เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 10 11 [12]
  พิมพ์  
อ่าน: 23055 ทหารอาสาแห่งกรุงสยาม
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 165  เมื่อ 17 ก.ย. 24, 12:39

วันที่ 12 กันยายน 2462 เวลา 16.00 น. เรือมิเตาเดินทางออกจากเกาะโปโลเว เส้นทางเดินเรือประกอบไปด้วยโคลัมโบ สิงคโปร์ ปิดท้ายด้วยประเทศไทย ระหว่างเดินทางผ่านสิงคโปร์คนไทยในปีนังส่งโทรเลขแสดงความยินดี พันเอกพระเฉลิมอากาศนำโทรเลขมาอ่านให้ทุกคนฟัง

“ในนามของคนไทยในปีนัง ขอแสดงความยินดีเป็นล้นพ้นยังกองทหารไทยซึ่งได้เดินทางกลับยังบ้านเกิดเมืองนอน โดยความสง่าผ่าเผยและด้วยความสำเร็จผลอย่างงาม จากหลวงรัฐกาวาท”

พันเอกพระเฉลิมอากาศได้วิทยุโทรเลขตอบกลับคืนว่า

“ในนามแห่งกองทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอส่งความชอบใจมายังท่านทั้งหลายอย่างล้นพ้นด้วย”

ใช้เวลาหกวันหกคืนเรือมิเตารอนแรมมาถึงน่านน้ำเกาะสีชัง เวลา 14.00 น.เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ เสนาธิการทหารบกเสด็จมารับกองทหารพร้อมคณะ พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสนาธิการทหารเรือทรงช่วยอำนวยการลำเลียงทหาร

กระทรวงการทหารเรือกำหนดให้เรือตอร์ปิโด 1 ลำเลียงอัฐิทหารเสียชีวิต เรือเจนทะเล เรือลิ่วทะเล เรือกล้าทะเล และเรือทนทะเลลำเลียงกำลังทหาร เรือปราบปรปักษ์สำหรับพลเรือนที่เดินทางมาด้วยกัน

เนื่องจากกองทหารนำเครื่องบินและเครื่องใช้ในการบินทหารบกมาด้วยจำนวนมาก การขนถ่ายต้องเวลาสองวันถึงจะเสร็จสมบูรณ์ ระหว่างนี้ทหารอาสาทุกนายได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปเที่ยวและพักผ่อนบนเกาะสีชัง

วันที่ 21 กันยายน 2462 กองเรือเฉพาะกิจแล่นจากสีชังมุ่งตรงเข้าสู่พระนคร บ้านเรือสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาประดับธงชาติและกระดาษสายรุ้ง ประชาชนชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากออกมายืนต้อนรับ เรือลำเล็กลำน้อยเข้ามารุมล้อมขบวนเรือลำเลียงเหล่าผู้กล้า ตามวัดวาอารามพระสงฆ์ลงมาชุมนุมบริเวณท่าน้ำ เมื่อขบวนเรือแล่นผ่านพลันได้ยินเสียงสวดชยันโตมงคลคาถาให้พร แล่นผ่านสถานทูตมีการจุดพลุเฉลิมฉลองแสดงความยินดี

สองฟากฝั่งตั้งแต่ท่าราชวรดิษฐ์ถึงกระทรวงกลาโหมมีทหารตั้งแถวเรียงราย บริเวณท่าราชวรดิษฐ์เห็นพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ทูตานุทูต ตลอดจนประชาชนคนไทยจำนวนหนาตา ก่อนเรือเจนทะเลซึ่งลำเลียงทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 1 แล่นเข้าเทียบท่า หลายคนบนเรือเห็นญาติพี่น้องหรือบุคคลสำคัญพากันยืนรอพร้อมรอยยิ้ม

“ครอบครัวผมอยู่ตรงนั้น” ชื่นชี้มือมาที่กลุ่มคนบริเวณท่าน้ำ

ทุกคนมองตามสุดท้ายแยกไม่ออกอยู่ดีว่าใครเป็นใคร

“นั่นเมียข้านี่หว่า” จรูญดีใจเสียจนใบหน้าแดงก่ำคล้ายคนเมา คืนนี้แหละเขาจะได้กอดแม่น้อยเมียรักให้สมใจอยาก

“ลูกพี่คนไหน?” เพิ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

“สงสัยแม่ยายไม่ให้มา แล้วครอบครัวเอ็งล่ะ”

“พี่ชายผมพาแม่กับน้องสาวมารับ ส่วนพ่อทำงานมาไม่ได้”

“เท่านี้ก็เยอะแล้ว ดีกว่าหมวดนพไม่มีใครมารับสักคน”

“พี่หมู่แน่ใจเช่นนั้นรึ” เพิ่มพยักหน้ามาทางบุคคลในคำนินทา

ร้อยโทนพยืนยิ้มจนหน้าบานเป็นจานเชิง ผิดแปลกไปจากร้อยโทนพผู้เคร่งขรึมและเข้มแข็งดั่งภูผา เหล่าทหารกล้าพากันสงสัยเกิดอะไรขึ้นกับผู้บังคับบัญชา สักพักเดียวทุกคนเริ่มเข้าใจเมื่อเห็นแววตาเปล่งแสง
เรืองรอง จ้องมองหญิงสาวเรือนร่างบอบบางผมยาวกลางหลังแทบไม่ละสายตา

ลูกสาวเศรษฐีล้วนมารอต้อนรับชายหนุ่มในดวงใจด้วยตัวเอง

เส้นทางรักระหว่างร้อยโทนพกับแม่ช้อยโรยด้วยกลีบกุหลาบ

แม้แต่ทหารเยอรมันยังมิอาจพลัดพรากคู่รักไปจากกัน

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 166  เมื่อ 17 ก.ย. 24, 12:43

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

นี่คือภาพถ่ายเรือเจนทะเลที่เพิ่มกับจรูญโดยสารจากเกาะสีชังกลับคืนสู่พระนคร



เมื่อประเทศไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กับฝ่ายสัมพันธมิตร กองทัพเรือส่งกำลังทหารบุกยึดเรือสินค้าเยอรมันทุกลำในประเทศ เรือเรือกลไฟขนาดเล็กชื่อท่าจีนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงเจนทะเลก่อนเข้าประจำการกองทัพเรือไทย

ต่อมาในวันที่ 20 มกราคม 2478 กองทัพเรือมีการเปลี่ยนแปลงการตั้งชื่อเรือ กำหนดให้เรือลำเลียง เรือลากจูง รวมทั้งเรือยกพลขึ้นบกตั้งชื่อตามเกาะ เรือหลวงเจนทะเลเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงคราม เรือหลวงหาญทะเลเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงกูด เรือหลวงลิ่วทะเลเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงไผ่ เรือหลวงพระยมเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงจวง เรือหลวงผีเสื้อน้ำเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงเสม็ด เรือหลวงวิเทศกิจการเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงช้าง เริ่มใช้งานชื่อใหม่ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2478 เป็นต้นไป

วันที่ 21 เมษายน 2466 พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ เสด็จมาทรงพักผ่อนรักษาพระองค์ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยเรือหลวงเจนทะเล ในเวลาต่อมาพระองค์ได้กราบถวายบังคมลาออกพักรักษาพระองค์อยู่ที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร แล้วสิ้นพระชนม์ ณ ที่นั้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466

วันที่ 20 พฤษภาคม 2466 เรือหลวงเจนทะเลได้เชิญพระศพ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ จากจังหวัดชุมพรเข้ามายังกรุงเทพ แล้วมาพักถ่ายพระศพลงสู่เรือหลวงพระร่วงที่บางนา ต่อจากนั้นเรือหลวงพระร่วงได้นำพระศพเข้าสู่กรุงเทพ

เรือหลวงเจนทะเลปลดประจำการวันที่ 20 ธันวาคม 2503 ต่อมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2540 มีการสร้างเรือหลวงเจนทะเลจำลองขึ้นมาในเขตวัดคอเขา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2542 มีขนาดใหญ่โตเท่าเรือลำจริง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดชุมพร ไม่มีค่าเข้าชมแต่เปิดทำการหรือไม่ควรสอบถาม ททท.สำนักงานชุมพรก่อนออกเดินทางนะครับ

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 167  เมื่อ 18 ก.ย. 24, 08:35

เมื่อทหารอาสาขึ้นจากเรือและตั้งแถวเสร็จเรียบร้อย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระยาวชิรญานวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ได้มีรับสั่งประทานพรแก่ทหาร และทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์แก่ธงชัยเฉลิมพล เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการกองทหารเดินแถวไปตามถนนมหาราช มุ่งตรงมาที่พลับพลายกซึ่งเจ้าหน้าที่จัดสร้างไว้บนถนนพระจันทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จพระราชดำเนินตรวจพลตามประเพณี

ระหว่างเดินแถวทหารประจำการที่ตั้งเรียงรายสองฟากฝั่งถนน ได้กระทำวันทยาวุธแสดงความเคารพและเปล่งเสียงร้องไชโย แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย ประชาชนสองฟากฝั่งถนนพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ทุกคนมาที่นี่ด้วยจุดหมายเดียวกันเพื่อเป็นสักขีพยานในวันสำคัญที่สุดวันหนึ่ง

เมื่อทหารอาสาทุกนายเดินแถวถึงถนนพระจันทร์ มีคำสั่งจัดขบวนบนถนนราชดำเนินในหันหน้าสู่พลับพลา ทหารทุกหมวดหมู่ทุกกองร้อยย่อยจะได้เข้าแถวร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างยืนรอพิธีการทหารหลายนายแอบพูดคุยกันรวมทั้งกองร้อยย่อยที่ 1 หมวด 2 หมู่ 3

“เอ็งจะกลับไปทำงานที่เดิมหรือเรียนต่อ” จรูญตั้งคำถาม

“ผมอยากทำงานเก็บเงินสะสมประสบการณ์ก่อน” เพิ่มอธิบาย “มีเงินมากพอหรือมีช่องทางค่อยกลับมาคิดเรื่องเรียน”

“เป็นกะลาสีเรือแบบที่ข้าบอกซี เงินดีแต่งานหนักหน่อย”

“ผมตั้งใจไว้เช่นนั้น พี่หมู่ล่ะครับ…ทำไมอยากเป็นทหารประจำการ อยู่ฝรั่งเศสผมเห็นบ่นทุกวันเรื่องตื่นเช้าเพื่อออกกำลังกาย”

โดนลูกน้องคนสนิทแซวจรูญแสดงอาการเบื่อหน่ายผ่านใบหน้า

“กลับไปทำงานที่เดิมคงไม่แคล้วเป็นไอ้ขี้เมาไร้อนาคตเหมือนเก่า มีแต่คนอยากเลี้ยงเหล้าแลกกับฟังเรื่องราวที่ยุโรป ในเมื่อได้รับโอกาสบรรจุเป็นทหารประจำการ ถ้าข้าไม่ทำมีหวังถูกเมียกับแม่ยายด่าเช้ายันเย็น”

โอกาสของจรูญเกิดจากผลงานอันแสนยอดเยี่ยมในสนามรบ ทหารอาสาพลเรือนจำนวนหนึ่งจะถูกโยกย้ายมาเป็นทหารประจำการ นายทหารชั้นผู้ใหญ่หวังใช้ประสบการณ์จากเยอรมันให้เกิดประโยชน์ จรูญได้รับการสนับสนุนจากร้อยโทนพและร้อยเอกศรีผู้บังคับบัญชา ได้รับการบรรจุเป็นสิบเอกประจำการอยู่ในพระนครไม่ไกลจากที่พัก

โอกาสของเพิ่มแตกต่างจากจรูญค่อนข้างมาก ชายหนุ่มวัยยี่สิบเต็มต้องดิ้นรนขวนขวายด้วยตัวเองเสียก่อน เมื่อมีโอกาสเรียนต่อผู้บังคับบัญชากับเพื่อนทหารอาสาจะให้ความช่วยเหลือ แม้เป็นเส้นทางที่ยากลำบากอาจหกล้มตอนไหนก็ได้ แต่เพิ่มยังคงมุ่งมั่นสานความฝันตัวเองให้กลายเป็นจริง

ส่วนโอกาสของนพเกิดจากความมุมานะอย่างแท้จริง

เขาอาสาไปรบกับทหารเยอรมันตามความประสงค์ว่าที่พ่อตา

และกลับคืนสู่พระนครพร้อมเกียรติยศสูงสุดของลูกผู้ชาย

เส้นทางของนพเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม เกือบเอาชีวิตไปทิ้งหลายครั้งทั้งจากสภาพอากาศและกระสุนปืน ต้องดูแลลูกน้องให้อยู่รอดปลอดภัยกระทั่งสิ้นสุดสงคราม เขาโชคดีที่ทำสำเร็จเดินทางกลับบ้านเยี่ยงผู้หาญกล้า แผนการในอนาคตข้างหน้าคือแต่งงานมีครอบครัวกับคนรัก

วันนี้ทหารอาสาทุกนายได้กลับคืนสู่อ้อมกอดแผ่นดินแม่

จอบตอนที่ 31






บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 168  เมื่อ 18 ก.ย. 24, 08:36

บทสรุปปิดท้าย

ผลจากการส่งทหารอาสาเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร นอกจากได้รับสิทธิเป็นคู่สัญญาสงบศึกกับฝ่ายเยอรมัน ประเทศไทยยังได้รับผลที่สำคัญอีกหลายประการประกอบไปด้วย

1.ทำให้พลโลกรู้จักและเข้าใจคนไทยอย่างถูกต้องและดีขึ้น

2.ฐานะของประเทศขยับขึ้นสู่ความเป็นเอกราชเกือบจะสมบูรณ์ทุกประการ

3.หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีกับนานาประเทศ ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาทำใหม่อีกครั้งให้มีความเสมอภาค

4.อำนาจทางศาล อำนาจทางการค้า และอำนาจภายในประเทศ ได้ถูกปรับปรุงแก้ไขและใช้โดยเสรีในภายหลัง

ประเทศในยุโรปสิบสามชาติยอมแก้ไขสัญญาที่ผูกมัดกับเมืองไทยประกอบไปด้วย

1.เลิกอำนาจศาลกงสุล ให้คนต่างชาติขึ้นศาลไทย โดยมีเงื่อนไขว่าประเทศไทยต้องปรับปรุงประมวลกฎหมายให้ครบถ้วนเสียก่อน

2.ไทยมีอิสระในการกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร โดยมีเงื่อนไขภายในสิบปีไทยจะเก็บอัตราศุลกากรด้ายดิบ ด้ายเย็บผ้า ผ้า และสรรพสิ่งต่างๆ ที่ทำด้วยฝ้าย เหล็ก เหล็กกล้า เครื่องจักรและชิ้นส่วนได้สูงสุดร้อยละห้า

โดยพระปรีชาญาณอันสุขุมทรงเล็งการไกลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยได้ประกาศสงครามและรับสมัครอาสาไปราชการสงครามที่ยุโรป ความเข้มแข็งของทหารอาสา 1,284 นาย ช่วยปลดแอดประเทศไทยจากสนธิสัญญาเบาริงที่ไม่เป็นธรรม

‘เกิดมาในชาติเชื้อ   มีเลือดเนื้อชาติไทย

ต้องไม่ให้ชาติใด   ดูหมิ่นเล่นเช่นของขัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นไทย   ต้องมีใจนักรบมั่น

เลือดเนื้อทั้งปวงนั้น   ถวายไว้เป็นชาติพลีฯ’



พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

+++จบบริบูรณ์+++

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 169  เมื่อ 18 ก.ย. 24, 08:40

นิยายอ้างอิงจากเรื่องจริง ‘ทหารอาสาแห่งกรุงสยาม’ เป็นอันสิ้นสุดแค่เพียงเท่านี้

อย่างที่ผมเคยบอกเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงต้นฉบับ สิ่งที่ผมต้องทำให้เนื้อหาสมบูรณ์ยังมีอีกเพียบอาทิเช่น

1.เปลี่ยนเป็นตัวเลขไทยทั้งหมด

2.ปรับปรุงแก้ไขความผิดพลาด คำผิดผมตรวจทุกครั้งก่อนลงก็จริง แต่อาจมีหลงหูหลงตาต้องตามเก็บให้มากที่สุด คำซ้ำยังไม่ได้ตรวจสอบ คำไม่เหมาะสมยังไม่ได้ตรวจสอบ อะไรทำนองนี้

3.ปรับปรุงแก้ไขความถูกต้อง เนื้อหาบางส่วนหลังเขียนไปแล้วมีการค้นพบข้อมูลใหม่ ฉะนั้นต้องปรับให้ถูกต้องและตรงกับข้อเท็จจริง

4.ชื่อตัวละครที่ซ้ำกันต้องเปลี่ยน ในเรื่องนี้มีเพียงกรณีเดียวคือร้อยตรีชื่นกับพลทหารชื่น บังเอิญพลทหารชื่นเป็นบุคคลผู้มีชีวิตจริง ฉะนั้นร้อยตรีชื่นต้องยอมหลีกทาง

5.อ่านทวนซ้ำสักสองสามรอบเพื่อรีไรต์เนื้อหาบางส่วน

6.เขียนตอนพิเศษเพิ่มเติมเข้ามา บังเอิญตอนนี้ยังคิดไม่ออก

เมื่อทำเสร็จทั้งหมดจะได้ต้นฉบับที่สมบูรณ์มากกว่าเดิม เสร็จแล้วจะเอาไปทำอะไรต่อยังไม่ทราบ ซึ่งโดยปรกติผมมักดองเค็มไว้ก่อน รอเวลาเผยแพร่ช่องทางอื่นที่เหมาะสมในอนาคต

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เขียนเรื่องนี้ทีแรกนึกว่าง่ายและสั้น เอาเข้าจริงค่อนข้างยาวและมีรายละเอียดเยอะใช้ได้เลย โดยเฉพาะบุคคลผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์มีบทบาทมากบ้างน้อยบ้างก็ว่ากันไป  ยิ้มกว้างๆ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 10 11 [12]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 16 คำสั่ง