Yesterday Once More...

[nathanielnong]

ในยุค 70s มีศิลปินประเภท Duo เกิดขึ้นมากมาย  มีทั้งเป็นวงแบบเป็นทางการและรวมกันแบบรวมการเฉพาะกิจ  แบบเป็นทางการที่ดังมาก ๆ เช่น The Carpenters, Captain & Tennille, England Dan & John Ford Coley, Hall & Oates ฯลฯ  วิทยุบ้านเราเปิดเพลงของศิลปินทั้ง 4 มากมาย  3 วงแรกนั้นจบสิ้นไปแล้วคือมีการตายเกิดขึ้นกับสมาชิก  ผมได้นำเสนอผลงานไปแล้วในกระทู้นักร้องตายของ อ. เทาชมพู  ส่วนรายที่ 4 อยู่ที่ไหนสักแห่งในนี้

ถ้าเป็นการจับคู่ของศิลปินดัง ๆ เช่น Olivia Newton John, Linda Ronstadt (เธอร้องเพลงคู่กับชาวบ้านเยอะมาก  จะรวบรวมเมื่อกล่าวถึงเธอ  หาเวลาอยู่เพราะเป็นหนังชุดขนาดยาวววว  จะเรียกว่าผมอยู่บ้านเธอก็ได้  รู้เยอะมาก), James Ingram, Kenny Rogers ฯลฯ  ผมลงไปหมดแล้วในกระทู้ก่อนเช่นกัน  ที่จะนำเสนอตอนนี้เป็นศิลปินคู่แบบรวมการเฉพาะกิจจริง ๆ คือร่วมกันร้องเพลงเดียวหรือวงคู่จริง ๆ ที่มีผลงานแค่หยิบมือเดียว (หลัก ๆ นะ  คาดว่าฝอยไปฝอยมาก็คงน้ำลายแตกฟอง  ตามเคย)

ก่อนอื่น  ขอย้อยรอยจิ๊ด  จะสร้างหัวเชื้อเอาไปทำยำน่ะ

Andy Gibb & Olivia Newton John – ตอนนั้น AG กำลังดังสุด ๆ  ความดังของเธอเหมือนพลุ  คือดังปุ๊บก็ดับปั๊บ  การดับของเธอไม่ใช่หมดความนิยม  แต่เป็นการเสียชีวิต  เธอตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ (อยู่ในวงการแค่ 3-4 ปี)  ผมตามเพลงของเธอมาตลอด (เสนอไปหมดแล้ว) อยู่ดี ๆ ก็มีข่าว... ลงหนังสือพิมพ์ (หน้าบันเทิง) เลยละ  คิดดูแล้วกันว่าตอนนั้นเธอดังขนาดไหน ... ว่า AG ตายแล้ว  อะไรวะ...  2 เพลงนี้ต้องอยู่ในความทรงจำของนักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุค  ถ้าจำไม่ได้อย่าอ้างว่าชั้นเป็นนักฟังเพลงฝรั่ง (ร่วมยุค)





แหยมเพลงที่เปิดอาชีพนักร้องเพลงแรกของเธอ  แค่เพลงแรกก็ดังอย่างไม่เกรงใจใคร กับเพลงที่ดังสุดขีดโดยไม่สนใจใครของเธอให้ฟัง  ที่เหลือย้อนกลับไปฟังที่กระทู้ของ อ. เทาชมพู นะ  2 เพลงนี้เปิดทุกคลื่นเพลงฝรั่งอยู่นานเลยละ 5 เพลงแรกของเธอได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำทั้งหมด (ทองคำขาว 1 แผ่น)  ใน 5 เพลงนั้น 3 เพลงแรกติดอันดับ 1





ในช่วงเวลานั้นยังมีนักร้องหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นมาแย่งส่วนแบ่งความกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ (และหนุ่ม ๆ) อีก 2 คน  แต่ได้ไปคนละนิดละหน่อย

มีต่อ...

[เทาชมพู]

ดิฉันหาว่า Sha Na Na ไม่เจอ คุณโหน่งเล่าถึงพวกเขาหรือยังคะ

[เทาชมพู]

[nathanielnong]

ดิฉันหาว่า Sha Na Na ไม่เจอ คุณโหน่งเล่าถึงพวกเขาหรือยังคะ

ไม่ได้ลงครับ 'จาร  

วง Sha na na ไม่มีเพลงดังบนตาราง billboard ครับ  เลยไม่เคยได้ยินเพลงของพวกเขาทางวิทยุ  โหน่งว่าพวกเขาดังทางรายการโชว์มากกว่า

ชื่อวงนี้ได้ยินมานานแล้ว  ครั้งแรกจากการออกแสดงในเทศกาลดนตรี Woodstock (1969) แต่ไม่เคยเห็นหน้าตาจนกระทั่งถึงยุค อตน. (youtube)  หน้าตาสมาชิกไม่เหมือนกับที่เคยเห็นในรายการโชว์ทางทีวี  ข้อมูลบอกว่าสมาชิกออกไป/เข้ามาตลอดเวลา

clip นี้จากเทศกาล Woodstock  หน้าตาไม่คุ้นตาเลย  น่าจะเป็นรุ่นแรก



clip ที่ 'จาร ส่งมาเป็นรายการโชว์ของวงฯ ในยุค 70s  คนที่พวกเราจำหน้าได้ คือ Jon "Bowzer" Bauman เจ้าของเสียง bass  



คุยถึงวง SNN แล้ว  ในยุค 70s  มีวงทำเพลงแนวเดียวกันนี้มาจากอังกฤษชื่อวง  Showaddywaddy   วงนี้ดังมากที่อังกฤษ  มีเพลงดังเยอะ  แต่อเมริกาไม่รู้จักเพราะไม่มีเพลงไหน 'ข้ามฟาก'  ในขณะที่อังกฤษก็ไม่รู้จักวง SNN ของอเมริกา  ตัวอย่างเพลงดังของวง SWDWD ที่วิทยุบ้านเราเคยเปิด (บ่อย) ครับ  









วง SWDWD นี้อยู่ใน Yesterday once more ครับ

[nathanielnong]

ต่อนะ...

ในช่วงนั้นมีนักร้องหนุ่มขวัญใจวัยรุ่น (ผมคิดถึงนักร้องสาวขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้นไม่ออกเลยแฮะ  Olivia Newton John ก็แก่ไปแล้ว) มาแย่งส่วนแบ่งความกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ (และหนุ่ม ๆ) อีก 2 คน  แต่ได้ไปคนละนิดละหน่อย

Shuan Cassidy – เธอเป็นลูกของดาราใหญ่ระดับ Oscar ชื่อ Shirley Jones เป็นลูกต่างพ่อกับ ขวัญใจวัยรุ่นต้น 70s คือ David Cassidy  นี่คือ 3 เพลงดังของเธอที่วิทยุเปิด  เป็น 3 เพลงแรกแล้วความนิยมก็เสื่อมถอย  ตอนนั้นสงสัยอยู่ว่าจู่ ๆ เพลงของเธอก็หายไปจากลำโพงวิทยุ  จะว่าตายเหมือน Andy Gibb ก็ไม่มีข่าว  มาถึงยุค อตน. ถึงได้มีโอกาสตามข่าวได้ว่า  เธอตระหนักได้ว่าอาชีพนักร้อง โดยเฉพาะขวัญใจวัยรุ่น ไม่มั่นคง  เลยหลบไปอยู่หลังฉากทำหน้าที่อื่นเช่นเป็นคนเขียน script บ้าง เป็นผู้ผลิตบ้าง  ก่อนจะก้าวไปเป็นนักธุรกิจเต็มตัว  ปัจจุบันเธอก็ยังอยู่ในวงการบันเทิง

(ต้นฉบับเป็นของ girl group ในยุค 60s)







ความจริง Leif Garrett เริ่มต้นด้วยความดังกว่าใครคือเธอเป็นทั้งดารา (เด็ก) และเป็นนักร้องด้วย  รูปของเธอปรากฏในหนังสือ Starpics และหนังสือเพลง 3 หัวมากกว่า 2 คนแรกเสียอีก  แต่ปรากฏว่าไปได้ไม่ไกลทั้ง 2 อาชีพ สถานะภาพของดาราเด็กไม่มั่นคงอยู่แล้ว  ส่วนผลงานเพลงของเธอมีแต่ไม่ดังมาก  พออับแสงเธอก็เจอปัญหาแบบเดียวกับศิลปินเด็กร่วมสถานการณ์เดียวกัน  และแก้ปัญหาด้วยวิธีการเหมือนคือ ใช้ยาเสพย์ติด





2 เพลงนั่นเป็นการนำต้นฉบับมาร้องใหม่  เพลงนี้ ผมว่า ใหม่ถอดด้ามเพราะไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน  เป็นเพลงดังที่สุดที่ผมว่าเพราะมาก  มันเข้า top 10

[nathanielnong]

นอกจากจะมีนักร้องชายวัยรุ่นซึ่งเป็นขวัญใจสาววัยรุ่นแล้ว  ยังมีนักร้องหนุ่มหล่อล่ำอันเป็นขวัญใจตั้งแต่สาววัยรุ่นขึ้นไปเลยทีเดียว (เรียกว่า heartthrob)  แขนงนี้มีหลายคน  ที่ดังสุดกู่ก็ Rick Springfield คนนี้ส่งตรงมาจากออสเตรเลีย

ตอนที่ดังระดับสากลนั้น RS อายุมากแล้ว  30 กว่า  จนบัดนี้เธอ 70 กว่าแล้ว  แต่ความแก่ทำร้ายความหล่อไปได้นิดเดียวเอง  เธอเป็นทั้งนักร้องและนักแสดง  ผมขี้เกียจค้นว่าเธอเริ่มอาชีพแขนงไหนก่อน  เอาเป็นว่ากว่าเธอจะดังสมใจเวลาก็ล่วงเข้ามาต้น 80s

เพลงนี้ดังสนั่นทั้ง 2 ฝั่งฟ้า (อีกฝั่งนึงคือบ้านเรา  ผมฟังครั้งแรกก็สรุปว่า ขอชื่นชมความหล่อของเธอตามสิ่งพิมพ์อย่างเดียว)



ผมไม่ชอบแนวเพลงของเธอ  ‘too rock’ โฉ่งฉ่างไป  เลยจำได้แต่ชื่อเพลง  นึกไม่ออกว่าเพลงเหล่านั้นมีทำนองยังไง  ยกเว้นเพลงนี้



ผมเคยอ่านมานานแล้วจากการสัมภาษณ์ (แล้ว นส. Starpics นำมาแปลให้อ่าน) ตอนที่เธอกำลังดังสุดกู่  เธอเล่าว่าในสมัยวัยรุ่นเคยคิดฆ่าตัวตาย  ตอนนั้นจำได้เท่านี้  พอมายุค อตน. เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ก็ลองหารายละเอียดอ่านดู...

When Springfield was 17, he attempted suicide by hanging himself. "I hang suspended for fifteen or twenty seconds and am just sliding into unconsciousness when the knot tying the rope to the beam somehow unravels. I'm slammed hard to the concrete floor, rather the worse for wear." Springfield has been dealing with depression for several decades. "I want them to have hope ... and know that the moment will pass," Springfield said in an exclusive interview with ABC News' Paula Faris. "I'm an example of the moment passing, because I've been there a couple of times, and haven't ... for want of a better phrase, pulled the trigger."

ไม่มีการเปิดเผยว่าเกิดจากเรื่องอะไร  หนำซ้ำข้อมูลล่าสุดยังบอกว่า  เธอยังคิดฆ่าตัวตายอยู่...

In January 2018, Springfield stated in an interview that he contemplated suicide in 2017. "Last year I was close to it, really close to it," explained Springfield on how he considered killing himself. "When Robin Williams and Chester (Bennington) and Chris Cornell and those guys... I didn't go, 'Oh that's terrible.' I went, 'I get it.' I get being that lost and dark."

มีความผิดปกติทางจิตรึเปล่าไม่รู้แฮะ
 
นี่เป็นเพลงในยุคแรก ๆ ของเธอ  ได้ยินในบ้านเรานี่แหละ  เพลงนี้อ้ะชอบ  ถูกหูเด็ก 



ตอนกำลังดังในยุค 70s  นั้นเธอหล่อมาก  ผมเห็นภาพของเธอตามหนังสือดาราเช่น Starpics ทีวีรีวิว รวมถึงหนังสือเพลง 3 หัว  ลงกันไม่ขาดสาย  เพราะความดังของเธอยาวนาน  มีอยู่ภาพหนึ่งจำได้ว่าอยู่ใน นส. Starpics เธอสวมเสื้อยืดมีปกสีแดงเข้ม  เป็นรูปที่หล่อสุด ๆ (ในสายตาตอนนั้น) พยายามหาจากอากู๋แต่ไม่เจอ

สรุปแล้ว เธออยู่ใน Yesterday once more ของผมเฉพาะรูปลักษณ์



ตัวอย่างหนังดังของเธอ  จำไม่ได้ว่าเข้ามาฉายบ้านเรารึเปล่า  soundtrack ของหนังดังทางวิทยุแค่ไหนผมก็ไม่ได้สนใจ



มีต่อ...

[nathanielnong]

ความจริง heartthrob คนนี้ต้องมาก่อน Rick Springfield  เพราะเธอดังมากในยุคของผม  ดังจนลืมนึกถึงไปเลย  ก็ John Travolta ไง  ในแง่ผลงานเพลง  JT เป็นรอง  แต่ในแง่ superstar  เธอกินขาด  โดยส่วนตัว (ในตอนนั้น) ผมคลั่งไคล้ RS มากกว่า JT  ผมว่า JT ดูไม่แมน

JT เด็กกว่า RS หลายปี ในกลางยุค 70s  มีหนังชุดทางทีวีเรื่อง Welcome Back, Kotter มาฉายในบ้านเราทางช่อง 3 (ไม่มีใครนึกออกตามเคย ผมคงเป็นคนเดียวละมังที่นั่งเอาหน้าแปะกับจอทีวีไม่เคยห่าง) เพลงไตเติ้ลนี้เป็นเพลงดังในบ้านเรา  ผมจะเอ่ยถึงคนร้องเพลงนี้ในโอกาสต่อไป  เอาลงตอนนี้จะยุ่งตุงนัง   จะบอกว่านี่เป็นการเปิดตัวในฐานะนักแสดงตัวเอกของ JT ในวงการบันเทิง  และเธอก็เด่นดังทันทีจากบทนี้





ผมว่าคนติดตามวงการบันเทิงเมืองนอกชาวไทยส่วนใหญ่คิดว่า John Travolta เป็นแค่นักแสดง  ได้เห็นความเป็นนักร้องของเธอก็จากหนังเรื่อง Grease ที่มาฉายในเวลาต่อมา  ความจริงเธอร้องเพลงมาก่อนหน้านี้  เคยร้องเพลงดังที่วิทยุบ้านเราเปิดกันพร้อมเพรียง



เพลงนี้เป็น single ถัดมา  มันไม่ดัง  แต่อานิสงค์จากเพลงดังก่อนหน้าทำให้วิทยุบ้านเราเอามาเปิดให้ฟัง

พิธีกรคือ Captain & Tennille วงคู่ที่ดังในต้น 70s  ผมเคยเสนอเพลงของพวกเขาไปแล้วเป็นกระบุง

แขนเสื้อลักษณะนี้เรียกว่า แขน 'ทอม โจนส์' เพราะ TJ เป็นผู้เอามาใส่เป็นคนแรก  ฮิตมาถึงบ้านเรา  ถ้าเปิดดูหนังสือดารายุคเก่า  ไม่ว่าจะเป็น สมบัติ เมทะนี  แมน ธีรพล  ยอดชาย เมฆสุวรรณ ฯลฯ  ล้วนเคยใส่เสื้อแขนทอมโจนส์กันทั้งนั้น



หลังจาก 2 เพลงข้างต้น  ก็ถึงคราวที่ JT จะเป็นที่รู้จักของผู้คนในฐานะนักร้องด้วย









มีต่อ..

[เทาชมพู]

  หนุ่มสาวนักดูหนังและฟังเพลงในยุค 70s  ไม่มีใครมองข้ามจอห์น ทราโวลต้าไปได้    ดูหน้าตาทีแรกนึกว่าเขามีเชื้อสายเมกซิกัน  แต่จริงๆแล้วเชื้อสายอิตาเลียนทางพ่อ   
  เป็นหนุ่มเซกซี่ ร้อง เล่น เต้นรำชนิดไฟลุกท่วมจอ    นอกจากมีสไตล์ของตัวเองที่โดดเด่น ยังเลือกหนังที่เข้ากับรูปลักษณ์เป๊ะๆ  เลยดังเป็นพลุแตก
  มีความรู้สึกว่าหลังจากดังเป็นพลุแตก เขาก็พาความหล่อหายไปจากวงการ   โลกหมุนต่อไปพาดารานักร้องหน้าใหม่ๆเข้ามาแทน     จอห์นกลับมาอีกที  ก็ไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว  แต่ฝีมือยังจัดจ้านอยู่  เลยเล่นหนังขายฝีมือได้อีกหลายเรื่อง   ตอนนี้อยูู่ในวัย 70  กึ่งๆจะอำลาวงการแล้ว

[nathanielnong]

สรุปแล้วทั้ง Rick Springfield และ John Travolta ต่างเป็น heartthrob (ทางวงการเพลง) ที่ดังที่สุดในยุคของผม   heartthrob ที่เหลือแย่งส่วนแบ่งไปได้คนละนิดละหน่อย

คนต่อมาคือ Rex Smith  คนนี้ก็เช่นกัน  เป็นทั้งนักแสดงและนักร้อง  ในยุครุ่งเรือง ซึ่งก็คือยุคก่อน อตน. ภาพนิ่งของเธอปรากฏบนทุกหนังสือดาราฝรั่ง  

เพลงดังของเธอคือเพลงนี้



RS เป็นนักร้องประเภท one hit wonder  เพลงอื่น ๆ ต่อมาไม่ดัง  แต่วิทยุบ้านเรายังเปิดให้ฟังบ้าง







ช่วงหนึ่งเธอเคยเป็น host ให้กับรายการ Solid gold  รายการช่วงนี้เข้ามาฉายในบ้านเราด้วย  ความจริงรายการนี้เข้ามาฉายในบ้านเรานานทีเดียวละ  ผมจำได้จาก host ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนหน้ากันเข้ามา  Dionne Warwick, Andy Gibb กับ Marilyn McCoo, Rex Smith ฯลฯ

(แขกรับเชิญใน clip คือ Laura Branigan เธอเคยมีเพลงดังในบ้านเราในต้น 80s ชื่อ Gloria  ผมเอ่ยถึงไปแล้วในกระทู้ของ อ. เทาชมพู (เธอตายไปแล้วน่ะ))


ในต้นยุค 80s  หนังสือ Starpics ลงข่าวหนังใหม่เป็นหนังเพลงเรื่อง The Pirates of Penzance มีนักแสดงนำ 3 คนคือ RS, Linda Ronstadt และ Kevin Kline เป็นโจรสลัด ตอนนั้นมีแต่สิ่งพิมพ์ก็เลยเห็นแค่ภาพนิ่ง  ซึ่งเป็นขาวดำ  ข่าวบอกว่าเป็นหนังที่ดังมาก  เห็นแล้วก็อยากดูตัวสั่น  คืออยากดู LR เพราะเป็นแฟนอย่างเหนียวแน่น  และไม่เคยเห็นเธอแบบ 'ตัวเป็น ๆ' มาก่อน  แต่ก็รู้ว่าความหวังเป็นศูนย์  จนป่านนี้หาดูได้ง่ายแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ดูแบบจริง ๆ จัง ๆ  เป็นเพราะมันล้าสมัยไปแล้ว  แล้วก็เห็น LR ตัวเป็น ๆ จนแทบอ้วก (ทาง อตน. น่ะ) มาได้ดูใน clip หนังทาง youtube  ผมว่า โจรสลัด KK เท่สุดขีด  RS จ๋อยไปเลย  









เหตุการณ์แบบนี้ทำให้นึกถึงหนัง The Princess Bride (1987) ที่ Cary Elwes เล่นเป็นพระเอกแต่โดน Mandy Patinkin ในบทรองแย่งความเด่นไปหมด



ผมเพิ่งรู้จากการดู clip นี้ว่า  ไม่ AG ตัวเล็กมาก ก็ RS ตัวใหญ่มาก  2 คน 2 ขนาด (จาก S แล้วข้ามไป L เลย) ทั้งคู่ต่างเคยเป็น host ให้กับรายการ solid gold  แต่คนละช่วงเวลากัน  ผมว่า RS ดูแมนเด็ดขาดไปเลยนะ



น่าเสียดายที่ช่วงเวลารุ่งโรจน์ของเธอสั้นมาก

มีต่อ...

[nathanielnong]

Heartthrob ในยุคผมคนต่อมานี้ชื่อ John O’ Banion  ยิ่ง ‘กระจิ๋วหลิว’ เข้าไปใหญ่  คือเธอไม่มีเพลงดังเลย  แต่แปลกที่วิทยุเปิดเพลงของเธอหลายเพลง  ถ้าไม่โดนผีเพลงสิงอย่างผม  ต้องไม่เคยได้ยินชื่อแต่อาจคุ้นแค่เพลง  ที่ผมจำได้ดีเพราะมีแผ่นเสียงของเธอเข้ามาขายด้วย  





(เพลงนี้น่าจะคุ้นหูที่สุด)


ดูตัวเธอแบบเป็น ๆ  หล่อไม่เบา (ตอนนี้ตายไปแล้ว)



อ้อ... เกือบลืมอีกคน Jack Wagner คนนี้เริ่มดังมาจากการเป็นนักแสดงในหนังทีวีน้ำเน่าเรื่อง General Hospital  จำไม่ได้ว่ามาฉายบ้านเรารึเปล่า  พอเธอมาจับไมค์ฯ ร้องเพลงแรกก็ดังเลย  แต่ดังเพลงเดียว  เป็น one hit wonder  



clip ตัวเป็น ๆ ที่ร้องเพลงดังคุณภาพไม่ดี  ดู action ในเพลงนี้ละกัน



ผมได้มีโอกาสเห็นเธอตัวเป็น ๆ ในเวลาต่อมาคือยุค 90s  เธอเล่นหนังทีวีน้ำเน่าเช่นกันชื่อ Melrose Place  ได้ดูทางทีวี I/UBC  ตอนนั้นเธอพ้นช่วง heartthrob ไปแล้วเลยเฉย ๆ



คุยถึงนักแสดงหนุ่มที่ผันผายมาลองจับไมค์ฯ ร้องเพลงแล้วไปได้ดีนี่  ในยุคผมมีอีก 2 คน  เธอจะเป็น heartthrob ของใครก็ไม่รู้  แต่ไม่ใช่ของผม  2 คนนี้ ในตอนนั้น กำลังดังบนจอทั้งคู่  คนหนึ่งจอใหญ่  อีกคนจอเล็ก  พนันได้ว่ามีชาวไทยที่สนุกสนานกับวงการบันเทิงต่างประเทศน้อยคนมากที่จะรู้ว่า 2 คนนี้เคยฝากผลงานเพลงติด top 10 บนตาราง billboard มาแล้ว

เพลงของทั้งคู่เข้ามาในช่วงปลายยุคของผมที่แนวดนตรีเริ่มเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน  ผมจึงไม่ได้ใส่ใจมาก  นอกจากแค่หูตั้งเมื่อได้ยินดีเจบอกว่าที่จะเปิดต่อไปนี้เป็นผลงานเพลงของพวกเขา  ประมาณว่า  เฮ้ย... เรอะ... ไหนฟังหน่อย ทำนองนั้น

คนแรกคือ Eddie Murphy ตอนนั้นเธอกำลังดังสุดกู่กับหนังทำเงินหลายเรื่อง  มีเรื่อง Beverly Hills Cop ภาคแรกเป็นหัวหอก  เธอร้องเพลงนี้ที่แตะอันดับ 2  และคว้าแผ่นเสียงทองคำ



ผู้ชายผิวดำผมฟูที่ EM เดินเข้ามาในห้องอัดฯ แล้วกอดคือ Rick James เป็นนักร้องแนว R&B ออกไปทาง Funky ที่โด่งดังในยุคของผมเช่นกัน  วิทยุบ้านเราเปิดเพลงนี้ของเธอ  มันไม่ได้ดังทางวิทยุเท่านั้น  แต่ดังในบาร์ที่เปิดแผ่นเสียงด้วย (ตอนนั้นเลยยุค disco ไปแล้ว)



ส่วนคนที่สองคือ Bruce Willis เพลงของเธอออกมาทีหลัง (แต่เธอมีอายุมากกว่า)  ตอนนั้น BW ยังไม่ดังเท่าไร (EM ดังก่อน)  เพราะหนัง signature ของเธอคือ Die Hard ออกมาหลังจากนี้  ตอนที่เธอออกเพลงนี้เธอดังพอประมาณจากหนังชุดทางทีวีชื่อ Moonlighting  หนังสืบสวนเบาสมอง  หนังชุดเรื่องนี้มาฉายบ้านเราด้วยนะจะบอกให้ (ทำหน้า งง ตามเคย) โดยช่อง 3 ผู้ทันสมัย



เพลงที่ BW ร้องและวิทยุเอามาเปิดให้ฟังคือ

(เสียงฝ่ายหญิงคือ June Pointer จากวงพี่น้องหญิงล้วนที่ดังที่สุดในยุคของผม The Pointer Sisters  ตอนนี้ทั้งวงเหลืออยู่คนเดียว)


ตอนนี้ BW ถอนตัวออกจากวงการบันเทิงแล้วเพราะป่วยด้วยโรคทางสมอง


จบแล้นนนน... ผมนึกออกเท่านี้  ใครนึก heartthrob คนอื่นได้อีกบ้าง  ช่วยเตือนหน่อย

[nathanielnong]

เกือบลืม… ว่า  ตอนเริ่มต้นจะคุยเรื่องเพลงของศิลปินคู่ในยุค 70s
 
3 คู่แรกเป็นเพลงแนว country

เพลงนี้ของ Conway Twitty & Joni Lee  ศิลปินพ่อลูก  ดังในฝั่งเพลง country  ข้ามมาฝั่งเพลง pop ด้วยแต่ไม่ดัง แต่แปลกที่วิทยุบ้านเราที่เปิดเพลงอิงอันดับเพลง pop เปิดบ่อย  ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมดังในบ้านเรา  อย่างไรก็ตามผมชอบมาก  ไปตามหาที่แผงขายเทป cassette ปรากฏว่าเจอด้วย  ดีใจที่สุด  เนื่องจากเทป cassette ผีนั้นมีมากมายหลากหลายเหมือนมดแตกรัง  แต่ละร้านก็มีวางไม่เหมือนกัน  เรื่องตามหาเพลงที่ต้องการในรูปแบบของ cassette tape นี่ยากมาก  มันจะออกมาในรูป... หยิบตลับขึ้นมาดูรายชื่อเพลงแล้ว อุ๊ย... เพลงนี้ ๆ ชอบ แล้วก็จ่ายเงินซื้อ  จะไปถามคนขาย  เค้าก็ไม่รู้เรื่องหรอก  วางแผงขายข้างถนนน่ะ  คนขายประเภทนี้จะไปรู้ข้อมูลอะไร  ต้องพลิกหาเอาเอง  ผมเคยเล่าเรื่องตามหาเพลง Superbird ไปแล้ว  หลายยยยสิบปีทีเดียวกว่าจะเจอ  จนหมดยุค cassette tape ไปแล้ว  ไปเจอในยุค cd ในตลาดที่เมืองนอกที่ไม่ใช่ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักด้วย
  
สำหรับเพลงนี้  ในเทปที่ผมซื้อ เขียนไว้ว่า Don’t cry Joni แล้วตามด้วยชื่อนักร้อง Conway Twitty & Joni  ผมคาดว่าเนื้อที่บนปกเทปสำหรับพิมพ์ตัวหนังสือมีน้อยเลยต้องตัดทอน  มันก็เลยทำให้ผมเข้าใจว่านี่คือชื่ออย่างเป็นทางการของนักร้อง  แล้วก็สงสัยว่ายัย Joni นี่คือใครหนอ  มาเฉลยเอาในยุค อตน.



เพิ่งนึกได้เมื่อกี้... CT นี่เป็นราชาเพลง country คนหนึ่ง  แต่เธอไม่ได้เริ่มต้นด้วยแนวเพลงนี้  เธอเริ่มต้นด้วยเพลงแนว rock  เธอมีเพลงอันดับ 1 คือเพลงนี้  มันอยู่ในยุค golden oldies ของบ้านเรา



อีกเพลงของเธอที่วิทยุบ้านเราเปิดนี้คุ้นหูนักฟังเพลงฝรั่งเป็นอย่างดี  แต่ฉบับที่เธอร้องแหวกแนวเดิมออกไป  ติดหูผม  ตอนนั้นไม่รู้ว่าใครร้อง  มารู้เอาในยุค อตน.  นั่งเปิดโน่นเปิดนี่แล้ววันหนึ่งก็เจอ



Bellamy Brothers เป็นศิลปินคู่พี่น้องแนว country อีกวง แต่เพลงนี้ ‘ข้ามฟาก’ มาแตะอันดับ 1 ในอันดับเพลง pop  



เพลงต่อมาที่ ข้ามมา เช่นกันแต่ไม่ดังมาก  จากนั้นผลงานของพวกเขาก็กลับไปอาละวาดในถิ่นเดิม



The Judds เป็นศิลปินคู่แม่ลูกสาขาเพลง Country  วงนี้ดังมหาศาล (ในยุค 80s)  แต่ความดังไปอยู่ในสาขาเพลง country  มีเพลงขึ้นอันดับ 1 เพียบ  แต่ไม่มีเพลงไหนข้ามมาไต่บนอันดับเพลง pop ที่วิทยุบ้านเรายึดเป็นสรณะในการกระจายเพลงให้ฟัง  นักฟังเพลงฝรั่งบ้านเราจึงไม่เคยได้ยินเพลงจากวงนี้  นอกจากโดนผีเพลงสิงแบบผม ในยุคนั้น ยังมีบางรายการเปิดเพลง country  เพลงนี้ผมได้ยินจากคลื่นนั้น  เพราะมากจนต้องออกไปร้านแผ่นเสียงเจ้าประจำเพื่อ ‘สั่ง’ ซื้อเพราะแผ่นไม่มีขายทั่วไป



ต่อยอดด้วย

(สังเกตจำนวนผู้เข้าชม... มหาศาล  แสดงถึงความดังสนั่นของวงนี้)


Pratt & Macclain ร้องเพลงนี้



มันเป็นเพลงจากหนังทีวีชื่อเดียวกับเพลง  ผมจำไม่ได้ว่ามาออกอากาศในบ้านเรารึเปล่า



Peaches & Herb เป็นวง duo เพลง soul ที่ดังขึ้นมาในยุค disco  ด้วยเพลงนี้



และเพลง romantic ที่ผมยังเลี่ยนมาถึงบัดนี้เพราะตอนนั้นทุกสถานีระดมเปิดกันจนหูอื้อ

[nathanielnong]

เก็บตกเพลงในยุค golden oldies ที่คลื่นวิทยุบ้านเราเปิดให้ฟัง

The Toys – กับเพลงดังสนั่น



The Angels



The Bobbettes



The Essex



ต่อยอดด้วย



The Exciters



The Ikettes



Inez & Charlie Foxx (ผมเคยลงเพลงของคู่พี่น้องนี้ไปแล้ว  ใน clip นั้นมีเพียงภาพนิ่ง  เพิ่งหา clip ตัวเป็น ๆ เจอ  ชัดด้วย เลยเอามาลงใหม่  ) 



เพลงนี้กลับมาดังใหม่อีกครั้งในยุคของผม  โดยเสียงร้องของคู่ผัวเมียที่กำลังดังสุดฤทธิ์ในตอนนั้นคือ James Taylor กับ Carly Simon (แฟนผม)

[nathanielnong]

Chris Norman & Suzi Quatro จับคู่กันแบบรวมการเฉพาะกิจ  กับเพลงแนว ballad ทำนองจืด แต่เพราะอย่างไม่น่าเชื่อ  ระดับแผ่นเสียงทองคำ



อีก 10 กว่าปีต่อมา  ทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันแบบรวมการเฉพาะกิจอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมไม่เคยได้ยิน (Wikiฯ บอกมา)



CN เป็นนักร้องนำของวง Smokie  เพลงที่วิทยุเคยเอามาเปิดที่บ้านเราล้วนเป็นเพลงดังทางฝั่งอังกฤษอันเป็นต้นตอของวงนี้









สำหรับคนที่ฟังเพลงนี้แล้วนึกคุ้นหูมาก่อนก็จะบอกว่ามันเคยเป็น single ในยุค 60s ของวง The Searchers (ลงผลงานไปนานแล้ว)  เพลงฉบับนี้ดังในบ้านเราตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กกำลังหัดฟังภาษาคน  สรุปแล้วเพลงนี้ดังในบ้านเรายาวนานเป็น 10 ปีเลย

(ฉบับไหนเพราะกว่ากันหนอ)


SQ เป็น rocker สาวชาวอเมริกันที่ไปโด่งดังในฝั่งอังกฤษ (และไทย) ผมว่าในบ้านเรารูปลักษณ์ของเธอดังมากกว่าผลงาน (แบบว่าผมไม่ชอบฟังเพลงของเธอ  ก็เลยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา)  ในยุคต้น 70s  เธอเปรี้ยวมากในชุดหนังสีดำ  เห็นประจำในรูปนิ่งตามสิ่งพิมพ์หัวต่าง ๆ และ poster ศิลปินขนาดติดข้างฝาที่ยุคนั้นฮิตมากในบ้านเรา




(จำได้แล้วใช่ปะ  วางขายตามฟุตบาททั่วกรุงเทพฯ)


มีต่อ...

[nathanielnong]

ตายแล้ว ๆ ๆ ... กะลังจะหลับ  สมองมันปิ๊งขึ้นมาว่า  คราวนี้แกพลาดไปเยอะ  ไอ้โหน่ง  เพลงของ Suzi Quatro ที่วิทยุบ้านเราเปิดยังมีอีกนะ  ดังด้วย  ลุกขึ้นมาเติมเดี๋ยวนี้








หูยยย... พลาดไปได้ไง  3 เพลงนี้ดังสนั่นในบ้านเราเลยละ  สงสัยจะแก่มาก  เริ่มเลอะเลือน 

น่าจะหมดแล้วนะ

[nathanielnong]

ควันหลงหน่อย... ก่อนอื่น บทความวันนี้ ไม่มีบรรยากาศของ Yesterday once more  ที่เอามาลงเพราะมันเป็นส่วนประกอบของ YOM เท่านั้น

ผมว่า Suzie Quatro เป็นหัวหอกของ rocker สาวในยุค 70s  เธอมาก่อนใคร  ต่อจากนั้นก็มีคนอื่น ๆ ตามมา

Pat Benatar กับ 2 เพลงดังทางวิทยุ





ต่อมาก็ Joan Jett & the Blackhearts กับเพลงที่ดังสนั่นที่ขนาดไม่สนใจยังฮัมตามได้



ตามมาด้วยเพลงนี้ 

มันเป็นฉบับนำมาร้องใหม่ของต้นฉบับที่เป็นเพลงโปรดของผม  ต้นฉบับดังคับโลกในปลายยุค 60s  ของวง Tommy James & the Shondells (รอคิว)



แล้วก็มาวง The Pretenders ที่มีนักร้องนำเป็นสาวหน้าตาเอาเรื่องชื่อ Chrissie Hynde 







หมายเหตุ – เพลงของพวกหล่อน ๆ ที่นำเสนอนี้  ผมไม่เคยฟังจบสักเพลง  บางเพลงแค่ฟังช่วง intro ก็บ๋ายบายแล้ว  บางเพลงก็แค่จำชื่อได้  มันห้าวไปสำหรับผม  แต่อย่างที่บอก  มันเป็นส่วนหนึ่งของ YOM ของผม  ถ้าได้ย้อนกลับไปก็คง ‘ปฏิบัติ’ เหมือนเดิม