เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 270 เมื่อ 01 เม.ย. 25, 12:00
|
|
ขอแยกซอยอีกสักครั้ง บางท่านที่เข้ามาอ่านคงสงสัยว่า ในเมื่อเบน จอนสันได้รับการยกย่องในสังคมสมัยโน้นมากกว่าเชกสเปียร์ ทำไมล่วงมาถึงสมัยนี้ แทบไม่มีใครได้ยินชื่อเขา ยกเว้นคนที่เรียนวรรณคดีสมัยนั้นจึงจะได้เรียนงาน เช่น Every Man in His Humour , Volpone และ The Alchemist แต่ก็ไม่เจาะลึกเท่าของเชกสเปียร์ คำตอบคือ สายวิทย์ กับสายสังคม(ในที่นี้หมายถึงสายอักษรศาสตร์) เขามีวิธีคิดแตกต่างกัน แยกออกได้เป็น 2 คำ คือ ข้อเท็จจริง (Fact) กับ ความคิดเห็น (Opinion) การนับถือยกย่องบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าเป็นสายวิทย์ นับที่ fact คือผลงานของบุคคลเหล่านั้นมีคุณประโยชน์หรือสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์แก่โลกอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นนักวิทยาศาสตร์ดังๆ ผ่านไปกี่ร้อยปีก็ยังเป็นที่จดจำ อย่างโทมัส เอดิสัน ไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงผลงานสำคัญอย่างประดิษฐ์หลอดไฟ นำแสงสว่างกระจายไปทั่วโลกในยามค่ำคืน นอกจากนี้ เอดิสัน ยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์อีกกว่า 1,000 รายการ เช่น เครื่องส่งโทรเลข เครื่องถ่ายทำภาพยนตร์ เครื่องเล่นจานเสียง เครื่องขยายเสียง เครื่องอัดสำเนา ฯลฯ ใครจะลุกขึ้นมาคัดค้านว่าเอดิสันไม่ใหญ่จริง ต้องหักล้างกันด้วยข้อพิสูจน์ มีหลักฐานข้อเท็จจริงให้ยอมรับได้ จึงจะลบชื่อเขาออกไปจากความเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่ถ้าเป็นสายอักษร ความยิ่งใหญ่ของบุคคลในวงวรรณกรรม นับกันจากความคิดเห็น (opinion) ที่มีต่อการยกย่องเชิดชูผลงาน ดังนั้นงานที่ได้รับการเชิดชูในสมัยหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นเฉยๆ หรือแม้แต่ตกกระป๋องในอีกสมัยหนึ่งได้ ถ้าความคิดในสังคมนั้นเปลี่ยนแปลงไป และก็อาจกลับมาได้รับการยกย่องในอีกยุคต่อมาได้ หากความคิดในสังคมเปลี่ยนแปลงไปอีก เพราะความคิดมนุษย์เหมือนกระแสน้ำที่ไหลขึ้นไหลลงไม่หยุดนิ่ง วรรณกรรมที่เป็นผลผลิตของความคิดของมนุษย์ จึงไม่หยุดนิ่งตายตัว ตัวอย่างที่เห็นชัดในด้านนี้คือวรรณกรรมจีนที่คนไทยสมัยรัชกาลที่ 5 รู้จักในนาม "ซ้องกั๋ง" หรือเดี๋ยวนี้เรารู้จักในนาม " ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน" เรื่องนี้เดิมเป็นตำนานของกบฏชาวนาจีน นำโดยชาวนาชื่อซ้องกั๋ง หรือซ่งเจียง(ในภาษาจีนกลาง) ซ้องกั๋งมีอิทธิพลกับประวัติศาสตร์จีนมากจนได้รับการยกย่องเป็นคัมภีร์วีรกรรมของคนชั้นชาวนา กบฏในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงต่างได้รับอิทธิพลจากนิยายซ้องกั๋ง ทั้งเรื่องความคิดหรือวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นกบฏหลี่จื้อเฉิง จางเซี่ยนจง กบฏไท่ผิง หรือกบฏอี้เหอถวน (กบฏนักมวย) แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป สังคมก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย "ซ้องกั๋ง" กลายเป็นวรรณกรรมที่ถูกพลิกไปพลิกมาระหว่างงานวีรกรรมยิ่่งใหญ่น่ายกย่อง กับงานท่ีถูกประณามในฐานะลัทธิยอมจำนน ประธานเหมาเจ๋อตงเคยชื่นชอบเรื่องนี้มากในวัยเยาว์ แต่ต่อมาเมื่อเป็นประมุขของประเทศ ท่านก็กลับมีความเห็นว่า ซ้องกั๋งเป็นวรรณกรรมสรรเสริญพวกลัทธิยอมจำนนและควรนำมาศึกษาในฐานะตำรากลับด้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 271 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 11:10
|
|
ตอนนี้ ถ้าไม่มีผู้้ใดซักถามอีก จะขอเล่าถึงสุขนาฏกรรมของเชกสเปียร์อีกสักเรื่อง เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นเรื่องเบาๆ สนุกแกมตลก ผ่อนคลายประสาทผู้อ่านเรือนไทยที่เจอโศกนาฏกรรมหนักๆมาหลายเรื่อง คือ A Midsummer Night's Dream หรือ ฝัน ณ กลางราตรีฤดูร้อน
เรื่องนี้เปิดฉากขึ้นที่ป่านอกกรุงเอเธนส์ แต่ครั้งโบราณกาล ป่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกแฟรี่ แฟรี่คืออะไร แฟรี่ (Fairy หรือ Fairies) เป็นอมนุษย์ชนิดหนึ่ง อยู่ในนิทานพื้นบ้านของชาวยุโรป พวกนี้ไม่ใช่ภูตผีปีศาจ แต่ก็ไม่ใช่เทวดานางฟ้า มักจะอาศัยอยู่ในป่านอกเมืองหรือตามทุ่งนาไกลบ้านคน รูปร่างเล็กกว่ามนุษย์ประมาณครึ่งหนึ่งหรือเล็กกว่านั้น หน้าตางดงามท้ังหญิงชาย มักจะมีปีกบางๆเหมือนปีกผีเสื้อหรือแมลงปอ สีสันสวยงาม มีนิสัยไม่ดุร้าย แต่ซุกซนและชอบแกล้งคนเป็นเรื่องสนุก เมื่อเริ่มเรื่อง ละครกล่าวถึงราชาและราชินีของแฟรี่ ชื่อพระราชาโอบีรอนและราชินีทิทาเนีย กำลังทะเลาะกันเรื่องแย่งตัวเด็กชายหลงแม่ที่พเนจรเข้ามาอยู่ในป่า โอบีรอนอยากได้เด็กน้อยเป็นบริวาร แต่ทิทาเนียไม่ยอมส่งตัวให้ โอบีรอนอยากจะแกล้งชายา ก็เลยเรียกแฟรี่ชื่อพัค ซึ่งมีนิสัยคึกคะนองชอบแกล้งผู้อื่นเล่นเป็นเรื่องสนุก ให้ไปหาดอกไม้วิเศษ ซึ่งเมื่อคั้นน้ำหวานจากเกสรดอกไม้แล้วหยดลงบนเปลือกตาใคร คนนั้นจะหลงรักมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็น โอบีรอนอยากจะแกล้งหยดลงบนเปลือกตาทิทาเนียขณะนางหลับ แล้วขโมยเด็กน้อยไปเป็นบริวารของเขา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 272 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 12:03
|
|
หลายคนน่าจะเคยคุ้นกับผลงานเพลงประพันธ์สัมพันธ์บทละคร ฝันกลางคืนกลางคิมหันต์ ของ Felix Mendelssohn คีตกวีชาวเยอรมัน โดยเฉพาะ "Wedding March"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 273 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 12:09
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 274 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 12:12
|
|
ถอยหลังไปอีกถึงปี 1999 ก็มีให้ชมเหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 275 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 12:13
|
|
สร้างฉากเป็นยุคปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 276 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 12:16
|
|
ถ้าเป็นหนังปี 1968 ขนดารานำของอังกฤษมาเล่น พูดตามแบบละครของคุณปู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 277 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 17:41
|
|
ในเวลาเดียวกัน ในเมืองกำลังจัดงานใหญ่ คืองานอภิเษกสมรสระหว่างพระราชาแห่งเอเธนส์กับราชินีแห่งเผ่าอเมซอน แต่พอดีพระราชาถูกขัดจังหวะด้วยขุนนางคนหนึ่งขอเข้าเฝ้าด่วน เพื่อขอให้พระองค์ช่วยชี้ขาดเรื่องเขากำลังพิพาทกับลูกสาวชื่อเฮอร์เมีย เพราะพ่อต้องการให้นางแต่งงานกับหนุ่มนามว่าดีมีเทรียส แต่เฮอร์เมียไม่ยอมท่าเดียวเพราะนางมีคนรักแล้วชื่อไลซานเดอร์ พระราชาตัดสินให้เฮอร์เมียอยู่ในโอวาทพ่อ มิฉะนั้นจะถูกประหารหรือไม่ก็ถูกส่งไปบวชตลอดชีวิตในสำนักนางชี ตัวเลือกแบบนี้ใครจะเอา เฮอร์เมียจึงนัดกับคนรักหนีเข้าป่าไปด้วยกัน เพราะที่นั้นปลอดพ้นจากมือพ่อ แต่ก่อนหนีทั้งสองก็ได้บอกเรื่องนี้แก่เฮเลนาเพื่อนรักของเฮอร์เมีย แต่เฮเลนาหลงรักดีมีเทรียสอยู่ จึงแอบเผยความลับให้รู้ คู่หมั้นของเฮอร์เมียจึงติดตามเข้าป่าไปเพื่อไปเอาตัวนางคืน ส่วนเฮเลนาหวังว่าดีมีเทรียสเมื่อไม่สมหวังแล้วคงจะกลับมาหานาง นางก็ติดตามดีมีเทรียสไปอีกทอดหนึ่ง เฮอร์เมียกับไลซานเดอร์หลงทางอยู่กลางป่า ส่วนเฮเลนาตามไปจนถึงตัวดีมีเทรียส อ้อนวอนให้เขาเลิกล้มความคิดจะติดตามเฮอร์เมียด้วยความหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจมารักนาง แต่ดีมีเทรียสไม่ยอมเปลี่ยนใจ โอบีรอนลอบได้ยินทั้งสองโต้เถียงกันอยู่ ก็เลยสั่งพัคให้เอาน้ำจากดอกไม้วิเศษมาหยอดลงบนเปลือกตาของดีมีเทรียสเมื่อเขานอนหลับ โดยหวังว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นเห็นเฮเลนาก็จะต้องมนต์ เกิดความรักนาง ในขณะเดียวกันนั้นเอง ช่างฝีมือหกคน เดินทางเข้ามาในป่า เพื่อปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับละครที่พวกเขาวางแผนจะแสดงในงานอภิเษกสมรสของเจ้านครที่จะมีขึ้น ที่ตกลงกันยังไม่ได้คือคัดเลือกบทบาท แต่สุดท้าย บ็อตตอม ช่างทอผ้า และฟลูต ช่างสูบลม ก็ตกลงรับบทนำเป็นพีระมุสและธิสบี(พระเอกนางเอกในตำนานกรีก) ตามลำดับ ควินซ์ ช่างไม้ ผู้เป็นทั้งผู้แต่งและผู้กำกับละคร แจกจ่ายบทละคร ทุกคนตกลงที่จะมาพบกันอีกครั้งเพื่อซ้อมใหญ่ ภาพประกอบ Lysander and Hermia ฝีมือจิตรกรชื่อ John Simmons (1823–1876)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 278 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 17:42
|
|
ไลซานเดอร์และเฮอร์เมียนอนพักกันอยู่กลางป่า พัคผ่านมาพร้อมด้วยน้ำดอกไม้วิเศษ เห็นทั้งสองเข้าก็นึกว่าเป็นดีมีเทรียสกับเฮเลนา จึงหยอดน้ำดอกไม้ลงบนเปลือกตาของไลซานเดอร์ ฝ่ายดีมีเทรียสยังคงบุกป่าฝ่าดงตามหาเฮอร์เมียไม่ละลด มีเฮเลนาตามหลังมาติดๆ แต่เขาขับไล่นางออกไปอย่างไม่ไยดี เฮเลนาจึงจำใจต้องจากไป จนเดินมาพบไลซานเดอร์หลับอยู่ ก็ดีใจ ปลุกเขาขึ้น ด้วยมนต์วิเศษจากน้ำดอกไม้ ไลซานเดอร์ลืมตาขึ้นเห็นเฮเลนาก็หลงรักนางทันที จึงสารภาพรักกับนาง เฮเลนาเข้าใจว่าไลซานเดอร์แกล้งเล่นตลกด้วย ก็เลยวิ่งหนีไป ไลซานเดอร์ก็วิ่งตามไป เฮอร์เมียตื่นขึ้นมา จึงพบว่าตัวเองถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง ก็ออกตามหาคนรัก แต่ไม่เจอ กลับไปเจอดีมีเทรียส เฮอร์เมียก็เลยวิ่งหนีเขา โดยมีดีมีเทรียสก็วิ่งไล่ตามไปด้วย ระหว่างนั้น ทิทาเนียก็กำลังเตรียมตัวเข้านอน โอบีรอนได้จังหวะ เมื่อเห็นนางหลับก็แอบหยอดน้ำวิเศษลงบนเปลือกตา เชื่อแน่ว่าตื่นขึ้นมานางจะต้องหลงรักตัวอะไรสักตัวในป่า ให้เป็นที่ขำขันครื้นเครงในหมู่แฟรี่
ภาพประกอบ ทิทาเนียนอนหลับกลางแสงจันทร์ รายล้อมด้วยบริวารคือแฟรี่น้อยๆ คอยพิทักษ์รักษานายหญิง ฝีมือจิตรกรชื่อ John Simmons (1823–1876)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 279 เมื่อ 03 เม.ย. 25, 19:13
|
|
พวกช่างฝีมือกลับเข้ามาในป่าอีกเพื่อซ้อมละคร พัคแอบดูอยู่ นึกอยากแกล้งพวกนี้เล่นสนุกๆ ก็เลยร่ายมนต์ให้บัตตอมมีหัวเป็นลา คนอื่นๆเห็นก็ตกใจ วิ่งเตลิดหนีกันไปหมด บัตตอมเองก็ได้แต่งงว่าเพื่อนๆเป็นอะไรขึ้นมา ในเมื่อถูกทิ้งอยู่คนเดียวในป่า เขาก็เลยร้องเพลงปลอบใจตัวเอง ทิทาเนียผู้หลับอยู่ใกล้ๆตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเพลง พอเห็น มนต์จากน้ำดอกไม้ทำให้นางหลงรักชายหัวลาขึ้นมาทันที โอบีรอนสนุกมากที่เห็นชายาหลงรักลา แต่พอเห็นเฮอร์เมียวิ่งหนี ผ่านหน้าไป มีดีมีเทรียสวิ่งไล่ตามมา ก็ตกใจว่าพัคน่าจะทำผิดเสียแล้ว ราชาแฟรี่รอจนดีมีเทรียสเหนื่อยอ่อน ลงนอนพักแล้วหลับไป ก็ย่องไปพรมน้ำดอกไม้ลงบนเปลือกตา พอดีเฮเลนากับไลแซนเดอร์ผ่านมาถึง ก็เข้าไปปลุกดีมีเทรียส พอเขาลืมตาขึ้นก็เห็นเฮเลนาเป็นคนแรก เขาก็หลงรักนางทันที ส่วนเฮเลนาไม่เข้าใจ นึกว่าทั้งเฮอร์เมียและชายหนุ่ม 2 คนนี้ รวมหัวกันแกล้งหลอกนางเล่นเป็นของสนุก ในตอนนั้น โอบีรอนโกรธมากที่พัคทำเอาทุกคนวุ่นวายไปหมด จึงเรียกพัคมาแล้วเอายาสมุนไพรถอนพิษให้เขาเอาไปแก้มนตร์จากน้ำดอกไม้ พัคล่อหนุ่มสาวทั้งสี่ออกไปจากป่า ถึงชายป่าเมื่อทุกคนลงนอนพักผ่อน พัคก็แอบหยอดยาถอนพิษลงบนดวงตาของไลซานเดอร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 280 เมื่อ 03 เม.ย. 25, 19:24
|
|
เมื่อเริ่มรุ่งสาง โอบีรอนเห็นว่าตัวเองเล่นสนุกกับชายามากพอแล้ว ก็ถอนมนตร์จากทิทาเนีย หนุ่มสาวทั้งสี่ตื่นขึ้น กลับคืนสู่สติตามเดิม ต่างก็กลับมาจับคู่กัน ดีมีเทรียสกับเฮเลนา และไลซานเดอร์กับเฮอร์เมีย ส่วนนายหัวลาบัตตอมก็กลับเป็นมนุษย์ตามเดิม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขานึกว่าตัวเองฝันประหลาดไปเอง เพื่อนๆนักแสดงเข้าป่ามาตามหาบัตตอม พร้อมแจ้งข่าวดีว่าละครที่พวกเขาซ้อมได้รับคัดเลือกให้แสดงในวันเสกสมรสของพระราชา จากนั้นทุกคนในเรื่องก็ออกจากป่ากลับสู่เมืองตามเดิม เพื่อไปร่วมเฉลิมฉลองงานเสกสมรส พระราชาประทานอภัยโทษแก่หนุ่มสาวทุกคน และอนุญาตให้แต่งงานในวันเดียวกันกับพระองค์ คณะละครออกมาแสดงเรื่อง "พิรามัสและธิสบี" ที่เตรียมไว้ ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี คืนนั้น ทุกคนเตรียมตัวเข้านอน โอบีรอนและทิทาเนียออกมาที่ฉากสุดท้ายเพื่อประทานพรให้ทุกคนที่หลับไหลไปแล้ว มีพัคกล่าวคำอวยพรและอำลาส่งท้ายละครเรื่องนี้ ภาพประกอบ ทิทาเนียกับบอตตอม ภาพวาดฝีมือ Sir Edwin Henry Landseer
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 281 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 15:25
|
|
หลังจากหาเรื่องท่านเชกในพ่อค้าเวนิสแล้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้เบาๆ ไม่ต้องคิดมากนัก สมกับเป็นเรื่องรักวุ่นๆ ของหนุ่มสาวในแดนแฟนตาซี สามารถใช้ซีจีวาดได้บรรเจิดแต่ที่ยัง ไม่เคยเห็นใครนำมาดัดแแปลงเป็นอะนิเมชั่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 282 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 19:17
|
|
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเบาๆ ของหนุ่มสาววุ่นวายในรัก ป้ายยาผิด รักผิดคน เข้าใจผิด วิ่งไล่กันไปมาในฉากต่างๆ เหมือนหนังหนุ่มสาววัยรุ่น ก่อนจะจบลงแบบสุขนาฏกรรม salvation สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเจ็บหรือตาย ทุกคนประสบความสุขสมหวังพร้อมกันหมดในตอนจบ A midsummer Night's Dream เหมาะจะนำมาเป็นการแสดงอีกประเภทคือบัลเล่ต์ เพราะบรรดาแฟรี่ทั้งหลายสร้างบรรยากาสันสวยงาม และโชว์ลีลาระบำปลายเท้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยิ่งกว่าตัวพระเอกนางเอกในละครเสียอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 283 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 19:18
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41291
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 284 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 21:29
|
|
ถึงได้ชื่อว่าเป็นสุขนาฏกรรมเบาๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ขาด "ลายเซ็น" ของผู้ประพันธ์ อันได้แก่ข้อคิดคำคมทั้งหลาย ที่ทำให้คุณปู่มีชื่อเสียงยืนยงคงกระพันมาจนทุกวันนี้ เนื่องจากมันไม่เคยล้าสมัย ยกตัวอย่าง 1 The course of true love never did run smooth. เส้นทางรักแท้ไม่เคยราบรื่น 2 Love looks not with the eyes, but with the mind, and therefore is winged Cupid painted blind. ความรักไม่ได้เกิดจากสัมผัสด้วยตา แต่สัมผัสด้วยใจ ด้วยเหตุนี้ กามเทพผู้มีปีกจึงมักจะถูกวาดให้ตามองไม่เห็น ( ภาพกามเทพมักจะถูกวาดให้มีผ้าผูกตา ไม่ได้แปลว่าถูกใครปิดตาเอาไว้ แต่หมายความว่าเป็นผู้ที่ตาบอด มองไม่เห็น) แปลไทยเป็นไทยอีกที ว่าความรักไม่ได้เกิดจากเห็นหน้าตาอีกฝ่าย เขาหรือเธอจะสวยหรือไม่สวยก็ไม่สำคัญ ความรักอาจเกิดได้จากรักความเป็นตัวตนของคนนั้น หรือรักจิตใจของคนนั้น ดังนั้น ความรักจึงไม่ใช่สิ่งที่เอาหลักเกณฑ์หรือเหตุผลมาวัด เพราะมันเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|