naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1245 เมื่อ 14 ต.ค. 18, 18:17
|
|
พื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ไปเกี่ยวพันกับเรื่องของการทำสวน แต่ก่อนนัุ้้น เมื่อเลยพื้นที่ปลูกสับปะรดของปราณบุรีลงไปก็จะเป็นสวนมะพร้าวทั้งหมด จนใกล้ถึงชุมพรจึงจะเริ่มมีการปลูกพืชสวนอื่นๆเข้ามาปะปน เมื่อลงใต้ต่อไป สวนมะพร้าวก็หายไปกลายเป็นพืชสวนอื่นๆ พวกผลไม้ก็เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน ระกำ ... พวกพืชสวนอุตสาหกรรมก็เช่น ยาง กาแฟ ปาล์มน้ำมัน
ชีวิตประจำวันก็คล้ายๆกับผู้คนในพื้นที่ทางฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งอาหารเช้าจะออกไปทางขนมจีนมากกว่าที่จะเป็นทางของนึ่ง (dim sum) และขนมหวานเช่นของทางอีกฝั่งทะเล อาหารเย็นก็จะก็จะะออกไปทางผัดและแกงที่ใช้เนื้อสัตว์บกและสัตว์น้ำจืด ใช้ผักป่าและผักพื้นบ้านหลา่ยชนิดในการปรุงอาหาร ในขณะที่ทางฝั่งอันดามันจะออกไปทางการใช้สัตว์ทะเล และหนักเนื้อมากกว่าหนักผัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1246 เมื่อ 14 ต.ค. 18, 19:04
|
|
ก็คงจะไม่แปลกนักที่คนกรุงเทพฯ คนในภาคกลาง และนักท่องเที่ยว จะบอกล่าวต่อๆกันว่า อาหารทะเลของแต่ละจังหวัดในพื้นที่ทางฝั่งทะเลอันดามันมีความอร่อยและน่ากินมากๆ ก็แน่นอนละครับ ก็มันเป็นสัตว์ในทะเลเปิด เป็นทะเลน้ำลึกในระบบของมหาสมุทรอินเดีย ตัวมันก็ต้องใหญ่เป็นธรรมดาและยังมีหลากหลายชนิดอีกด้วย ผู้คนในพื้นถิ่นนี้ต่างก็จะบอกกันว่าสัตว์ทะเลทางฝั่งอ่าวไทยไม่อร่อย เช่น จะว่าปลาทูของฝั่งเขาอร่อยมากกว่าที่จับได้ในฝั่งอ่าวไทย แต่ยังไงๆผมก็ว่าปลาทูโป๊ะ (ตัวสั้น แบน) อร่อยกว่าพวกปลาทูน้ำลึกที่ดูตัวใหญ่และอ้วนกลม (ปลาลัง ปลาทูแขก)
ก็อาจจะเป็นเพราะเราคุ้นกับสัตว์ทะเลในอ่าวไทย ซึ่งจับกันได้ในพื้นที่ใกล้ฝั่ง (Littoral zone) เป็นพวกสัตว์ตัวไม่ใหญนัก (และคุ้นเคยกับพวกที่อาศัยและหากินอยู่ในบริเวณที่เป็นพื้นท้องทะเล) ทำให้เมื่อได้พบกับกุ้งหอยปูปลาตัวใหญ่ๆที่แปลกแตกต่างออกไป ก็เลยเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าน่ากินและจะต้องอร่อย ซึ่งอาจจะเป็นความอร่อยที่เกิดมาจากรสของเครื่องปรุงมากกว่าที่จะเป็นของรสและ texture ของเนื้อสัตว์ก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1247 เมื่อ 15 ต.ค. 18, 18:56
|
|
ก็มีของดังประจำถิ่นในภาคใต้อยู่หลายอย่าง สะตอนั้นก็แน่นอนที่จะต้องนึกออกก่อนเพื่อน สะตอมีสองชนิดที่เก็บมากินกัน คือสะตอข้าว ฝักบิดเป็นเกลียว กลิ่นไม่ฉุนนัก นิยมเอามาทำเป็นผักเหนาะ และสะตอดาน ฝักค่อนข้างยืดตรง กลิ่นฉุน นิยมเอาไปทำอาหาร
แหล่งสะตอดังๆสมัยก่อนนั้นอยู่ในพื้นที่ป่าเขาของ จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะที่ อ.ลานสะกา ผมเคยเข้าไปครั้งหนึ่งในสมัยที่กำลังมีปัญหาเรื่องความมั่นคง พื้นที่อุดมไปด้วยปืนและสะตอ ได้เห็นทั้งการเก็บผลและกินของที่สดใหม่จากต้น แกะเอามากินกับข้าวผัดแทนแตงกวาก็อร่อยไม่เบาเลยทีเดียว ในปัจจุบันนี้มีการปลูกสะตอกันเกือบจะทั่วประเทศ สวนละต้นสองต้น แต่หอมอร่อยไม่เท่ากับของทางใต้
อยู่ในกรุงเทพฯ พอถึงหน้าสะตอ มีนำมาวางขายในตลาดสด อดที่จะนึกถึงจานอาหารที่สิงห์เหนือเสือใต้มาพบกัน ผัดสะตอกับแหนมที่ออกรสเปรี้ยวแล้ว ใส่พริกชี้ฟ้าสด อร่อยเหลือหลายเลยทีเดียวครับ (แบบไม่รู้จะเลือกใช้คำใดดีระหว่าง ลำขนาด กับ ร่อยจังวู๊)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1248 เมื่อ 15 ต.ค. 18, 19:05
|
|
สิงห์เหนือเสือใต้ ผัดสะตอกับแหนม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1249 เมื่อ 15 ต.ค. 18, 19:33
|
|
เขาว่าการแกะเม็ดสะตอออกมาเพื่อใช้เป็นผักแนมกับน้ำพริกกะปินั้น แกะแบบไม่ลอกผิวหุ้มเม็ดออกให้หมดจะอร่อยกว่า ลองกินมาหลายครั้งแล้วก็ยังบอกไม่ได้สักที
สะตอเป็นพืชผักมี่มีกลิ่นฉุน กินแล้วจะไปใหนมาใหนก็จะมีกลิ่นตามตัวไปตลอดทั้งกลิ่นปาก ลมหายใจ ถ่ายเบาและถ่ายหนัก สมัยก่อนนั้นจะได้กลิ่นนี้ไปทั่ว แต่ในปัจจุบันนี้เกือบจะไม่ได้กลิ่นนี้ในเมือง ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเปลี่ยนไปกินกันในเวลาอาหารเย็นมากกว่า แต่สำหรับในพื้นที่นอกเมืองที่ยังนิยมกินขนมจีนตอนเช้าก็ยังเห็นมีสะตอเป็นผักแนมอยู่
เลยทำให้นึกถึงนั่งกินขนมจีนกับผักเหนาะเต็มกะละมังในชุมชนท้องถิ่น ก็มีเช่น ยอดกาหยี ยอดจิก ยอดกระถิน ยอดมะกอก ยอดสะเดา ฝักกระถิน ลูกเหลียง ลูกเนียง แตงกวา ... แถมด้วยไข่ต้มสักลูกหนึ่ง และหัวไชโป๊วยำสามรส อืม์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1250 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 18:15
|
|
ของดีที่สุราษฎร์อีกอย่างหนึ่งคือ หอยนางรมตัวใหญ่ๆ หอยนางรมจะนิยมกินกันสดๆ หากกินแบบฝรั่งก็เพียงบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย เท่าที่พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง ฝรั่งจะกินในลักษณะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย (aperitif) กินกับไวน์ขาว ไวน์ขาวมีฟอง (Sparkling wine) หรือกับเบียร์ก็ได้ หอยนางรมที่นิยมกินกันจะตัวขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ จะสั่งกันแบบเป็นจำนวนตัว ซึ่งโดยปกติก็ 4 หรือ 6 ตัว (ต่อคน)
หอยนางรมของไทยดูจะนิยมกินในลักษณะเป็นของแกล้มในวงเหล้าหรือบนโต๊ะอาหารในวันที่มีนัดสังสรรกัน ก็มีทั้งแบบแกะแยกออกมาเป็นตัวๆและแบบยังติดอยู่กับเปลือก จะว่าไปก็ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งชอบกัน (แต่ผมชอบตัวเล็กขนาดประมาณหัวแม่มือ) เครื่องแนมก็มีหลายสูตร บ้างก็มีน้ำพริกเผา บ้างก็มีน้ำจิ้มทะเล ใช้หอมแดงซอยก็มี เกลือทะเลบดละเอียดก็มี แต่ที่แน่ๆจะต้องมีหอมแดงเจียว มีกระเทียมสด มีมะนาว มีพริกขี้หนู แล้วก็ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือยอดกถิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1251 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 18:30
|
|
หอยนางรมสดนั้น จะให้อร่อยก็ต้องกินทั้งหมดทั้งตัวไปพร้อมๆกัน เมื่อเจอเข้ากับหอยตัวใหญ่ๆ กินเข้าไปทั้งตัวเป็นคำเดียวก็เต็มแน่นอยู่ในปาก ผมว่าขาดความอร่อยไปเยอะเลย จะแบ่งกินครั้งละครึ่งตัวก็ดูไม่น่ากินเอาเสียเลย เลยมีวิธีกินบางอย่างที่ทำให้อร่อย แต่อาจจะหากินได้ยาก ก็ใช้วิธีการลวกหอยนางรมในน้ำต้มเกี้ยมฉ่าย อร่อยไปอีกแบบเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1252 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 18:51
|
|
หอยนางรมกับของแนม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1253 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 19:00
|
|
ไม่รู้ว่าหอยนางรมตัวใหญ่ๆนั้น เมื่อเอามาทำเป็นไข่เจียวหอยนางรมจะอร่อยมากใหม หอยตัวขนาดประมาณหัวแม่มือดูจะเหมาะที่สุดในการเอามากิน ไม่ว่าจะกินสดๆหรือเอามาปรุงเป็นอาหารจานต่างๆ เช่น
ไข่เจียวหอยนางรม จานนี้ทำเองได้ไม่ยาก จะต้องเป็นไข่เจียวที่ตีแบบไม่ผสมน้ำ
หอยนางรมทอด(ทำแบบหอยแมลงภู่ทอด) จานนี้มีความยุ่งยากในการทำเอง (ยกเว้นจะเป็นการทำในปริมาณมาก)
ออส่วนหอยนางรมจานร้อน ก็อร่อยไปอีกแบบ ของอร่อยอยู่แถวสวนอ้อย ย่าน รพ.หัวเฉียว และวัดดังของถนนเจิญกรุง
หอยนางรมชุบขนมปังทอด อันนี้ทำเองได้ที่บ้าน ง่ายและอร่อยอีกต่างหาก เพียงเอาหอยนางรมเป็นตัวๆ ซับน้ำให้แห้งหมาดๆ เอาลงชุบกับไข่ที่ตีและปรุงรส เอามาคลุกกับเกล็ดขนมปัง ทำซ้ำสักสองครั้ง แล้วก็เอาลงทอดในน้ำมัน เท่านั้นเอง จะกินแบบไทยก็กับซอสพริก จะกินแบบฝรั่งก็กับมายองเนส กับน้ำสัดแบบครีม หรือกับซอสมะเขือเทศ และกับสลัดผัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1254 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 19:09
|
|
หอยนางรมชุบเกล็ดขนมปังทอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1255 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 19:11
|
|
ชอบไข่เจียวหอยนางรมค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1256 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 19:25
|
|
อีกหอยหนึ่งของสุราษฎร์ คือ หอยคราง ลักษณะทั่วไปเหมือนกับหอยแครง เพียงแต่ตัวใหญ่กว่าและมีขน เนื้อในของหอยครางจะเหนียวกว่าเนื้อของหอยแครงค่อนข้างมาก ก็ตื่นตาตื่นใจดีหากจะนึกกินหอยแครงตัวใหญ่ๆที่นำมาลวกแล้วจิ้มกับน้ำจิ้ม สำหรับผมมีความรู้สึกว่าด้วยที่ตัวมันใหญ่และเนื้อเหนียว กว่าจะเคี้ยวจนกลืนได้ก็หมดรสเนื้อผสมน้ำจิ้มไปหมดแล้ว ผมกลับไปชอบที่เขาเอามาทำแกงน้ำขลุกขลิกกับใบชะพลูหรือเอามาผัดเผ็ดใส่มะเขือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1257 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 20:12
|
|
หอยคราง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1258 เมื่อ 16 ต.ค. 18, 20:18
|
|
ผัดเผ็ดหอยคราง หน้าตาแซบเอาการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1259 เมื่อ 17 ต.ค. 18, 16:52
|
|
ยำหอยคราง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|