พื้นที่ค่อนข้างราบแบบห้วยเขย่งนี้ ยังมีอีกแห่งหนึ่ง คือ ทุ่งมาลัย ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัว อ.สังขละบุรี ในปัจจุบัน ผมไม่ได้ติดตามว่ามีการขุดค้นทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในพื้นที่ทั้งสองแห่งมากน้อยเพียงใด (ก่อนที่น้ำในอ่างน้ำเขื่นเขาแหลมจะท่วม)
พื้นที่ทั้งสองนี้ เหมาะแก่การตั้งชุมชน หรือใช้ในการรวมไพร่พล ผมมีข้อสังเกตว่า ทั้งสองพื้นที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย มีลักษณะเป็นป่าแพะ ต้นไม้น่าจะถูกโค่นไปใช้ประโยชน์จนหมด แต่ไม่ทราบช่วงเวลาต่างๆ พื้นที่ห้วยเขย่งนั้นคงเหลือแต่เจดีย์บุอ่องที่แสดงถึงการมีชุมชนหรือกลุ่มคนเข้ามาใช้พื้นที่ในช่วงเวลาหนึ่ง และน่าจะเป็นช่วงเวลานานด้วย สำหรับพื้นที่ทุ่งมาลัยนั้น ยังมีชุมชนและกลุ่มคนอยู่มาอย่างต่อเนื่อง
ก็มีเรื่องน่าสนใจว่า บ้านวังปาโท่ ซึ่งเป็นส่วนของพื้นที่ห้วยเขย่งที่อยู่ติดลำน้ำแควน้อยนี้ ชาวบ้านที่อยู่อาศัยเป็นพวกเชื้อสายแม่สอด และก็เป็นสถานที่ๆมีคนไทยที่อยู่ในหมู่บ้านหนองบัวในพม่ามาติดต่อ มาหางานทำ มาอยู่อาศัย นอกจากนั้นแล้ว ชื่อบ้านวังปาโท่นี้ก็เพี้ยนมาจากชื่อเดิม ตำรอง/ตะลองพาดู๊ ที่แปลว่าตลิ่งยาวหรือตลิ่งใหญ่ ซึ่งชวนให้คิดถึงภาพว่าเหมาะสำหรับการใช้เป็นท่าเรือ ท่าขนถ่ายสิ่งของต่างๆตามลำน้ำแควน้อย พอแล้วเนาะ คิดมาก ฝันเฟื่องมากไปแล้ว หากได้เห็นพื้นที่จริงด้วยกันก็คงจะพอเห็นพ้องได้บ้าง
วังปาโท่ นี้
แต่เดิมเรียก วังปะโท่ หรือเปล่าครับ ?
เพราะในบันทึกการเดินธุดงค์ของ หลวงปู่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (สาย อคฺควํโส) วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ความตอนหนึ่งท่านบันทึกไว้ว่า
วังปะโท่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ผาผึ้ง ๒๗ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖
วังกะหรือนิเถะ ๑ - ๒ มีนาคม ๒๔๙๖
สะนิผ้อง ๓ มีนาคม ๒๔๙๖
ทิมู้คี่ ๔ - ๖ มีนาคม ๒๔๙๖
มิเซ้าจะเติ๊ก ๗ มีนาคม ๒๔๙๖
ปรุงดี ๘ - ๙ มีนาคม ๒๔๙๖
ทิพู้จ่อง ๑๐ มีนาคม ๒๔๙๖
กุยยารี่ ๑๑ มีนาคม ๒๔๙๖
โจกควะ ๑๒ - ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๖
มินตรท่า ๑๕ มีนาคม ๒๔๙๖