เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10
  พิมพ์  
อ่าน: 8152 คุยกันเรื่องวิลเลียม ซอมเมอเซท มอห์ม (William Somerset Maugham)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 22 ก.ค. 25, 10:43

    ในที่สุดเรื่องก็จบลงในแบบที่ว่า- ถ้าไม่มีใครเคยอ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้มาก่อน ก็คงจะเดาไม่ออก
     คือจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ
    วุฒิสมาชิกวางแผนแก้ปัญหาอีหนูมีชู้  ด้วยการหาทางออกที่เป็นที่พอใจกันทุกฝ่าย   คือให้ลิเซ็ตต์แต่งงานกับชายหนุ่มคนนั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีพิธีในโบสถ์อย่างถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง  ส่วนเขาจะมอบเงินหนึ่งล้านฟรังก์ให้เป็นสินสอด คือให้บ่าวสาวไปตั้งตัว    และขอให้ลิเซ็ตต์เลิกทำงานเป็นนางแบบ  แต่งงานแล้วเป็นคุณนายเฉยๆ
     ลิเซ็ตต์ก็ตกลง
     งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ โดยมีวุฒิสมาชิกในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย (Minister of the Interior) และป้าของลิเซ็ตต์ทำหน้าที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว  ในงานนี้ นายกเทศมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ยกย่องคู่บ่าวสาว อย่างเพราะพริ้งทุกอย่าง
     ของขวัญที่วุฒิสมาชิกมอบให้เจ้าบ่าว คือรถหรูคันใหม่เอี่ยม
     คู่บ่าวสาวออกเดินทางไปฮันนีมูน ซึ่งกินเวลาได้แค่สุดสัปดาห์   เพราะเจ้าบ่าวเป็นเซลล์แมน ต้องทำงาน 5 วันตลอด  เดินทางไปอีกหลายเมืองในสัปดาห์หน้า
      ลิเซ็ตต์กระซิบกับวุฒิสมาชิกว่า
     " เจอกันตอนห้าโมงเย็นวันจันทร์นะคะท่าน"
     " ฉันไปแน่" วุฒิสมาชิกตอบสั้นๆ
     เขากับป้าของลิเซ็ตต์แยกย้ายกันกลับ     วุฒิสมาชิกคิดในใจ ด้วยความพอใจว่า
     " อย่างนี้ซีถึงจะเหมาะจะควรกว่าสำหรับคนอย่างฉัน  อีหนูฉันเป็นคุณนายมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว   ไม่ใช่แค่นางแบบในร้านขายเสื้อผ้า"
จบ
     ถ้าใครอ่านแล้วยังงงว่า มอห์มนำเสนออะไร     จะกลับมาไขปัญหาให้คราวหน้าค่ะ

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 23 ก.ค. 25, 14:58

           ตอนแรกนึกว่า ท่านมอห์มจะหักมุมเรื่อง "ชู้" แบบในนิยาย-หนังของ "จำลักษณ์" (สำเนาว์ หิริโอตัปปะ)
อ้างถึง
คือ เจ้าหนุ่มนั้นเป็นแฟนของนางมาเก่าก่อน สว. ต่างหากที่เป็นชู้

              วิธีการของสว. ดูใจกว้างอย่างร้าย  -  กว้างยอมรับการใช้ผู้หญิงร่วมกับชายอื่นได้, ร้าย(คงมีเคืองที่มองนางผิดไปทั้งๆ
ที่นางไม่ได้ใสซื่อ ทว่าร้ายเดียงสา) โดยจัดการเปลี่ยนสถานะนางจากเมียน้อยบ้านเล็กเป็นหญิงมีชู้เห็นแก่เงิน, ส่วนสามีนางก็คือ
ชายโดนสวมเขา,ซื้อได้ด้วยเงินเช่นกัน และ ตัวสว. เองก็ภูมิใจที่ได้ตีท้ายครัวคนอื่น - "อย่างนี้ซีถึงจะเหมาะจะควรกว่าสำหรับคนอย่างฉัน  
อีหนูฉันเป็นคุณนายมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว ไม่ใช่แค่นางแบบในร้านขายเสื้อผ้า"    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 23 ก.ค. 25, 18:56

  คุณหมอ SILA ทายเรื่องได้เฉียบค่ะ    เป็นอันว่าไม่ต้องเดากันอีกมาก   เรื่องนี้เลยจบเร็วหน่อย
  มอห์มตั้งชื่อเรื่องว่า Appearance and Reality  หมายถึง ภาพลักษณ์ภายนอก กับ ความเป็นจริง
  ภาพลักษณ์ภายนอกของท่านวุฒิสมาชิกเลอร์ ซูเออร์ คือบุรุษผู้มีเกียรติในสังคม   น่าเคารพนับถือ  แต่ความเป็นจริง คือชายที่แอบซ่อนอีหนูไว้จากเมีย   และเปลี่ยนสถานภาพจากสามีเป็นชู้ ด้วยความเต็มใจของเขาเอง
  ส่วนลิเซ็ตต์  หล่อนก็ไม่ได้เป็นสาวน้อยอ่อนโลก อย่างภาพลักษณ์ภายนอก  แต่ในความเป็นจริง เป็นผู้หญิงฉลาดพอจะคุมผู้ชายสองคนได้อยู่หมัด

   ส่วนเรื่องชู้หรือผัวนั้น ขอให้ศัพท์ตรงๆแบบบ้านๆเพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ของเรื่อง อย่างที่มอห์มตั้งใจจะเสียดสีล้อเลียนสังคมสมัยนั้น (หรือแม้แต่สมัยนี้ก็เถอะ)
   มอห์มสังเกตธรรมชาติของผู้ชายว่า   ถ้าตัวเองอยู่ในฐานะผัว  จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แค้นใจแทบจะฆ่าให้ตายคามือ  ถ้าโผล่เข้าไปเจอเมียกำลังอยู่กับชู้
   แต่ถ้าผู้ชายคนเดียวกันนี้เป็นชู้   บังเอิญโผล่ไปเจอผัวนางอยู่กับนาง  เขาไม่ยักโกรธ แต่ตกใจ และมากกว่านี้คือกลัว   ต้องหาทางหลบทันที หรือถ้าเผชิญหน้ากันจริงๆหลบไม่ทัน  ก็ต้องกระโจนหนีออกไปให้เร็วที่สุด
   ทั้งๆมันก็เหตุการณ์เดียวกัน  คือพบว่าผู้หญิงของตนมีสัมพันธ์กับชายอีกคน   แต่ความรู้สึกมันไม่ยักเหมือนกัน  ขึ้นกับสถานภาพตนเองว่าเป็น "ผัว"  หรือเป็น "ชู้"
   ข้อสังเกตนี้เองที่มอห์มเอามา "เล่น" กับคนอ่าน  ด้วยการสร้างเรื่องนี้ขึ้นเป็นตัวอย่างให้เห็น
   ท่านวุฒิสมาชิกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองเป็น "ผัว" โกรธแทบจะฆ่าคนได้    แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็น "ชู้"  คิดอย่างเดียวคือหลบหลีกไม่ให้ผัวของหล่อนมาเจอ  
   ทั้งๆผู้หญิงก็สาวคนเดิม   ผู้ชายอีกคนก็คนเดิม  ตัวเองก็คนเดิม  แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม
   เมื่อเป็น "ผัว" ความรู้สึกคือ "กูเป็นเจ้าของ"   แต่ถ้าเป็น "ชู้"  ความรู้สึกคือ " ขนมช้ิ้นนี้เป็นของคนอื่น แต่ฉันแอบกิน "  
   เป็นเจ้าของ ก็ต้องหวงแหนสมบัติของตน  แต่ถ้าเป็นขโมย ความแหนหวงไม่มี   มีแต่ต้องระวังไม่ให้จับได้
   ท่านวุฒิสมาชิกแกก็เลยเปลี่ยนสถานภาพตัวเองจาก "ผัว" เป็น "ชู้"  ได้ไม่ต้องเจอปัญหาเดิม   ส่วนปัญหาใหม่ เมื่อผู้หญิงร่วมมือด้วย   ก็เป็นอันว่าหมดห่วง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 23 ก.ค. 25, 19:51

               เรื่องก่อนมีสองตัวละครที่คนอ่านเห็นใจหนึ่งกับไม่ชอบอีกหนึ่งแต่เรื่องนี้ทัศนคติและพฤติกรรม
ของทั้งสามตัวเอกสาสมกัน ชวนสังเวช ดังพุทธวจนะที่ว่า สัตว์ทั้งหลาย,ไม่ว่าสถานะจะอยู่ระดับบนเป็นสว.หรือ
ระดับล่าง, ย่อมสมาคมกันโดยธาตุเทียว
               
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 24 ก.ค. 25, 09:17

     ทีนี้มาถึงประโยคท้ายของเรื่อง
    วุฒิสมาชิกคิดในใจ ด้วยความพอใจว่า
     " อย่างนี้ซีถึงจะเหมาะจะควรกว่าสำหรับคนอย่างฉัน  อีหนูฉันเป็นคุณนายมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว   ไม่ใช่แค่นางแบบในร้านขายเสื้อผ้า"

     คนอ่านบางท่านอาจไม่เข้าใจว่าทำไม การที่ลิเซ็ตต์แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ถึงเป็นเรื่องเหมาะควรสำหรับเป็นเมียน้อยของวุฒิสมาชิก   ก็ต้องขออธิบายสภาพสังคมในยุคนั้นให้ฟังก่อนค่ะ
    เหตุผลหลักมาจาก การยึดติดกับ "ภาพลักษณ์ภายนอก (appearance) " และ  "ความเป็นจริงทางสังคม" (social reality) ของวุฒิสมาชิก ซึ่งเหนือกว่าการตระหนักว่าอะไรถูกผิดเหมาะควร
    ต้องอธิบายก่อนว่า อาชีพของลิเซ็ตต์คือเป็นนางแบบของห้องเสื้อนั้น แม้ว่าเป็นอาชีพสุจริต ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็มักจะถูกสังคมมองด้วยความเคลือบแคลง  ถ้าเทียบกับไทยก็คงคล้ายๆกับเป็นพริตตี้ หรือผู้หญิงที่ทำงานในสถานบันเทิง   แม้ว่าเป็นงานถูกกฎหมาย  มีอยู่มากที่ผู้หญิงทำงานนี้อย่างสุจริต ไม่น้อยกว่าอาชีพสุจริตอื่นๆ   แต่สังคมก็มองด้วยสายตาเคลือบแคลงแบบเดียวกัน
   ดังนั้นเมื่อนางแบบอย่างลิเซ็ตต์กลายมาเป็นเมียน้อย(หรือนางบำเรอ)  รู้ที่ไหนวุฒิสมาชิกก็อายถึงที่นั่น  เพราะสังคมมองว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งและเกียรติยศของเขา
    สมัยนั้น การแต่งงานไม่ได้หมายความเพียงว่าผู้หญิงเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อจากนางสาวเป็นนาง  แต่เป็นการเลื่อนระดับทางสังคมด้วย    หญิงที่แต่งงานแล้ว มีสถานภาพน่านับถือมากกว่าสาวโสด    การมีสามีอย่างเป็นทางการ ทำให้สถานะทางสังคมของเธอดีขึ้น  เหมือนผู้หญิงที่ได้ทำงานมีตำแหน่งดี (สามีก็คือตำแหน่ง)   ดังนั้น  ถ้าหากว่าจะมีความสัมพันธ์ลับๆกับชายอีกคน   หากความลับรั่วไหลออกไป   ชายชู้ก็จะถูกมองในแง่ดีว่า อย่างน้อย เมียน้อยของเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆแค่ 'เด็กเลี้ยง'  แต่เป็น ' คุณนาย' เชียวนะ   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 24 ก.ค. 25, 09:30

       ส่วนทางวุฒิสมาชิก  เขาเป็นบุคคลสาธารณะ ดำรงตำแหน่งสำคัญในสังคม  ต้องดูสง่างาม น่าเลื่อมใส หากข่าวแพร่ออกไปว่าเขามีอีหนู  ข่าวก็จะอื้อฉาวเซ็งแซ่   เสียหายมากกว่าได้ชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับ 'คุณนาย' สักคน ซึ่งจะลดข่าวอื้อฉาวให้กลายเป็นเพียงข่าวซุบซิบเท่านั้น
   แผนการนี้ทำให้วุฒิสมาชิกยังคงมีลิเซ็ตต์อยู่เคียงข้างตามเดิม แต่ไม่ต้องเสี่ยงกับถูกนินทาว่ามีเมียน้อยไม่สมฐานะ
   ผลดีอีกอย่างคือ หากเกิดท้องขึ้นมา   ลิเซ็ตต์ก็มีสามีเป็นตัวเป็นตนพอจะบอกสังคมได้ว่า นี่คือพ่อของเด็ก   สามีหล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้    ถ้าเมียเก็บความลับเรื่องชู้ได้ดีพอ เขาก็คงหลงเชื่อว่านี่คือลูกของเขาจริงๆ
   ทำไมวุฒิสมาชิกถึงเจ้ากี้เจ้าการไปจัดงานแต่งงานให้ลิเซ็ตต์  แถมออกเงินมหาศาลให้หล่อน ไปร่วมเป็นพยานในพิธีสมรส แล้วยังมอบรถยนต์คันโก้ให้เจ้าบ่าวเป็นของขวัญ
        อย่างแรกคือการโชว์พาวของเขา ว่ามีอิทธิพลเหนือชีวิตผู้อื่นให้เป็นไปตามความต้องการของตน   เขาสามารถบงการชีวิตของลิเซ็ตต์และชายชู้ได้แบบเบ็ดเสร็จ     อย่างที่สองคือเพื่อส่งเสริมให้ลิเซ็ตต์ได้สามีที่ไม่ใช่ผู้ชายกระจอกๆ แต่เป็นชายที่มีงานทำมั่นคง  มีเงินเป็นล้านในธนาคาร  มีรถยนต์โก้ให้ภรรยาอวดชาวบ้านได้     ทั้งหมดนี้ทำให้ลิเซ็ตต์กลายเป็นหญิงที่ชาวบ้านชมว่า  'ได้แต่งงานไปกับคนดีมีเงิน'
   วุฒิสมาชิกไม่ได้สนใจเรื่องความรักความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ แต่สนใจว่าความสัมพันธ์นั้นจะ "ปรากฏ" (Appearance) อย่างไรในสายตาของสังคม และจะ "ส่งผลดี" (Reality) ต่อสถานะและชื่อเสียงของเขาได้อย่างไร
       การที่ลิเซ็ตต์เป็น "คุณนาย" ทำให้สถานภาพเธอดูดีี ในฐานะ "เมียลับ" ของนักการเมืองผู้ทรงเกียรติ   ดีกว่าเป็นแค่หญิงสาวอาชีพธรรมดาๆ ค่อนข้างต่ำในสายตาสังคม
       มอห์มเสียดสีความหน้าไหว้หลังหลอกของชนชั้นสูงตามนี้ละค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 29 ก.ค. 25, 15:06

    เรื่องใหม่ที่จะนำเสนอชื่อ The Happy Couple  แปลว่า คู่สมรสที่มีความสุข 

    เรื่องนี้มีผู้เล่าเรื่องซึ่งไม่ปรากฏชื่อ แต่จากที่บรรยายก็ชวนให้คิดว่าเป็นตัวมอห์มเอง  ผู้เล่าเรื่องพำนักอยู่ที่ริเวียร่าซึ่งเป็นเมืองตากอากาศลือชื่อของฝรั่งเศส     ในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักมัลดิฟฟ์ หรือภูเก็ต   เศรษฐียุโรปเขาไปพักตากอากาศกันที่นี่   มอห์มเองก็ไปพำนักระยะยาวอยู่ที่นั่น
    เหตุการณ์ในเรื่องเริ่มเมื่อเพื่อนของผู้เล่า ชื่อ ผู้พิพากษาแลนดอน (Judge Landon) อดีตผู้พิพากษาอาวุโสจากศาลโอลด์เบลีย์ (Old Bailey) ของอังกฤษ มาพักผ่อนอยู่ด้วย 2-3 วัน เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากหน้าที่การงาน
     ตัวละครอีกตัวหนึ่งที่มอห์มเอ่ยถึงชื่อนางสาวเกรย์หรือมิสเกรย์ (Miss Gray)  เพื่อนบ้านใกล้เคียงของมอห์ม เป็นสาวโสดชาวอังกฤษวัยประมาณ 40  มีนิสัยร่าเริง แจ่มใส ช่างพูดช่างคุยชนิดที่ทำให้วงสนทนามีรสชาติสนุกสนาน  มอห์มก็เลยเชิญเธอมาร่วมวงดินเนอร์ด้วย   พบว่าเธอกับผู้พิพากษาลแลนดอนเข้ากันได้ดี
   วันต่อมา  มิสเกรย์เชิญผู้ชายทั้งสองไปเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านเธอบ้าง  มีเพื่อนบ้าน 2 คนมาร่วมวงด้วย คือสามีภรรยาชื่อนายและนางเครก  เพิ่งย้ายมาเช่าบ้านตากอากาศอยู่ใกล้ๆ  เธอประทับใจสองคนนี้ตรงที่เขาเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก  เอาใจใส่ดูแลกันอย่างดี  ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างผาสุก   มีลูกน้อยอายุขวบกว่าๆที่เห็นชัดกว่าเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ 
   สองคนนี้มีความเป็นอยู่อย่างคนมีฐานะดี   ค่อนข้างเก็บตัวไม่สุงสิงกับชาวบ้าน   เลยเป็นที่ถูกชะตาของมิสเกรย์ที่ไม่ชอบเพื่อนบ้านจุ้นจ้านน่ารำคาญ  เธอก็เลยเชิญเขามาร่วมวงอาหารกลางวันด้วย
    นายเครกเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างผึ่งผายสง่างาม   ส่วนภรรยาเขาแทนที่จะเป็นหญิงงามเหมาะกับสามี กลับเป็นหญิงวัยกลางคนที่ค่อนข้างขี้ริ้วและหน้าตาเคร่งขรึมบอกบุญไม่รับเท่าไหร่   ถึงกระนั้นคู่นี้ก็ดูรักกันอย่างลึกซึ้ง สามีดูทะนุถนอมภรรยาเป็นอันดี
   มิสเกรย์วาดภาพให้ชายทั้งสองฟังตามประสาผู้หญิงที่ชอบเรื่องโรแมนติก ว่า  สามีภรรยาคู่นี้น่าจะแต่งงานกันไม่นาน เพราะมีลูกเล็ก     แต่มาแต่งเอาเมื่ออายุเข้าวัยกลางคนแล้ว   เธอวาดภาพว่าทั้งคู่น่าจะรักกันมาตั้งแต่ยังหนุ่มสาว แต่ฝ่ายชายยังไม่มีฐานะดีพอ  ส่วนฝ่ายหญิงก็มีมารดาที่ต้องดูแล    เขาจึงอำลาเธอไปแสวงโชคต่างแดน อาจจะแถวตะวันออกไกล  เพื่อเก็บเงินทองให้ได้แล้วกลับมาแต่งงานกัน
   น่าเสียดายว่าโชคไม่เข้าข้างเท่าไหร่   ฝ่ายชายกะว่าจะอยู่ไม่กี่ปี แต่กลายเป็นว่า 5 ปีก็แล้ว 10 ปีก็แล้วเขายังสร้างฐานะไม่ได้สักที    เธอก็ได้แต่เฝ้ารออยู่ทางอังกฤษ    จนความสาวโบยบินไปตลอดเวลา 20 ปีที่รอคอยกัน   ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับเงินทองมากพอจะตั้งตัวได้   พอดีกับทางฝ่ายเธอ มารดาซึ่งป่วยมานานก็เสียชีวิตพอดี   ทั้งคู่จึงแต่งงานกันได้ในที่สุด  สามารถสร้างความฝันร่วมกันได้สำเร็จ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 30 ก.ค. 25, 12:39

    สามีภรรยามาถึงบ้านมิสเกรย์ช้าไปหน่อย เพราะมัวอยู่กับลูกน้อยน่ารัก    ผู้เล่าเรื่องและมิสเกรย์เจ้าของบ้านต้อนรับแขกอย่างดี   ส่วนผู้พิพากษาแลนดอนมองหน้าทั้งสอง แล้วถามว่า
    "เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าครับ"
    นายและนางเครกปฏิเสธว่าไม่เคยพบกันมาก่อน     ทั้งสองเก็บปากเก็บคำไม่ค่อยจะพูดจานัก  กินอาหารกันไปยังไม่ทันเสร็จ  อยู่ๆ นายเครกก็เกิดเป็นลมหน้ามืด ล้มคว่ำลงไป  ภรรยาต้องกุลีกุจอพยุงขึ้นมา แล้วขอตัวกลับบ้านไปพยาบาลกันสองคน   ตลอดเวลาที่เจ้าภาพและผู้เล่าเรื่องตกอกตกใจเข้าช่วยเหลือ  ผู้พิพากษาแลนดอนเอาแต่นั่งมอง แต่ไม่กระดิกตัวเข้ามาช่วยแม้แต่น้อย
    วันต่อมา ผู้พิพากษาแลนดอนจึงได้เผยความจริงให้ผู้เล่าเรื่องฟัง   เขาบอกว่า เขาเป็นผู้พิพากษาที่มีความจำเป็นเลิศ  สามารถจดจำใบหน้าและรายละเอียดต่างๆ ของจำเลยที่คดีผ่านมือเขาได้ทั้งหมดไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม 
เขาจึงจำได้ว่านายและนางเครก คือจำเลยในคดีอาชญากรรมที่เขาเคยตัดสิน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 30 ก.ค. 25, 13:03

   คดีนั้น ผู้พิพากษาจำได้ว่าผู้ตายชื่อมิสวิงฟอร์ด   เป็นเศรษฐีนีสูงอายุ โสด   มีบ้านอยู่ในชนบท เธอมี 'เพื่อนกึ่งเลขาส่วนตัว' ชื่อมิสสตาร์ลิง เป็นหญิงโสดวัยกลางคนคอยดูแล
  (คำว่า "เพื่อนกึ่งเลขาส่วนตัว" แปลมาจาก companion   เป็นอาชีพหนึ่งของผู้หญิงอังกฤษในยุคกลางศตวรรษที่  19 จนถึงกลางศตวรรษที่ 20 จึงค่อยๆหมดไป  คือเป็นสาวโสดที่เกิดมาในระดับคนชั้นกลาง หรือเป็นผู้ดีตกยาก  ต้องทำงานเลี้ยงตัว    พวกนี้จะถูกจ้างโดยคุณหญิงคุณนายแก่ๆ ที่อยู่ลำพังเพราะเป็นม่ายหรือโสด ให้เธออยู่ร่วมบ้าน คอยดูแลเรื่องส่วนตัว ตลอดจนติดหน้าตามหลังไปด้วยเวลาคุณนายออกงาน   อยู่ในฐานะคล้ายเพื่อนแต่มีค่าจ้าง  เป็นงานที่มีเกียรติสูงกว่าแม่บ้านหรือสาวใช้ต้นห้อง)   
    ย้อนกลับมาที่เรื่องราว   คุณยายวิงฟอร์ดเป็นหญิงที่มีสุขภาพแข็งแรงเมื่อเทียบกับอายุ   อยู่ๆก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน จนเพื่อนๆนึกไม่ถึง  หมอประจำตัวของเธอชื่อนายแพทย์แบรนดอน ได้ลงนามในใบมรณบัตรว่าเป็นการตายตามธรรมชาติ และดำเนินการฝังศพถูกต้องตามประเพณี
   เมื่อทนายความเปิดพินัยกรรม   ปรากฏว่าคุณยายวิงฟอร์ดยกทรัพย์สินทั้งหมด มูลค่าราวหกหมื่นถึงเจ็ดหมื่นปอนด์ ให้กับมิสสตาร์ลิงเพียงผู้เดียว  ทำเอาญาติพี่น้องเคืองแค้นไปตามๆกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพินัยกรรมจัดทำขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยทนายความของคุณยาย  พยานคือเสมียนในสำนักงานของเขาและนายแพทย์แบรนดอน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 31 ก.ค. 25, 15:46

   เรื่องกลับไม่จบแค่นั้น  เพราะคุณยายวิงฟอร์ดมีสาวใช้ที่อยู่กันมานานถึง  30 ปี    คุณยายสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งหล่อนให้ลำบากเป็นอันขาด  หล่อนจึงแน่ใจว่าคุณยายจะต้องระบุส่วนแบ่งมรดกให้หล่อนในพินัยกรรมด้วย   แต่เมื่อพบว่าทุกอย่างตกเป็นของมิสสตาร์ลิง  นางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
   ในพิธีฝังศพ   สาวใช้บอกหลานชายและหลานสาวสองคนที่มาร่วมพิธีศพว่า หล่อนแน่ใจว่าคุณยายวิงฟอร์ดถูกวางยาพิษ    ถ้าพวกเขาไม่แจ้งตำรวจ นางจะไปแจ้งเองว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ    หลานๆของคุณยายก็เลยตัดสินใจไปสอบถามแพทย์ประจำตัวของคุณยายก่อน    คุณหมอก็หัวเราะว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้  เพราะคุณยายป่วยเป็นโรคหัวใจมาหลายปีแล้ว   เขาเป็นคนรักษาท่านเอง    จึงรู้ว่าคุณยายอาจจะหัวใจหยุดเต้นขณะหลับเมื่อใดก็ได้
   หมอยังบอกด้วยว่าอย่าไปถือสาอะไรกับคำพูดของสาวใช้   หล่อนไม่ชอบมิสสตาร์ลิ่งมาแต่ไหนแต่ไร  ด้วยความอิจฉาตาร้อนที่คุณยายโปรดปรานเธอมากกว่า   ในเมื่อนายแพทย์แบรนดอนมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้นทั่วไป แล้วยังเป็นหมอของคุณยายวิงฟอร์ดมานาน   ญาติๆของคุณยายก็รู้จักเขาดี   แล้วเขาเองก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในพินัยกรรม  จึงไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยคำพูดของเขา  หลานๆของคุณยายก็จำต้องยอมรับ แล้วพากันกลับไปลอนดอนเมื่อเสร็จพิธีศพแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 31 ก.ค. 25, 16:02

    ฝ่ายสาวใช้ไม่ยอมหยุด  หล่อนยังคงพูดกระจายข่าวต่อไปไม่หยุดยั้ง  ชาวบ้านลือกันหนาหูหนักๆเข้าตำรวจก็อดรนทนไม่ได้ ต้องรับฟัง   สั่งให้ขุดศพขึ้นมา  เมื่อชันสูตรศพก็พบว่า คุณยายวิงฟอร์ดเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด คณะลูกขุนพบว่ามิสสตาร์ลิงเป็นผู้ให้ยา เธอก็เลยถูกจับกุมกลายเป็นผู้ต้องหา
    คดีนี้ไปไกลถึงสกอตแลนด์ยาร์ด  ตำรวจมาสืบสวน  รวบรวมหลักฐานที่ไม่มีใครคาดคิด คือความสัมพันธ์ระหว่างมิสสตาร์ลิงและดร.แบรนดอน    มีชาวบ้านเห็นทั้งคู่พบปะกันบ่อยครั้ง   ความรู้สึกของชาวบ้านคือสองคนนี้รอให้คุณยายตายก่อนจึงจะได้แต่งงานกัน
  สรุปคือตำรวจมีหลักฐานมากพอที่จะจับกุมหมอ    ตั้งข้อหาเขาและมิสสตาร์ลิงในข้อหาฆาตกรรมหญิงชรา ผู้พิพากษาในคดีนี้ก็คือแลนดอน
   ข้อหาที่ทนายฝ่ายโจทก์นำขึ้นฟ้องคือจำเลยทั้งสองลอบรักกัน แล้วรวมหัวกันกำจัดหญิงชรา เพ่ื่อจะได้แต่งงานกันด้วยเงินทองที่มิสสตาร์ลิงหลอกล่อให้นายจ้างยกให้เธอแต่ผู้เดียว   วิธีการฆ่าก็ไม่อยาก  คุณยายวิงฟอร์ดมักจะดื่มโกโก้ถ้วยหนึ่งก่อนนอน    มิสสตาร์ลิงเป็นคนชงให้เป็นประจำ  ก็เลยละลายยาเม็ดเตรียมไว้ใส่ลงไปให้ดื่ม จนคุณยายถึงแก่ความตาย
   จำเลยทั้งสองขึ้นให้การ   ปฏิเสธข้อหาโดยสิ้นเชิง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 01 ส.ค. 25, 10:00

    แม้มีพยานเบิกความว่าสองคนนี้เดินควงคู่ โอบกอดกันในยามค่ำคืน   สาวใช้ของนายแพทย์เบิกความว่าเขาจูบกันที่บ้านหมอ แต่สองคนนี้ก็ยืนกรานว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น    แต่พอเอาหลักฐานทางการแพทย์มาพิสูจน์ ก็ได้ความว่ามิสสตาร์ลิงยังเป็นสาวพรหมจารีอยู่
    นายแพทย์แบรนดอนยอมรับว่าให้ยานอนหลับกับคุณยายไป 1 ขวดเพราะเธอบ่นว่านอนไม่หลับ เขาเตือนว่าจะกินต่อเมื่อไม่หลับจริงๆ และอย่ากินเกิน 1 เม็ด    บางทีอาจเป็นได้ว่าเธอพลาดพลั้งกินเกิน 1 เม็ด หรือไม่ก็จงใจกินเพื่อจบชีวิตตัวเอง    ข้อหลังนี้ไม่น่าเชื่อเพราะคุณยายเป็นหญิงชราอารมณ์ดี จิตใจแจ่มใส  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กำลังกระตือรือร้นรอเพื่อนเก่าจะมาพักร้อนอยู่ด้วย   เธอไม่เคยบ่นกับสาวใช้ว่านอนไม่หลับ  ตรงกันข้าม สาวใช้บอกว่าคุณยายเป็นคนหลับง่ายมาก
    ผู้พิพากษาแลนดอนเล่าต่อไปว่า เขามองออก-พยานทั้งศาลก็มองออก ว่านายแพทย์กับผู้หญิงคนนี้สมคบกันวางยาหญิงชราเพื่อเอาสมบัติ   แล้วจะได้ไปใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสะดวกสบาย   แต่ผลกลับกลับตาลปัตร  คณะลูกขุนออกไปปรึกษาหารือกันถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะกลับเข้ามาในศาล แล้วตัดสินว่า จำเลยไม่มีความผิด!!!
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 01 ส.ค. 25, 10:20

    ผู้เล่าเรื่องคงจะงงกับคำตัดสินของคณะลูกขุน ก็เลยย้อนถามผู้พิพากษาว่าทำไมลูกขุนคิดเช่นนั้น   ความจริงมันก็ไม่มีคำแถลงชัดเจน  แต่ผู้พิพากษาแลนดอนใคร่ครวญแล้วตอบว่า
    " ผมคิดว่ามีอยู่ข้อเดียว คือหลักฐานว่ามิสสเตอร์ลิงไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหมอ  หรือกับผู้ชายคนไหน  ในเมื่อสองคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อน   ลูกขุนก็เลยไม่เห็นว่ามีแรงจูงใจอะไรที่จะต้องฆ่าคุณยายวิงฟอร์ด   ก็เลยปล่อยตัวจำเลยไป"
     หลังจากนั้นก็อย่างที่เราคงเดากันได้   เมื่อมิสสเตอร์ลิงพ้นผิด  เธอได้รับมรดกทั้งหมดจากคุณยาย   ต่อจากนั้น หมอแบรนดอนกับเธอก็เดินทางออกไปจากเมืองนั้น   เขาเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเป็น "เครก" แล้วก็แต่งงานกับเธออย่างถูกต้องตามกฎหมาย 
   ทั้งสองมีความเป็นอยู่อย่างเศรษฐี   มีลูกน้อยน่ารักหนึ่งคน   ใช้ชีวิตอย่างคู่ผัวตัวเมียที่มีความสุขโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนภายนอก 
    ผู้พิพากษาทิ้งท้ายไว้ว่า
    " ผู้หญิงคนนั้นมีศักดิ์ศรีพอจะไม่ยอมเป็นเมียลับของชายที่เธอรัก  แต่เธอกลับไร้มโนธรรม  จนสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น"
   "ธรรมชาติของมนุษย์มันแปลกมาก ใช่มั้ย?" ผู้เล่าเรื่อง ย้อนถาม
    "แปลกมาก" ผู้พิพากษาแลนดอนตอบ 

    ต่อไปก็จะถึงบทวิเคราะห์ว่า เรื่องนี้มีดีตรงไหน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 01 ส.ค. 25, 16:28

    วิธีเล่าเรื่องของมอห์มเหมือนถ่ายวิดีโอ  บันทึกภาพเคลื่อนไหวให้คนอ่านได้ดู   ไม่มีคำอธิบายประกอบ แต่ให้คนดูบอกตัวเองว่าเห็นอะไรบ้างที่ผ่านสายตา
    ทีนี้ มาดูว่าเราพบเห็นอะไรบ้าง
    1   เราพบว่า ความนึกคิด และชีวิตจริง บางทีมันก็ตรงกันข้าม   สิ่งที่มองเห็นอาจไม่เหมือนข้อเท็จจริงเลยก็ได้
มิสเกรย์ ตัวละครที่มอห์มใส่เข้ามาในเรื่อง ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาเฉยๆปราศจากเหตุผล   แต่เธอเป็นตัวแทนของคนที่มองเห็นสิ่งภายนอก แล้วสร้างความเข้าใจขึ้นมาจากสิ่งที่เห็นนั้น โดยไม่เฉลียวใจว่าความจริงกับความลวงมันทับซ้อนกันได้เสมอ
    เธอเห็นสามีภรรยาวัยกลางคน ที่รักใคร่ทะนุถนอมกันมาก  มีลูกทารกน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ  ดูเป็นครอบครัวสุขสบายและราบรื่นน่าชื่นใจ     เธอก็สร้างคำตอบขึ้นมาในใจว่าคู่นี้น่าจะรักกันแน่นแฟ้นมานานแล้ว แต่ทำไมถึงมาแต่งเอาตอนอายุปูนนี้    อ๋อ ต้องมีอุปสรรคภายนอกมาหน่วงเหนี่ยววิวาห์ไว้น่ะซี  เช่นการสร้างฐานะทางฝ่ายชาย หรือฝ่ายหญิงมัวดูแลญาติผู้ใหญ่ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง น่าสงสาร  ก็ยังดีที่อดทนกันมาได้จนลงเอยกันด้วยดี
    มอห์มก็เลยเปิดเผยความจริงผ่านผู้พิพากษาแลนดอนว่า ชีวิตจริงของสามีภรรยาคู่นี้ ไม่มีอะไรเหมือนภาพที่ถูกวาดขึ้นแม้แต่น้อย 

     ขอแยกซอยเล่าถึงประสบการณ์ตัวเอง 
     ที่พักอาศัยของลูกเป็นคอนโด  ที่นั่นมีป้าแก่ๆเป็นแม่บ้าน ท่าทางขยัน ถูพื้นอยู่เป็นประจำ เจอทีไรก็สงสารเลยทิปให้นิดหน่อย  ป้าก็ดูอิดเอื้อนเหมือนไม่อยากได้ ต้องคะยั้นคะยอ
     วันหนึ่งป้ามาบอกว่าจะลางานไปเยี่ยมลูก    ถามว่าลูกอยู่จังหวัดไหน    เธอตอบว่าอยู่สวีเดน  ที่จริงลูกเขาเป็นห่วงแม่  อยากให้ไปอยู่ด้วย  ส่วนแม่ก็ชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ก็ได้แต่บินไปเยี่ยมบ้างบางครั้ง   แต่ถ้าลูกรบเร้าจะให้ไปอยู่ด้วยก็คงต้องไป 
     สงสัยว่าลูกจะเอาตัวไว้ เพราะไม่เห็นป้ากลับมาทำงานอีก     จะไม่แปลกใจเลยถ้าหากว่าเจอกันที่เครื่องบินแล้วป้านั่งชั้นบิสเนส หรือเฟิสคลาส
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41489

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 02 ส.ค. 25, 10:13

    2  แนวคิดเรื่อง "ความลวง" กับ "ความจริง" เป็นแนวโปรดแนวหนึ่งของมอห์ม    เขามักจะสร้างตัวละครหรือเหตุการณ์ที่ดูภายนอกแล้วเป็นอย่างหนึ่ง แต่จริงๆแล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง   เหมือนอย่างสาธุคุณเดวิดสัน กับวุฒิสมาชิกฝรั่งเศส   
    ทั้งนี้  เพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์   
    มอห์มเห็นว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากมาก    บทบาทของนักเขียนที่เขาทำก็คือเสนอให้คนอ่านเห็นข้อนี้ แล้วปล่อยให้คนอ่านตัดสินเอาเอง    เขาแค่เล่าให้ฟัง  ไม่ได้ชี้ขาดให้เองเสร็จสรรพ  แบบนี้จะช่วยกระตุ้นสมองคนอ่านให้คิด  ไม่ใช่ให้เอาคำบอกเล่าของนักเขียนมาจดจำไว้
    ในเรื่องนี้ มอห์มเสนอภาพนายแพทย์แบรนดอน ผู้มีวิชาความรู้ดี  มีอาชีพที่ชาวบ้านยกย่อง    วางตัวได้น่าเคารพนับถือมานานหลายปี   แม้แต่คุณยายวิงฟอร์ดเองก็ไว้ใจ   กับมิสสตาร์ลิง สาวโสดที่ดูไร้พิษภัย  สุภาพเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว  เป็นที่รักของนายจ้างจนกระทั่งไว้ใจทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้
  ใครจะไปนึกว่าพลเมืองดีอย่างสองคนนี้จะกล้าประกอบอาชญากรรมเลือดเย็น กับหญิงชราผู้ที่รักและไว้ใจเขาสองคนอย่างสนิทใจ
   ฆ่าเหยื่อชิงสมบัติ แล้วยังลอยนวลไปได้ทั้งคู่
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 16 คำสั่ง