ผู้แต่งกำสรวลสมุทร น่าจะเป็นเจ้านายระดับสูง ถึงขั้นกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งของอยุธยา ย้อนหลังจากสมัยสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นไป อาจจะอยู่ยุคเดียวกับทวาทศมาส เพราะภาษาอยู่ประมาณนั้น
ทั้งตัวกวีและนางที่เรียกว่า บาศรีจุฬาลักษณ์ เป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช้ชู้ เพราะหลายตอนกล่าวถึงกิจวัตรประจำวันของนาง อย่าง
สามีที่รู้จักคุ้นเคยกับงานประจำวันของภรรยา รู้ว่าชอบโน่นทำนี่ เป็นการกล่าวอย่างเปิดเผย และมีระยะเวลาอยู่ด้วยกันนานอย่างเปิดเผย ไม่ใช่นานๆแอบพบกันที
นางในกำสรวล ไว้ผมยาวเกล้ามวย หาหนังสืออยุธยาอาภรณ์ในตู้ไม่พบ ไม่งั้นคงเช็คได้ว่าอยุธยายุคไหนที่สาวๆไว้ผมยาว แต่ไม่ได้ปล่อยประบ่าอย่างอยุธยาตอนปลาย หากแต่เกล้าเป็นมวย
อย่างที่ อ.เทาชมพูว่ามาครับ นอกจากเรื่องของภาษา เนื้อความ และบทประพันธ์ที่เป็นโคลงดั้นที่ใช้กันในสมัยอยุทธยาตอนต้น กำสรวลสมุทรบางตอนโวหารนั้นใกล้เคียงกับทวาทศมาสซึ่งเป็นโคลงดั้นเหมือนกันมาก จนอาจจะเป็นไปได้ด้วยว่าเป็นผู้แต่งคนเดียวกันครับ ซึ่งในทวาทศมาสก็มีการกล่าวถึง 'ศรีจุฬาลักษณ์' อยู่เช่นกันครับ ซึ่งก็สันนิษฐานว่าคงจะเป็นคนเดียวกับ 'บาศรีจุฬาลักษณ์' ในกำสรวลสมุทร ซึ่งคงจะเป็นมเหสีของกษัตริย์อยุทธยาในตอนนั้น
" อาณาอาณาสเพี้ยง เพ็ญพักตร์
"อกก่ำกรมทรวงถอน ถอดไส้
ดวง
ศรีจุฬาลักษณ์ เฉลิมโลก กูเอย
เดือนใหม่มามาได้ โสกสมร ฯ"
ถ้าเป็นเจ้าฟ้าน้อยอนุชาสมเด็จพระนารายณ์ที่คบชู้กับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ การเขียนโคลงโดยชื่อชู้รักแบบเปิดเผยไม่กลัวคนจับสังเกตได้ก็ยิ่งจะดูผิดธรรมชาติมากขึ้นไปอีกครับ
ผู้แต่งน่าจะเป็นพระมหากษัตริย์ โดยพิจารณาจากร่ายตอนต้นคือ "ศรีสิทธิวิวิทธบวร นครควรชํ ไกรพํรหรงงสรรค สวรรคแต่งแต้ม แย้มพื้นแผ่นพสุธา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานี บูรียรมยเมืองมิ่ง แล้วแฮ
ราเมศไท้ท้าวต้งง แต่งเอง ฯ"
นอกจากพระมหากษัตริย์แล้ว ไม่น่าจะมีการเรียกผู้อื่นว่า
ไท้ นะครับ