อฝรั่งเศสประจำกองทัพไทย นำตราเลจิย์ยองดอนเนอร์มาส่งหัวหน้าคณะทูตทหารพิเศษ พร้อมกับแจ้งว่ากระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสสั่งให้นำตรามามอบแก่กองบินทหารบก แม้ไม่มีโอกาสร่วมสงครามเพราะข้าศึกยอมแพ้เสียก่อน แต่ทหารไทยทุกนายแสดงความองอาจกล้าหาญสมควรกับการยกย่อง จึงขอมอบตราต่อตัวแทนซึ่งเปรียบเสมือนผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุด

ฝรั่งเศสยังมอบตราเลจิย์ยองดอนเนอร์ชั้น 4 แก่พันเอกพระเฉลิมอากาศ และตราเลจิย์ยองดอนเนอร์ชั้น 5 แก่พันตรีหลวงทยานพิฆาต พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์ประดับตราให้กับสองนายทหาร ตามเจตจำนงรัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งต้องการยกย่องเชิดชูผู้บังคับบัญชากองบินทหารบกประเทศไทย

วันที่ 31 มีนาคม 2462 นายทหาร นายสิบ และพลทหารจำนวน 341 นาย รวมทั้งนักเรียนและครอบครัวคนไทยจำนวน 6 ชีวิต เดินทางมาขึ้นเรือมิเตาบริเวณท่าเรือเมืองมาร์เซย์ เรือโดยสารบริษัทอิสต์ เอชียติคมีระวางขับน้ำ 5,000 ตัน กัปตันเจ.ทอมสันชาวเดนมาร์กซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเรือ เคยเดินทางมารับราชการในประเทศไทยเป็นเวลายาวนาน 12 ปี เขาสามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยเก่งเทียบเท่าเจ้าของภาษาตัวจริง

เพื่อให้การเดินทางกลับแผ่นดินแม่เป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น พลตรีพระยาพิไชยชาญฤทธิ์มอบหมายให้พันโทพระทรงสุรเดชกับพันโทหม่อมเจ้าอมรทัต กฤดานครเป็นผู้สำรวจกับจัดแจงที่พักในเรือ และทำหน้าที่อำนวยความสะดวกจนกระทั่งเรือมิเตาแล่นออกจากท่าเรือเวลา 19.30 น.

ทหารอาสากองบินทหารบกชุดใหญ่เดินทางกลับพระนคร

ทหารอาสากองบินทหารบกชุดเล็กยังอยู่ในฝรั่งเศส

ร้อยโทเหม ยศกรกับนายทหารสี่นายรวมทั้งร้อยตรีนิจ ถูกเรียกตัวจากโรงเรียนการบินกลับมาอยู่กรุงปารีส ทุกคนพักอาศัยอย่างสะดวกสบายในสโมสรทหารไทย ปรุงอาหารแต่ละครั้งสร้างความเดือดร้อนต่อคนฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้รับคำสั่งให้เดินทางไปฝึกบินที่โรงเรียนการบินซาแปลร่าแรน การเดินทางกลับไทยล่าช้ากว่าคนอื่นเป็นเวลาหลายเดือน ทว่าทุกคนเต็มใจอยู่เพื่อศึกษาหาความรู้กลับมาปรับปรุงกำลังทางอากาศให้ดียิ่งขึ้น

เมืองฟองเตลโบลคือจุดหมายปลายทางของร้อยตรีนิจ เขากับเพื่อนถูกส่งมารับการฝึกบินตรวจการณ์แผนกรูปถ่าย เป็นนักบินไทยกลุ่มเดียวที่จะได้เข้าร่วมทำภารกิจ โดยการบินขึ้นไปถ่ายภาพทางอากาศบริเวณเมืองนอยสตัสส์ แต่ไม่ได้เข้าสู่สนามรบเนื่องจากทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาสงบศึก

ร้อยตรีนิจจึงมีโอกาสได้พบเพื่อนรักในดินแดนเยอรมัน

ระหว่างเดินทางมาเมืองฟองเตลโบลเพื่อศึกษาความรู้ นักบินหนุ่มพูดกับลมกับฟ้าส่งถึงใครคนหนึ่งซึ่งทำภารกิจอยู่ในแนวหน้า

“นพ…ฉันกำลังจะไปหานาย”

จบตอนที่ 24
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 09 ก.ย. 24, 11:13

ตอนที่ 25 พระบรมราชโองการ

วันที่ 1 เมษายน 2462 กองทหารบกรถยนต์เข้าร่วมภารกิจครบสามเดือน สามารถลำเลียงเสบียงอาหาร กระสุน และยุทธปัจจัยไปส่งแนวหน้าน้ำหนักรวม 15,514 ตัน ลำเลียงกำลังพลทหารจำนวนหลายพันนาย สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น

และเนื่องมาจากวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย กองทหารบกรถยนต์จัดให้มีการแสดงมวยไทยจำนวนสามคู่ กับกระบี่อีกหนึ่งคู่ในเมืองนอยสตัสส์ ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่ได้รับชมการแสดงพากันติดอกติดใจ

สิ้นสุดการแสดงได้ไม่นานเพิ่มเดินมาแจ้งข่าวดีต่อผู้บังคับบัญชา

“วันที่ยี่สิบเจ็ดพี่หมู่จะได้แสดงอีกครั้ง” พลทหารหนุ่มยิ้มตาหยี

“จริงรึ” จรูญได้รับข่าวดีหายเหนื่อยทันทีทันควัน

วันนี้เขาแสดงมวยไทยคาดเชือกร่วมกับเฉลิมคู่ปรับตลอดกาล และแสดงได้อย่างสมจริงสมจังจนทุกคนแทบลืมหายใจหายคอ เหตุผลก็คือสมัยทำงานกรมแผนที่ทหารบก ทั้งคู่เคยขึ้นโชว์บนเวทีเรียกเสียงฮือฮาหลายครั้ง การแสดงที่เยอรมันจรูญใช้แม่ไม้มวยไทยทุกท่วงท่าบุกเข้ารุกราน ปิดท้ายด้วยตัวเองถูกจระเข้ฟาดหางเข้าที่ก้านคอสลบเหมือดกลางเวที

ความพ่ายแพ่ของจรูญผู้ชมหัวทองพากันปรบมือพร้อมกับเป่าปาก และด้วยเหตุนี้สิบโทขี้โม้กับคู่ปรับตลอดกาลจะได้ขึ้นเวทีครั้งใหม่

“จริงครับ…หมวดนพเพิ่งบอกผม” เพิ่มชี้แจง

“แสดงที่ไหน…อย่าบอกนะว่ากรุงเบอร์ลิน”

“โรงละครเมืองเมตส์ ที่นั่นจุคนดูได้ถึงสองพันคน”

“สองพันคน!” สิบโทวัยเฉียดสามสิบตกใจเบิ่งตาโต “ข้าต้องไปตกลงกับไอ้เฉลิมเสียก่อน ครั้งต่อไปให้มันบุกเข้ามาและเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”

“ผมกลัวคนดูจะไม่สนุกเหมือนที่นี่ หมู่เฉลิมเป็นมวยตั้งรับเน้นชั้นเชิง ถ้ามวยบุกทะลวงเน้นใช้กำลังมีแค่พี่หมู่คนเดียว”

“ไอ้เพิ่ม!” จรูญทำตาเขียว “เอ็งด่าข้าไม่มีสมองเช่นนั้นรึ”

“เปล่านะ…ผมแค่คิดว่าพี่หมู่ควรเป็นฝ่ายบุก”

“ไม่ได้ดอก” นักแสดงฝีมือฉกาจให้เหตุผล “ถ้ามีแหม่มผมทองเข้ามาดูในโรงละคร เห็นข้าถูกไอ้เฉลิมเตะก้านคอไม่แย่หรอกหรือ”

และด้วยเหตุนี้การแสดงที่เมืองเมตส์จรูญจึงเป็นฝ่ายตั้งรับ


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 09 ก.ย. 24, 11:15

อากาศในเดือนเมษายนอุ่นกว่าเดือนที่แล้วเล็กน้อย ทหารอาสาสองนายเสียชีวิตเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บประกอบไปด้วย

วันที่ 6 เมษายน 2462 สิบตรีชื่น นภากาศ ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลเมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส

วันที่ 29 เมษายน 2462 พลทหารผ่อง อมาตยกุลถึงแก่กรรมที่ตำบลไกน์สไฮม์ ประเทศเยอรมัน

พลทหารผ่องประจำการกองร้อยย่อยที่ 1 การจากไปของเด็กหนุ่มผู้หาญกล้าสร้างความหดหู่ต่อทหารอาสาทุกนาย โดยเฉพาะนพผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้จากไป ระหว่างประกอบพิธีฝังศพเขาเสียใจมากใบหน้าหมองเศร้า ใครหลายคนพยายามปลอบใจแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แต่แล้วปุบปับร้อยตรีหนุ่มกลับแสดงอาการตื่นเต้นดีใจ เมื่อได้เห็นเพื่อนรักขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมาถึงตำบลไกน์สไฮม์ตามลำพัง

“นิจ!” นพตรงดิ่งเข้ามาสอบถาม “นายมาที่นี่ได้ยังไง”

“ฉันมาฝึกบินตรวจการณ์ถ่ายภาพ” ผู้มาใหม่ส่งยิ้มเป็นใบเบิกทาง “รู้ว่าที่นี่จัดพิธีฝังศพอยากแสดงความเคารพ เพื่อนอีกสี่คนอยู่ที่สนามบินชานเมืองนอยสตัสส์ นายจำร้อยโทเหมได้ใช่ไหม…เขาเป็นหัวหน้าทีม”
“จำได้…ทหารกองบินทหารบกเหลือแค่นี้ใช่ไหม”

“ยังเหลืออีกหนึ่งทีม วันที่ 3 เมษายนร้อยตรีถนอมกับเพื่อนสองคน เดินทางไปฝึกที่โรงเรียนการบินทะเลตำบลรังซาฟาเอล”

ร้อยตรีนิจเป็นนักบินเพียงไม่กี่รายที่มีโอกาสอยู่ฝรั่งเศสต่อ เขาดีใจมากเรื่องตัวเองได้เจอเพื่อนรักในเยอรมัน และแอบเสียใจเล็กน้อยการพบกันครั้งแรกอยู่ในบรรยากาศเศร้าหมอง ที่เคยตั้งใจอยากฉลองการได้พบกันต้องเลื่อนออกไปก่อน ถึงอย่างไรตัวเองยังอยู่นอยสตัสส์อีกหลายสัปดาห์

รอให้นพอารมณ์ดีเขาจะชวนดื่มกาแฟพร้อมกับรำลึกความหลัง

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 09 ก.ย. 24, 11:17

เดือนพฤษภาคม 2462 เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทุกคนกำลังทำความสะอาดซ่อมบำรุงรถยนต์ประจำตัว มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคันหนึ่งแล่นผ่านทหารรักษาการณ์อย่างอ้อยอิ่ง พลทหารพลทหารชื้นเป็นพลขับจ่านายสิบชั่วคราวหม่อมหลวงอุดมเป็นผู้โดยสาร ทั้งคู่หน้าตาสดชื่นเบิกบานหลังกลับจากการประชุมที่กองบังคับการในโรงแรมซุม เลอเว่น

หม่อมหลวงหนุ่มรีบชี้แจงข่าวดี “มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จความชอบเลื่อนยศและชั้นเงินเดือน แก่กองทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ในดินแดนราชศัตรู”

พระบรมราชโองการมีผลเฉพาะทหารประจำการที่อาสามาราชการสงคราม เพิ่มกับจรูญเป็นทหารอาสาแท้ๆ ไม่มีสิทธิ์เลื่อนยศปรับเงินเดือน ทว่าทั้งคู่รีบวิ่งมาตรวจสอบข้อมูลราวกับว่าตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสีย

รายชื่อผู้ได้รับการเลื่อนยศและชั้นเงินเดือนประกอบไปด้วย

1.พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์ ผู้บังคับการกองทหารบกรถยนต์ เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายพันตรีชั้น 2

2.ร้อยโทสุ้ย ยุกตวิสาร ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 1 เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 1

3.ร้อยโทเรียม เศวตเศรณี ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 2 เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 1

4.ร้อยโทมุ่ย มังคลานนท์ ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 2 เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 2

5.ร้อยโทหม่อมเจ้านิตยากร วรวรรณ ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยเอก และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยเอกชั้น 3

6.ร้อยโทหม่อมหลวง ตวง สุทัศน์ ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 3 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยเอก และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยเอกชั้น 3

7.ร้อยโททุเรียน อินทราภัย ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 3 เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 1

8.ร้อยโทหรุ่ม พลจันทร์ ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 3 เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 2

9.ร้อยตรีเภา เพียรเลิศ ผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

10.ร้อยตรีนพ ศรีไชยxxx ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 1 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

11.ร้อยตรีเชียร บุณยพุกกะณะ ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 2 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

12.ร้อยตรีจิ๊ด ยุวนวรรธณะ ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 2 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

13.ร้อยตรีชุ่ม จิตต์เมตตา ผู้บังคับหมวดพยาบาล เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

14.ร้อยตรีกมล โชติกเสถียร ผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 1 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

15.ร้อยตรีต่วน โกมารทัต ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 1 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

16.ร้อยตรีจรูญ โชติกเสถียร ผู้บังคับหมวดกองร้อยย่อยที่ 1 เลื่อนยศขึ้นเป็นร้อยโท และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยโทชั้น 3

17.ร้อยตรีเวก สุไชย เลื่อนขึ้นรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยตรีชั้น 1

18.นายดาบนัด ปิณฑแพทย์ ผู้บังคับหมู่พยาบาล เลื่อนยศขึ้นเป็นว่าที่ร้อยตรี และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยตรีชั้น 3

19.นายดาบใส อิทธิวัฒน ผู้บังคับหมู่พยาบาล เลื่อนยศขึ้นเป็นว่าที่ร้อยตรี และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยตรีชั้น 3

20.จ่านายสิบเจือ ธนะภัย ผู้บังคับหมวดรถยนต์ของกองบังคับการ เลื่อนยศขึ้นเป็นว่าที่ร้อยตรี และรับพระราชทานเงินเดือนอัตรานายร้อยตรีชั้น 3

อ่านพระบรมราชโองการจบเพิ่มกับจรูญพากันฉีกยิ้มหน้าบาน

หมวดนพได้เลื่อนยศเป็นร้อยโทกินเงินเดือนนายร้อยโทชั้น 3

นี่คือผลงานจากความมุมานะทำภารกิจอย่างเข้มแข็งกล้าหาญ

วันใดวันหนึ่งหมวดเดินทางกลับถึงพระนคร การสู่ขอลูกสาวเศรษฐีล้วนเป็นเมียคงไม่ใช่เรื่องยาก ว่าที่พ่อตาไม่อาจหาเหตุผลเรื่องอื่นมาทัดทาน หมวดจะได้ครองคู่กับแม่ช้อยคนรักตัวเองตราบสิ้นลมหายใจ

คืนนั้นกองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 มีพิธีฉลองเป็นการภายใน ร้อยโทนพได้รับไวน์แดงจากผู้บังคับบัญชาจำนวนสามขวด เขามาแจกจ่ายให้ลูกน้องได้ลิ้มลองคนละนิดละหน่อย จรูญซึ่งเคยสาบานจะไม่แตะต้องของมึนเมาตลอดชีวิต ยังขอเข้าร่วมพิธีฉลองโดยอ้างกับตัวเองแค่ดื่มน้ำองุ่น

จบตอนที่ 24


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 09 ก.ย. 24, 11:26

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

พลทหารชื้น จารุวัสตร์ ซึ่งมีบทบาทเป็นพลขับรถบรรทุกของหมู่จรูญ เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยเขาเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ พระสารสาสน์ประพันธ์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถึง 6 ชิ้น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการในสมัยที่พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2476 จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ ในสมัยที่พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478

พลทหารชื้น จารุวัสตร์ เป็นทหารอาสาพลเรือนแท้ๆ ที่เจริญก้าวหน้ามากที่สุดคนหนึ่ง เหตุผลก็คือก่อนเกิดสงครามโลกกระทรวงต่างประเทศส่งเขาไปทำงานที่สถานทูตในกรุงปารีส กระทรวงยุติธรรมยังให้ทุนเรียนต่อด้านกฎหมายอังกฤษ-ฝรั่งเศส เมื่อเกิดสงครามเขาเดินทางกลับประเทศและสมัครทหารอาสา เมื่อสงครามสิ้นสุดจึงกลับมาศึกษาต่อจนสำเร็จได้รับปริญญา กลับมารับราชการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้พิพากษาชั้น 6 ก่อนเบนเข็มมาเล่นการเมืองจนได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ประวัติทหารอาสานายนี้ไม่ธรรมดา




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 09 ก.ย. 24, 11:29

ช่วงนี้อาจารย์เทาชมพูเงียบๆ ไปนะครับ
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 10 ก.ย. 24, 10:03

ตอนที่ 26 เคลื่อนทัพ

นอกจากได้รับพระราชทานเลื่อนยศและชั้นเงินเดือน นายทหารไทยสองนายได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากรัฐบาลฝรั่งเศสประกอบไปด้วย

1.ร้อยเอกหม่อมเจ้านิตยากร วรวรรณ ผู้บังคับกองร้อยย่อยที่ 3 ได้รับตราครัวซ์ เดอะ แกรร์

2.พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์ ผู้บังคับการกองรถยนต์ทหารบก ได้รับตราเลจิย์ยองดอนเนอร์ชั้น 5

รัฐบาลฝรั่งเศสยังมีคำสั่งให้ทหารไทยจำนวนสี่นาย เข้ารับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้านต่างๆ ประกอบไปด้วย

1.ร้อยโทเภา เพียรเลิศกับร้อยโทภักดิ์ เกษสาลี ไปศึกษาวิชาการรถยนต์ในเมืองไคร์แซร์สเล้าแตร์น

2.ร้อยโทกระมล โชติกเสถียร ไปศึกษาเพิ่มเติมที่โรงเรียนนายทหารซังต์เซียร์

3.ร้อยโทวิเชียร บุณยะพุกกะณะ ไปศึกษาวิชาวิทยุและโทรเลขที่โรงเรียนการสื่อสารในกรุงปารีส

รางวัลที่ได้รับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติให้แนบแน่นมากขึ้น

ทว่าลึกๆ ในใจทหารอาสาทุกนายรู้สึกแบ่งแยกจากฝรั่งเศส รวมทั้งพันตรีหลวงรามฤทธิรงค์ ผู้บังคับการกองรถยนต์ทหารบก เขาส่งรายงานถึงผู้ช่วยทูตทหารบกลงวันที่ 21 ธันวาคม 2461 ใจความว่า

‘ไทยกับฝรั่งเศสเข้ากันไม่ได้ ฝรั่งเศสคอยเอาเปรียบอยู่เสมอ พอเดินทางไปถึงที่พักก็รีบเลือกที่ที่สบายๆ เอาสำหรับตน หาความสะดวกสำหรับตน ทำให้ทหารไทยแค้นใจและน้อยใจ การอยู่ตามบ้านราษฎรฝรั่งเศส บางแห่งรับรองอย่างธรรมดา บางแห่งมีความรังเกียจเดียดฉันท์ พลเมืองเยอรมันซึ่งเป็นคนชาติศัตรูยังต้อนรับพวกเราดีกว่าฝรั่งเศส’

รายงานฉบับนี้ถูกเก็บเป็นความลับไม่ให้ทหารอาสาทุกนายล่วงรู้

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 11 ก.ย. 24, 10:01

วันที่ 17 พฤษภาคม 2462 พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์สั่งให้จัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจ และออกคำสั่งให้รถยนต์กองย่อยที่ 1 กับกองย่อยที่ 3 จำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบคัน เดินทางจากเมืองนอยสตัสส์มาถึงเมืองฟรังเคนธาลห่างจากกันสามสิบกิโลเมตร กองบังคับตั้งอยู่ที่ตำบลอ็อกแกร์สไฮม์ กองย่อยที่ 1 อยู่บริเวณท้ายเมืองฟรังเคนธาล ส่วนกองย่อยที่ 3 อยู่หมู่บ้านสตูแดรนไฮม์ นายสิบกับพลทหารพักในรถประจำตัวพร้อมทำภารกิจ ส่วนนายทหารพักตามบ้านเรือนราษฎรชาวเยอรมันในท้องที่

เหตุผลที่มีการเคลื่อนพลเนื่องจากการเจรจาระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมัน มีแนวโน้มจะไม่สำเร็จลุล่วงภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2461 ซึ่งเป็นวันที่ฝ่ายเยอรมันต้องลงนามในสัญญาสันติภาพ สงครามใหญ่ในยุโรปที่สงบเงียบมาหลายเดือนอาจปะทุขึ้นใหม่ ด้วยเหตุนี้ผู้บัญชาการฝ่ายสัมพันธมิตรจึงมีคำสั่งให้กำลังทหารทุกหน่วย เคลื่อนพลเข้าใกล้จุดศูนย์กลางประเทศเยอรมันเป็นการกดดันให้เยอรมันยอมลงนามในสัญญา

ทหารไทยเตรียมพร้อมเต็มอัตราเหมือนดั่งทหารชาติอื่น รถทุกคันเติมน้ำมันเบนซินเต็มถังพร้อมถังเชื้อเพลิงสำรอง ทหารทุกนายได้รับเสบียงอาหารสามวัน เมื่อได้รับคำสั่งเคลื่อนพลสามารถออกปฏิบัติการภายในสองชั่วโมง ขบวนรถเฉพาะกิจเดินทางถึงที่ตั้งใหม่ใกล้ภายในเวลาที่กำหนด

ต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2462 กองย่อยที่ 3 ได้รับคำสั่งเคลื่อนพลมาประจำการที่ตำบลอ็อกแกร์สไฮม์ เป็นกองอะไหล่ขึ้นตรงต่อผู้บังคับการกองรถยนต์ทหารบก ร้อยโทเภา เพียรเลิศกับร้อยโทภักดิ์ เกษสาลีซึ่งกำลังศึกษาวิชาการรถยนต์ในเมืองไคร์แซร์สเล้าแตร์น ถูกเรียกตัวกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อยย่อยตามเดิม

ทหารอาสาแห่งกรุงสยามพร้อมทำศึกครั้งสุดท้าย

นี่คือสงครามชี้เป็นชี้เป็นชี้ตายตัดสินแพ้ชนะขั้นเด็ดขาด

เมืองฟรังเคนธาลอากาศหนาวกว่าเมืองนอยสตัสส์ ระหว่างรอคำสั่งมีการฝึกฝนเพิ่มเติมรวมทั้งแข่งกีฬา หวังให้ทหารทุกนายรู้สึกผ่อนคลายจากความหนาว ภารกิจนี้กองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3 ถูกส่งมาประจำการกองย่อยที่ 1 ทหารทุกนายไม่กลัวปืนใหญ่เยอรมันแต่กลัวสภาพอากาศ

“เดือนพฤษภาคมต้องเป็นหน้าร้อนมิใช่ริ” จรูญตัวสั่นปากสั่นเพราะความหนาว ทุกครั้งที่หายใจออกจะมีควันขาวโพยพุ่งจากปาก

“ตอนนี้ที่นี่เป็นฤดูใบไม้ผลิ” เพิ่มเคยสอบถามเรื่องนี้จากคนเยอรมัน

“ใบไม้คงจะผลิได้ดอก หนาวเสียจนน้ำในคลองเป็นน้ำแข็ง”

“ถ้าพี่หมู่หนาวไปออกกำลังกายซี”

“อย่าเลย…ข้าต้องการสะสมไขมัน” เห็นลูกน้องมัวแต่สนใจถนนเส้นหลักจรูญเอ่ยปากสอบถาม “เอ็งมองอะไรวะไอ้เพิ่ม”

“ทหารญวน” พลทหารวัยปริ่มยี่สิบชี้มือมาที่ขบวนรถบนถนน

ในเมืองเมืองฟรังเคนธาลนอกจากทหารไทยกับทหารฝรั่งเศส ยังมีทหารญวนจำนวนหนึ่งเคลื่อนพลตามหลังมาไม่ไกล ทหารหน่วยนี้ใช้รถยนต์รุ่นเดียวกับทหารไทย เพียงแต่รถส่วนใหญ่สภาพค่อนข้างย่ำแย่ กำลังทหารส่วนมากหน้าตาอิดโรยหาความสดชื่นเบิกบานไม่เจอ เสบียงอาหารค่อนข้างอัตคัดมีจำนวนจำกัด หนำซ้ำยังทำงานหนักแทบไม่หยุดพักประหนึ่งเชลยศึก

จรูญมองขบวนรถแล่นผ่านแล้วถอนหายใจ “ถ้าไทยตกเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศสหรืออังกฤษ ทั้งเอ็งและข้าคงมีสภาพเช่นนี้”

ทหารญวนไม่อยากทำสงครามกับฝ่ายเยอรมัน พวกเขาจำใจเข้าสู่สนามรบจำใจสละชีพตัวเอง โดยไม่ได้รับผลตอบแทนแม้ตัวเองเป็นฝ่ายคว้าชัย ต่างจากทหารไทยซึ่งมารบเพื่อปลดแอกสนธิสัญญาเบาริง ทหารญวนหน่วยนี้มีทางเลือกแค่อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสหรือเยอรมัน


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 11 ก.ย. 24, 12:30

ช่วงเวลาแห่งความอึมครึมทหารทุกหน่วยเต็มไปด้วยความกดดัน ผู้บัญชาการกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรสั่งให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา กองพลของพลตรีชมิตต์ถูกมอบหมายเป็นกองระวังหน้า ทหารราบ ทหารช่าง และทหารปืนใหญ่ใช้รถยนต์ในการเคลื่อนทัพ มีทหารกองทหารบกรถยนต์ใช้จักรยานยนต์ลาดตระเวนสำรวจเส้นทาง โดยได้รับการคุ้มกันจากเครื่องบินซึ่งบินอยู่ในระดับความสูงสองร้อยเมตรจากพื้นดิน

วันที่ 10 มิถุนายน 2461 กองร้อยย่อยที่ 2 ที่เมืองนอยสตัสส์ได้รับคำสั่งให้ส่งรถบรรทุกมาเพิ่มจำนวนสิบคัน ใช้เป็นหมวดรถยนต์ลำเลียงกองบังคับการกรมรถยนต์ที่ 7 ในเมืองวอร์ม ทหารอาสาใต้การบังคับบัญชาร้อยโทมุ่ย มังคลานนท์ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารต่างชาติ อาจเป็นเพราะพลตรีชมิตต์รู้ว่าทหารไทยทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม จึงมีคำสั่งให้เสริมทัพเพิ่มเติมโดยใช้กำลังพลจากประเทศไทย

วันที่ 13 มิถุนายน 2461 พลทหารเปลี่ยน นุ่มปรีดา ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลเมืองลันเดา ประเทศเยอรมัน นี่คือการสูญเสียครั้งที่สิบเก้าของเหล่าทหารอาสาจากประเทศไทย เขาเป็นทหารอาสาคนสุดท้ายที่ยอมสละชีพเพื่อชาติ ชื่อของเขาจะถูกจารึกให้คนรุ่นหลังจดจำไปตลอดกาล

วันที่ 17 มิถุนายน 2461 หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันที่วันที่เยอรมันต้องลงนามในสัญญาสันติภาพ กองทหารบกรถยนต์ได้รับคำสั่งลำเลียงทหารพรานที่ 1 จากเมืองฟรังเคนธาล กับสัมภาระของกองบัญชาการพลจากเมืองลูดวิคส์ฮาเฟ่น เดินทางข้ามแม่น้ำไรน์ตามหลังทหารหน่วยต่างๆ ของฝรั่งเศส ระยะทางห้ากิโลเมตรขบวนรถใช้เวลาเดินทางค่อนข้างยาวนาน เหตุผลก็คือตลอดเส้นทางมีรถยนต์กองทัพฝรั่งเศสจอดเสียกีดขวางการจราจร

กองย่อยที่ 1 ใช้เวลาเดินทางยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนกองย่อยที่ 3 ใช้เวลาเดินทางยี่สิบหกชั่วโมง ทหารทุกนายไม่ได้หลับนอนต้องกินอาหารบนรถ ถึงที่หมายส่งทหารฝรั่งเศสกับสัมภาระเสร็จ มีคำสั่งให้กองย่อยที่ 1 หยุดพักที่ตำบลไซล์ไฮม์ กองย่อยที่ 3 หยุดพักที่ตำบลโฮดไฮม์ ทหารทุกนายต้องอยู่กับรถพร้อมออกปฏิบัติการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ผลจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย พลตรีชมิตต์ส่งคำชมเชยทหารไทยทำหน้าที่ลำเลียงได้อย่างเข้มแข็ง ไม่มีรถยนต์เกิดความเสียหายพลัดตกข้างทางแม้แต่คันเดียว เป็นทหารเพียงหน่วยเดียวที่ไม่เกิดความสูญเสียระหว่างเดินทางข้ามแม่น้ำไรน์

ก่อนเคลื่อนพลเข้ามากดดันให้เยอรมันยอมเซ็นสัญญา ทหารไทยสร้างผลงานให้ทหารชาติอื่นเห็นหลายครั้ง ภายในเวลา 45 วันมีการขนส่งจำนวน 119 ขบวน ส่งรถยนต์ออกทำการจำนวน  1,255 คัน ลำเลียงทหารจำนวน 1,658 นาย ลำเลียงเสบียงอาหารและกระสุนจำนวน 11,265 ตัน ผลงานโดยรวมอยู่ในลำดับต้นๆ เหนือกว่าทหารฝรั่งเศสและทหารญวน

ผลงานสุดยอดเยี่ยมของทหารไทยทหารฝรั่งเศสไม่ค่อยพอใจ จึงมาลงกับทหารญวนซึ่งเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ ทั้งใช้งานหนักไม่ให้หยุดพัก ทั้งลงโทษอย่างรุนแรง มีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อหน้าต่อตา เพิ่มกับจรูญเห็นการกระทำป่าเถื่อนแล้วพาลโมโหฉุนเฉียว โชคร้ายตัวเองช่วยเหลืออะไรไม่ได้สักอย่าง ทั้งคู่รีบนำเรื่องนี้มาฟ้องผู้บังคับบัญชาที่เคารพนับถือ

“เดี๋ยวผมจะเดินไปสอบถาม พวกคุณอยู่ที่นี่เถอะ”

นพรับรู้เรื่องราวจากปากลูกน้องแล้วพลอยเศร้าใจ นายทหารหนุ่มรู้ดีตัวเองทำอะไรไม่ได้เช่นกัน แต่เขาเต็มใจเอ่ยปากห้ามปรามทหารฝรั่งเศส และหวังว่าผู้เจริญแล้วทั้งหลายจะเมตตาปรานีเหล่าผู้กล้าที่มาจากเมืองขึ้น

จบตอนที่ 26

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 11 ก.ย. 24, 12:51

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

ร้อยโทเภา เพียรเลิศ เกิดวันที่ 10 พฤศจิกายน 2436 เป็นคนเรียนเก่งปี 2454 ได้ทุนไปเรียนนายร้อยเยอรมันที่เมืองลิสแตร์เฟลเด บังเอิญเกิดสงครามโลกต้องย้ายมาเรียนสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนเข้าร่วมกองทหารอาสาในเวลาต่อมา สงครามโลกจบท่านได้เรียนและทำงานอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสจนถึงปี 2464 จึงกลับประเทศไทย ปี 2472 ได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระบริภัณฑ์ยุทธกิจ ปี 2477 ได้เลื่อนยศเป็นนายพันเอกถูกแต่งตั้งให้เป็นพลาธิการทหารบก ปีถัดมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา

หลังเลิกเล่นการเมืองได้สักพักใหญ่ๆ ปี 2484 พระบริภัณฑ์ยุทธกิจได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปี 2487 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ปี 2490 คุณพระบริภัณฑ์ฯได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ปี 2491 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ ปี 2494 ย้ายมาอยู่ที่กระทรวงเกษตราธิการและได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ปี 2500 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการอีกครั้ง เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ยึดอำนาจท่านลงเลือกตั้งที่พระนครโดยไม่สังกัดพรรคและได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับ 9 ครั้นถึงปี 2501 จอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจอีกครั้งคราวนี้พระบริภัณฑ์ยุทธกิจเลิกเล่นการเมืองตลอดไป




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 12 ก.ย. 24, 09:40

ตอนที่ 27 ภารกิจสุดท้าย

แผนการกดดันเยอรมันโดยการรุกคืบไปข้างหน้า กองพลของพลตรีชมิตต์ต้องเดินทางผ่านเมืองโฮชสต์ ฟรังฟรูต ฮานา รุคค์ลิงเก้น เกลนเฮาเซ่น จุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองชไวน์ฟรูต กองทหารบกรถยนต์ประเทศไทยได้รับคำสั่งลำเลียงทหารกองระวังหน้า ผู้บังคับการกองทหารบกรถยนต์ได้จัดขบวนรถและแบ่งแยกหน้าที่ดังต่อไปนี้

ขบวนที่ 1 มีรถยนต์จำนวนสามสิบเก้าคัน อยู่นอกตำบลไซลส์ไฮม์ หัวขบวนหันหน้ามาทางเมืองโฮชสต์ ร้อยโทสุ้ย ยุกตวิสาร เป็นผู้บังคับการ ร้อยโทนพ ศรีไชยxxx เป็นผู้ช่วยผู้บังคับการ

ขบวนที่ 2 มีรถยนต์จำนวนยี่สิบคัน อยู่ระหว่างตำบลโฮดไฮม์กับตำบลไซลส์ไฮม์ ร้อยตรีเวก สู่ไชยเป็นผู้บังคับการ

ขบวนที่ 3 มีรถยนต์จำนวนหกคัน อยู่ท้ายขบวนที่ 2 มีระยะห่างห้าร้อยเมตร สิบตรีแจง สายสุจริตเป็นผู้บังคับการ

ขบวนที่ 4 มีรถยนต์จำนวนหกสิบคัน อยู่ที่ถนนแยกระหว่างตำบลโฮดไฮม์กับตำบลไซลส์ไฮม์ ร้อยโทหม่อมหลวงตวง สุทัศน์คือผู้บังคับการ

ขบวนที่ 5 มีรถยนต์จำนวนยี่สิบเอ็ดคัน อยู่ท้ายขบวนที่ 4 ร้อยตรีเชียว จารุปานฑุคือผู้บังคับการ

เมื่อกองรถยนต์ไทยเข้าประจำการตามที่ตั้ง ผู้บังคับกองพันฝรั่งเศสเดินทางมาทำตรวจสอบและความรู้จัก ก่อนกลับไปจัดเตรียมกำลังพลตัวเองให้เหมาะสม ทหารอาสาทุกนายเตรียมพร้อมอยู่บนรถตลอดเวลา รอคำสั่งออกเดินทางเข้าสู่ดินแดนเยอรมันพร้อมเหล่าทหารกล้าของพลตรีชมิตต์

วันที่ 23 มิถุนายน 2462 เวลา 16.45 น.อันเป็นวันที่เยอรมันต้องลงนามในสัญญาสันติภาพ ฝ่ายสัมพันธมิตรเคลื่อนย้ายทหารกองระวังหน้าไปประจำการในแนวศูนย์กลาง รถยนต์ขบวนที่ 1 กับ 2 ลำเลียงทหารจำนวนหนึ่งกองพัน ทหารจากกรมทหารราบที่ 172 มีกำลังพลจำนวน 630 นาย มีปืนกลหนัก กระสุนปืน และสัมภาระอื่นๆ จำนวนมาก ร้อยเอกศรี ศุขะวารีเป็นผู้บังคับการรถยนต์ทั้งสองขบวน

รถยนต์ขบวนที่ 3 4 และ 5 ทำหน้าที่ลำเลียงทหารจำนวน 1,400 นายจากกรมทหารราบที่ 170 พร้อมปืนกลหนัก กระสุนปืน และสัมภาระอื่นๆ จำนวน 15 ตัน ร้อยเอกหม่อมเจ้า นิตยากร วรวรรณเป็นผู้บังคับการรถยนต์ทั้งสามขบวน ร้อยโทภักดิ์ เกษสำลีทำหน้าที่นายทหารลาดตระเวน เขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อนขบวนรถด้วยจักรยานยนต์พ่วงข้าง

เวลา 19.00 น.ขบวนรถเดินทางใกล้ถึงแนวศูนย์กลางของฝ่ายข้าศึก ถ้าไม่มีข่าวเยอรมันยินยอมทำสัญญาสันติภาพ กองระวังหน้าได้รับคำสั่งให้เคลื่อนที่ต่อเพื่อสร้างแรงกดดันมากขึ้น ทหารทุกนายรวมทั้งทหารไทยเกิดความตื่นเต้นปะปนเคร่งเครียด หากถูกทักทายจากกระสุนปืนทหารเยอรมันซึ่งเป็นเจ้าถิ่น ทหารกองระวังหน้าอาจเกิดความเสียหายระดับร้ายแรง

“ผมว่ามันแปลกๆ นะครับ” จรูญอยู่ในรถคันสุดท้ายของขบวนที่ 1 พร้อมผู้บังคับบัญชา สายตาเพ่งมองสองข้างทางด้วยความระแวงระวัง

“หมู่เตรียมปืนให้พร้อม บอกชื่นระวังตัวเต็มที่ ถ้าผมไม่สั่งห้ามจอดรถเด็ดขาด” นพน้ำเสียงเครียดจัดตามระดับอารมณ์

“ผมเป็นห่วงไอ้เพิ่ม”

“เพิ่มอยู่กับหมวดสุ้ยคงไม่เป็นอะไร”

“ทำไมมันต้องแยกจากพวกเราไม่เหมือนทุกครั้ง”

“รถยนต์หัวขบวนมีปัญหาจุกจิก หมวดสุ้ยอยากให้เพิ่มช่วยดูแล”

ทหารชั้นประทวนสีหน้าไม่ดีเอาเสียเลย จรูญเหลียวมองด้านหลังในใจพลันเกิดคำถาม “หมวดครับ…ทหารฝรั่งเศสพวกนี้ไม่กลัวบ้างเหรอ”

“พวกเขาเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ถูกฝึกให้มีความเข้มแข็งกล้าหาญ พร้อมรับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบ” ร้อยตรีหนุ่มตอบแบบกลางๆ

พูดออกไปเช่นนั้นทว่านพเผลอคิดในใจ ทหารเยอรมันจะยิงทหารฝรั่งเศสเป็นเป้าหมายแรก โดยเฉพาะลูกน้องพลตรีชมิตต์ศัตรูตัวฉกาจ ทหารไทยซึ่งทำหน้าที่ขับรถคือเป้าหมายถัดไป ตัวเองและลูกน้องมีแต้มต่อเหนือกว่าทหารฝรั่งเศส ฉะนั้นเราจะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 16 คำสั่ง