naitang
|
ความคิดเห็นที่ 405 เมื่อ 06 ก.พ. 15, 19:43
|
|
พื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ประมาณ อ.ทับสะแก ลงไปจนสุดเขตแดน ก็พอจะจัดได้ว่าเป็นพื้นที่ๆพอจะรู้สึกหรือสัมผัสอาการไหวของแผ่นดินได้ แต่หากจะเป็นกรณีรู้สึกไหวมาก ก็น่าจะเป็นแผ่นดินไหวที่มาจากจุดกำเนิดในพื้นที่ตามแนวตะเข็บพื้นที่ราบกับทิวเขาด้านตะวันออกของพม่า ทั้งพื้นที่พอจะจัดได้ว่ามีความเสี่ยงต่อพิบัติภัยในระดับต่ำ (น่าจะเป็นระดับต่ำมากเสียอีกด้วย)
ภาคตะวันตกของเรา ตั้งแต่เหนือสุดจนถึงแถวประจวบฯ เป็นพื้นที่ๆมักจะรับรู้แผ่นดินไหวที่เกิดในพม่าได้เสมอ ซึ่งมิใด้เป็นในลักษณะของพื้นที่แบบหย่อมๆ (แบบกว้างคูณยาว) แต่จะเป็นแบบพื้นที่ยาว (strip) ตามแนวตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้นก็ยังเป็นพื้นที่ๆมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในพื้นที่ของตนเองอีกด้วย ทั้งพื้นที่และโดยเฉพาะที่เป็นพืดเทือกเขาต่อเนื่องจนถึงชายแดน พอจะจัดได้ว่า มีโอกาสสูงมากที่จะได้สัมผัสกับการไหวของแผ่นดินในระดับที่เป็นภัยพิบัติ แต่ก็โชคดีที่มิใช่เป็นพื้นที่เมือง
พื้นที่ภาคเหนือ สามารถจัดเป็นพื้นที่ๆรับรู้แผ่นดินไหวบ่อยครั้งมากที่สุด จนอาจจะกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นเป็นประจำ และเกือบทั้งหมดก็จะรับรู้หรือรู้สึกได้แบบมีวงเขตแยกกันเป็นแอ่งๆไป เช่น เฉพาะในพื้นที่ของแอ่ง จ.แพร่, จ.น่าน, จ.เชียงราย, จ.เชียงใหม่, อ.งาว, บ.แม่ตีบ ฯลฯ ซึ่งก็เป็นแผ่นดินไหวประเภทไม่รุนแรง ส่วนมากที่เป็นข่าวก็จะอยู่ในระดับแถวๆ 3 ริกเตอร์ แต่ที่ไม่เป็นข่าว (เช่น กรณีเสียงลั่นของหน้าต่างบ้าน หรือของกระจกตู้เก็บของ) นั้นมีอยู่มากจนเป็นความปรกติและความเคยชิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 406 เมื่อ 07 ก.พ. 15, 19:12
|
|
ยังมีอีกสองสามเรื่องที่อยากจะกล่าวถึง
เรื่องแรก เคยสังเกตใหมครับว่า บรรดาบ่อน้ำร้อนที่พบในประทศไทยเรานั้น เกือบทั้งหมด (จะว่าทั้งหมดก็ได้) พบอยู่บนพื้นที่ตลิ่งใกล้ๆหรือข้างๆลำห้วยหรือลำน้ำต่างๆ อาทิ ที่ บ.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, บ.หินดาด (หรือกุยมั่ง) อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี, บ.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง, ......ฯลฯ
ไทยเรามีพุน้ำร้อนอยู่มากกว่า 100 แห่ง ในจังหวัดเหล่านี้ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 407 เมื่อ 07 ก.พ. 15, 20:04
|
|
ต่อ.. กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ยะลา สตูล ฯลฯ ลืมอุทัยธานี ลพบุรี และเพชรบูรณ์
เมื่อเอาตำแหน่งพุน้ำร้อนเหล่านี้มาจุดลงบนแผนที่ ก็จะเห็นว่ามันค่อนข้างจะอยู่กันเป็นทิวใกล้และตามแนวรอยเลื่อนต่างๆที่ทางวิชาการเขาจัดให้เป็นรอยเลื่อนประเภทที่มีพลัง (active fault)
พุน้ำร้อนเหล่านี้ เกิดจากการที่มีน้ำ (จากผิวดิน) ซึมลงไปตามรอยแตกรอยแยกในหิน ลึกลงไปสัมผัสกับบริเวณที่ร้อน น้ำก็จะร้อน แล้วก็จะขยายตัวดันกลับขึ้นมาสู่ผิวดินกลายเป็นพุน้ำร้อน น้ำเย็นที่ซึมลงไปจนกลายเป็นน้ำร้อนกลับขึ้นมานี้ แสดงถึงความเข้มข้นของแรงที่หินสองฝั่งของระนาบรอยเลื่อน (fault plane) เคลื่อนที่ผ่านกัน
น้ำที่ซึมลงไปนี้ ช่วยทำหน้าที่ส่วนหนึ่งเป็นตัวหล่อลื่นบนระนาบรอยเลื่อน ช่วยทำให้หินทั้งสองฝั่งเคลื่อนที่ผ่านกันได้ลื่นไหลมากขึ้น แต่ก็มิได้หมายความว่าหินทั้งสองฝั่งของรอยเลื่อนจะไม่สะดุดหยุดชะงักบ้าง เมื่อการหล่อลื่นไม่เพียงพอหรือสู้แรงความฝืดจากแรงเสียดทานไม่ได้ พอหลุดที่นึงก็เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวเบาๆได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 408 เมื่อ 12 ก.พ. 15, 18:36
|
|
ขนาดน้ำยังไหลซึมลงไปจนถึงจุดเสียดสีระหว่างหินสองฝั่งที่เคลื่อนที่ผ่านกัน ซึมลงไปถึง ณ จุดที่มีความร้อนมากพอจนทำให้กลายเป็นน้ำร้อนหรือกลายเป็นไอแล้วควบแน่บกลับมาเป็นน้ำร้อนที่พบบนพื้นผิวดิน ดังนั้น จึงคงไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเป็นก๊าซมันก็ยิ่งจะซึมผ่านได้อย่างสะดวกและด้วยความรวดเร็ว
ซึ่งผมเห็นว่า กรณีที่มีการกล่าวถึงอาการของสัตว์ที่ผิดปรกติก่อนเกิดแผ่นดินไหว หรือการใช้ข้อสังเกตอาการของสัตว์เพื่อบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวนั้น น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของชนิดหรือส่วนผสมของก๊าซที่ผุดออกมาสู่ผิวดินนี้เอง ซึ่งสัตว์ทั้งหลายที่มักจะกล่าวถึงนั้น มักจะเป็นสัตว์ในตระกูล Arthropods (สัตว์ลำตัวเป็นปล้อง_แมลง, กิ้งกือ ฯลฯ) และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทพวกจมูกยาว (ใช้ทักษะทางกลิ่น) สัตว์พวกนี้มีสัมผัสทืี่ไวมากก้บส่วนประกอบของอากาศที่ใช้หายใจและใช้หาอาหาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 409 เมื่อ 12 ก.พ. 15, 19:34
|
|
ย้อนกลับไปพื้นฐาน การแปรผันของสภาพ Eh (oxidation-reduction), pH (acidity-basicity), temperature, pressure เหล่านี้ ทำให้เกิดผลของสารประกอบทางเคมีที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในเชิงของการจัดตัวภายในสารประกอบนั้นๆ (unit cell arrangement) สภาพทางกายภาพภายนอก คุณสมบัติทางเคมี ฟิสิกส์ ความอยู่ยง ความคงทน ฯลฯ
จุดแปรผันที่เหมาะสมขององค์ประกอบทางเคมีและฟิสิกส์เหล่านี้แหละครับที่เป็นความลับหวงห้ามของบริษัทผลิตสินค้าแทบจะทุกบริษัท
ผมจะไม่ก้าวล่วงเข้าไปอธิบายเรื่องเหล่านี้ทั้งในเชิงของ physical chemistry และ geochemistry นะครับ ได้กล่าวถึงก็เพียงเพื่อจะบอกว่า ก็ด้วยการแปรผันของเงื่อนไขเพียงตัวเดียว ก็จะได้ผลที่ต่างกัน ความต่างที่มี ก็อาทิ น้ำร้อนที่ อ.สันกำแพง มีฟลูออรีนสูงมาก ต่างกับอีกหลายแห่งที่มีสารละลายหินปูนสูง หรือมีกำมะถันสูง หรือมีก๊าซไข่เน่าสูง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 410 เมื่อ 16 ก.พ. 15, 18:51
|
|
เอาเป็นว่า หากเกิดความผันแปรมากกว่าขอบเขตหนึ่ง มันก็จะกระตุ้นให้สัตว์กลุ่มหนึ่งเกิดอาการตื่นตัวได้ แท้จริงแล้วก็สัตว์หลายชนิดที่มีประสาทที่ไวต่อการสั่นสะเทือนใดๆ ซึ่งมันก็ใช้โสตสัมผัสนี้ในการช่วยหาอาหาร มันจึงสามารถรับรู้คลื่นสั่นสะเทือนแม้จะเพียงน้อยนิดเพียงใดที่จะเกิดขึ้นเมื่อหินสองฝั่งระนาบเริ่มจะครูดกันอย่างผิดปรกติก่อนที่จะกระชากหลุดออกจากกันจนเกิดแผ่นดินไหว
อย่าว่าแต่สัตว์เลยครับ เราเอง เมื่อเห็นฟ้าใสเป็นสีคราม เราก็รู้แล้วว่าอากาศหนาวแน่ๆ หรือเมื่อลมเปลี่ยนทิศ เราก็พอจะรู้หรือคาดได้เหมือนกันว่ากำลังเปลี่ยนฤดู หรือจะเกิดฝนตก หรือจะเกิดพายุลมแรง เห็นแมลงเม่ามาบินตอมหลอดไฟ เราก็รู้ว่าต้องมีฝนตกที่ใดที่หนึ่งที่ไม่ห่างจากที่เราอยู่มากนัก หรือเมื่อมดเริ่มอพยพขึ้นที่สูง เราก็พอจะรู้แล้วว่าน่าจะมีฝนตกหนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 411 เมื่อ 16 ก.พ. 15, 19:40
|
|
ก็คงมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับแผ่นดินไหวอีกมาก หากจะเอาให้ลึกซึ้งถึงระดับหนึ่งก็คงจะต้องเล่าอีกยาวเลยทีเดียว เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เป็นระบบเปิด มีตัวแปรมากมาย ไม่ตรงไปตรงมาเหมือนกับ 1+1=2
ผมคิดว่า น่าจะพอแล้วนะครับ รู้พอที่จะทำให้นอนอยู่กับมันได้โดยไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือเป็นกังวลจนเกินควร เอาพอจะรู้ว่า รู้หลบ รู้หลีก เอาตัวรอดได้อย่างไร ก็น่าจะเพียงพอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 412 เมื่อ 16 ก.พ. 15, 19:56
|
|
ก่อนจะลาโรง ก็อยากจะฝากข้อพึงระวังเรื่องนึงครับ
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว มันก็ไม่ต่างไปจากการเขย่าดินทรายที่เอาใส่ไว้ในกะละมัง ซึ่งก็คือ เราจะเห็นฝุ่นผงฟุ้งออกมา ฝุ่นผงหรืออากาศที่ฟุ้งออกมาจากผืนดินในบริเวณที่ถูกเขย่าจากแผ่นดินไหวนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีจุลินทรีย์ฟุ้งลอยออกมาด้วย ที่เคยมีกรณีเกิดขึ้นมา คือ ผู้คนเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยอาการคล้ายๆกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสุดท้ายก็พบว่าเกิดจากจุลินทรีย์ที่ฟุ้งออกมาจากใต้ผืนดินที่ถูกเขย่าโดยแผ่นดินไหวนั่นเอง
ครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 413 เมื่อ 16 ก.พ. 15, 20:49
|
|
ขอบคุณครับอาจารย์naitangที่กรุณาแบ่งปันความรู้ ทุกกระทู้ของท่าน ท่านก็ว่าไปคนเดียวแต่ต้นจนจบ ก็เกรงว่าท่านจะว้าเหว่. แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าแจมตรงไหน วุฒิไม่พอ ติดตามตลอดตั้งแต่เร่ิมจนจบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ninpaat
|
ความคิดเห็นที่ 414 เมื่อ 17 ก.พ. 15, 11:02
|
|
ขอขอบพระคุณ ที่กรุณานำความรู้จากประสพการณ์ มามอบให้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 415 เมื่อ 17 ก.พ. 15, 19:30
|
|
ก็ต้องขอตอบขอบคุณกลับไปยังท่าน Jalito ท่าน ninpaat และสมาชิก/ผู้สนใจทุกๆท่าน ขอบคุณที่ได้ติดตามเรื่องราวต่างๆ แม้ว่าจะดูกระท่อนกระแท่นไปบ้างนะครับ
ดังที่ได้บอกกล่าวไว้ว่า กระบวนการทางธรรมชาติมันเป็นระบบเปิด (open system) มันจึงมีเรื่องและกระบวนการอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องและเข้ามาร่วมเป็นตัวแปรมากมาย มันจึงไม่เป็นกฎแบบ rule of thumb แต่มันเป็นแบบ most likely หรือจะว่าเป็นแบบ...ก็มีกฎพื้นนฐานอยู่แต่มีข้อจำกัด เงื่อนไข หรือข้อยกเว้นเยอะแยะไปหมด...ก็ได้ มันจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเอาทุกแง่มุม (aspect) ของเรื่องต่างๆมาพิจารณา ซึ่งก็คือ การใช้วิธี holistic approach
ผมเริ่มกระทู้นี้ก็เพราะอยากจะเผยแพร่ข้อมูลพื้นฐานทางวิชาการที่ถูกต้องสู่สาธารณะ ด้วยทราบมาแต่นานแล้วว่า ข้อมูลข่าวสารแผ่นดินไหวที่ออกสู่สาธารณะทางสื่อต่างๆนั้น มันอยู่ในภาพของ pessimistic tone (ให้ภาพออกไปทางน่ากลัว) ส่วนขยายที่เป็นคำอธิบายประกอบ ซึ่งเป็นเชิงวิชาการนั้นถูกละทิ้งไป ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะยากแก่การเข้าใจ ที่ผมเดินเรื่องของกระทู้นี้ช้าหรือตะกุกตะกักอยู่นั้น ก็เพราะระวังอย่างมากในการให้ข้อมูล เพื่อมิให้เกิดมโนไปในทางที่ไม่ใช่ ผมมีประสพการณ์กับตัวเองเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวที่ อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี (นานมาแล้ว) ขนาดว่าผมอธิบายให้กับ จนท.ที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยฯสาธารณะ แบบง่ายๆชัดเจนแจ่มแจ๋ว ทบทวนว่าเข้าใจดีแล้วนะ ก็ยังมิวายทำให้คนแตกตื่นลงมาจากตึกตอนเที่ยงวัน ก็คงเป็นการมโนต่อเนื่องบนฐานของข้อมูลที่ถูกมโนต่อกันเป็นทอดๆ
อีกประการหนึ่ง ก็ร่ำเรียนมาตรงๆ ก็มีคนเก่งกว่าเยอะแยะทั่วไปหมด พอมีเวทีเรือนไทยให้ผ่องถ่ายความรู้ได้ ก็เลยดีใจที่จะได้ผ่องถ่ายความรู้ที่พอมีให้สาธารณะได้ทราบเรื่องที่ถูกต้องโดยทั่วกัน แก่แล้วจะเก็บไว้อีกทำไม ก็รู้สึกว่าเขียนยากอยู่เหมือนกันเพราะมีศัพท์ทางเทคนิค มีศัพท์ทางภาษาในอีกความหมายลึกๆ แล้วก็มีคำทางเทคนิคที่อยู่ร่วมคำทางภาษาที่ให้ความหมายในมุมหนึ่ง
ครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จูลิน
อสุรผัด
ตอบ: 29
|
ความคิดเห็นที่ 416 เมื่อ 04 มี.ค. 15, 16:38
|
|
เจ้าของกระทู้เขียนมาเกือบปี เริ่มตั้งแต่ พค ปีที่แล้ว มาจบเอาเดือนกพปีนี้ ดิฉันอ่านบ่ายเดียวจบ
ต้องขอขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่ให้ความรู้และผู้ร่วมเสวนาทุกท่าน โดยเฉพาะรูปประกอบหลายรูปที่ทำให้หลุดขำค่ะ
สารภาพว่านานๆเข้ามาเรือนไทยครั้งและไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อ่านกระทู้วิทยาศาสตร์เท่ากับที่จะได้อ่านเรื่องของโกมินทร์กุมาร (เสิร์ชชื่อการ์ตูนที่อ่านสมัยเด็ก พบกระทู้ในเรือนไทย จึงไล่ตามอ่านทีละกระทู้เป็นเวลา 2 สัปดาห์โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็น) วันนี้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ที่ตอบเพราะว่าท่านเจ้าของกระทู้ชี้แจงรูปไปทีละรูปโดยยังตกหล่นรูปที่ดิฉันเองหาคำตอบไม่ได้ (รูปอื่นๆพอจะตั้งสมมติฐานได้ว่าจะเป็นเช่นนั้น) คือรูปในความเห็นที่ 50 ค่ะ
ถ้าเจ้าของกระทู้ตอบแล้ว แต่ดิฉันตาลาย (เพราะอ่านกระทู้ข้ามปีในบ่ายเดียว) ต้องขออภัยนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 417 เมื่อ 04 มี.ค. 15, 17:14
|
|
รูปที่ 50 ที่คุณจูลินยังมีคำถามอยู่ เข้าประเด็นของคุณ NAVARAT.C ครับ
ความเสียหายเท่าที่ผมได้ไปสำรวจดูแบบฉาบฉวยและได้เห็นมากับตานะครับ ผมว่ามีอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนน้อยมากและระดับของความเสียหายเกือบทั้งอยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง กล่าวได้ว่าสมควรแก่เหตุ (จะค่อยๆขยายความต่อไปครับ) เมื่อเทียบกับปริมาณของบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในตำบลต่างๆและเมื่อเทียบกับแผ่นดินไหวระดับขนาดนี้ ข่าวก็คือข่าวละครับ ข่าวที่แพร่กระจายไปตามสื่อต่างๆ ดูแล้วน่ากลัว ดูแล้วทำให้คิดได้อย่างเดียวว่าจะต้องเกิดความเสียหายในวงกว้าง ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าถ่ายภาพออกข่าวเฉพาะอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายในระดับรุนแรง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 418 เมื่อ 08 มี.ค. 15, 18:47
|
|
ขอบคุณครับที่ได้ตามอ่าน
ผมรู้แก่ใจอยู่แล้วว่า ผู้อ่านจะต้องมีความรู้สึกว่า เรื่องมันเดินช้าจัง น่าเบื่อ ครับ ก็มีทั้งเจตนาและไม่เจตนา ด้านเจตนานั้นก็ด้วยเห็นว่า มันจะช่วยให้เกิดการคิดล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นผลทำให้ได้เห็นกลไกที่น่าจะเป็นหรือไม่น่าจะเป็น ก็คือ เพื่อการเข้าถึงและความเข้าใจเรื่องของ natural phenomena ในแบบ holistic approach ฯลฯ ก็ถึงบางอ้อเหมือนกันแต่เป็นบางอ้อที่ต่างกัน
สำหรับในด้านไม่เจตนานั้นก็ด้วยเหตุว่า ต้องพยายามสื่อความหมายให้ถูกต้อง มิใช่กำกวมหรือไม่ชัดเจน ซึ่งจะส่งผลต่อไปกระตุ้นให้เกิดอาการ phobia ก็เลยต้องตรวจสอบการสื่อเรื่องราวและความหมายของคำทางเทคนิคต่างๆ ทำการปรับประโยคให้สื่อได้อย่างถูกต้อง เรีื่องก็เลยเดินช้าๆแบบหอยทาก
ก็ขออภัยด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 419 เมื่อ 08 มี.ค. 15, 19:13
|
|
ผมใช้คำว่า phobia ตัวเองยังนึกไม่ออกว่าจะแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรดี
ผู้หญิงสวยๆคนหนึ่ง เราก็มีคำอธิบายได้ทั้ง beautiful, pretty, cute, gorgeous ฯลฯ โดยผิวเผินดูเหมือนๆกัน แต่ลึกๆแล้วไม่เหมือนกันเลย
ในเรื่องที่เขียนมีความหมายของคำว่า pressure ใน context ที่ต่างกัน บ้างก็เป็นเรื่องของความดัน บ้างก็แรงอัด บ้างก็แรงดัน บ้างก็แรงกดดัน ฯลฯ
ครับ ก็เป็นตัวอย่างที่ทำให้ผมเขียนได้ช้า ระวังมากไปหรือเกินพอดีไปหน่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะว่าไป ผมก็คงมีอาการ phobia อยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งเกิดมาจากประสบการณ์เมื่อครั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวครั้งหนึ่ง ซึ่งถูกนำไปเผยแพร่แบบไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนทำให้แตกตื่นกันไปทั้ง กทม.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|