มาเพิ่มเติมวกมาที่ระบบการค้าขายแบบใหม่ โดดจากระบบประกันสังคมอีกแล้ว
ร้าน Jessops ปิดตัวไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Comet ปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาที่แล้ว วันนี้สดๆ ร้อนๆ ร้าน HMV ซึ่งเป็นร้านขาย CD, DVD ที่เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1921 มีสาขาทั่วอังกฤษเกือบ 400 สาขาก็ปิดตัวอีกแห่งในวันนี้
HMV เปิดกิจการจากการเป็นร้านขายแผ่นเสียง ในอดีตร้านจะ stock เพลงของศิลปินต่างๆ ไว้มากมาย ใครใคร่ซื้อเพลงหรือแผ่นเสียงจากศิลปินคนไหนมาที่นี่ก็มักจะไม่ผิดหวัง ในช่วงหลังๆ เริ่มสู้กับตลาด online ไม่ได้เช่นกัน HMV พยายามปรับตัว หันมาขายเกมส์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มือถือต่างๆ ในร้านมากขึ้น มุมแผ่นเสียง มุม CD, DVD ก็กลายเป็นส่วนเล็กๆ ในร้านไป และยิ่งทำให้ไม่สามารถ stock ผลงานของศิลปินต่างๆ ได้เท่าในอดีต ทำให้คนที่จะหาซื้อผลงานศิลปินระดับกลางๆ หรือเล็กๆ ที่ผลงานไม่แพร่หลายไปซื้อที่ HMV ไม่ได้อีกต่อไป จุดขายเดิมของร้านก็หายไป จุดขายใหม่ก็เต็มไปด้วยคู่แข่ง สุดท้ายก็ไปไม่รอดอีกแห่ง HMV ก็เป็นร้านประเภท Highstreet อีกแห่งเช่นกัน ร้านแบบนี้ในอังกฤษกำลังทยอยกันปิดตัวทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจและวิถีตลาดที่เปลี่ยนไป
ร้านค้า online เติบโตมากขึ้น เช่น Amezon ที่เรียกได้ว่าขายทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบจริงๆ ขาดแต่ระเบิดนิวเคลียร์ที่ยังหาซื้อจาก Amezon ไม่ได้ Amezon แทบจะไม่ต้อง stock ของเอง แค่เอากล่องที่แปะตรา Amezon ไปให้ผู้ผลิตเอาสินค้าใส่กล่องและส่ง Amezon ทำหน้าที่เหมือนแค่ตัวกลางในการขายเท่านั้น แต่รับกำไรไปแบบเห็นๆ แถมอำนาจการต่อรองก็สูงเพราะผู้ผลิตรายย่อยหรือผู้ขายไม่มีอำนาจต่อรองเท่า Amezon ได้
วันนี้ Amezon, Ebay ยังไม่มาบุกตลาดบ้านเราอย่างจริงจัง แต่อีกไม่นานถ้าพวกนี้มาเปิด Amezon เปิด Ebay สาขาไทย ทำตลาดแบบจริงๆ จังๆ เมื่อไหร่ ร้านค้าในไทยจะเจอสภาพแบบอังกฤษอย่างแน่นอน ตอนนี้ตลาด online ในบ้านเรายังไม่โตนักเพราะติดขัดที่ระบบการชำระเงินที่เป็นอุปสรรค ผู้ขายไม่สามารถรับเงินทางบัตรเครดิตได้สะดวกนัก ตอนนี้อยากซื้อสินค้า online ยังต้องไปหาซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์มาจ่าย กับระบบไปรษณีย์ที่มาตรฐานยังไม่ดีนัก เชื่อถือไม่ค่อยได้ บวกกับระบบคุ้มครองผู้บริโภคที่ยังล้าหลัง แต่อีกไม่เกิน 10 ปีทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ถ้าตลาด online บูมแบบในแถวยุโรป อเมริกา ห้างใหญ่ๆ น่าจะค่อยๆ เจ๊งกันไป เหลือแต่พวก discount store ที่ยังรอด ผมยังไม่ค่อยเห็นการปรับตัวในภาครัฐบ้านเรานักเลย ตอนนี้คนไทยมากมายขายสินค้าบน Ebay ขายให้คนได้ทั่วโลก แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถขายสินค้าเดียวกันให้ผู้บริโภคในไทยได้ เพราะระบบไม่เอื้อ ตลาดคนซื้อไทยผ่านระบบ online ก็มีน้อย มันก็แปลกนะเนี่ย
แต่ที่ยังเห็นยืนหยัดได้อยู่คือร้านขายสินค้าที่เน้นภาพลักษณ์ ไม่กี่วันก่อนใน facebook ของคนที่รู้จัก เห็นเค้าเอากระเป๋าหลุตส์วิตตองมาประกาศขาย มีการโชว์ใบเสร็จด้วยว่าซื้อในปี 2010 ราคา 1200 ปอนด์ ขอขายที่ราคา 700 ปอนด์ เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอผู้นั้น แต่คนที่ขายเป็นแม่บ้านไทยที่แต่งงานกับฝรั่ง มีลูกเล็กๆ ด้วยกัน 2 คน ตัวแม่บ้านต้องทำงานเป็นพนักงานเสริฟในร้านอาหารไทย ได้ค่าแรงวันละ 30-40 ปอนด์เท่านั้น ยังอุตส่าห์เก็บเงินไปซื้อกระเป๋าหลุยส์ฯ ใบละ 1200 วันนี้ร้อนเงินต้องเอามาประกาสขายแบบขาดทุน เห็นแล้วก็สะท้อนใจว่าคนที่ทำงานที่เรียกได้ว่าละดับล่างที่สุดแล้วในสังคมอังกฤษ ยังอุตส่าห์กระเสือกกระสนไปซื้อของเหล่านี้เพราะเชื่อว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ตัวเองดูดีขึ้นมาได้ ค่านิยมบางอย่างของคนไทยนี่มันน่ากลัวจริงๆ