เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9
  พิมพ์  
อ่าน: 8405 คุยกันถึงวรรณกรรมระดับโลก
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 21 ต.ค. 25, 11:46

เรื่องราว Tippy Hedren ใจสั่น,ขวัญระทึกนอกจอ ระหว่างการถ่ายทำ The Birds และ Marnie  จากหนังสือ Vanity Fair มีค. 2508

The Birds

         Hitchcock said he made the film in order to "scare the hell out of people," but
         Hedren may have been more scared than any audience member.
         Hitchcock...; he hired two crew members to spy on her when she left the set;...
         ... during the filming of the movie's climactic bird-attack scene. Hitchcock put Hedren in a giant cage
and had two men throw live birds at her face. He shot the scene all day long, every day, for an entire week.
         .... In Marnie, shot right after The Birds, Hitchcock's passion for the actress took on a new level of
obsession and oddity.
        It seemed to many on the set that Hitchcock was concerned less with the production of the film than
with his efffort to woo Hedren....

https://www.reurnthai.com/index.php?topic=2541.msg47951#msg47951
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 21 ต.ค. 25, 11:49

และ คลิป BBC คุยกับคุณทวดดาฟนี
1971: Hit novel REBECCA was JUST A PHASE | Daphne du Maurier | Writers & Wordsmiths | BBC Archive



คุณทวดมาดแมน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 22 ต.ค. 25, 09:36

     มาดคุณทวดเหลือรับประทานจริงๆ  ไม่ว่ายุคนั้นหรือยุคนี้  ตกใจ

     ดาฟนีแต่งเรื่องนี้เมื่อค.ศ. 1952  หรือพ.ศ. 2493  หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงไม่กี่ปี   สงครามเย็นเริ่มต้นขึ้นแทน ให้ความตึงเครียดครั้งใหม่แก่ชาวโลก   ประเทศอังกฤษยังไม่หายจากบาดแผลจากสงคราม  ประชาชนยังไม่ลืมความกลัวจากการโจมตีทางอากาศ  เรื่องของเธอสะท้อนถึงอารมณ์นั้น ไม่ใช่ความหวาดกลัวส่วนบุคคล แต่คือความหวาดกลัวที่เกิดต่อประเทศชาติส่วนรวม
     นกไม่ได้โจมตีเฉพาะครอบครัวของแนทและนายจ้าง   มันทำลายทั้งประเทศ   เช่นเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นเมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ   อังกฤษซึ่งเป็นพันธมิตรกับโปแลนด์กลายเป็นคู่สงครามแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว    เหมือนแนทกับนายจ้างที่กว่าจะรู้ตัว ฝูงนกก็บุกถึงห้องนอนแล้ว
     ดาฟนีไม่ได้ให้ที่มาว่าทำไมจู่ๆ นกก็เกิดบ้าคลั่งเล่นงานมนุษย์ขึ้นมาเฉยๆ ไม่มีการให้เหตุผล ไม่มีการเสนอทางออก    เธอให้คนอ่านตีความได้เองว่า มันก็เหมือนกับสงคราม     ใครจะตอบได้ว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องทำสงคราม แต่ละครั้งนำความสูญเสียมาเหลือคณานับ  แต่สงครามครั้งต่อไปก็ยังเกิดขึ้นไม่รู้จบ     
     ตัวละครในเรื่องไม่ทันปกป้องตัวเอง (อย่างบ้านนายจ้าง) และพยายามปกป้องตัวเอง(อย่างบ้านของแนท) แต่ไม่ว่าจะทำแบบไหน  ดาฟนีบอกให้รู้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางเกินกว่าจะต่อต้านมหันตภัยใดๆได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 22 ต.ค. 25, 09:37

  อยากอ่านเรื่องไหนต่อไปคะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 22 ต.ค. 25, 10:44

           อ.ยังค้างเรื่องวรรณกรรมแนว Gothic ครับ
           หลายเรื่องจะมาเป็นแนว Rebecca - นางเอกกำพร้า,ต่างชนชั้นจากพระเอกที่สูงกว่าทั้งฐานะและอายุ เข้าไปผจญภัยใน
คฤหาสน์ปราสาทมืด(นิยายแนวเดียวกันของจุลลดา ภักดีภูมินทร์)แดนสนธยา เช่น Jane Eyre, The Turn of the Screw,
The Secret Garden (เรื่องนี้ตัวเอกเป็นหลานกำพร้า ไม่มีโรแมนซ์)
            โดยส่วนตัวแล้วชื่นชม Shelly's Frankenstein ที่สุด มีความล้ำเลิศ - ล้ำวัยขณะที่แต่งยังไม่ถึง 20 ปี ล้ำสมัยด้วยปนแนว
ไซ ไฟ มีความลึกลับ, สะพรึง และยังมีดรามาหน่วง (เรื่องราวที่มาของการประชันขันแต่งเรื่องแนวนี้ระหว่างเพื่อนที่รวมถึง Lord Byron
ก็มีความลึกลับสะพรึงด้วย)
            ที่สำคัญคือ ความเป็นมรดกแห่งวงการศิลปะของ แฟรงเกนสไตน์ ที่เธอได้ฝากไว้ให้ยืนยงยาวนานข้ามศตวรรษ จนปัจจุบันนี้
เราก็ยังจะได้รับชม Frankenstein ผลงานโดยผกก.ชื่อดัง Guillermo del Toro

ตัวอย่าง 2 แบบ, เล่าโดยผู้สร้าง - Creator, Maker
 


และเล่าโดยตัวผลงาน - Creature, Monster



ภาพจากปกหนังสือ The Making of Mary Shelley’s Frankenstein
Daisy Hay


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 22 ต.ค. 25, 13:47

  อ้าว ยังไม่ได้อธิบายคำว่า Gothic literature  เลยถูกคุณหมอทวงหนี้เข้าให้แล้ว
  วรรณกรรมโกธิค เป็นวรรณกรรมประเภทมีลักษณะเฉพาะตัว  (พวกนี้มีศัพท์เรียกว่า genre)  วรรณกรรมโกธิคคือผสมผสานความลึกลับ ตั้งแต่ลึกลับธรรมดาๆ ไปจนลึกลับสยองขวัญ และลึกลับเหนือธรรมชาติ  นำมาผสมผสานเข้ากับเรื่องโรแมนติก ที่มีพระเอกนางเอกและความรักเป็นสีสัน    ความจริงก็ไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่นักเขียนเรื่องโกธิคก็ผสมเข้ากันจนสำเร็จ
   วรรณกรรมโกธิคกำเนิดขึ้นในยุโรปศตวรรษที่ 18 เพื่อตอบโต้และต่อต้านแนวคิดที่แพร่หลายอยู่ในยุคนั้น คือที่เรียกว่า The  Enlightenment  แนวคิดนี้เพื่อท่านผู้อ่านเรือนไทยไม่ต้องปีนบันไดขึ้นไปฟัง  ขออธิบายง่ายๆว่า มันคือแนวคิด "เหตุผลนิยม" หรือ "ตรรก(ะ)นิยม"
   ขบวนการเหตุผลนิยมมาจากปัญญาชนที่เชื่อว่าโลกสามารถใช้ปัญญา หาเหตุผล ตรรกะ และการสืบค้นทางวิทยาศาสตร์ เพื่อแสวงหาความรู้และความเข้าใจ    เพราะก่อนหน้านี้ สังคมยุโรปยึดคำสอนทางคริสตศาสนา ความเชื่อโชคลาง และศรัทธาเป็นหลัก    คนรุ่นใหม่ก็เลยคิดแนวนี้ขึ้นมาอธิบายความเข้าใจโลกเสียใหม่  
   ส่วนโกธิคเกิดจากความคิดต่อต้านตรรกะ   เพราะเห็นว่าโลกยังมีเรื่องอีกมากมายที่เอาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนรกสวรรค์  ความลึกลับเหนือธรรมชาติ  บาปบุญคุณโทษ ฯลฯ  ล้วนเอาเข้าห้องทดลองวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทั้งสิ้น
   วรรณกรรมโกธิคจึงเน้นฉากมืดมนและลึกลับ ตัวละครที่ซับซ้อน และแก่นเรื่องต่างๆ ที่สำรวจตรวจค้นด้านมืดของมนุษย์ เป็นหลัก


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 24 ต.ค. 25, 09:36

    ขอเริ่มด้วย Frankenstein หรือไทยเราเคยเรียกว่า ผีดิบแฟรงเกนสไตน์ 
    ตอนที่พิมพ์ออกจำหน่ายในค.ศ. 1818  หรือ พ.ศ. 2461 (ของไทยอยู่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)  นิยายเรื่องนี้มีชื่อเต็มว่า Frankenstein; or, The Modern Prometheus  ผู้แต่งเป็นหญิงสาวสวย ชื่อแมรี่ เชลลีย์  เป็นภรรยาของเปอร์ซี เชลลีย์ กวีสำคัญคนหนึ่งของอังกฤษในยุคต้นศตวรรษที่ 19
    คำว่า The Modern Prometheus เป็นชื่อรองของนิยาย  สมัยนั้นนิยายนิยมมีชื่อรองด้วย เขียนต่อจากชื่อหลัก เพื่อขยายความเข้าใจจากชื่อหลัก
   โพรมีทีอุสเป็นเทพองค์หนึ่งในเทพปกรณัมของกรีก อยู่ในเผ่าพันธุ์ "ไททัน" ซึ่งเป็นเผ่าที่มีมาก่อนเทพเจ้าแห่งภูเขาโอลิมปัส  เขาลอกขโมยไฟจากเทพเจ้าลงมาให้มนุษย์ ที่เขาสร้างขึ้นจากดินโคลน  เพื่อใส่ชีวิตเข้าไปให้ ทำให้มนุษยชาติก่อกำเนิดขึ้น  มีชีวิตและสติปัญญาคล้ายคลึงกับเทพเจ้า   เขาจึงถูกลงโทษให้ถูกล่ามกับหินใหญ่  มีนกอินทรีมาจิกกินตับทุกวัน  พอตกกลางคืนตับก็จะงอกออกมาให้ถูกกินอีกในวันรุ่งขึ้น ทรมานทรกรรมจนเฮอร์คิวลิสมาปลดปล่อยเป็นอิสระ
   สาเหตุที่นิยายเรื่องนี้มีชื่อรอง ว่า โพรมีทีอุสยุคใหม่   เพราะตัวเอกของเรื่อง วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ สร้างมนุษย์ขึ้นมาเองด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์    ทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
   เจ้ามนุษย์ที่เขาสร้าง ไม่มีชื่อ   เรียกกันว่าลอยๆ creature  หรือ สิ่งมีชีวิต  เมื่อเรื่องแพร่หลายจนมีคนเอาไปทำหนัง  ก็เรียกมันว่า Frankenstein's monster  หรืออสุรกายของนายแฟรงเกนสไตน์    นานๆเข้าเลยกลายเป็นชื่อของอสุรกายแทน   ส่วนคุณแฟรงเกนฯตัวจริงถูกลืมไปว่าเป็นเจ้าของชื่อ
   ส่วนไทยเราเรียกอสุรกายตัวนี้ว่า "ผีดิบ"  ค่ะ ผีดิบแฟรงเกนสไตน์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 27 ต.ค. 25, 21:28

  มาเริ่มที่มาของเร่ื่องนี้ แบบนิยายกันนะคะ
  ในฤดูร้อนปี 1818  ยุโรปตกอยู่ในภัยธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว  จากภูเขาไฟตัมบาราในอินโดนีเซียเกิดระเบิดขึ้นมาเมื่อสามปีก่อน  ทั้งๆอยู่ห่างยุโรปไปคนละซีกโลก  เถ้าถ่านของมันก็ยังลอยลมมาจนถึง   ลมฟ้าอากาศแปรปรวนไปหมด    พืชผลเสียหายไปทั่ว  อากาศมืดคลุ้มทั้งวันทั้งคืนเหมือนหมอกลง   อุณหภูมิลดฮวบฮาบลง 2-4 องศาเซลเชียส  เพราะแดดส่องลงมาไม่ถึง   
  หนุ่มสาวปัญญาชนกลุ่มหนึ่งหลบภัยธรรมชาติจากลอนดอนไปอยู่ที่เจนีวา    แต่ก็นั่นละค่ะ  ออกไปเที่ยวไหนก็ยาก  ตกกลางคืนพวกเขาก็เลยฆ่าเวลากันสนุกๆด้วยการผลัดกันเขียนเรื่องผีมาเล่าสู่กันฟัง  ท่ามกลางแสงตะเกียง
  ในกลุ่มนี้ มีสาวสวยคนหนึ่งเป็นภรรยาของเปอร์ซี เชลลีย์ กวีสำคัญชาวอังกฤษ  เธอชื่อแมรี่ เชลลีย์   เธอฟังเพื่อนๆสามีผลัดกันเล่าเรื่องขนหัวลุก อย่างเพลิดเพลิน    เมื่อเข้านอน เธอเกิดฝันประหลาด
   ในฝัน เธอเห็นนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ข้างร่างอะไรสักอย่างที่เขาประกอบขึ้นมา    แล้วร่างนั้นก็ลืมตาชึ้น...
   เมื่อตื่นขึ้น  แมรี่รู้แล้วว่าเธอจะเขียนอะไรไปเสนอเพื่อนๆในตอนค่ำคืนนี้
   ผีดิบแฟรงเกนสไตน์ก็ถือกำเนิดมานับแต่นั้น
   

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 28 ต.ค. 25, 09:31

    ต่อไปนี้จะเล่าเรื่องย่อจากฉบับตัวจริงที่แมรี่แต่งขึ้น    ไม่ใช่จากฉบับหนัง ทีวี  หรือการ์ตูน หรืออะไรๆที่แพร่หลายอยู่ในภายหลัง
    เรื่องนี้ใช้จดหมายหลายฉบับต่อเนื่องกันเป็นเนื้อเรื่อง    ผู้เขียนจดหมายเป็นกัปตันเรือชื่อโรเบิร์ต วอลตัน   เขาเขียนเล่าให้น้องสาวในอังกฤษฟังถึงความคืบหน้าของภารกิจอันตราย เมื่อพาเรือไปที่ขั้วโลกเหนือ   ภารกิจตอนแรกก็ผ่านไปด้วยดี  แต่มาสะดุดเมื่อเรือเจอทะเลน้ำแข็ง  เรือติดอยู่กับที่ ไม่อาจผ่านไปได้
    ในตอนนั้นเอง  วอลตันพบชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อวิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์  เขาเดินทางมาด้วยเลื่อนที่ลากโดยสุนัขข้ามน้ำแข็งมาพอดี   กำลังหมดเรี่ยวแรงจากอากาศหนาวจัด   วอลตันจึงรับเขาลงเรือ ช่วยรักษาพยาบาลจนหายดี    จึงได้รู้ที่มาที่ไปของชายหนุ่มว่าทำไมถึงทรมานทรกรรมมาถึงขั้วโลกเหนือเพียงลำพัง  
    วิกเตอร์เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กของเขาที่เจนีวา เป็นชีวิตแสนสุขที่อยู่ร่วมกับเด็กหญิงเอลิซาเบธ ลาเวนซา (บทบาทของเธอถูกแก้ไขใหม่   ฉบับแรกที่พิมพ์ในปี 1818  เธอเป็นลูกพี่ลูกน้อง  แต่เมื่อตีพิมพ์ต่อมาในปี 1831  เธอกลายเป็นน้องสาวบุญธรรม) และเพื่อนรักชื่อเฮนรี เคลอร์วาล
    วิกเตอร์เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิงโกลชตัดท์เพื่อศึกษาปรัชญาธรรมชาติและเคมี   ณ ที่นั้น เขาไปหลงใหลที่จะศึกษาเพื่อค้นพบความลับและการถือกำเนิดของชีวิต     หลังจากค้นคว้ามาหลายปี เขาก็เชื่อมั่นว่าเขาได้ค้นพบมันแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 28 ต.ค. 25, 10:47

    ด้วยความรู้ทั้งหมดที่ค้นคว้ามาก  วิคเตอร์ใช้เวลาหลายเดือน ทุ่มเทสร้างสิ่งมีชีวิตจากชิ้นส่วนของศพที่ตายใหม่ๆ  เลือกส่วนที่ดีที่สุดเพื่อสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ขึ้นมา      คืนหนึ่ง เขาสามารถปลุกร่างที่เขาสร้างให้มีชีวิตขึ้นมาได้ ด้วยกระแสไฟฟ้า   แต่เมื่อมันลืมตาขึ้นมา  วิคเตอร์ก็พบว่ามันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน  มันทำเอาเขาขวัญหนีดีฝ่อ   หยุดเดินหน้าต่อ แล้วหนีออกไป  ทิ้งเจ้ามนุษย์ประหลาดเอาไว้แค่นั้น
    เมื่อวิ่งหนีออกไปจากที่พัก   วิคเตอร์บังเอิญเจอเฮนรี่ เพื่อนเก่า เขาพาเพื่อนกลับไปที่พัก  พบว่าเจ้ามนุษย์ประหลาดหายตัวไปแล้ว  แม้ว่าโล่งใจอยู่บ้างที่ไม่เห็นมันอีก แต่ความสยองก็ทำให้ก็ล้มป่วยลงด้วยอาการไข้
    เมื่อฟื้นจากไข้  เขาเดินทางกลับเจนีวา ไปหาครอบครัว   รักษาสุขภาพจนแข็งแรง    ก่อนออกเดินทางจากอิงโกลชตัดท์ เขาได้รับจดหมายจากพ่อแจ้งว่าวิลเลียม น้องชายคนเล็กถูกฆ่าตาย วิคเตอร์รีบกลับบ้านด้วยความโศกเศร้า
    ขณะเดินผ่านป่าที่วิลเลียมถูกบีบคอจนตาย   เขาเห็นมนุษย์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นก่อนจะหายไป  เขาเชื่อว่ามันนั่นเองเป็นฆาตกรฆ่าน้องชาย   เมื่อกลับมาถึงเจนีวา วิคเตอร์พบว่าจัสติน มอริตซ์ เด็กสาวผู้อ่อนหวานใจดีที่เป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวแฟรงเกนสไตน์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าวิลเลียม   แม้ว่าเธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา  แต่ศาลก็ไม่เชื่อ  จึงตัดสินลงโทษประหารชีวิต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 10:14

   วิคเตอร์เริ่มสิ้นหวัง รู้สึกผิดเมื่อรู้ว่ามนุษย์ประหลาดที่เขาสร้างขึ้นเป็นตัวการ ทำให้ผู้บริสุทธิ์สองคนต้องเสียชีวิต
   วิคเตอร์หวังจะบรรเทาความโศกเศร้า จึงเดินทางไปพักผ่อนบนภูเขา วันหนึ่งขณะที่เขาอยู่คนเดียว ขณะกำลังข้ามธารน้ำแข็งขนาดมหึมา มนุษย์ประหลาดตัวนั้นก็เข้ามาหาเขา มันสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าวิลเลียมเอง แต่ก็ร้องขอความเข้าใจ ว่ามันรู้สึกโดดเดี่ยว ถูกไม่แยแสจากมนุษย์  จนสิ้นหวัง เขาบอกว่าเขาทำร้ายวิลเลียม ด้วยความแค้นในตัววิกเตอร์   มนุษย์ประหลาดขอร้องให้วิคเตอร์สร้างคู่ครองให้เขา ด้วยการสร้างมนุษย์ขึ้นมาอีกคนในรูปแบบเดียวกัน เพื่อเป็นเพื่อนร่วมทุกข์สุข  ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป
     ในตอนแรกวิคเตอร์ปฏิเสธ เพราะยังสยองไม่หาย  แต่มนุษย์ประหลาดมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเกลี้ยกล่อมจนโน้มน้าวใจได้   วิคเตอร์เดินทางกลับเจนีวาไปอังกฤษพร้อมกับเฮนรี เพื่อหาทางสร้างมนุษย์ประหลาดเพศหญิงให้เจ้าตัวแรก
     วิคเตอร์หลบซ่อนบนเกาะร้างในสกอตแลนด์  สร้างมนุษย์ประหลาดขึ้นอีกตัวด้วยความลังเล  ไม่แน่ใจว่าเขาทำถูกหรือผิด  หรือจะผิดซ้ำซ้อน   เขาเริ่มไม่เต็มใจที่จะสร้างมนุษย์ประหลาดขึ้นมาอีก ให้สถานการณ์อาจเลวร้ายลง
     คืนหนึ่ง วิกเตอร์มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเจ้ามนุษย์ประหลาดจ้องมองเข้ามาพร้อมด้วยรอยแสยะยิ้มอันน่าสะพรึงกลัว   ทำให้หวนกลับมาคิดใหม่ เกิดกลัวสุดขีดว่าจะสร้างสิ่งสยองซ้ำซ้อน วิคเตอร์จึงทำลายตัวใหม่เสียก่อนมันจะมีชีวิตขึ้นมา   มนุษย์ประหลาดโกรธจัดที่คู่ของมันถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา และสาบานว่าจะแก้แค้น  มันบอกว่าเมื่อใดวิคเตอร์แต่งงาน มันจะไปหาเขาในคืนแต่งงาน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 10:28

   วิคเตอร์ลงเรือไปในทะเลสาบ ทิ้งซากศพตัวใหม่ลงไปในนั้น  หลังจากนั้นพายุพัดเขาไปขึ้นฝั่งอีกเมืองหนึ่ง   เขาถูกจับข้อหาสงสัยว่าเป็นฆาตกร   ปรากฏว่าศพผู้ถูกฆ่าคือเฮนรีเพื่อนสนิทนั่นเอง มีรอยมือของเจ้ามนุษย์ประหลาดบีบอยู่รอบคอ    ต่อมาวิคเตอร์ถูกปล่อยตัวเพราะไม่มีหลักฐาน
     หลังจากกลับไปเจนีวาพร้อมกับพ่อได้ไม่นาน วิคเตอร์ก็แต่งงานกับเอลิซาเบธ ญาติสาว   เขาหวั่นกลัวคำเตือนของเจ้ามนุษย์ประหลาดว่ามันอาจจะฆ่าเขาในคืนแต่งงาน  เพื่อป้องกัน เขาจึงส่งเอลิซาเบธไปอยู่ที่อื่น   ระหว่างที่รอ เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของเอลิซาเบธ จึงเข้าใจได้ในตอนนั้นว่าที่จริงมันตั้งใจจะบอกเป็นนัยว่า เหยื่อของมันคือเจ้าสาวของเขาต่างหาก  เหมือนกับที่เขาทำลายเจ้าสาวของมัน  
     วิคเตอร์กลับบ้านไปหาพ่อ  ความตรอมใจทำให้พ่อตายลงในเวลาไม่นาน วิคเตอร์หัวใจสลาย เขาสาบานว่าจะอุทิศชีวิตที่เหลือเพื่อกำจัดเจ้ามนุษย์ประหลาด ไม่ช้าเขาก็ออกเดินทางเพื่อเริ่มต้นภารกิจ
    วิกเตอร์ตามล่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นขึ้นไปทางขั้วโลกเหนือ ในการไล่ล่าด้วยรถลากเลื่อน วิกเตอร์เกือบจะตามมันทัน แต่น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น   น้ำแข็งแตกออกเป็นรอยแยกขวางกั้น  ทำให้ทั้งสองหลุดไปอยู่คนละซีกของผืนน้ำแข็ง  
      ณ จุดนี้ กัปตันวอลตันได้พบกับวิกเตอร์    เรื่องราวดำเนินมาถึงช่วงเวลาที่วอลตันเขียนจดหมายถึงน้องสาวฉบับที่สี่
      วอลตันเล่าเรื่องราวที่เหลือในจดหมายอีกชุดหนึ่งถึงน้องสาว     วิกเตอร์ป่วยอยู่แล้วเมื่อทั้งสองพบกัน อาการทรุดลงจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวอลตันกลับมายังห้องที่ร่างของวิคเตอร์นอนอยู่  เขาต้องตกใจที่เห็นมนุษย์ประหลาดเข้ามาในเรือนได้  มันร้องไห้คร่ำครวญข้างศพวิกเตอร์
     มนุษย์ประหลาดรำพันให้กัปตันวอลตันฟังถึงความโดดเดี่ยว ความทุกข์ทรมาน ความเกลียดชังที่มันประสบ  และความสำนึกผิดอย่างมหันต์    มันเห็นว่าเมื่อผู้สร้างตายไปแล้ว มันก็ควรยุติความทุกข์ทรมานได้เช่นกัน
     ตอนสุดท้ายของจดหมาย  มนุษย์ประหลาดอำลาเรือของกัปตันวอลตัน  ออกเดินทางหายไปในพายุหิมะ  เพื่อไปสู่ความตายที่ขั้วโลกเหนืออย่างเดียวดาย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 11:17

     ทีนี้ก็ถึงเวลาจะขยายความว่า เหตุใด Frankenstein จึงเป็นเรื่องอมตะมายาวนานกว่า 200 ปี  ผิดกับเรื่องผีๆสางๆ เรื่องอื่นอีกนับไม่ถ้วนที่ถูกกลืนหายไปในกระแสกาลเวลา     ส่วนเจ้ามนุษย์ประหลาดที่คนไทยเรียกว่า "ผีดิบแฟรงเกนสไตน์" กลับเป็นที่รู้จักกันมาจนบัดนี้   โดยเฉพาะในวันฮัลโลวีนหรือ "วันปล่อยผี" ของอเมริกา   หน้ากากผีดิบ  ชุดแฟนซีผีดิบ  หุ่นผีดิบ  ขายดิบขายดีกันก็วันนี้
     ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจก่อนว่า  เจ้ามนุษย์ประหลาดที่นศ.แพทย์สร้างขึ้นมา  ไม่ได้มีหน้าตาอย่างที่คอหนังรุ่นเก่าเห็นกันดังในภาพข้างล่างนี้     อมนุษย์ตัวสูงใหญ่มหึมา  หน้าเขียวซีด  หัวเหลี่ยม มีแผลเป็นบนหน้าผาก และหมุดตัวโตตอกที่คอ   ไม่ได้เกิดจากปลายปากกาของแมรี เชลลีย์  แต่เกิดจากฮอลลีวู้ด  เมื่อเอาเรื่องนี้ไปสร้างเป็นหนัง      ได้ดาราชื่อบอริส คาร์ลอฟฟ์ มาแสดงบทนี้
     ความจริงคาร์ลอฟฟ์มีหน้าตาธรรมดาๆ  แต่ด้วยการเมคอัพอย่างหนักหน่วงจนไม่เหลือหน้าเค้าเดิม    ใส่รองเท้าส้นตึกสูง 4 นิ้ว  สวมเสื้อหนุนบ่าตัวมหึมาให้เห็นว่าร่างใหญ่โตเกินจริง  เขาก็กลายเป็นผีดิบตัวใหญ่น่าหวาดกลัวทุกฉากที่ออกมา     กลายเป็นภาพประจำตัวผีดิบของแมรี่ เชลลีย์จนบัดนี้
     ความจริงแล้วมนุษย์ประหลาดมีหน้าตาดีนะคะ   เพราะวิคเตอร์คัดเลือกชิ้นส่วนที่ดีที่สุดของมนุษย์มาประกอบเป็นรูปร่างหน้าตาเขา    เพียงแต่ดีอย่างน่ากลัว 
     


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 11:39

    มนุษย์ประหลาดมีลักษณะอย่างไร    ยกเอาคำบรรยายของวิคเตอร์มาลงไว้ตามนี้
    “แขนขาของเขาสูงงามได้สัดส่วน ผมเลือกสรรรูปลักษณ์ของเขาให้งดงาม  โอ้!พระเจ้า    ผิวสีนวลบางจนไม่อาจบดบังกล้ามเนื้อและเส้นเลือดภายใต้ผิวเนื้อ   ผมดำขลับเป็นประกาย และพลิ้วสลวย  ฟันขาวราวกับไข่มุก แต่ความงามเลิศเช่นนี้กับตัดกันอย่างตรงข้ามกับดวงตาฉ่ำด้วยหยาดน้ำ   ผิวแห้งซีดไม่เปล่งปลั่ง และริมฝีปากซีดเขียวจนดำ”
    สรุปว่า เจ้ามนุษย์ประหลาดไม่ใช่ผีดิบอย่างภาพประกอบข้างบนนี้ แน่นอน แต่เป็นชายที่เป็นส่วนผสมราวกับถูกเย็บปะติดปะต่อเข้าด้วยกันระหว่างความงามและความน่าสะพรึงกลัว ราวกับภาพวาดที่มีบางอย่างผิดปกติ
    ถ้าใครสงสัยว่าวิคเตอร์เอาอะไรมาสร้างเป็นร่างนี้ ขอตอบว่ามาจากชิ้นส่วนของมนุษย์จริงๆ  สมัยนั้นนักเรียนแพทย์จำต้องใช้ศพในการศึกษา  แต่ขาดแคลนเพราะไม่มีใครอุทิศให้   จึงเกิดการขโมยศพจากสุสานกันเป็นล่ำเป็นสัน   โดยเฉพาะศพที่ตายใหม่ๆยังไม่ทันเน่า   พอฝังลงไปหัวขโมยขุดสุสานทั้งหลายก็จัดการขุดศพขึ้นมาเพื่อเอาไปขายทันที    ได้ราคาดีเสียด้วย
   วิคเตอร์คงจะเลือกส่วนที่ดีที่สุดของศพหลายศพด้วยกัน  เอามาผสมผสานเป็นร่างเดียวที่เขาตั้งใจสร้างให้งดงาม   แล้วใช้ไฟฟ้าจากสายฟ้ากระตุ้นให้มีชีวิตขึ้น
   แมรี่ได้ความคิดมาจากการทดลองวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น  เพราะไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักกันแล้ว   มีผู้ทดลองใช้ไฟฟ้าแล่นผ่านเข้าไปในซากกบ  แล้วพบว่าแขนขามันเคลื่อนไหวได้เหมือนมีชีวิต  (สมัยนี้คือใช้ไฟฟ้าทำให้กระตุก-คุณหมอเพ็ญคงอธิบายได้)  ก็เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า หรือไฟฟ้าจะทำให้ตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้  เธอก็เลยเลือกวิธีนี้มาอธิบายในเรื่อง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16232



ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 13:35

มีผู้ทดลองใช้ไฟฟ้าแล่นผ่านเข้าไปในซากกบ  แล้วพบว่าแขนขามันเคลื่อนไหวได้เหมือนมีชีวิต (สมัยนี้คือใช้ไฟฟ้าทำให้กระตุก-คุณหมอเพ็ญคงอธิบายได้)

กิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์ล้วนใช้ไฟฟ้า‼️

ในชีวิตประจำวัน เครื่องใช้สารพัดในบ้านเรา ทำงานได้โดยใช้ไฟฟ้า แต่รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของเราก็ใช้ไฟฟ้าเหมือนกัน! ตั้งแต่ตอนที่เราคิด ขยับ พูด หรือแม้แต่ตอนหลับ!

ทุกเซลล์ในร่างกายมีความสามารถในการสร้าง ศักย์ไฟฟ้า (electrical potential) โดยเฉพาะเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อที่ทำงานด้วยกระแสไฟฟ้าขนาดเล็ก เซลล์เหล่านี้จะควบคุม การเคลื่อนที่ของไอออน (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม) ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าระดับจิ๋วที่เรียกว่า "action potential" ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณในระบบประสาท

สมอง ใช้สัญญาณไฟฟ้าในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท ทำให้เราคิด วิเคราะห์ และจำ ตรวจการทำงานของเซลล์ประสาทสมองโดยวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalography - EEG)

หัวใจ เต้นได้เพราะกระแสไฟฟ้าจากโหนดไฟฟ้าในหัวใจ (SA node) สามารถตรวจการทำงานของหัวใจ โดยวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Elektrokardiogramm/Electrocardiogram - EKG/ ECG)

กล้ามเนื้อ ทุกครั้งที่เราขยับตัว สมองจะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัวสามารถตรวจวินิจฉัยการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทส่วนปลาย โดยวัดคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyogram - EMG)

แม้กระแสไฟฟ้าในร่างกายเราจะน้อย แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์พยายามพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า biogenerator เพื่อแปลงพลังงานจากร่างกาย (เช่น ความร้อน หรือแรงกระแทก) ให้กลายเป็นไฟฟ้า เช่น นาฬิกาอัจฉริยะที่ชาร์จจากความร้อนผิวหนัง อุปกรณ์ฝังในร่างกายที่ใช้ไฟฟ้าจากการเคลื่อนไหวของเราเอง

ความเข้าใจเกี่ยวกับไฟฟ้าในร่างกายช่วยให้เราสามารถรักษาโรคได้ เช่น ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นสมอง เพื่อรักษาโรคซึมเศร้า, กระตุ้นหัวใจ สำหรับผู้ที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ตรวจกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า

ร่างกายมนุษย์คือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดจิ๋วที่ซับซ้อนและน่าทึ่ง ทุกการเคลื่อนไหวและความคิดล้วนเกิดจากพลังงานไฟฟ้าในร่างกาย ลองมองตัวเองใหม่ คุณคือ "มนุษย์ไฟฟ้า" ตัวจริง

ข้อมูลจาก STEM Camp


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 19 คำสั่ง