ไม่จำเป็นต้องให้ได้คำยืนยัน 100% แล้วค่อยออกมาขึ้นทะเบียนครับ
ยกตัวอย่างเช่น เจดีย์ยุทธหัตถี อยู่ที่ใด ไม่มีใครทราบแน่ชัด 100% กรมศิลปากรก็เข้าไปบูรณะและรับรองทุกที่ ถ้าเจ้านายในรัฐบาลสั่ง
กรณีนี้ คาดว่าเจ้านายไม่สั่ง บวกกับคนเก่งๆในกรมศิลปากร เกษียณอายุไปหมดแล้วครับ
แม้แต่มียุทธหัตถีระหว่างพระนเรศวรและพระมหาอุปราชาหรือไม่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกัน
รองศาสตราจารย์ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ได้ถอดความพงศาวดารพม่าฉบับอูกาลา มีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ตอนนี้ ระบุว่าไม่มีการชนช้างหรือยุทธหัตถีระหว่างพระนเรศวรและพระมหาอุปราชา แต่พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์เพราะถูกปืนยิง พระศพถูกอัญเชิญกลับสู่กรุงหงสาวดี
ครั้นทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชา ก็ไสพระคชาธารเข้ายังตำแหน่งที่จอมทัพพม่านั้นประทับอยู่โดยแรงเร็ว ฝ่ายเจ้าเมืองซามะโรครั้นเห็นพระนเรศวรขับพระคชาธารตรงรี่หมายเข้าชิงชนช้างประทับก็เปิดผ้าคลุมหน้าช้างพระหนะแห่งตนออก หมายมุ่งพุ่งสกัดช้างทรงองค์นเรศวร แต่ช้างตกน้ำมันเชือกนั้นกลับหันรีหันขวางแลกลับตัวเข้าแทงโถมเอาช้างทรงองค์อุปราชาโดยกำลังแรง พระมหาอุปราชาจึงจำต้องขับพระคชาธารเข้ารับไว้ ซึ่งช้างทรงองค์จอมทัพพม่าถึงจามสนั่น (ด้วยบาดเจ็บสาหัส) แลขณะนั้นข้างอยุธยาก็ระดมยิงปืนสวนทางมากระสุนถูกเอาองค์อุปราชาโดยถนัดจนสิ้นพระชนม์ซบกับคอคชาธาร คุเยงพละกลางช้างพระที่นั่งเห็นมหาอุปราชาต้องปืนใหญ่ (ปืนที่ยิงมหาอุปราชานั้นอูกาลาระบุว่า คือปืนชนิดเดียวกับที่เรียกว่า Jingal ในภาษาอังกฤษ) ก็เข้าพยุงพระศพไว้ และบังคับช้างเข้ากำบังในพุ่มไม้ ข้างพระนเรศวรยังไม่ทรงทราบว่ามหาอุปราชาหาพระชนม์ชีพไม่ จึงไม่ทรงขับพระคชาธารตามติดปะทะ เพียงยั้งรออยู่
.........................................
ฝ่ายข้าทหารใหญ่น้อยได้ฟังความตามตรัสก็เห็นคล้อย จึงต่อโลงใส่พระศพด้วยไม้มะม่วงอย่างเลิศ แลเอาปรอทกรอกพระศพแล้วก็จัดกระบวนรี้พลเชิญพระศพองค์อุปราชากลับคืนพระนคร เดือนมีนาคมก็บรรลุถึงหงสาวดี องค์ธรรมราชามหากษัตริย์ ครั้นสดับข่าวว่าพระราชาโอรสมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ชีพ และพระศพนั้นถูกอัญเชิญกลับคืนมาก็เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยอัครมเหสีราชมารดาออกรับพระศพ และลุเลิกพระศพเยี่ยงพระจักรพรรดิราช ห้อมล้อมด้วยช้างม้าไพร่พลสกลไกร การพระศพกระทำท่ามกลางความโศกเศร้าโศกาดูรยิ่ง ฯลฯ
บรรยากาศเริ่มคึกคักเป็นกระทู้สไตล์ผมขึ้นมาอีกครั้ง ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเสริมให้สนุกนะครับ
ข้อขัดแย้งในความเชื่อด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีกรณีย์ยุทธหัตถีนี่ ไม่ต้องไปดูไกลถึงพม่าครับ ในเมืองไทยนี่แหละ เราเคยเถียงกันจะเป็นจะตายมาแล้วในสมัยคนรุ่นเรานี่แหละ เพราะเกิดมีการไปขุดเจออาวุธโบราณรวมทั้งกระดูกคนกระดูกสัตว์มากมายที่อำเภอพนมทวน แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนที่ดอนเจดีย์ พอผมเข้าไปเสิร์ชดู พบว่าข้อขัดแย้งนี้ยุติลงได้ก็เพราะ
ผู้ยุติเรื่องที่ตั้งเจดีย์ยุทธหัตถี
ในที่สุดกลุ่มมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นำโดยจมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) ได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกลุ่มกาญจนบุรีว่า เรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นพระราชวินิจฉัยของรัชกาลที่ 6 โดยอ้างถึงเหตุการณ์ตอนเสด็จพระราชดำเนินในพิธีบวงสรวงพระเจดีย์ที่ดอนเจดีย์ พวกตนในฐานะผู้จงรักภักดีต้องตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จึงขอยืนยันความถูกต้องเรื่องนี้ เหตุผลที่คนกลุ่มนี้ยกมาเพื่อยุติการโต้แย้งที่เกิดขึ้นนานถึง 5 ปี ก็คือ "ทางชาติบ้านเมืองเรา ก่อสร้างพระอนุสาวรีย์ของพระนเรศวรไว้เคารพสักการะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันเสด็จเปิดพระเจดีย์มาแล้ว การแปรเปลี่ยนเอาเจดีย์ไปไว้ที่อื่นให้ผิดไปจึงไม่เห็นด้วย และชาติบ้านเมืองเวลานี้ต้องการความสามัคคีเป็นใหญ่ จึงควรยุติเรื่องลงได้แล้วว่า พระเจดีย์ควรอยู่ที่ตำบลหนองสาหร่าย ตามที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชวินิจฉัยไว้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันก็ทรงรับรอง จึงเสด็จไปกระทำพิธีอย่างหนึ่ง รัฐบาลของเราก็รับรองไปสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรอย่างหนึ่ง ไม่ควรมีคนคิดจะยกเอาไปไว้ที่อื่น ถ้าหากว่ามีคนหาญกล้าจะทะนงทำอย่างนั้น ผมเห็นว่ามันจะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" คำอภิปรายของจมื่นอมรดรุณารักษ์เมื่อ 3 มีนาคม 2516 กรมประชาสัมพันธ์ได้พิมพ์คำบรรยายนี้ใน จมื่นดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช)พระราชกรณียกิจสำคัญในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องอนุสรณ์ดอนเจดีย์พระนเรศวร(กรุงเทพ:คุรุสภา 2520)
การยุติเรื่องที่ตั้งเจดีย์ยุทธหัตถีของกลุ่มมหาดเล็กในรัชกาลที่ 6 โดยยกเรื่องความสามัคคีในชาติ ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้การสืบค้นเรื่องในเชิงวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และโบราณคดีเป็นอันต้องยุติลงอย่างน่าเสียดายไม่ได้เป็นฝีมือของนักวิชาการกรมศิลปากรเลย (อดไม่ได้จะต้องแวะตรงนี้อีกแล้ว)
http://brainbank.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=222&articleType=ArticleView&articleId=243