เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
อ่าน: 8405 คุยกันถึงวรรณกรรมระดับโลก
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 15:28


ปี 1791 Luigi Galvani พบว่าขากบที่ตายแล้วจะกระตุกเมื่อสัมผัสกับโลหะต่างชนิดกัน เขาอธิบายว่าเกิดจาก
กระแสไฟภายในตัว animal electricity

Alessandro Volta  แย้งว่ากระแสไฟฟ้าไม่ได้เกิดในเนื้อเยื่อของสัตว์เอง แต่เกิดจากโลหะต่างชนิดกันสัมผัสกับ
ของเหลวในเนื้อเยื่อกบที่เป็นสื่อกระแสไฟฟ้า นำไปสู่การประดิษฐ์แบตเตอรี่ไฟฟ้าเคมีชิ้นแรก ในปี 1779

ปี 1803 Giovanni Aldini หลานลุงของ Galvani ทำการทดลองสำแดงการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าร่างสัตว์และร่างคนตาย
ทำให้เกิดการขยับกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าตาเปิดแขนขาขยับประหนึ่งกลับมีชีวิต

ฤดูร้อนปี 1816 เกิดคำท้าประลองแต่งนิยานสยองขวัญในกลุ่มเพื่อนนักประพันธ์
2 ปี ต่อมา Frankenstein โดย Mary Shelley ปลุกชีพให้เป็นอมตะมากว่า 200 ปี


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 16:36

ปี 1791 Luigi Galvani พบว่าขากบที่ตายแล้วจะกระตุกเมื่อสัมผัสกับโลหะต่างชนิดกัน เขาอธิบายว่าเกิดจากกระแสไฟภายในตัว animal electricity
ปี 1803 Giovanni Aldini หลานลุงของ Galvani ทำการทดลองสำแดงการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าร่างสัตว์และร่างคนตาย
ทำให้เกิดการขยับกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าตาเปิดแขนขาขยับประหนึ่งกลับมีชีวิต
Luigi Galvani ที่คุณหมอ SILA เอ่ยถึง เป็นที่มาของทฤษฎี Galvanism  ซึ่งเป็นทฤษฎีืทางวิทยาศาสตร์ในสมัยศตวรรษที่ 18 และต่อมาถึง 19  ทฤษฎีนี้เชื่อว่าชีวิตเกิดจาก กระแสไฟภายในตัว (animal electricity)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 18:28

     ขอกลับเข้าสู่เรื่อง
     คืนนั้นพายุข้างนอกกำลังคำรณกึกก้อง  ฟ้าร้องดังสนั่นราวกับอยู่กลางสนามรบ วิคเตอร์มือไม้สั่นอยู่กับการปรับเครื่องมือ นำกระแสไฟฟ้าจากฟ้าแลบฟ้าผ่าเข้าสู่ "มนุษย์ทดลอง" ของเขา   ประกายไฟวาบขึ้นจากล้อหมุน     กระแสไฟฟ้าส่งเสียงฟู่ราวกับเสียงงู
     ฉับพลัน   ร่างที่นอนนิ่งอยู่ก็ลืมตาขึ้น    เป็นดวงตากระด้าง ไร้แวว ว่างเปล่า   แต่...มันมองเห็น 
    มันเริ่มหายใจ  เสียงหอบหายใจจากจมูกเหมือนเสียงลมในเตาหลอม   ตาเริ่มกระพริบ  มือกระตุก นิ้วเริ่มงอเข้าหากัน    จากนั้นมันเริ่มขยับร่างแข็งทื่อทีละน้อย   การเคลื่อนไหวแข็งเกร็ง ไม่เหมือนมนุษย์ 
   วิคเตอร์อ้าปากค้างตะลึงงัน  ด้วยความหวาดกลัวสุดขีดอย่างไม่เคยนึกมาก่อน   
   มนุษย์ประหลาดลุกขึ้นนั่ง ข้อต่อของมันแตกเปรี๊ยะได้ยินชัดเหมือนน้ำแข็งแตกร้าวบนทะเลสาบ
   แล้วมันก็หันศีรษะมาทางเขา  เพ่งมอง  แล้วยิ้ม— เป็นยิ้มที่ชวนขนพองสยองเกล้า  แสยะยิ้มอย่างไม่มีมนุษย์คนใดยิ้ม
   วิคเตอร์หายตกตะลึง   เขาหันกลับ วิ่งหนีสุดแรงเกิด  ไม่ใช่เพราะกลัวอันตราย  แต่จิตสำนึกเตือนในทันทีว่าเขาได้สร้างสิ่งที่-ไม่ใช่มหัศจรรย์ -แต่น่าพิลึกสะพรึงกลัว เกินกว่าเขาจะรับมือได้อีกแล้ว
    สิ่งที่วิคเตอร์ไม่ได้คำนึงถึง   แต่แมรี่ เชลลีย์มองเห็นและใส่ไว้ในนิยายเรื่องนี้  คือ วิคเตอร์ได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา  แล้วทอดทิ้งมันไปตั้งแต่มันถือกำเนิด   ไม่ได้คำนึงเลยว่ามันจะอยู่อย่างไร  ต้องเจออะไรบ้าง  มันรู้สึกอย่างไร เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่หวาดกลัวและรังเกียจมัน    ไม่มีใครยอมเข้าใกล้   ไม่มีใครให้ความเมตตา หรือแม้แต่วางเฉย
    ความรู้สึกของมนุษย์ประหลาดถูกถ่ายทอดผ่านคำพูด   เหมือนเด็กที่ถูกแม่ทอดทิ้งตั้งแต่เกิด   ต้องเผชิญชีวิตด้วยตนเอง   ไม่มีผู้อุปถัมภ์  ไปไหนก็มีแต่คนไล่  คนวิ่งหนี     ผู้ให้กำเนิดก็เอาแต่หนีมัน ไม่รับผิดชอบการกระทำ    ดังนั้นถ้ามันจะกลายเป็นอสูรที่เต็มไปด้วยความแค้น  เราจะโทษมันได้หรือ
    นี่ละค่ะ คำตอบ ว่าทำไมเร่ื่องนี้ยืนยาวมาถึง 200 กว่าปี
    ถ้าผีดิบแฟรงเกนสไตน์เป็นผีที่ลุกจากหลุม  แล้วเอาแต่หลอก หลอก หลอก และฆ่า ฆ่า ฆ่า มนุษย์ทุกคนที่เจอ   หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมอยู่กันดีๆไม่ได้เลยหรือ      เรื่องนี้ก็คงเป็นเหมือนนิยายผีอีกนับร้อยๆเรื่องที่ผลิตออกมาซ้ำๆกัน แล้วก็ตายสนิทไปจากความจำของคนอ่านในเวลาไม่นาน
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 01 พ.ย. 25, 10:19

(มองข้ามความสงสัย,ไม่ตรงใจ ฯ เพราะความนิยายแฟนตาซี ไซ ไฟ)

             วิกเตอร์ ผู้บังอาจละเมิดกฎระเบียบธรรมชาติทำตัวเป็นพระเจ้าจึงต้องพบกับความสูญเสียวิบัติ
        Hero มีความรู้(อัจฉริยะ/วิปลาส) มีไฟฝันใฝ่มุ่งมั่นค้นคว้าทดลองสร้างสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่สะท้านวงการ
        Flaw ไม่ประมาณตนที่เป็นแค่มือใหม่ วัยเยาว์ยังไร้ประสบการณ์ ความรู้,ความคิดอ่านยังไม่แกร่ง แต่อาจหาญทำสิ่งท้าทาย
ธรรมชาติและความเชื่อแต่ดั้งเดิม คิดสร้างงานแบบก้าวกระโดดเกินตัว โดยไม่มีความรอบคอบ, คิดไม่ไกลถึงผลที่ตามมา
        Downfall เมื่อตั้งใจหวังสร้างงานงดงาม แต่ผลงานกลายเป็นทรามจนรับไม่ได้(ทั้งที่ตัวเองทำมากับมือ) มองเห็นว่าเป็นปีศาจ
ในขณะที่ตัวเองซึ่งสวมบทพระเจ้าในตอนแรกก็พลิกบทกลายเป็นปีศาจบาดเจ็บ ปัดความรับผิดชอบ,ไร้เมตตาทิ้งสิ่งที่สร้างมาเป็นปัญหา
ให้ไปเผชิญโลกกว้างลำพังแล้วก่อมรณกรรมซ้ำๆ เกิดเป็นความวิบัติสูญเสียแก่คนอื่นๆ และตัวเอง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 01 พ.ย. 25, 10:40

     เจ้ามนุษย์ประหลาดที่ถูกตั้งชื่อภายหลังว่า "ผีดิบ" กลายเป็นตัวละครสำคัญเสียจนวิคเตอร์ผู้ให้กำเนิดมันถูกลืมไปเลยจากโลกวรรณกรรม
    แมรี่สร้างมันให้มีความลึก น่าสมเพชและน่าหวาดสยองพอๆกัน   มีฉากที่มันอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมนุษย์   แอบฟังบทกวี  แอบดูเด็กเล็กๆเล่นกัน    ดูน่าสมเพชเหมือนเด็กจรจัด   แต่พอผู้คนเห็นมันก็หวาดกลัว เด็กวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง  ผู้ใหญ่คว้าอาวุธมาไล่ล่า     จนมันต้องหลบลี้ออกจากสังคม   แม้ว่าจะพยายามหาคู่เพื่อมาอยู่ให้หายว้าเหว่   แต่คู่ของมันก็กลับถูกทำลาย  ดังนั้นการแก้แค้นจึงสมเหตุสมผล มากกว่าบรรดาปีศาจในบ้านร้างหรือป่าช้าที่พอหลุดออกมาได้ก็ไล่ฆ่าคนไม่บันยะบันยัง  
    แต่รสนิยมของมหาชนกับวงวิชาการวรรณกรรมมักจะสวนทางกัน   ดูจากกรณีของมารี คอเรลลีนั่นปะไร    ร้องไห้
    เมื่อภาพยนตร์ถือกำเนิดในศตวรรษที่ 20  นวนิยายเรื่องนี้ก็เข้าตาผู้สร้างหนัง   จึงกลายเป็นหนังเงียบขาวดำปี ค.ศ. 1910 โดยเอดิสันสตูดิโอส์    เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครเอ่ยถึงเท่าไหร่  แต่ก็ยังมีรสชาติให้น่าทำอยู่  ต่อมาในค.ศ. 1931 ก่อนสงครามโลกครั้งที่  2 ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส หยิบบทละครเวทีในค.ศ. 1927 มาสร้างอีกครั้ง  พร้อมกับสร้างเจ้ามนุษย์ประหลาดเสียใหม่ ให้ออกมาเป็นผีดิบแฟรงเกนสไตน์อย่างที่เรารู้จักกัน  ทำให้บอริส คาร์ลอฟฟ์ผู้แสดงโด่งดังขึ้นในข้ามคืน
    จากนั้น  มนุษย์ประหลาดน่าสงสารก็เปลี่ยนสภาพเป็นอสุรกายน่ากลัว    ได้ชื่อใหม่ว่า แฟรนเกนสไตน์  ส่วนวิคเตอร์ผู้สร้างมันนั้น ชาวบ้านลืมไปเลยว่ามีตัวตนอยู่เหมือนกัน
    หนังปี 1931  มีในยูทูปค่ะ  น่าจะใส่สีเข้าไป เพราะปี 1931  เป็นยุคหนังขาวดำ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 10:06

      ผีดิบแฟรงเกนสไตน์ครองตำแหน่ง "ผียอดนิยม" แห่งโลกละครและหนังมายาวนานตลอดศตวรรษที่ 20    มีคู่แข่งที่ทาบรัศมีติดเพียงตัวเดียว  คือผีขุนนางแต่งทักซีโด หน้าซีดขาว เขี้ยวแหลม ที่พร้อมจะเจาะลงบนคอของเหยื่อเพื่อดูดเลือด    รายนี้ก็ยอดนิยมมาตลอดศตวรรษที่ 20 เช่นกัน
      เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Dracula
      ฝรั่งออกเสียงว่า แดร็ก-คิว-ลา    คนไทยออกเสียงว่า แดร็กคูล่า  ในที่นี้ขอออกเสียงอย่างของเดิมนะคะ
      Dracula  เกิดจากปลายปากกาของอับบราฮัม "บราม" สโตเกอร์  นักเขียนชาวไอริชที่มาทำงานเป็นผู้จัดการโรงละครดังของอังกฤษ   โดยอาชีพเขาเป็นนักธุรกิจในแวดวงละครมากกว่าวรรณกรรม  แต่ก็เขียนนิยายโกธิคไว้หลายเรื่อง   มีเรื่องเดียวที่ดังเปรี้ยงปร้างตั้งแต่วางจำหน่ายในปี 1897 ตอนปลายยุควิคตอเรียน  แล้วก็ดังเรื่อยมาตลอดศตวรรษที่ 20   คือเรื่องนี้  
     บราม สโตเกอร์เจอชะตากรรมเดียวกับเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ผู้สร้างนักสืบเชอร์ล็อค โฮล์มส์   คือรัศมีตัวละครเจิดจ้าจนบังผู้สร้างเสียมิด     คอหนังคอละครและคอหนังสือลึกลับสยองขวัญ ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครไม่รู้จักแดร็กคิวล่า   แต่ร้อยคนนั่นละ อาจจะมีไม่ถึง 2 คนจำได้ว่าผู้แต่งชื่อบราม สโตเกอร์


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 10:52

       ในปี 1992 มีหนังของผกก. ลือชื่อ - Francis Ford Coppola ที่สร้างตามต้นฉบับ และให้ชื่อผู้แต่งกำกับไว้ว่า

Bram Stoker's Dracula


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 11:50

  หนังปี 1992 เอาเนื้อเรื่องมาจากของบราม สโตเกอร์ประมาณ 75%  อีก 25%  เติมน้ำเชื่อมผงชูรสเข้าไป  แต่งให้ท่านเคานต์เจ้าค้างคาวกลายเป็นหนุ่มหล่อ แสวงหารักแท้  (โดยไม่ต้องขับแท็กซี่เหมือนดร.ประกอบ  ยิงฟันยิ้ม)
จับคู่เขาเข้ากับตัวละครฝ่ายหญิงชื่อ "มินา"  ซึ่งในฉบับเดิมเป็นเหยื่อที่รอดมาได้
  ภาพข้างล่างนี้เป็นแดร็กคิวล่าในหนังเรื่องนี้ (ซ้าย) เทียบกับแดร็กคิวล่าที่คริสโตเฟอร์ ลี รับบท (ขวา)  คุณลุงลีได้ชื่อว่าเล่นบทนี้ได้เหมาะที่สุด เหมือนเดินออกมาจากหนังสือ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 20:00

   มาอ่านเรื่องย่อกันนะคะ
   เนื้อเรื่องเป็นเรื่องร่วมสมัยในยุคของผู้แต่ง คือปลายศตวรรษที่ 19  ตัวเนื้อเรื่องเป็นการปะติดปะต่อกันระหว่างบันทึกของบุคคลในเรื่อง  จดหมายที่ส่งถึงกัน   ข่าวที่แจ้งให้รู้    เหมือนเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้รวบรวมเอาไว้  ไม่ใช่บรรยายอย่างนวนิยาย
   เรื่องเริ่มที่บันทึกของโจนาธาน ฮาร์คเกอร์ ทนายความหนุ่มชาวอังกฤษ  เขาเล่าถึงการเดินทางไปยังคฤหาสน์ของขุนนางชื่อเคานต์แดร็กคิวลา ซึ่งอาศัยอยู่ในนแคว้นทรานซิลเวเนียในยุโรปตะวันออก เพื่อทำธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ตามที่ท่านเคานต์จ้างไป 
    ขณะที่ฮาร์เกอร์เดินทางผ่านชนบท  ชาวนาในท้องถิ่นก็เตือนเขาเมื่อรู้ว่าจะไปไหน  พากันมอบไม้กางเขนและเครื่องรางอื่นๆ ให้เขาเพื่อปราบปีศาจร้าย และเอ่ยคำประหลาดที่ฮาร์เกอร์แปลความหมายในภายหลังว่า "แวมไพร์"
    ฮาร์เกอร์รู้สึกหวาดกลัว  แต่ก็ยังมุ่งมั่นจะทำงานให้สำเร็จ   รถม้ามารอรับพาไปคฤหาสน์ซึ่งควรเรียกว่าปราสาท ระหว่างทางเกือบถูกหมาป่าดุร้ายโจมตี  แต่ก็ผ่านมาได้  เมื่อมาถึงที่หมาย   ฮาร์เกอร์พบว่าเคานต์แดร็กคิวลาเป็นชายสูงวัยท่าทางเป็นผู้ดี  มีการศึกษาดีและมีอัธยาศัยดี
    อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ฮาร์เกอร์ก็ตระหนักว่าตนเองถูกขังอยู่ในปราสาทแห่งนี้  ไม่มีทางออกไปไหนเสียแล้วจนกว่าจะทำงานให้เสร็จ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 20:07

   แม้จะอยู่อย่างดี มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์   ฮาร์เกอร์ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ  เขาเริ่มสังเกตว่าเคานต์มีหลายอย่างประหลาดผิดมนุษย์ เช่นไม่มีเงาสะท้อนในกระจก  อยู่ตามลำพังในปราสาท ไม่มีบริวาร  มาให้เห็นเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น   และเมื่อออกไปเขาก็ไต่ผนังเอาหัวลงเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน   
   นอกจากนี้  ฮาร์เกอร์ถูกปีศาจสาวสวยสามตนโจมตี เกือบจะดูดเลือดเขา  แต่เคานต์เข้ามาไล่พวกมันออกไป โดยบอกว่าฮาร์เกอร์เป็นคนของเขา    ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะต้องถูกฆ่าเมื่อเสร็จงาน ฮาร์เกอร์จึงตัดสินใจปีนกำแพงหนี   แล้วก็หนีไปถึงหมู่บ้านได้สำเร็จ   จับรถไฟเข้าเมืองหลวงไปได้ แต่ไปป่วยด้วยโรคไข้ประสาทอย่างแรงเมื่อถึงที่หมาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 03 พ.ย. 25, 10:31

     ทางอังกฤษ  มินา เมอร์เรย์ คู่หมั้นของฮาร์เกอร์ เขียนจดหมายติดต่อกับเพื่อนสาวชื่อลูซี่ เวสเทนรา ลูซี่เล่าว่าได้รับคำขอแต่งงานจากชายสามคน ได้แก่ ดร. จอห์น ซูเวด  อาร์เธอร์ โฮล์มวูด และชาวหนุ่มอเมริกันชื่อควินซี มอร์ริส เธอเลือกโฮล์มวูด
      มินาไปเยี่ยมลูซี่ที่เมืองชายทะเลวิตบี    ซึ่งกำลังมีข่าวประหลาดว่า มีเรือรัสเซียลำหนึ่งอับปางบนชายฝั่งใกล้เมือง ลูกเรือทั้งหมดสูญหาย กัปตันเสียชีวิตโดยไม่พบสาเหตุ   มีสิ่งมีชีวิตอย่างเดียวบนเรือคือสุนัขตัวใหญ่กระโดดขึ้นฝั่งและวิ่งหายลับไป   สินค้าในเรือไม่มีอะไรนอกจากกล่องใหญ่ขนาดโลงบรรจุดินห้าสิบกล่อง ส่งมาจากปราสาทแดร็กคิวลาในทรานซิลเวเนีย
     ไม่นานหลังจากนั้น ลูซี่เริ่มมีอาการเดินละเมอ   มีนาตามไปพบเพื่อนของเธอในสุุสานนอกเมือง มีร่างสีดำดวงตาเป็นแสงแดงก่ำคร่อมอยู่เหนือร่าง    มันหนีไปเมื่อเห็นคนมา      ลูซี่เริ่มป่วยหนัก  ร่างกายซูบซีด  มีรอยแดงเล็กๆ สองรอยที่คอ ซึ่งทั้งหมอซูเวดเซวาร์ดและมีนาหาสาเหตุไม่พบ  ซูเวดจึงส่งคนไปตามศาสตราจารย์แวน เฮลซิง อดีตอาจารย์ของเขามาช่วยวินิจฉัยโรค
      ฮาร์เกอร์ส่งข่าวมาว่าป่วยเป็นไข้สมองอักเสบอยู่ที่เมืองบูดาเปสต์   มินาจึงเดินทางไปพยาบาลคู่หมั้น   ทางนี้แวน เฮลซิงมาตรวจอาการลูซี่    เขาก็สั่งให้นำกระเทียมซึ่งเป็นเครื่องรางมาแขวนไว้ในห้องนอน   ทำให้ลูซี่อาการดีขึ้น  แต่แม่เธอไม่เข้าใจ  เห็นว่าห้องมีกลิ่นเหม็นก็เลยเอาออกไป  ทำให้อาการเธอทรุดลงอีก  แม้ว่าแวนเฮลซิงกับพรรคพวกพยายามถ่ายเลือดให้เธอถึง 4 ครั้งก็ไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้น   คืนหนึ่ง หมาป่าตัวใหญ่บุกเข้ามาถึงในบ้าน   แม่ของลูซี่ช็อคจนหัวใจวาย   หมาป่าก็ขย้ำลูซี่จนเสียชีวิต
     หลังจากลูซี่เสียชีวิต   เธอกลายเป็นแวมไพร์หรือผีดิบดูดเลือดเหมือแดร็กคิวล่า  ทีแรกคนอื่นๆก็ไม่เชื่อจนเห็นด้วยตาตนเองว่าลูซีฟื้นคืนชีพขึ้นมาทำร้ายดูดเลือดเด็ก    แวนเฮลซิงและพวกจึงตัดสินใจสังหารแวมไพร์เพื่อให้วิญญาณของลูซี่กลับคืนสู่การพักผ่อนชั่วนิรันดร์  ในที่สุดก็ทำได้สำเร็จ
   ส่วนมินาและโจนาธานแต่งงานกันแล้วเดินทางกลับอังกฤษ     มินาช่วยแวน เฮลซิงรวบรวมบันทึกประจำวันและบันทึกต่างๆ ที่คนอื่นๆ เขียนขึ้น เพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าหากัน    ขั้นต่อไปคืดตามหาโลงใส่ดินที่แดร็กคิวล่าใช้เป็นที่นอนตอนกลางวัน  แต่เกิดพลั้งพลาด  แดร็กคิวล่าพบมิน่าแล้วดูดเลือดเธอ ทำให้เธอเปลี่ยนเป็นแวมไพร์  แต่แวนเฮลซิงใช้เครื่องรางป้องกันเธอไว้ทัน
   แวนเฮลซิ่งกับพรรคพวกทำลายโลงได้สำเร็จ    ทำให้แดร็กคิวล่าต้องหนีกลับทรานซิลเวเนีย   พวกไล่ล่าตามไปสังหารแวมไพร์หญิงทั้งสามตน   ปิดผนึกทางเข้าด้วยเครื่องราง
    ฉากสุดท้าย  แวน เฮลซิงกับพวกมาทันแดร็กคิวลาที่ด้านนอกปราสาท  พวกผู้ชายเข้าโจมตีคาราวานยิปซีที่ขนโลงศพมา  เปิดโลงออกในขณะตะวันใกล้ตกดิน   เมื่อความมืดเข้ามาถึงเมื่อไรแดร็คคิวล่าก็จะมีฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง  แต่ควินซี มอร์ริสใช้มีดแทงหัวใจเสียทัน  แม้ว่าต่อมาเขาต้องพลีชีพในการต่อสู้เช่นกัน
    เมื่อแดร็กคิวล่าถูกกำจัดไปแล้ว   ทุกคนก็ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างสงบสุข   โจนาธาร ฮาร์เกอร์และมีนามีลูกชาย ตั้งชื่อให้ว่าควินซี     ขณะที่โฮล์มวูดและหมอซูเวดต่างก็ไปแต่งงาน ประสบชีวิตที่ดีทั้งสองคน  
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 03 พ.ย. 25, 11:22

          ถึงปีนี้ 2025 ผกก. ฝรั่งเศสลือชื่อ Luc Besson (The Big Blue, La Femme Nikita,   Léon: The Professional)
ก็ปลุกชีพ Dracula คืนจอเงินใน Dracula: A Love Tale  ฉายแล้วในฝรั่งเศสก่อนจะแพร่ฉายในเมกาต้นปีหน้า



ส่วนคลิปนี้คือตัวอย่างเวอร์ชั่นปี 1992 หนังของ Francis Ford Coppola - Bram Stoker's Dracula

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 03 พ.ย. 25, 11:41

      สงสารท่านเคานต์   จน 200 กว่าปีแล้วยังไม่ได้เกษียณสักที  ถูกปลุกจากหลุมมาทำงานในสภาพต่างๆอยู่นั่นแหละ
      ส่วนหนังของ Francis Ford Coppola  เคยดูแล้ว รู้สึกว่าแดร็กคิวล่าไม่น่ากลัวเลยค่ะ  แกรี่ โอลด์แมนดูเป็นคุณตาแก่ๆ น่าสงสารมากกว่า    เรื่องนี้ระดมดาราหนุ่มหล่อสาวสวยมาเล่นพอให้ดูได้เพลินๆบ้าง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 04 พ.ย. 25, 09:38

    เมื่อสอบประวัติดู     ท่านเคานต์ไม่ใช่ผีดิบดูดเลือดตัวแรกในโลกวรรณกรรม  ก่อนหน้านี้มี 2 ตัวปรากฏขึ้นในศตวรรษที่ 19 แล้ว
   ตัวแรกเกิดจากปลายปากกาของนายแพทย์โพลิดอริ หมอประจำตัวของลอร์ดไบรอน กวีเอกคนหนึ่งของอังกฤษ   เป็นกลุ่มปัญญาชนก๊วนเดียวกันที่แมรี่ เชลลี่ย์ให้กำเนิดแฟรงเกนสไตน์     คุณหมอสร้างขุนนางชื่อลอร์ดรัธเวน ที่ภายนอกเป็นขุนนางสูงศักดิ์แต่จริงๆแล้วเป็นปีศาจค้างคาวกระหายเลือด   
    ส่วนเรื่องที่สอง ชื่อ Carmilla เป็นเรื่องสั้นผลงานของนักเขียนชาวไอริชเชื้อสายฝรั่งเศส ชื่อโจเซฟ เชอริดัน เลอ ฟานู  เขาได้รับสมญาว่า “เจ้าแห่งเรื่องสยองขวัญของอังกฤษ”   ผีดิบในเรื่องนี้เป็นสาวสวย เป็นสตรีบรรดาศักดิ์ยุคโบราณที่มีชีวิตยืนยาวข้ามศตวรรษ    มีพฤติกรรมเป็นผีดิบดูดเลือดแบบเดียวกับแดร็กคิวล่า   แต่แตกต่างกันตรงที่นางเป็นยูริ หรือหญิงรักหญิง (GL)  เรื่องนี้เลยไม่มีพระเอก 
    นักวิชาการเห็นว่าบราม สโตเกอร์น่าจะได้เค้าตัวละครและเนื้อหาบางส่วนจาก Carmilla  แต่ว่าเขียนได้น่ากลัวและสมจริงสมจังกว่า   เรื่องของเขาก็เลยบดบังเรื่องแรกเสียสนิท  แม้ว่า Carmilla แพร่หลายพอประมาณในสมัยนั้น    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ถูกจมหายไปในกระแสกาลเวลาเช่นเดียวกับเรื่องผีอื่นๆ



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 04 พ.ย. 25, 10:25

  ยุควิกตอเรียนในตอนกลางและปลายศตวรรษที่ 19 เป็นยุคทองของนิยายของอังกฤษ   นิยายผีก็ออกมาหลอกหลอนคนอ่านกันมากมาย   แต่ Dracula ยังแหวกขึ้นมาโดดเด่นเป็นอันดับ 1 ได้  เพราะอะไร?
  ขอแจกแจงเป็นข้อๆ
  -  ตามธรรมเนียมความเชื่อ  ผีคือวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่ยังไม่ยอมเดินทางไปสู่สวรรค์หรือนรกอย่างที่ควรจะเป็น   ยังคงอาศัย(หรือศัพท์ผีเรียกว่าสิงสู่) อยู่ในบ้านเดิมของตน   อยู่ในหลุมฝังศพหรือป่าช้า  อยู่ในป่าในดงร้าง   อยู่ตามปราสาทหรือคฤหาสน์เก่าแก่   เพราะว่ายังมีภาระบางอย่างผูกพันอยู่ทำให้ตายตาไม่หลับ  เช่นถูกฆ่าแต่ฆาตกรยังลอยนวล   ฝังสมบัติไว้แต่ตายไปก่อนไม่ทันบอกทายาท   ยังห่วงหาอาลัยคนรัก  ก็เลยมาปรากฏตัวเป็นเงามืดบ้าง เป็นร่างโปร่งแสงหรือโปร่งใสบ้าง  มาครางโหยหวนบ้าง  ให้คนรู้ว่า "ฉันยังอยู่"  แต่ก็ไม่ยอมมาปะปนกับคน  มักมาแวบๆแล้วหายไปในกำแพงบ้าง ในห้องที่ล็อคกุญแจประตูบ้าง
   - นิยายผีส่วนใหญ่สะท้อนความเชื่อแบบนี้ จนคนอ่านชินว่าขึ้นชื่อว่าผีต้องมาหลอกหลอนแล้วหายวับไป   แต่ว่าแดร็กคิวล่าไม่ใช่แบบนั้น
   - ท่านเคานต์มาในรูปรา่งแบบคนเป็นๆ มีเลือดมีเนื้อให้เห็น   พอจะหลอกโจนาธาน ฮาร์คเกอร์ได้ว่าเขาเป็นคนจริงๆเจ้าของปราสาท     เขาแต่งกายเรียบร้อยแบบขุนนางมีตระกูล   แต่คุณสมบัติต่างหากที่พิลึกน่าสะพรึงกลัว  ผิดจากผีระดับพื้นๆทั่วไป   เช่นแปลงร่างเป็นสัตว์ได้ เช่นสุนัขและค้างคาว   มีบริวารเป็นสัตว์น่าเกลียดเช่นหนูตัวใหญ่ๆ หมาป่า  กลายร่างเป็นหมอกก็ได้   และที่น่ากลัวที่สุดคือฆ่าคนได้ด้วยการดูดเลือดจนคนไข้เลือดหมดตัวตายไปเอง    ผีทั่วไปฆ่าคนไม่ได้เพราะไม่มีร่าง  ได้แต่หลอกหลอน
   - พื้นฐานของบราม สโกตเกอร์ในฐานะผู้จัดการโรงละครและผู้จัดการนักแสดง ทำให้เขามีประสบการณ์กับการทำละคร  รู้ว่าต้องสร้างดราม่าอย่างไรแบบไหนให้คนดูติดตามอย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่ลุกกลับบ้านไปก่อน  เขาก็เอาความเป็นดราม่ามาใส่ในเนื้อเรื่อง  สร้างความตื่นเต้นระทึกขวัญทุกฉากทุกช็อตก็ว่าได้    
   - โจนาธาน ฮาร์คเกอร์ผจญเหตุการณ์ระทึกขวัญทุกฉากที่พำนักอยู่ในปราสาท    พบว่าทั้งปราสาทมีแค่เขากับนายจ้าง   พบว่าท่านเคานต์ไต่ลงผนังปราสาทได้เหมือนสัตว์เลื้อยคลาน   พบนางปีศาจมากลุ้มรุมทำร้าย  เห็นฝูงหมาป่าหลั่งไหลมาทุกทิศทุกทาง เพื่อขย้ำคนเป็นอาหาร  
   - เรือที่แดร็กคิวล่าโดยสารมาอังกฤษ  ลูกเรือหายไปทีละคน จนคนสุดท้ายคือกัปตัน ตายแบบมีเงื่อนงำ  
   - หมาป่า  ค้างคาว  หนู  สัตว์น่าเกลียดทั้งหลายล้วนออกมาสลับฉากไม่ขาดระยะ  ไม่ยอมให้คนอ่านหายขนลุก
   - ผีของบราม สามารถเดินปะปนอยู่ในยุคปัจจุบันของอังกฤษ  คุกคามคนได้ไม่เลือกบ้าน   ไม่จำเป็นว่าคนนั้นต้องเข้าไปอยู่ในคฤหาน์โบราณบ้านของผี   แม้แต่ในบ้านของคนอ่านเอง  ผีดูดเลือดก็เข้ามาได้ ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้ตัวมากกว่าผีในเรื่องอื่นๆ
    ความสมจริงอย่างนี้ ส่งให้แดร็กคิวล่าก้าวขึ้นมายืนแถวหน้า   แตกต่างจากผีซ้ำซากทั้งหลาย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 15 คำสั่ง