เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
  พิมพ์  
อ่าน: 5595 คุยกันถึงวรรณกรรมระดับโลก
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8490


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 12 ต.ค. 25, 11:38

           เป็นเรื่องรันทดหดหู่ เมื่อนึกถึงว่า คู่รักที่เหมาะสมจะได้ครองคู่อยู่กันอย่างมีความสุขกลับต้องทุกข์ทรมาน
พรากจากกันเพราะวิถีชีวิตนอกกรอบที่ขัดต่อกฎระเบียบศีลธรรมอันดีงามตามสังคมกำกับ(นอกเหนือการควบคุมของทั้งสอง)
ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ไม่ได้เบียดเบียนหรือก่ออาชญากรรมใดใด
           แต่ นอกเหนือจากกรอบสังคมแล้ว ท่านฮาร์ดียังนำเสนอเรื่องของ ชะตากรรมของสองคนนี้ที่มีส่วนมาจาก เคราะห์กรรม
(นอกเหนือการควบคุมเช่นกัน) และ พฤติกรรมของตัวเองด้วย เคราะห์กรรมที่นำจูดเดินผ่านไปพบพานนางมารอราเบลลาแล้ว
นางมารยั่วยวน จูดที่ชีวิตต่ำต้อยแม้จะใฝ่ดีแต่ ไม่ใฝ่ดีพอหรือยอมรับความจริงว่าไม่มีทางได้ดีเพราะฐานะต่ำต้อยจึงปล่อยชีวิตไป
ตามทางของชนชั้นตน ดื่มเหล้าเมาปล่อยตัวไปกับกิเลสมารที่ส่งผลวิบัติรุนแรงในเวลาต่อมาต่อจูดเองและ ซูผู้สูญเสียลูกทั้งสอง
จนสิ้นหวังหมดแรงยอมจำนนต่อเคราะห์กรรมกระหน่ำที่ทำให้เธอรับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาปสมควรต้องรับโทษทัณฑ์

Kate Winslet and Christopher Eccleston in Jude (1996)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 12 ต.ค. 25, 17:35

    วรรณกรรมที่สลดหดหู่ทำให้คนอ่านทรมานใจอยู่แล้ว   เป็นปกติวิสัยค่ะ
    แต่ถ้าตัวละครตายเพราะกรรมตามสนอง   ตายเพราะเหตุบังเอิญ   ตายเพราะตัวเองประมาททำชีวิตล่มสลายลง   คนอ่านก็พอจะรับได้
    แต่ถ้าคนดีๆ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย   แต่ถูกสังคมแวดล้อมบีบรัดจนตาย    อย่างนี้คนอ่านรับไม่ได้   เห็นว่าเขียนโหดเกินไป     กลายเป็นว่าคนอ่านไม่ได้ประณามสังคมหรอก  แต่ประณามคนเขียนนั่นแหละว่าเขียนอะไรแย่ที่สุด
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8490


ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 09:43

           วรรณกรรม > ละครไทย ที่หดหู่จิตตกและเนื้อหาคล้ายคลึงคือ คำพิพากษา ของคุณชาติ กอบจิตติ
อ.สดใส พันธุมโกมลนำมาถ่ายทอดเป็นละครทางช่อง ๓ ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ทั้งๆ ที่นักแสดงนำ
เป็นนักเรียนการแสดง และเนื้อเรื่องหนักหนาเกินหน้าแนวละครหลังข่าวในกระแส
           แต่ด้วยเนื้อหา "คำพิพากษา" ของสังคมที่ทำให้คนดีต้องวิบัติย่อยยับจนถึงตาย เกิดโดนใจผู้ชม
วัยผู้ใหญ่ถ้วนหน้า ฉากจบของฟัก ผู้ถูกพิพากษาจนถึงตายละม้ายกับจูดที่ผู้ชมนึกในใจว่า สิ้นเวรกรรมเสียที
(แม้ส่วนหนึ่งจะมาจากความคิด,พฤติกรรมของตัวเองที่หันไปพึ่งเหล้า แต่คนดูก็เห็นใจ,เข้าใจ)

จาก https://adaymagazine.com/yesterday-48/

อรชุมา: ครูเลือกที่จะทำให้เห็น ทำอย่างที่ครูเชื่อแทนที่จะไปก่นด่าผู้อื่น อย่างที่ครูเคยกำกับละครโทรทัศน์เรื่อง คำพิพากษา
          ตอนนั้นทำไมถึงเลือกที่จะทำละครเรื่องนี้

          เรื่อง คำพิพากษา ต้องขอบคุณอาจารย์สมรักษ์ ณรงค์วิชัย คือตัวเองไม่ใช่นักอ่านที่เก่งกาจ จะทำเรื่องไทย อาจารย์สมรักษ์
เขาก็แนะนำว่าให้ทำเรื่อง คำพิพากษา ของชาติ กอบจิตติ
          ตอนนั้นเราก็โง่มาก ยังไม่รู้จักว่าชาติเป็นใคร เลยไปหาอ่าน พออ่านจบก็อยากจะปูผ้าลงกราบเลย เด็กคนนี้เขียนได้ยังไง
พูดถึงความรู้สึกนี้ ขอย้อนไปถึงวันนั้นที่ลูกศิษย์มาถามตอนงาน แมคเบธ ว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่เราบอกว่าพูดไม่ได้ แล้วร้องกรี๊ด
มันคือความรู้สึกเดียวกัน ทุกคนยอมเสียสละเวลาของตัวเอง มาซ้อมกันเป็นปี ทั้งท่องบท เสียสตางค์ตัวเอง ทำขนาดนี้ให้กับครู
ถามว่าครูรู้สึกอย่างไร ครูรู้สึกเหมือนกับตอนที่อ่าน คำพิพากษา จบ เราอยากบอกว่าอยากจะปูผ้าลงกราบที่พวกเธอทำให้
แต่วันนั้นเราไม่ได้บอก ถ้าบอกเดี๋ยวลูกศิษย์เขาจะว่าเอา

ประภาส: ตอนนั้นที่กำกับเรื่อง คำพิพากษา แล้วมีนักแสดงรุ่นเก่าที่แสดงด้วยความเคยชิน พอมาเจอการกำกับของครูมีอะไรขัดกันไหมครับ

           ไม่มีเลย เราทำด้วยความเคารพ ถ้าจะต้องเตือนอะไรก็ขอขมาท่านหน่อย แล้วต้องให้เกียรติ ท่านเพราะท่านเป็นบรมครูเก่าแก่
แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องซื่อตรงกับอาชีพของเราด้วย ตรงไหนต้องแก้ก็ขอให้ท่านแก้ แล้วไม่มีปัญหาเลยถ้าเราทำด้วยความเคารพ
ไม่ยากเลย เรานับถือ ป๋า ส. (สมชาย อาสนจินดา) ว่าท่านมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ก่อนเราเกิด เรานับถือในสิ่งที่ดีของท่าน ถ้ามีจุดอะไร
ที่ต้องแนะนำ เราไม่เรียกว่าแนะนำ เราใช้วิธีขอว่าเป็นอย่างนี้ได้ไหม วิธีการกำกับของครูที่ใช้กับแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ครูจะใช้
วิธีการที่เหมาะกับคนนั้น และสิ่งที่ครูทำเสมอคือจะวิ่งไปที่เวที แล้วกระซิบบอก ครูจะไม่ตะโกน ตวาด ครูไม่เคยโกรธนักแสดงเลย
ถ้าเรากำกับด้วยความเคารพอย่างเต็มที่ ท่านให้เรากำกับทั้งนั้น ท่านต้องการด้วยซ้ำไป ถ้าเราเปิดใจให้กัน ไม่มีอะไรที่จะสื่อสารกันไม่ได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 10:05

      อย่างที่บอกมาก่อนหน้าว่า งานของฮาร์ดี้มีอิทธิพลต่อเอมิล โซลา และอัลแบรต์ กามูส์   นั่นคือชะตากรรมของมนุษย์ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยพระเจ้า หรือตัวเขาเอง  แต่ถูกกำหนดด้วยสังคมแวดล้อม  ข้อคิดนี้ท้าทายสังคมมากในยุคปลายศตวรรษที่ 19 ต่อมาจนต้นศตวรรษที่ 20   
      ในศตวรรษที่ 20  เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลง  ชนชั้นสูงเริ่มหมดบทบาทในสังคมทั้งชนชั้นผู้นำและศาสนา   "เสียง" ของสามัญชนก็เริ่มดังขึ้นแทน    การปฏิวัติเกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยชนระดับที่ไม่ได้เป็นผู้นำในสังคมมาก่อน  เรียกชื่อตัวเองว่า "ประชาชน"
     ความคิดหนึ่งที่ยึดมั่นกันก็คือ สังคมเดิมเป็นสังคมที่ผิด   เป็นสังคมที่อยุติธรรม  ได้รังแกประชาชนคนยากจนผู้บริิสุทธิ์   ถ้าจะแก้ ไม่ได้แก้ว่าต้องสอนให้คนยากจนฉลาดขึ้นหรือเรียนรับมือกับปัญหาดีขึ้น   แต่สอนว่าต้องล้มระบบโครงสร้างของสังคมเดิมเสียเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 10:08

  ท่านอื่นๆแสดงความคิดเห็นได้นะคะ  จะคุยเรื่องนี้ต่อหรือเรื่องอื่นก็ได้
  ขอถามว่าอยากจะอ่านวรรณกรรมเรื่องอะไรต่อคะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8490


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 11:46

 
           นำเสนอบทความน่าสนใจ เมื่อ King of Horror - Stephen King เขียนถึง Queen of the uncanny - Daphne du Maurier
           (แต่ลงท้ายกลายเป็นขายของ)

https://www.theguardian.com/books/2025/sep/28/she-wrote-the-best-first-line-and-the-most-chilling-stories-stephen-king-on-the-dark-brilliance-of-daphne-du-maurier

           ตอนเรียนไม่คิดอะไร แต่เมื่อโตขึ้นมองย้อนกลับไปแล้วให้สงสัยว่าทำไมผู้วางหลักสูตร,กระทรวงศึกษาฯ เลือกนิยาย gothic นี้
Rebecca (simplified) มาให้นักเรียน ทั้งๆ ที่มีวรรณกรรมอื่นอีกมากมายที่เนื้อหาไม่มืด,ไม่รุนแรงอย่างเรื่องนี้
           เล่มอื่นๆ สำหรับนักเรียนจะมี เช่น Oliver Twist, The Prisoner of Zenda, Little Women, The Murder of Roger Ackroyd, etc.
           รีเบคก้า ตัวเล่าเรื่อง I ก็คือเด็กนักเรียนผู้อ่านที่ยังค่อนข้างใส ไร้ประสบการณ์ แต่ต้องไปพบพานรับรู้เรื่องราวที่มีตัวเอกหญิงผิดศีลข้อสาม,
ชาย - ศีลข้อหนึ่ง(แล้วพยายามทำลายหลักฐานจนเมื่อหลักฐานมัดตัวไม่ได้จึงรอดตัวไปอย่างลอยนวลโล่งใจ,ไม่สารภาพผิดต่อทางการตามแบบฉบับ
พระเอกผู้ดีอังกฤษที่มีศักดิ์ศรีจะกระทำ) และตัว(แก้แค้น)แทนตัวเอกหญิง ที่ไฟแค้นแผดเผาทำลายล้างในตอนจบ

อีกสองงานของท่าน D d M ไม่ได้อ่าน,แต่ดูหนังคือ The Birds และ Don't Look Now       

(นึกย้อนแล้วบ่น,ไม่ได้รีเควสท์ครับ)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 11:55

  ดิฉันเองก็ชะตากรรมเดียวกับคุณหมอ SILA คืออ่าน Rebecca ตอนเรียนอยู่ร.ร.เตรียมอุดมฯ เหมือนกัน   เข้าใจว่าการวางหลักสูตรมาจากกระทรวงศึกษาธิการ  เลือกหนังสือให้รร.ต่างๆเรียนเหมือนกัน 
  ตอนอ่าน รู้สึกสนุกว่ามันมีเรื่องลึกลับให้ระทึกใจ  อยากรู้ว่ารีเบคคาเป็นผีหรือเป็นคน  ตายจริงไหม  ยายแม่บ้านจอมโหดเกี่ยวอะไรด้วย   แต่ไม่ได้สงสัยว่าเอามาให้เด็กนักเรียนอายุ 16-17 เรียนทำไม ในเมื่อยุคนั้นไม่มีนักเรียนไทยคนไหนก้าวเท้าออกไปเรียนที่อังกฤษสักคน  มีแต่พวก AFS เขาไปอเมริกากัน
  จำได้ว่าเคยมีครู(ไม่ใช่ในรร.นี้) พยายามให้เหตุผลว่าเพื่อให้เรียนรู้ว่าผู้ดีอังกฤษเขาอยู่กันอย่างไร    ซึ่งก็ไม่ใช่อีกนั่นละ
  มาอ่านพบทีหลัง อาจจะจำผิดก็ได้ ว่าเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาา  เขาอ่านกันในรร.มัธยมที่เมืองฝรั่ง  อังกฤษหรืออเมริกาจำไม่ได้แล้ว
  อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย  Prisoner of Zenda ก็เหมือนกัน   ลิเกฝรั่งชัดๆ  แถมคนแต่งก็ไม่ได้ขึ้นอันดับนักเขียนใหญ่ของยุควิกตอเรียนด้วย
  สรุปว่าคงเป็นหนังสืออ่านของเด็กฝรั่งค่ะ   กระทรวงเอามาให้เด็กไทยอ่าน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 12:47

      ในสมัยของคุณย่าดาฟนี ดู มอริเยร์ (Daphne du Maurier) ผู้แต่ง Rebecca  เธอถูกวงวรรณกรรมจัดเข้าประเภทนักเขียนเรื่องรักๆใคร่ๆ (Romance)  ซึ่งเป็นการจัดที่เธอเกลียดมาก    ตอนนั้นเธอเองไม่ได้รับการยอมรับเข้าทำเนียบนักประพันธ์ใหญ่   แต่ยุคนี้เมื่อความคิดขยายกว้างขึ้น มีการจัดความดีเด่นให้ประเภทของหนังสือต่างๆ  ก็มีการยอมรับว่าคุณย่าเป็นยอดนักประพันธ์แนวเรื่องลึกลับ  ตื่นเต้น ไปจนสยองขวัญ0
      มีการนำผลงานเธอไปทำหนังแล้วกลายเป็นหนังคลาสสิกของเรื่องลึกลับสยองขวัญ  เช่นเรื่อง The Birds ที่อัลเฟรด ฮิทช์ค็อกเอามาทำจนกลายเป็นหนังในตำนาน
     เราก็น่าจะพออนุโลมยกคุณย่าขึ้นมาบนหิ้งในกระทู้นี้ได้นะคะ  
     เรื่อง Rebecca  ที่เป็นเรื่องดังที่สุดของเธอ    แฟนละครทีวีไทยน่าจะรู้จักเนื้อเรื่องดี จากละครเรื่อง "คุณหญิงสีวิกา"
    ส่วนข้างล่างนี้เป็นหนังขาวดำ  ปี 1940 ที่อัลเฟรด ฮิทช์ค็อกกำกับ  น่าจะเป็นเรื่องที่ตรงกับนิยายและตัวแสดงตรงกับหนังสือที่สุด

    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 14 ต.ค. 25, 12:06

     ทีนี้ มาทำความรู้จักกับเจ้าของวรรณกรรม Rebecca กันค่ะ
     ดาฟนีแตกต่างจากนักเขียนคนอื่นๆที่เล่ามาก่อนหน้านี้ ตรงที่เธอเกิดมาในชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง  (upper - middle  class) เรียกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองออกมาจากท้องแม่ก็ว่าได้   เพราะพ่อแม่-ถึงแม้ว่าไม่ได้มียศศักดิ์ชั้นท่านดยุคท่านเอิร์ล- แต่ก็เป็นศิลปินวงการแสดงผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพ   พ่อได้บรรดาศักดิ์เป็นท่านเซอร์    มีฐานะร่ำรวยพอจะเลี้ยงลูกๆอย่างลูกผู้ดีในยุคนั้น คือจ้างครูมาสอนที่บ้านตอนเล็กๆ พอโตก็ส่งไปรร.ชั้นดีในฝรั่งเศส พอเป็นหนุ่มสาว ลูกๆก็รู้หน้าที่ว่าจะต้องเลือกคู่ครองที่มีตระกูลและฐานะเหมาะสมกัน  
   ดาฟนีสมรสกับกิ่งทองใบหยกชื่อพันตรีเฟรเดอริก บราวนิ่ง  มีบุตรชายหญิงด้วยกัน 3 คน  เธอเช่าคฤหาสน์หลังใหญ่ชื่อ Menabilly อยู่ที่คอร์นวอลล์ พร้อมด้วยพ่อบ้านแม่บ้านคนรับใช้อีกเป็นโหลตามแบบเศรษฐีสมัยนั้น    บ้านหลังนี้เองเป็นฉากหลังของคฤหาสน์แมนเดอร์ลีใน Rebecca  
    เธอเริ่มเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายเรื่องยาวอยู่ที่นั่น     งานของเธอขายดีมาก  จนไม่มีคำว่า "นักประพันธ์ไส้แห้ง" เข้ามาแผ้วพานชีวิต   มีรายได้มากขนาดออกค่าใช้จ่ายในบ้านได้หมด ไม่ต้องพึ่งเงินเดือนสามี   ส่วนผู้พันบราวนิ่งเมื่อไม่ต้องหาเงินมาเลี้ยงภรรยา เขาก็นำเกียรติมาให้เธอไม่น้อยหน้ากว่าเงิน   คือก้มหน้าก้มตาทำงานจนได้เลื่อนยศขึ้นเป็นถึงพลตรีเฟรเดอริค บราวนิ่ง  และมีบรรดาศักดิ์เป็น "เซอร์"  ซึ่งหมายความว่า ดาฟนี ได้เป็นเลดี้ดาฟนี บราวนิ่งโดยอัตโนมัติ
   นับว่าเป็นชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบจนกระทั่งคนอ่านอาจรู้สึกว่า  นี่มันเรื่องรักโรแมนติกตั้งแต่บทแรกจนจบหรือนี่  ทำไมพระเจ้าลำเอียงให้อะไรต่อมิอะไรผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้
   ความเป็นจริงของโลกก็คือ ไม่มีใครได้อะไรสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 14 ต.ค. 25, 17:22

   ดาฟนีมีความลับดำมืดที่เป็นทุกข์ในใจเธอมาตลอดชีวิต    คือเธอเป็นหญิงรักหญิง
   ในยุควิกตอเรียนเรื่อยมาจนต้นและกลางศตวรรษที่ 20  รักร่วมเพศเป็นสิ่งที่สังคมและศาสนาตลอดจนกฎหมายประณามว่าผิดบาปอย่างหนัก     ใครที่รู้ตัวว่าเป็นต้องเก็บซ่อนทุกวิถีทาง   ไม่ให้สังคมรับรู้    เพศหญิงยิ่งลำบากกว่าเพศชาย เพราะสังคมกำหนดหน้าที่ไว้จนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ ว่าเธอต้องเป็นเมียและแม่ที่ดี    ยิ่งถ้ามีเกียรติยศหน้าตาค้ำคออยู่ ก็ยิ่งเหมือนติดขังอยู่ในคุก
   ดาฟนีรู้ตัวมาตั้งแต่ยังเยาว์ว่า เธอมีความรู้สึกอย่างชาย    แม้แต่การเขียน เธอก็รู้สึกว่าเกิดจากพลังของเพศชายในตัวเอง ที่ทำให้จินตนาการหลั่งไหลออกมาไม่รู้จบ    ผลงานของเธอจึงไม่ใช่เรื่องหวานๆ อย่างผู้หญิงเขียนกัน  แต่เป็นเรื่องลึกลับ คลุมเครือ  หนักอึ้งชวนฉงนสนเท่ห์ เหมือนมีเมฆหมอกดำปกคลุม ให้คนอ่านแสวงหาความจริงจากปมที่เธอผูกขึ้น
   ส่วนชีวิตครอบครัวที่ดูภายนอกว่ามีเกียรติยศหน้าตาน่าภูมิใจ      ในความจริง สามีภรรยาอยู่กันอย่างห่างเหิน  ต่างฝ่ายต่างไปมี 'คนรู้ใจ' ของตนเอง  ลูกๆทั้งสามเติบโตมาอย่างเงียบเหงา   เพราะพ่อก็มัวแต่ติดเหล้า  แม่ก็ขังตัวเองอยู่ในโลกจินตนาการ  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสามีหรือลูก     แต่ก็ยังดีที่ลูกๆเติบโตขึ้นไปมีชีวิตที่ดีของตนเอง   ไม่มีใครเสียคน    ส่วนดาฟนีกับสามีก็อยู่กันไป ไม่หย่าร้าง(ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นเรื่องอื้อฉาว) จนกระทั่งตายจากกันไปเอง   


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 15 ต.ค. 25, 14:05

  ก่อนจะถึงเรื่องดัง Rebecca  ขอเสิฟน้ำจิ้มด้วยการเล่าถึงผลงานยุคแรกๆของดาฟนี  เป็นเร่ื่องสั้นชื่อ The Doll เขียนขึ้นในปี เมื่อเธออายุ 20 ปี เท่านั้น  แต่ฉบับพิมพ์หายสาบสูญไปนานหลายสิบปีกว่าจะมาเจอในค.ศ. 2011 จึงได้เอามาตีพิมพ์ใหม่
    ลองอ่านดูนะคะว่ามันมี "ลายเซ็น" แห่งความลึกลับ คลุมเครือ ซ่อนเร้น มาตั้งแต่แรกทีเดียวละค่ะ 
   เรื่องเริ่มขึ้นด้วยมีผู้ค้นพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งคา้งอยู่ระหว่างรอยแตกของโขดหินริมทะเล  ไม่แน่ว่ามันถูกทิ้งไว้บนนั้น หรือว่าตกน้ำแล้วคลื่นซัดมาเกยโขดหิน   บางส่วนเสียหายจนอ่านไม่ได้  แต่บางส่วนก็ยังพออ่านได้ 
    เป็นบันทึกของชายผู้หนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวไม่ระบุชื่อ    จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตาย   บันทึกมาอยู่ที่นั่นได้อย่างไร  ในบันทึกเล่าเรื่องพิลึกพิลั่น เริ่มต้นจากเขาหลงรักหัวปักหัวปำในตัวหญิงสาวนักไวโอลิน ผู้มีพฤติกรรมลึกลับชื่อรีเบคคา   (ดาฟนีดูจะชอบชื่อนี้มาก  แต่เป็นคนละคนกันนะคะ) 
   รีเบคคาเป็นสาวงาม แต่มีพฤติกรรมประหลาด  ดูลึกลับ ซ่อนเร้น  เธอทำทีเหมือนจะรับรักเขา แต่แล้วอยู่ๆก็ผลักไสออกไปเสียเฉยๆ  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่ยอมเปิดโอกาสให้ชายใดใกล้ชิดมากกว่านี้ จนกระทั่งเขาค้นพบความลับอันพิลึกพิลั่น
    รีเบคคาไม่ได้ไยดีผู้ชายจริงๆ มีเลือดมีเนื้อ   เธอทุ่มเทความรักใคร่ให้กับตุ๊กตาผู้ชายขนาดเท่าคนจริงชื่อจูลิโอ
   ค่ะ  คนรักของเธอคือหุ่นจำลองที่เธอตั้งไว้ในอีกห้อง  ปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นผู้ชายจริงๆ
   เธอให้เหตุผลที่รักจูลิโอว่า
    “เขาให้ทุกสิ่งที่ฉันต้องการ  เขาไม่เคยโกหกหลอกลวง  ไม่เคยเรียกร้องใดๆจากฉัน"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41639

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 15 ต.ค. 25, 17:17

     เชิญดูกันว่าดาฟนีบรรยายตุ๊กตาจูลิโอแบบไหนยังไงนะคะ
     ผมก้าวเข้าไปใกล้   เห็นสิ่งที่ตอนแรกคิดว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 16 ปี สวมชุดทักซิโด   มีเสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊กตัวนอกและกางเกงขายาวสไตล์สเปน
     ใบหน้าเขาเกลียดน่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผิวสีซีดเหมือนขี้เถ้า ปากบางเฉียบสีแดงชาด ดูเร้าอารมณ์ใคร่ในทางต่ำช้า จมูกแหลม รูจมูกโค้ง    ดวงตาดุเป็นประกาย จ้องเขม็งแต่ดูแน่วนิ่งอย่างน่าประหลาด ดูเหมือนจะจ้องมองทะลุผู้ที่ถูกมองเหมือนดวงตาเหยี่ยว ผมเรียบเป็นเงาสีเข้ม หวีเสยขึ้นไปจากหน้าผากขาวซีด
     มันคือใบหน้าของตัวเซเทอร์ อมนุษย์จอมราคะในเทพนิยายกรีก  เจ้าเซเทอร์ใบหน้ายิ้ม ผู้น่าเกลียดน่ากลัว
     ไม่ใช่เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้
     มันคือตุ๊กตา
     ตุ๊กตาที่ดูเหมือนมนุษย์   เหมือนมีชีวิตจริงอย่างน่าสะพรึงกลัว ดูน่าเกลียด  แต่มันคือตุ๊กตา
     ก็แค่ตุ๊กตา ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาที่ผมแต่เหมือนมองไม่เห็น ปากมีรอยยิ้มเชิญชวนอย่างทื่อๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.06 วินาที กับ 15 คำสั่ง