เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 34
  พิมพ์  
อ่าน: 86116 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 255  เมื่อ 02 ม.ค. 25, 18:15

ณ บัดนาว  มีหนังประวัติศิลปินระดับตำนานของวงการเพลงฝรั่งชื่อ Bob Dylan ออกฉายชื่อ A Complete Unknown  ไม่รู้เข้ามาฉายในบ้านเรารึยัง



นี่คือคำโปรยของ Bob Dylan …

Bob Dylan is an American singer-songwriter often considered to be one of the greatest songwriters in history. Dylan has been a major figure in popular culture over his 60-year career. He rose to prominence in the 1960s. Dylan added increasingly sophisticated lyrical techniques to the folk music of the early 1960s, infusing it "with the intellectualism of classic literature and poetry". His lyrics incorporated political, social and philosophical influences, defying pop music conventions and appealing to the burgeoning counterculture.

ไงล่ะ  ความยิ่งใหญ่  เท่าที่จำได้ชื่อเสียงของเธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงบ้านเราด้วย  แต่อนิจจา  ตอนผีเพลงเข้าสิงผม  มันเลยยุคที่ผู้คน (นักฟังเพลงฯ) เคารพบูชาเธอไปแล้ว  ผมก็ได้แต่สดับตรับฟังไว้เป็นความรู้เพื่อจำไว้โม้ให้ชาวบ้านฟังต่อ

เห็นยิ่งใหญ่ปานนี้  เธอกลับมี single ดังน้อยมาก  ความดังไปอยู่ที่เพลงที่เธอแต่งแล้วชาวบ้านเอาไปร้องมากกว่า

มาในยุคผม  ผมยังคงได้ยินเพลงเหล่านี้ออกมาจากลำโพงวิทยุ (ผมเลือกเพลงที่อัดใน studio ให้ฟัง  เพลงของเธอไม่นุ่มนวล  ออกดิบ  เสียงจากการแสดงสดก็คุณภาพไม่ดีเอาเลย)











มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 256  เมื่อ 03 ม.ค. 25, 18:28

Bob Dylan เขียนเพลงมากมาย  ข้อมูลบอกว่าไม่ต่ำกว่า 1,000 เพลง  นี่คือตัวอย่างเพลงที่ศิลปินอื่นนำมาร้องและดัง ทั้งในบ้านเขาและบ้านเรา ที่เขียนโดย BD

















(บรรยากาศงาน Woodstock Concert ปี 1969)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 257  เมื่อ 04 ม.ค. 25, 18:12

กลับไปที่หนังประวัติของ Bob Dylan



ในเนื้อเรื่องพาดพิงถึงศิลปินในยุคนั้นมากมาย  ที่เด่นที่สุดคือ Joan Baez



นักฟังเพลงฝรั่งยุคผมรู้จักนักร้อง JB กันอย่างแพร่หลายกับเพลงนี้



ผมไม่รู้ว่าดีเจคนไหนเอาเพลงนี้มาปล่อยให้เราฟังเป็นคนแรก  แต่มันฮิตระเบิดทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ single เลย  ความฮิตของมันทำให้ดีเจคนอื่น ๆ สรรหาเพลงนี้ในฉบับร้องโดยนักร้องคนอื่น ๆ มาปล่อยให้เราฟังหลายคน เช่น



รวมถึงจากเสียงนักร้องในบ้านเราเองและจากฮ่องกงที่กำลังเป็นคลื่นซัดเข้าฝั่งกรุงเทพฯ ในขณะนั้น





จนกระทั่ง ถึงยุค อตน.  และ Wikiฯ แข็งแกร่งผมถึงได้มีโอกาสหาความรู้จากเพลงนี้เพิ่มเติมว่ามันเป็นเพลง folk โบราณของชาวยิว  วันหนึ่งมีคนสนใจก็เอามาเรียบเรียงดนตรีให้ทันสมัยขึ้นแล้วออกเผยแพร่  ฉบับที่แปลงภาษาเป็นอังกฤษนั้นร้องโดย JB นี่เอง  เธอร้องลงใน album ที่ออกในปี 1960  นี่ช่วยเพิ่มความดังในวงกว้างของเพลงนี้  และกว้างขึ้นอีกเมื่อเหล่าผู้ประท้วงเกี่ยวกับ civil rights สาขาต่าง ๆ เอาเพลงนี้ของเธอมาใช้เป็นสื่อต่อต้าน

เพลงของ JB ออกแนว folk  ในช่วง peak ความดังของเธอระดับมหากาฬที่บ้านเขาแต่ไม่ดังในเมืองไทย  ถ้าไม่ใช่นักฟังเพลงฯ ประเภทหูติดลำโพง  จะไม่เคยได้ยินเสียงของเธอจากลำโพงวิทยุอีกเลยนอกจากเพลง Donna, donna

ในปี 1975 เพลงของเธอเล็ดลอดออกมาจากลำโพงพอแผ่ว ๆ  ผมดีใจมากที่มีโอกาสได้ยิน  เพราะจับใจ



และตามด้วยเพลงนี้  ซึ่งถูกใจอีก



จากนั้นเธอออก album เพลงรวมฮิตประเภท The best (สำหรับนักร้องที่มี single ดังจำนวนน้อยไม่พอที่จะเอามารวบรวมลงในแผ่นได้ ก็คัดเอาเพลงที่คิดว่ายอดเยี่ยมของตนมารวมด้วย)  ผมหยิบขึ้นมาไล่ชื่อเพลง  พบว่ามี 2 เพลงโปรดรวมอยู่ด้วย  ก็ลองเสี่ยงซื้อแผ่นฯ มาฟัง  โอ้... เพลงอื่น ๆ ก็เพราะทั้งนั้นเลย












และ



รวมถึงเพลงอันดับ 1 บนตาราง billboard  ที่ผมได้ยินชื่อมากนาน  แต่ไม่เคยได้ยินจากวิทยุเลยทั้ง ๆ ที่มันอยู่ในยุคของผม


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 258  เมื่อ 05 ม.ค. 25, 18:41

แฉลบหน่อย...

พูดถึง Joan Baez แล้วต้องพูดถึง Judy Collins ด้วย  แนวเพลงของทั้ง 2 คล้ายคลึงกัน  นักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุคทั่วไปรู้จักชื่อเธอจากเพลงนี้



ผมดูจากปูมของผม  เพลงนี้ดังอยู่ 2 ครั้งคือในปี 1975 และ 1977  นับว่าเก๋มาก  ผมจำไม่ได้ว่าที่บ้านเราเพลงดังช่วงไหน

อย่างไรก็ตาม  ในฐานะผีเพลง  ผมได้ยินเพลงของเธอมาก่อนหน้านี้คือต้น 70s  กับเพลงนี้ที่ออกมาก่อนหน้าคือปลาย 60s

ผมว่าเป็นเพลงที่เพราะไม่อายใคร  ใสและสว่างไสว

ส่วนเพลงที่ดังที่สุดในอันดับเพลงของเธอคือเพลงนี้ที่ออกมาก่อนหน้า 1 ปี



และเพลงนี้  เพลง Amazing Grace นี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง  นักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยบางคนคงรู้จักเพลงนี้ด้วย  แต่ไม่รู้ว่าจะจำฉบับนี้ได้รึเปล่า ผมละจำฉบับนี้ได้แม่นเพราะมันไม่มีเครื่องดนตรีประกอบ



ตอนบ้าแผ่นเสียงผมซื้อแผ่นเสียงของเธอเป็นแผ่นรวมเพลงประเภท The Best  มีหลายเพลงที่เพราะจับใจ











เพลงนี้ฟังครั้งแรกหลับภายในไม่ถึงครึ่งนาที  พอฟังบ่อย ๆ เข้า  เพราะจัง



ข้างล่างนี่คือแผ่นเสียงแผ่นดังที่สุดของเธอในยุคหลัง (ขายดีที่สุด) แผ่นสวยมาก  ตาของเธอสวยจับใจ  เห็นแล้วคิดถึงเรื่องของเธอที่รู้มาตั้งแต่ต้นจากหนังสือ Starpics ว่า  พ่อของเธอตาบอดมาตั้งแต่กำเนิด 


(รูปนี้  เธอท่าจะต้องโบ๊ะหน้าเต็มพิกัด  เพราะหน้าดั้งเดิมของเธอมีกระเต็ม)

แผ่นนี้มีเพลง Send in the clowns กับอีก 2-3 เพลงที่เพราะสุดขีด






บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 259  เมื่อ 06 ม.ค. 25, 18:14

วันนี้เป็นควันหลง...

Bob Dylan มีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ Jakob Dylan  เธอเป็นนักดนตรีตามรอยพ่อ  แต่ไม่ได้เป็นศิลปินเดี่ยว  หากอยู่กับวงชื่อ The Wallflowers  ออกผลงานมาตั้งแต่ปลาย 80s  ผมไม่รู้ว่ามีเพลงไหนของวงเข้ามาออกทางลำโพงในบ้านเรา  อย่างไรก็ตาม ความดังของวงนี้ขนาดได้รับรางวัล Grammy ถึง 2 ครั้ง  นี่เป็นเพลงดังที่สุดของวง



ตอนที่วงกำลังดังนั้นไม่รู้จักเพราะไม่มีใครแนะนำ  อีกทั้งเวลาล่วงมาปลายยุคของผมแล้ว  เพิ่งมาเห็นหน้า JD ตอนทำงานชิ้นนี้  แหม... หนุ่ม ๆ เธอหล่อเด็ดขาดไปเลย  พ่อหลบเข้าหลังฉากไป  รูปหน้าของเธอ ‘symmetry’

 
ที่เกริ่นมานี่คือตั้งใจจะเขียนเรื่องงานทำสารคดีของ JD  จะลงโครมลงไปเลยก็กระไรอยู่  เลยต้องมีอารัมภบท  ถึงได้เห็นความหล่อของเธอตอนหนุ่มๆ (ปี 1997)

ในปี 2019 JD มีส่วนร่วมในการทำสารคดีเรื่อง Echo in the canyon  ตัวเธอทำหน้าที่ ‘host’

Echo in the Canyon celebrates the popular music that came out of L.A.'s Laurel Canyon neighborhood in the mid-1960s as folk went electric and the Byrds, the Beach Boys, Buffalo Springfield, and the Mamas and the Papas cemented the California Sound. It was a moment (1965 to 1967) when bands came to L.A. to emulate the Beatles and Laurel Canyon emerged as a hotbed of creativity and collaboration for a new generation of musicians who would soon put an indelible stamp on the history of American popular music ...(Yesterday once more เนื้อ ๆ).

ผมได้ดูสารคดีนี้ทาง website สำหรับ ‘โหลด’ หนังและชอบมาก  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุ้นเคยกับศิลปินเหล่านี้  พวกเขาอยู่กับผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ



(ต้นฉบับของวง The Mamas & The Papas – ที่ 268, 269, 270
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7342.255  )



(ต้นฉบับของวง The Byrds – ที่ 273
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7342.msg185651;topicseen#msg185651  )


เสียดายที่ไม่มีใคร ย่อย clip ของสารคดีมาปล่อยเลย

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 260  เมื่อ 07 ม.ค. 25, 18:37

วันนี้ย้อนยุคกันไกลหน่อย...

รายการ golden oldies (ใครจำเลขคลื่นได้บ้าง) นำเสนอเพลงที่ไม่ใช่เนื้อภาษาอังกฤษอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นประจำ  เพลงพวกนี้มีเอกลักษณ์ที่ลืมไม่ลง

Kyu Sakamoto



เพลงนี้เป็น single ที่ 2 ที่ไม่ดังเลย  แต่รายการ GO ก็ยังเอามาเปิด



Domenico Modugno



Emilio Pericoli



Nico Fidenco

(หมายเหตุ - เพลงนี้เนื้อเป็นภาษาอังกฤษแต่นักร้องเป็นคนอิตาเลียน)


Renato Carosone



Los Machucambos



นอกเหนือจากรายการ GO แล้ว  ในเวลาต่อมายังมีเพลงภาษาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ  นึกไม่ออกว่าได้ยินมาจากไหน  ก็คงต้องจากวิทยุนั่นแหละเพราะในยุคนั้นอุปกรณ์ที่สามารถกระจายเสียงเพลงออกมาได้ในที่สาธารณะก็มีแต่วิทยุเท่านั้น (หมายเหตุ - เป็นความอุตสาหะอย่างยิ่งยวดของผมที่ค้นหาจนเจอ...  สันดานจิกไม่ปล่อยไง)

Freddy Quinn



John Francois Maurice



Ricchi & Poveri



Richard Anthony



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 261  เมื่อ 08 ม.ค. 25, 18:14

ด้นสดเพื่ออุทิศให้กับ Peter Yarrow (1938 – Jan 7, 2025) หนึ่งในสมาชิกของวง folk ระดับตำนานของวงการเพลงฝรั่งชื่อ Peter, Paul & Mary

ความเห็นที่ 239/240/241 เริ่มจาก
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7342.225

จนป่านนี้  เลยยุค อตน. เข้ามาโขแล้ว  ผมก็ยังไม่สามารถชี้ได้ว่าคนไหนคือ PY คนไหนคือ Paul Stookey  ต้องถามอากู๋ก่อนทุกครั้ง  หน้าไหนชื่ออะไร  ยิ่งเป็นสมัยโน้น  จำชื่อได้  จำหน้าได้  แต่ชื่ออยู่ทาง หน้าอยู่ทาง  โยงไม่ได้  แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงไหนเป็นของใคร  เสียงของ 2 คนนี้คล้ายกัน  แต่ PS นุ่มกว่านะผมว่า  

นี่คือ clip แสดงสดของวง PP&M ที่ Peter Yarrow ให้หรือร่วมให้เสียงนำ  คัดเฉพาะเพลงที่วิทยุบ้านเราเคยเปิดให้ฟัง













ทำให้นึกได้ว่ามีอีกวงที่ถ้าไม่เห็น clip การแสดงสดของพวกเขา (ในยุค อตน.) จะต้องนึกว่าเพลงนั้น ๆ เป็นเสียงร้องของคน ๆ เดียว  วง Bee Gees  พี่น้อง Barry กับ Robin เสียงเหมือนกันดิก
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 262  เมื่อ 08 ม.ค. 25, 18:37

วันนี้ตั้งใจลงเรื่องนี้

ยุค disco  คือยุคทองของ Donna Summer  ไม่ว่าเธออ้าปากร้องเพลงอะไรออกมา  ผู้บริโภคร้องกันกรี๊ดกร๊าด  เธอเคยร้องเพลงแนวนี้คู่กับศิลปินอื่น  ผมไม่รู้ว่ามีใครอื่นอีกแต่เพลงคู่ 2 เพลงนี้ดังทุกวัน  แถมไปดังในบาร์ disco ด้วย



ฉบับอัดใน studio ฟังมันกว่ามาก  ไม่เชื่อลองฟัง



เหตุการณ์นี้ (เพลงร้องคู่ที่ดังทั้งทางวิทยุและในบาร์ฯ) เกิดขึ้นกับเพลงนี้ด้วย  เป็นการร้องคู่ระหว่าง 2 วง soul คือ Earth, Wind & Fire กับ A Taste of Honey (เคยเสนอผลงานของทั้ง 2 วงไปแล้วในกระทู้ก่อน)



อีกหลายปีต่อมาซึ่งหมดยุค disco ไปแล้ว  ควันหลงของมันคือ dance music สมาชิกคนหนึ่งของวง EW&F ชื่อ Philip Bailey  จับมือกับ Phil Collins มือกลองของวง Genesis  ร้องเพลงคู่ประเภทรวมการเฉพาะกิจที่ดังทางวิทยุบ้านเรามาก 
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 263  เมื่อ 09 ม.ค. 25, 18:14

ผมคิดผิดที่นำเสนอเพลงร้องคู่แบบรวมการเฉพาะกิจโดยเฉพาะ  เพราะเมื่อนำเสนอผลงานเดี่ยวของนักร้องคนนั้น ๆ ก็ต้องเอาเพลงที่เขาร้องคู่กับชาวบ้านที่ลงไปแล้วมาลงซ้ำอีก  ท่านผู้โชมผู้ฟังก็คงเบื่อ  อีกทั้งผมก็เริ่ม งง ๆ แล้วกับการโยงไปโยงมา  

ก็จะเสนอเพลงร้องคู่แบบรวมการเฉพาะกิจโดยเฉพาะครั้งสุดท้ายที่ Barbra Streisand  

สรุปเพลงร้องคู่กับชาวบ้านของป้า Barb ของผมที่วิทยุเปิดให้ฟัง
กับ Donna Summer เพิ่งลงไปเมื่อกี้

กับ Neil Diamond



กับ Barry Gibb









กับ Kim Carnes



กับ Don Johnson (เธอคือนักแสดงที่ดังจากหนังทีวีเรื่อง Miami Vice มาฉายบ้านเราทางช่อง 3)



นี่ของใหม่...

ป้า Barb เคยร้องคู่กับ Bryan Adams

(ฉากจากในหนังเรื่อง The Mirror has two faces ที่ป้าอำนวยการสร้างและกำกับเอง)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 264  เมื่อ 10 ม.ค. 25, 18:20

แทรกรายการ... ข่าวสูญเสียที่เพิ่งได้รับรู้

Anita Bryant  (1940 - 16 December 2024)  เป็นนักร้องอยู่ในยุคที่บ้านเราเรียกว่ายุค Golden Oldies  ความสวยของเธอมีรางวัล ‘นางงามประจำรัฐ’ เป็นประกัน

รายการ GO เปิดเพลงแรก (เพลงนี้ต่อมาฟื้นขึ้นมาดังในยุค 70s จากเสียงร้องของ Marie Osmond... รอคิว)  เพลงที่สองอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน  ไม่รู้รายการฯ เปิดรึเปล่า  ผมมาได้ฟังจากคลื่นอื่นในเวลาต่อมา





เรื่องต่อไปนี้ของเธอ  ผมรู้มาตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น  ไม่ใช่พหูสูตรหรอก  อ่านมาจากหนังสือ SP นั่นแหละ  ตอนนั้นเทคโนโลยีด้านข่าวสารยังไม่พัฒนาก็เลยรู้แบบคร่าว ๆ ว่า AB เธอเป็นตัวตั้งตัวตีในด้านต่อต้านเรื่องรักร่วมเพศ   การต่อต้านของเธอไม่ใช่แบบเงียบ ๆ แต่โจ่งแจ้งตามที่สาธารณะหรือออกตามสื่อเมื่อมีโอกาส  เธอจึงเป็นไม้เบื่อไม้เบากับชนรักร่วมเพศ  ข่าวใหญ่เกิดขึ้นในปี 1977 คือข่าวนี้ที่หนังสือ SP นำมาสรุปให้อ่าน นี่คือรายละเอียด

In October 1977, during a televised appearance in Des Moines, Iowa, Anita Bryant repeatedly said she "loves homosexuals, but hates their sin." But, Bryant became one of the first persons to be publicly assaulted by being "pied" as a political act. She had a pie thrown at her by Thom L. Higgins (1950–1994). Bryant quipped "At least it's a fruit pie," making a pun on the derogatory slur of "fruit" for a gay man (เรียกกันว่า fruities). While covered in pie after the assault, she began to pray to God to forgive the activist "for his deviant lifestyle" before bursting into tears as the cameras continued rolling. Bryant's husband said that he would not retaliate, but followed the protesters outside and threw a pie at them.
 
By this time, gay activists ensured that the boycott on Florida orange juice had become more prominent and it was supported by many celebrities, including Jane Fonda, Paul Williams, and Vincent Price (he joked in a television interview that Oscar Wilde's A Woman of No Importance referred to her). Johnny Carson also made Bryant a regular target of ridicule in his nightly monologues.

In 1978, Bryant and Bob Green told the story of their campaign in the book At Any Cost. The gay community continued to regard Bryant's name as synonymous with bigotry and homophobia. But at the same time, her name became a call to action for gay rights activists, and motivated many to picket her events, host anti-Bryant protests across the country, and increase attendance in and frequency of pride marches.

เพราะเหตุนี้ละมังอนาคตในวงการบันเทิงของ AB จึงดับ… เรื่องราวที่น่าสนใจของเธอในเวลาต่อมาคือ หลานสาวของเธอประกาศอย่างเด่นชัดว่าเป็น lesbian และกำลังจะแต่งงานกับแฟนสาว  แต่ยังสองจิตสองใจว่าจะเชิญเธอมาร่วมงานหรือไม่

ครั้งที่ได้อ่านเรื่องข่าวอื้อฉาวนี้ในหนังสือ SP แล้วอยากเห็นภาพตอนเธอโดนพายปาหน้าเป็นที่สุด  เป็นหนึ่งในความอยากรู้อยากเห็นที่สะสมมานานหลาย 10 ปี  เข้าสู่ยุค อตน. และ youtube  เรื่องราวนี้เป็นหนึ่งในเรื่องแรก ๆ ที่ผมค้นหา 



วงการบันเทิงไม่รีรอที่จะนำเหตุการณ์นี้มาล้อเลียน

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 265  เมื่อ 10 ม.ค. 25, 18:41

ต่อไปเป็นเรื่องประจำวัน  หวังว่าจะไม่เป็นการยัดเยียดจนเกินไป  แบบว่าเรื่องที่รอจะลงมีเยอะมาก  มีสิทธิข้ามไปปีหน้ากว่าจะหมด

เมื่อวานพาดพิงถึง Bryan Adams ไปนิดนึงเป็นหัวเชื้อ  เธอเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในยุคของผมตอนปลาย  เธอดังตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยเป็นน้องเล็กของนักร้องดังร่วมยุคคนอื่น ๆ  ที่ล้วนมีอายุมากกว่า  เอกลักษณ์ของเธอคือเสียงแหบ ๆ  ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นชอบเพลงของเธอรึเปล่า  แต่แทบทุก single ดัง  ผมร้อง (หอน) ท่อนเด่น ๆ ได้หมด  ก็วิทยุดูเหมือนจะรักเธอมาก  เปิดเอาเปิดเอา  ผมว่าเธอร้องเพลงแนวที่เรียกว่า power ballad (จะเอาผลงานประเภทนี้มานำเสนออีกในโอกาสต่อไป) ได้มีพลังจริง ๆ







(เพลงนี้สุด ๆ)



(หนัง Robin Hood: Prince of Thieves  ทั้งเพลงทั้งหนังดังคับบ้านเรา)



(ใครเป็นใคร  นักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุคต้องรู้จักทุกคน)



(จากหนัง Don Juan deMarco  เพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายที่ผมจำได้... แปลกมาก  จู่ ๆ clip เพลงนี้ที่ผมหาไว้ก็ถูกถอดออก  หนำซ้ำไล่หาเพลงนี้โดยเสียงร้องของ BA ได้ยากมาก)


สมัยก่อน อตน. ผมเห็นเธอแค่รูปนิ่งตามสิ่งพิมพ์และปกแผ่นเสียง  เพียงแค่นั้นก็พอที่จะสรุปในใจว่า โคตรเท่ เลย  ถึงยุค อตน. ได้มาเห็นเธอ in action แล้ว  ทั้งหล่อและเท่  แต่ตัวไม่สูงเท่าที่คิดไว้




กลับมาสรุปที่ป้า Barb   ป้ายังคงร้องเพลงคู่กับชาวบ้านอีกมากมายมาจนถึงปัจจุบัน (แน่ะ)
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 266  เมื่อ 11 ม.ค. 25, 18:07

ในยุคผม วง Foreigner เป็นวง rock ชั้นเยี่ยมวงหนึ่ง  ผมจำได้ว่านักฟังเพลง rock บ้านเรานิยมมาก  เห็นแผ่นเสียงของพวกเขาวางขายอยู่หลายชุด  ส่วนวิทยุก็เปิดเพลงของพวกเขาอยู่เนือง ๆ  แต่อนิจจา  หูผมเข้าไม่ถึงความเยี่ยมของเพลงพวกเขา  แนวเพลงของวงหนักหูเกินไป  จนมาถึงต้นยุค 80s  เพลงนี้ของวงออกอาละวาด  ผมฟังแล้ว  เฮ้ย... เพราะว่ะ   มันดังมากกกก



เพลงนี้สร้างสถิติขึ้นประดับวงการเพลงตรงที่มันเกาะอันดับที่ 2 บนตาราง billboard อยู่นานถึง 10 อาทิตย์  โดยไม่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ได้  เพลงอันดับ 1 ที่กันไว้คือ



เพลง Physical เกาะอันดับ 1 อย่างเหนียวแน่นนานถึง 9 อาทิตย์  พออาทิตย์ที่ 10 เพลงก็หมดแรง  แทนที่เพลง Waitingฯ ที่รออยู่จะขึ้นแทนได้  กลับโดนเพลงนี้ของ Hall & Oates กระโดดข้ามหัวไปเกาะอันดับ 1 อยู่ 1 อาทิตย์แทน 



อาทิตย์ต่อมาคืออาทิตย์ที่ 11 เพลง Waitingฯ นี้ก็หมดแรงขึ้นไม่ไหว  อย่างไรก็ตาม  อีก 2 ปีต่อมาวง F ก็สามารถส่งเพลงขึ้นเกาะอันดับ 1 ได้สำเร็จ 



ผมว่าเป็นเพลงที่เพราะกว่าเพลง Waitingฯ เสียอีก  โดยเฉพาะช่วงประสานเสียงท้ายเพลงที่ใช้วงประสานเสียงของ New Jersey Mass Choir ฟังกระหึ่มชวนขนลุก

เพลงที่ลงท้ายด้วยวงประสานเสียงทำนองเดียวกันนี้เท่าที่จำได้มีอีก 2 เพลง มันอยู่นอกยุคของผม  คือเลิกติดตามอันดับเพลงไปแล้ว  แต่ยังคงฟังวิทยุอยู่  ผมเลยไม่รู้ (ขี้เกียจค้น) ว่าเพลงดังขนาดไหน
Joey McIntire



Shayne Ward


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 267  เมื่อ 12 ม.ค. 25, 17:59

ข่าวแทรกอีกละ  แต่คราวนี้  คนที่จะฮือฮาต้องเป็นคอเพลง  โดยเฉพาะเพลง Soul

Sam (Moore, 1935 – Jan. 10, 2025) & Dave (ตายไปนานแล้ว)

2 เพลงนี้ดังในบ้านเรา  มันมาก่อนยุคผม  เข้ายุคผมแล้ว  วิทยุก็ยังคงเปิดอยู่

(เพลงนี้ดังในบ้านเค้ามากกว่าบ้านเรา)



(เพลงนี้ดังในบ้านเรามากกว่าบ้านเค้า)


SM คนร้องคนแรก
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 268  เมื่อ 12 ม.ค. 25, 18:20

มาว่ากันด้วยเรื่องของวันนี้  สืบเนื่องมาจากเมื่อวาน

กลับไปเน้นที่แนวเพลงของ 2 singles ดังของวง Foreigner (Waiting for a girl like you และ I want to know what love is) รวมถึงบางเพลงของสุดหล่อ Bryan Adams โดยเฉพาะเพลง Heaven  

(ฟังอีกที  เป็น clip การแสดงสด  ดูผู้คนที่นิยมชมชอบเธอแล้วขนลุก  ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์  ผมจะต้องเกาะอยู่ที่ขอบเวที)


อ้ะ... กลับสู่โลกมนุษย์

จากข้อมูล เรียกเพลงแนวนี้ว่าแนว power ballads  เริ่มมีให้ได้ยินมาตั้งแต่ปลาย 60s  นี่คือตัวอย่างที่ (เค้า) ยกมาให้  

(ผลงานของวง Badfinger ที่ดังในบ้านเรานี่เคยนำเสนอไปนานแล้ว  วิทยุชอบเพลงของวงนี้มาก)

เพลง Without you นี้กลับมาดังสนั่นในยุค 70s โดยเสียงร้องของ Harry Nilsson ผู้รู้บอกว่าฉบับนี้ไม่ใช่แนว power ballad



ผมขี้เกียจค้นละเอียด  แต่อ่านมาจากที่ไหนสักแห่งว่าเพลงแรกที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าคือจุดเริ่มแนว power ballad  (คือได้รับความนิยมในวงกว้าง) คือเพลงนี้



ผมลองไล่ดูพบว่าเพลงแนวนี้มีมากในปลายยุคของผม  มีหลายเพลงทีเดียวที่ดีเจบ้านเราเคยนำมาเปิดให้ฟังล้วนเพราะ ๆ ทั้งนั้น  ส่วนมากเป็นผลงานของศิลปินประเภทกลุ่ม

วง Journey กับ 3 เพลงสุดกระหึ่ม (เพลงที่ 3 ไม่ใช่ power ballad มันติดพันน่ะ  ถือโอกาสนำเสนอผลงานของวงนี้ที่ผมชอบฟังไปเลย)







REO Speedwagon กับ 2 ballads ที่ดังสุดขีดและ (ยอมรับว่า) ถูกใจ





Boston กับเพลง power ballad ที่ทุกคลื่นเพลงฝรั่งพร้อมใจกันเปิดเหมือนเป็นโรคติดต่อ



มีต่อ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 269  เมื่อ 13 ม.ค. 25, 18:29

จากประสบการณ์  เพลงแนว power ballad  มักจะมาจากศิลปินกลุ่มแนว rock หนัก ๆ (และเป็นผิวขาวด้วย  แปลกดี) ที่ผมไม่ชอบฟัง  แต่เมื่อใดที่พวกเขาเปลี่ยนบรรยากาศละก็  เชื่อได้ว่า  เพราะมากถึงเพราะมากที่สุด  และวิทยุก็ชอบมาก

เพลงแนว power ballad ที่นำเสนอไปเมื่อวาน  เอามาจากที่ ‘เจ้าภาพ’ ยกตัวอย่างมาให้  ความจริงยังมีอีกแต่ผมอ่านชื่อเพลงแล้วไม่เคยได้ยินก็ไม่เอามานำเสนอ

เพิ่งนึกได้ว่า  ไม่เห็นเอ่ยถึงเพลงนี้เลย  อีกหนึ่ง power ballad ตัวแม่

(soundtrack จากหนัง Armageddon (1998)  ทั้งหนังและเพลงดังกระหน่ำบ้านเรา)

ตานี้ก็มานั่งนึกต่อ  แล้วเอากล่องความทรงจำมาคุ้ยเขี่ยพบว่าในยุคผีเพลงสิงอย่างบ้าคลั่งมีหลายเพลงที่มีทำนองแนวนี้  ไม่รู้จะเข้าข่ายเพลง power ballad รึเปล่า  ก็เอาไปถามผู้รู้  มีบางเพลงที่ใช่  ถ้าไม่ใช่ก็เป็นเพราะผมเอามารวมไว้  จะได้ไม่ต้องนำเสนออีก

วง Aerosmith นี่อยู่ในวงการมานานแล้ว  มีเพลงดังในยุค 70s ที่เป็นแนว power ballad 2-3 เพลง  เพลงนี้  ตอนแรกผมจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินทางวิทยุรึเปล่า  พอมาฟังท่อน Steven Tyler แหกปากคำว่า Dream On นี่  จำได้เลย



วง The Styx วงนี้ก็อยู่ในวงการมานาน  แต่เพิ่งมาดังกับ 2 เพลงนี้  ดังจนบอกไม่ถูก  





วง Scorpions นี่ทำเพลง power ballad หลายเพลงเลยละ  2 เพลงนี้ดังที่สุด





วง Uriah Heep



(เพลงนี้ติดพัน  มันเป็นแนว rock ธรรมดา)


วง Nazareth



วง Rainbow



วง UFO



วง The Who



นี่เป็นตัวอย่าง  น่าจะมีอีกแต่ผมขี้เกียจค้นต่อ

อ้อ... และอีก 2 เพลงในสาขานี้ที่ไม่ได้มาจากศิลปินแนวเพลงหนัก ๆ  ผมเอามาลงแบบห้วน ๆ  ลงละเอียดไม่ได้เพราะเรื่องของ 2 ศิลปินนี้เกี่ยวโยงกับศิลปินอื่น ๆ  มันจะรวนกันไปหมด





เพลงแถม... มันไม่ใช่ single  แต่ดังสุดขีดคลั่ง  ดีเจคนที่นำมาปล่อยหู 'แหลม' มาก  สมัยนั้นไม่ชอบฟังเลย  มันยาวมาก  บางครั้งหมุนคลื่นผ่านไปหาเพลงอื่น ๆ  หมุนกลับมา  เพลงยังไม่จบเลย  ตอนนี้นะ  เพราะขาดใจ  ไม่อยากให้จบ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 34
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.111 วินาที กับ 19 คำสั่ง