รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว [2]

[nathanielnong]

ในขณะที่หนังทีวีชุดนี้กำลังดัง  David Cassidy ก็ผันผายไปเป็นศิลปินเดี่ยวซึ่งก็ประสบความสำเร็จในช่วงสั้น ๆ  ในบ้านเรา  ผมได้ยินเพลงนี้เพลงเดียวอันเป็นการเอาเพลงของ The Associations มาขับร้องใหม่  บอกไม่ได้ว่าเพราะกว่าหรือไม่  ผมว่าทำนองเพลงนี้เพราะเป็นทุนอยู่แล้ว



นำเสนอเพลงอื่นที่ไม่เลว






เพิ่งมาสังเกตว่า  หลังจากสำรวจตารางอันดับเพลง  เธอดังในอังกฤษมากกว่าที่บ้านเกิดแฮะ

[เทาชมพู]

ดาราเด็กในฮอลลีวู้ดมักไปกันไม่ค่อยรอด   ยิ่งดังเท่าไหร่ยิ่งไม่ค่อยรอดหนักขึ้น
ส่วนใหญ่ที่รอดก็คือพอโตก็ออกจากวงการไปเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ไปยึดอาชีพอื่น หรือกลับมาทำงานหลังกล้อง  มีอาชีพการงานดีตามอัตภาพ

ชีวิตของเดวิดเป็นตัวอย่างในฝันของคนมีพรสวรรค์และประสบความสำเร็จใหญ่หลวงตั้งแต่เด็กรุ่นเดียวกันยังเรียนชั้นมัธยมอยู่    แต่ก็เป็นฝันร้ายสำหรับเขา  เพราะไม่สามารถรับมือกับชื่อเสียงความสำเร็จได้  
เดวิดดังระดับแถวหน้าในยุค 70s  ก่อนจะกลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่ติดเหล้าอย่างหนัก   ทั้งอาชีพและครอบครัวล้มเหลว จนตายเมื่ออายุ 67 เอง

[nathanielnong]

The Ventures เป็นวงดนตรีเล่นเพลงบรรเลง  วิทยุบ้านเราเอาผลงานของพวกเขามาเปิดมากมาย  ผลงานของพวกเขาแบ่งเป็น 2 ประเภท  ประเภทแรกคือผลงานต้นฉบับที่พวกเขาผลิตออกมาเอง  อีกประเภทคือผลงานต้นฉบับของชาวบ้านที่พวกเขานำมาบรรเลงใหม่ในฉบับของตัวเอง

ผลงานประเภทที่ 2 นี้  วิทยุบ้านเราเปิดกันเกลื่อนกราดเพราะมันมีมากกว่าผลงานต้นฉบับ  สมัยเด็ก ๆ ผมมีเทป cassette หน้าตาทำนองนี้ 



ในตลับบรรจุเพลงเพราะ ๆ ซึ่งผม (ในตอนนั้น) ไม่เคยได้ยินมาก่อน  ก็เลยนึกว่าล้วนเป็นเพลงต้นฉบับของพวกเขา   กาลเวลาต่อมาสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นถึงได้รู้ว่า  ไปเอาต้นฉบับของคนอื่นมาเล่นใหม่ทั้งนั้น

ส่วนต้นฉบับที่พวกเขาเล่นมีไม่มากที่ดัง







ในปี 1964 วงฯ นำเพลง Walk don’t run ฉบับเก่าของตัวเอง (1960) มาปรับปรุงแล้วนำออกขาย  ปรากฏว่าแฟนเพลงชอบกันมาก  มันเข้าถึง top 10



เพลงนี้เป็นฉบับนำมาเล่นใหม่แต่ตัดเป็น single ซึ่งไต่อันดับได้ดี

[nathanielnong]

The Surfaris กับเพลงนี้ที่ใคร ๆ นึกว่าเป็นผลงานของ The Ventures  แนวเดียวกันเลย

(การเล่นกลองในเพลงนี้เด่นมากถึงขนาดมีการกล่าวถึงว่า Ron Wilson's energetic drum solo made "Wipe Out" one of the best-remembered instrumental songs of the period.)

เพลงนี้เป็นเพลงเดียวของวงที่ผมเคยได้ยิน  ผลงานของพวกเขามีน้อยมาก  เฉพาะเพลงนี้ที่ดังและเด่นมากจนทำให้ The Surfaris were inducted into the Musicians Hall of Fame and Museum in 2019 for their hit instrumental song, "Wipe Out" มันไต่อันดับขึ้นไปได้ถึงอันดับ 2

เพลงอื่น ๆ อีก 2 เพลงที่ไม่ดังในอันดับเพลงเลย



(เพิ่งรู้ว่าวงนี้เล่นทั้งเพลงบรรเลงและเพลงร้อง  ในเพลงนี้ตรงตัว 'r - su 'r' fer'  ฟังแล้วรื่นหูจัง  แต่ถ้าเป็นคนไทยพูด  ฟังแล้วขนลุก  ผมว่ามันไม่ใช่ภาษาของเรา  พอต้องพูดแล้วกลายเป็นปรุงแต่งจนเกินธรรมชาติ  ได้ยินบ่อย ๆ จากโฆษณาตามจอทีวี  ไม่รู้ปล่อยออกมาได้อย่างไร  ผมเคยพูดคุยกับเพื่อนฝรั่งชาวอังกฤษ  เพื่อนบอกปล่อยให้เจ้าของภาษาเค้าใช้กัน ไม่ต้องไปเลียนแบบ  ที่จริงไม่จำเป็นอย่าไปเน้นออกเสียง  ไม่ต้องใช้ 'ลิ้น' เลยก็ได้เค้าฟังออก  เท่าที่สังเกต  คนอังกฤษเน้นการใช้ ลิ้น กับตัว 'r' น้อยกว่าคนอเมริกัน)

[nathanielnong]

แล้วก็ถึงการมาของอีกหนึ่งข่าวการสูญเสีย...

ชื่อ Jimmy Buffet (1946 – 1 Sept. 2023) ไม่คุ้นหูนักฟังเพลงฯ ร่วมยุคประเภทผิวเผิน  แต่กับผมนั้น  รู้จักดี  วิทยุเคยเปิดเพลงของเธอ 2-3 เพลง  มีอยู่เพลงหนึ่งฟังแล้วให้บรรยากาศสดใสมาก  เพลงเพราะหูจนผมจำได้ไม่ลืม 



ตอนนั้นผีเพลงสิงผมเต็มตัวแล้ว  ผมจึงจำชื่อนักร้องและชื่อเพลงได้   ผมนำข้อมูลมาต่อยอดพบว่าเพลงนี้ไม่ดังในอันดับเพลงเลย  ยังมีเพลงอื่นที่ดังกว่าแต่ผมว่าไม่เพราะเท่าเพลงนี้







ผมไม่ใช่แฟนเพลงของ JB เลยไม่รู้เรื่องราวในแง่ใด ๆ ของเธอ  ตอนเขียนเรื่องนี้เลยแอบอ่านหน่อยนึง  พบว่าแม้ JB จะไม่ประสบผลสำเร็จมากนักกับผลงานเพลงแต่เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเป็นนักธุรกิจจนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิลปินเพลงที่ร่ำรวยที่สุด

[nathanielnong]

ตามติดมาด้วย Gary Wright (1943 – 4 Sept. 2023)  ที่ (นอกจากผมแล้ว) รับรองว่าไม่มีใครรู้จัก  ในยุค 70s  ผีเพลงสิงผมอย่างเหนียวแน่น  ในช่วง 10 ปี (เศษ คือเลยไปถึงต้น 80s) ไม่มีนักร้องดังใน billboard คนไหนรอดหูรอดตาผมไปได้  เพลงของพวกเขาอาจจะมีรอดหูไปบ้างแต่ชื่อนั้นยากส์  นี่ขนาดข้อมูลตอนนั้นมีเพียงน้อยนิดนะนั่น  นึกไม่ออกเหมือนกันว่าไปเก็บเกี่ยวมาจากไหน

เพลงดังของ GW อยู่ในปี 1976  ดังอยู่ 2 เพลงติดกัน  เพลงแรกนั้นได้ยินทางวิทยุพอประมาณ  ที่ได้ยินไม่บ่อยเป็นเพราะพลาดการออกอากาศของเพลงหรือดีเจไม่ชอบก็ไม่รู้  ส่วนเพลงที่ 2 นั้น  ไม่เคยได้ยินเลย  ทั้ง 2 เพลงติดอันดับ 2 ของ billboard ทั้งคู่  แต่ได้แผ่นเสียงทองคำเพียงแผ่นเดียวจากเพลงแรก

เท่าที่จำได้มี singles ดังน้อยเพลงมากที่มี intro แบบนี้  เพราะเหตุนี้ถึงติดหู

[nathanielnong]

จุดธูปชวนแฟนผมให้มาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาขึ้นหน่อย  กระทู้ใหม่หลังจากจบกระทู้นี้จะ 'free as the wind' คือไม่มีเงื่อนไข   เพลงที่นำเสนอจะหลากหลายและมีสีสันขึ้น  อย่าเพิ่งหนีนะครับ

ในช่วงต้น 70s หลายเพลงของ Helen Reddy  ดังอบอวลอยู่ในบรรยากาศกรุงเทพฯ  และก้องอยู่ในรูหูของเด็กชายโหน่งโฉ่งโกร่ง  เลือกเฉพาะเพลงโปรดสุด ๆ

[เทาชมพู]

Helen Reddy ดังมากในยุค 70S  ขบวนการเฟมินิสต์กำลังถึงจุดพีค  เพลง I Am Woman  ขึ้นอันดับ 1   

[nathanielnong]

Helen Reddy ดังมากในยุค 70S  ขบวนการเฟมินิสต์กำลังถึงจุดพีค  เพลง I Am Woman  ขึ้นอันดับ 1   

[nathanielnong]

เพลง Cat's in the cradle ติดอันดับ 1 พร้อมแผ่นเสียงทองคำในปี 1974  ดีเจวิทยุเมืองไทยอ้าแขนรับเพลงนี้กันพร้อมหน้า  มันเพราะจริง ๆ (พอสั่งสมประสบการณ์พอกพูนขึ้นก็พบว่าเนื้อเพลงเยี่ยมมาก)



มันเป็นเพลงฮิตเพลงเดียวของ Harry Chapin  ต่อมาในช่วง 1980s  ขณะนั่งดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย  ผมก็เห็น spot โฆษณานี้ที่มีเพลงนี้แทรกอยู่



กาลเวลาผ่านไปจนถึงขณะที่กำลังเขียนเรื่องนี้อยู่  ผมตั้งใจรวม clip นี้ไว้ด้วย  แต่หาอยู่นานมาก  ในที่สุดก็เจอว่ามันเป็น campaign โฆษณารณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ที่ออกฉายในประเทศ Australia  ท่าทางเพลงนี้จะมีนัยสำคัญเพราะในขณะที่หาอยู่ก็เจออีก campaign หนึ่ง  ชุดนี้นำเสนอในแง่ต่อต้าน terrorism รายละเอียดตามที่ลงไว้บนหัวของ clip



นำเสนอเพลงอื่นที่มาได้ยินในภายหลัง

[nathanielnong]

ตอนหนัง Flashdance มาฉายในเมืองไทยในปี 1983  คนแห่ไปดูกันล้นหลามด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือ ไปดู Jennifer Beals ในมาดเท่  หนังดังถล่มทลายรวมไปถึงเพลงเอกของเรื่องคือ Flashdance... What a feeling  วิทยุบ้านเรากระหน่ำเปิดจนหูแทบหนวก  ส่วนผมต้องวิ่งแจ้นไปซื้อแผ่นเสียงมาเปิดฟังให้บ่อยจนหนำใจ  ไม่ต้องง้อวิทยุ



ในบ้านเขาความดังไม่ได้มีแค่ 2 หัวข้อนี้  แต่ยังมีหัวข้อที่ 3  ซึ่งก็คือนักร้องผู้ร้องเพลงนี้  เธอชื่อ Irene Cara สาวผิวสีลูกผสมระหว่าง Puerto Rico กับ Cuba  ปีนั้นเป็นปีทองของเธอเพราะเพลงนี้ได้รับเลือกเข้าไปร่วมแข่งขันชิง Oscar สาขาเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยม  และคว้ารางวัลมาได้  ในฐานะที่ IC เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแต่งเนื้อร้องเธอจึงได้ Oscar 1 ตัว อันเป็นรางวัลสูงสุดของวงการบันเทิงเอากลับไปลูบคลำที่บ้าน ก่อนหน้านี้เธอก็คว้ารางวัลลูกโลกทองคำและ Grammy จากเพลงนี้มาแล้ว  เข้าทำนอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกบานตะไท

แต่ที่บ้านเราชื่อ IC นี้หานักฟังเพลงฝรั่งรู้จักน้อยมาก  เพราะพวกเราสนใจตัวเพลงมากกว่านักร้อง  ความจริงความดังของเธอเริ่มมาก่อนหน้านี้แล้ว  คือในปี 1980  มีหนังเพลงออกฉายชื่อ Fame เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของนักเรียนศิลปะในโรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านชนชั้นแรงงาน  IC มีบทเล่นนิดหน่อยในหนังเรื่องนี้คืออยู่ในกลุ่มนักเต้น  ระหว่างการถ่ายทำปรากฏว่ามีคนค้นพบว่าเธอมีเสียงร้องที่เพราะมาก  ผู้สร้างก็เลยแก้ไขบทของเธอใหม่ให้เธอมีบทพูดรวมทั้งร้องเพลงประกอบหนังด้วย

เพลง Fame นี้ดังไม่น้อยที่บ้านเขา  ที่บ้านเรามีสถานีวิทยุเอามาเปิดบ้างประปราย  ช่วงนั้นยังอยู่ในฤดู disco  เพลงนี้จึงได้ยินบ่อยกว่าใน ‘เทค และบาร์ดิสโก้  แต่ตัวหนังนั้นผมจำไม่ได้ว่ามาเข้าโรงฯ รึเปล่า  ผมได้ดูทาง I/UBC ในเวลานานต่อมา

(แหม... ขาขยับทันที)

ในเรื่อง Fame นี้ IC ได้ร้องอยู่หลายเพลง  เพลงเด่นอีกเพลงเป็นเพลงช้า  เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของผม  เธอโชว์พลังเสียงเต็มที่  เครื่องดนตรีพึมพำว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาพวกข้ามาเล่นเล้ย



ทั้ง 2 เพลงในหนังเรื่องนี้ได้เข้าชิง Oscar ในปีนั้น  และได้ทำสถิติเป็นครั้งแรกที่มีเพลงได้เข้าชิง Oscar 2 เพลงมาจากเสียงนักร้องคนเดียวกัน  สถิติส่วนตัวของ IC คือได้มีโอกาสขึ้นเวที (Oscar) เพื่อร้องเพลง (สำหรับการเข้าประกวด) ถึง 2 ครั้งในคืนนั้น

[nathanielnong]

ตอนหนัง Butch Cassidy and the Sandance Kid มาเข้าฉายที่บ้านเรา  ผมจำไม่ได้ว่ามีใครพาไปดูที่โรงฯ รึเปล่า  แต่ได้ดูจริง ๆ จัง  ๆ ที่ทีวี IBC  ตอนนั้นในช่วงเวลาที่หนังออกฉาย  เพลงนี้กระหน่ำหูพวกเราจนอื้อไปเลย  ขนาดผมอายุเพิ่งเข้าเลข 2 หลักยังจำความดังของมันได้ไม่ลืม

หนังโรแมนติกของหนุ่มสาวในตอนนั้นเรื่องนี้  ในกาลเวลาต่อมากลายเป็นหนึ่งในหนังขวัญใจของชาวเกย์ไปเสียแล้ว  กาลเวลาเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง

เพลงนี้ส่งให้นักร้อง โนเนม ที่ชื่อ B.J. Thomas  มีชื่อเสียงโดยฉับพลัน  เธอสานต่อความมีชื่อเสียงด้วยเพลงดังเหล่านี้ที่ล้วนกระจายออกมาจากลำโพงวิทยุครบทุกเพลง







และเพลงดังอันดับ 1 เพลงสุดท้ายของเธอที่พวกเราได้ยินจากวิทยุ  ฮิตเลือดโชค



นำเสนอ

[nathanielnong]

เมื่อคืนขณะเตรียมเรื่องต่อไป  ก็ไปเจอ clip ของ B.J. Thomas ในงานแจกรางวัล Oscar ปี 1969 เรื่องมีอยู่ว่าเพลง Raindrops ฯ ที่อยู่ในหนัง Butch Cassidy ฯ นั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในสาขา Best Original Song  ซึ่งหมายความว่าต้องมีการโชว์เพลงอันเป็นไปตามประเพณีของงาน  ในฐานะที่ B.J. เป็นเจ้าของเสียงเพลง  เธอก็เลยได้มีโอกาสขึ้นเวทีโชว์เพลงนี้ 


ผลออกมาว่าเพลงนี้ชนะได้รางวัล  แต่รางวัลตกเป็นของผู้แต่งเนื้อ/ทำนอง  เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นการประกาศเกียรติคุณนักแสดงอาวุโสที่มีความสำคัญต่อวงการหนัง  ในปีนั้นคือ Cary Grant นักแสดงระดับใหญ่กว่ายักษ์จากยุคทองของฮอลลีวู้ด

[nathanielnong]

Jean-Francois Maurice... 

ตอนนั้นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น  รู้แต่ว่าไม่ใช่เพลงภาษาอังกฤษ  ข้อมูลทั้งหมดที่เอามาลงนี้  สะสมมาทีละเล็กละน้อย  เริ่มต้นนั้นเคยได้ยินมาก่อนแล้ว  และชอบ  ต่อมาเกิดความฟลุ้ค คือขณะนั่งหมุนคลื่นหาเพลงฟังอยู่  ก็เจอคลื่นหนึ่งเปิดเพลงนี้  เผอิญผมมีเทป cassette คาอยู่ในเครื่อง  ในเทปมีข้อมูล (เพลง) ฝังอยู่ด้วย  ก็ยอมอัดทับ  ประมาณว่าเทปนี้ออกไปหาซื้อใหม่ได้  แต่เพลงนี้เมื่อไรจะได้พบอีกก็ไม่รู้  แล้วเก็บถนอมไว้แม้มันจะไม่เต็มเพลงก็ตาม  คือตอนหมุนแป้นวิทยุมาถึงคลื่นนี้เพลงก็เล่นไปบ้างแล้ว

กาลเวลาต่อมาอีกน้านนาน  จนกระทั่งผมมีเพื่อนต่างชาติซึ่งก็มีแต่คนพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้น  ถ้าพูดแต่ภาษาอิตาเลียนก็คงเป็นเพื่อนกันไม่ได้  ผมก็ค้นเทปเพื่อเอาเพลงนี้ไปถาม  ปรากฏว่าทุกคนทำหน้าบ้องแบ๊ว  อย่างเก่งที่สุดบอกได้แค่ว่าเพลงฝรั่งเศสแล้วตามด้วย... มั้ง (I guess… I think so… )

ก็คงความเพียรถามดะไปเรื่อย ๆ จนมาถึงคนหนึ่งฟังแล้วบอกว่าเพลงฝรั่งเศสฟันธง  แล้วเธอก็ให้ความกรุณาเอาไปถามต่อก็ได้ชื่อมาคือ 28 degree A L’ombre ชื่อนักร้องนั้นคนรู้รู้ไม่หมด  บอกได้แค่ Jean บางอย่าง...

ได้แค่นี้ก็ดีถม  ตอนนั้น อตน. ยังไม่เกิด  แต่ผมออกท่องเที่ยวไปในโลกกว้างแล้ว  ออกไปที  ผมก็ไปตลุยหาเพลงนี้  เขียนข้อมูลที่มีอยู่ใส่เศษกระดาษเอายื่นให้คนขายดู  ออกไปแต่ละครั้งก็ทำเช่นนี้ในที่สุดก็หาจนเจอ  คือเจอข้อมูลที่สมบูรณ์เท่านั้น

[nathanielnong]

นี่เป็นอีกเพลงที่ได้ยินครั้งแรกจากทางวิทยุ  นึกไม่ถึงว่าวิทยุบ้านเราจะเล่นเพลงได้หลากหลายขนาดนี้   ตอนนั้นนึกว่าเป็นศิลปินฝรั่งเศสเพราะในชื่อเพลงก็มี ตัว ‘ เหมือนกัน  ภายหลังถึงรู้ว่าต้นตอนั้นเป็นศิลปินจากอิตาลี