เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 195 เมื่อ 02 ก.ย. 25, 13:26
|
|
วันแต่งงาน
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
SILA
|
|
ความคิดเห็นที่ 196 เมื่อ 02 ก.ย. 25, 15:03
|
|
ใบหน้าคุณทวดดัชเชสผ่านกิจกรรมเข็มฉีดมีดหมอจนออกมาน่ากลัวพิมพ์เดียวกับ ผู้เสียหายนะศัลยกรรมพลาสติก รายอื่นๆ
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 197 เมื่อ 02 ก.ย. 25, 15:35
|
|
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 198 เมื่อ 03 ก.ย. 25, 19:53
|
|
ถ้าคิดว่ากรณีของดัชเชสเป็นหนึ่งในจักรวาลแล้ว ลองมาดูคุณเทียดท่านนี้ดูก่อน คุณเทียดชื่อวัลเดอมิรา รอดริเกซ เดอ โอลิเวียร่า อายุ 106 ปี พำนักอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งในบราซิล เธอพบรักกับคุณลุงชื่อ อปาเรชิโด ดิแอซ วัย 66 ปีจนถึงขั้นตกลงแต่งงานกัน แต่แพทย์ซึ่งต้องให้ใบอนุญาตเรื่องสุขภาพก่อนสมรสไม่ยอมให้แต่ง เพราะบอกว่าทั้งสองไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองในการดำรงชีวิตได้ แต่ความรักย่อมข้ามกำแพงอุปสรรค เจ้าหน้าที่เลยจัดงานฉลองวิวาห์แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า งานหมั้น ให้คุณเทียดและคุณลุงได้วิวาห์กันอย่างสมหวัง
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 199 เมื่อ 03 ก.ย. 25, 19:55
|
|
ไม่รู้ว่าเบื่องานของซอมเมอเซท มอห์มหรือยังคะ ถ้าเบื่อ อยากอ่านงานของนักเขียนคนไหน บอกมาได้นะคะ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Hally
อสุรผัด

ตอบ: 5
|
|
ความคิดเห็นที่ 200 เมื่อ 03 ก.ย. 25, 20:18
|
|
ยังไม่เบื่อค่ะ เข้ามาอ่านทุกวันเลย แต่คิดในใจว่าถ้าได้อ่านเองคงจบแบบ ... ตาเป็น ... เหมือนที่คุณหมอบอก เพราะคิดต่อไม่ออกว่าแล้วไง...หว่า ได้อ่านที่อาจารย์ถอดความมาให้ ได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ดีค่ะ บางทีได้คิดถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตดีเหมือนกันค่ะ  คุณยายชื่อยาว คุ้นหน้ามากก ๆ เลย นึกไม่ออกว่าเคยเห็นในทีวีที่ไหน เพิ่งทราบว่าเป็น celebrity ชื่อก้องนี่เอง
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 201 เมื่อ 04 ก.ย. 25, 14:34
|
|
ถ้ายังมีคนอ่าน มอห์มก็จะยังขึ้นเวทีอีกค่ะ เรื่องต่อไปเป็นเรื่องเบาๆ คราวนี้เบาจริงๆ คุณหมอไม่ต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า ชื่อเรื่องว่า Winter Cruise พอเอ่ยถึงคำว่า cruise เราคงนึกไปถึงเรือสำราญขนาดใหญ่บรรทุกผู้โดยสารไปท่องเที่ยวทางทะเล หรูหราแค่ไหนก็แล้วแต่ว่าลูกค้ากระเป๋าหนักเท่าใด เรือบางลำราวกับจำลองตึกเอมไพร์สเตทในนิวยอร์ค มาลอยน้ำก็ไม่ปาน แต่ย้อนไปตอนต้นคริสตวรรษ เรือในเรื่องเป็นเรือสินค้าที่เดินทางขนส่งสินค้าประเภทพืชผลและสัตว์เลี้ยง ระหว่างยุโรปกับเวสต์อินดีส แต่เปิดรับผู้โดยสารด้วย มีห้องพัก 12 ห้อง นายเรือและลูกเรือเป็นชาวเยอรมัน การเดินทาง 1 รอบกินเวลา 9 สัปดาห์ ค่าโดยสารถูกมากเพียง 45 ปอนด์เท่านั้นเอง เรื่องราวเกิดขึ้นกับผู้โดยสารชื่อนางสาวรี้ด กับกัปตันและลูกเรือชาวเยอรมัน
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 202 เมื่อ 05 ก.ย. 25, 17:10
|
|
นางสาวรี้ดเป็นเจ้าของร้านน้ำชาในเมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในอังกฤษ พอถึงฤดูหนาวที่ไม่ค่อยจะมีลูกค้านัก เธอก็ปิดร้าน ลงเรือเดินทางท่องเที่ยวไปเปิดหูเปิดตา ถือเป็นประสบการณ์เพิ่มพูนความรู้ มอห์มไม่ได้บอกว่าเธออายุเท่าไหร่ แต่เล่าด้วยมุมมองของคนภายนอกว่า " ถ้าหากว่าท่านพิศดูหน้าตาของนางสาวรี้ดโดยละเอียดทีละส่วนแล้ว จะเห็นว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงขี้ริ้วขี้เหร่เลยจนนิดเดียว จริงอยู่ เธอมีใบหน้ายาว สีหน้าซื่อบื้อ แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลดูโต และขนตายาวหนา ผมสีน้ำตาลตัดสั้น ม้วนสลวยน่าดูอยู่รอบลำคอ ผิวพรรณก็ไม่หยาบ รูปร่างก็ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินงาม เธอดูไม่แก่เหมือนคนสมัยนี้ที่มักจะแก่เร็ว หากว่าเธอบอกท่านว่าเธออายุแค่สี่สิบ ท่านก็คงจะเชื่อได้ไม่ยาก ปัญหาอย่างเดียวที่นางสาวรี้ดมีก็คือเธอดูเฟอะฟะและงี่เง่าเท่านั้นเอง" ส่วนนางสาวรี้ดมองเห็นตัวเองก็คือ " เธอ(เชื่อว่า)ได้ชื่อมาก่อนว่าเป็นนักพูดที่ดี และเธอก็อดปลื้มใจในตนเองไม่ได้ ที่ตลอดเวลาอยู่ในเรือ เธอไม่เคยทำให้การสนทนาที่โต๊ะอาหารต้องเงียบหงอยลงไปสักครั้งเดียว เธอรู้จักวิธีที่จะทำให้คนเลิกเงียบขรึมซึมเซา และเมื่อหัวข้อสนทนาชักจะร่อยหรอจนไม่รู้จะพูดอะไร เธอก็พร้อมที่จะกระตุ้นความมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก หรือสามารถจะหาหัวข้อใหม่มาป้อนให้ดำเนินการพูดคุยต่อไปได้ทันที"
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 203 เมื่อ 08 ก.ย. 25, 14:25
|
|
นางสาวรี้ดมีเรื่องพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางโดยสารของเธอมากมาย จนกระทั่งรู้สึกเสียดายอย่างจริงใจ เมื่อในที่สุดเรือก็เดินทางมาถึงเมือง “ปอร์ต โอ แปรงซ์” และผู้โดยสารคนสุดท้ายก็ขึ้นจากเรือไปในที่สุด เรือ “ฟรีดริค เวเบอร์” จอดพักที่เมืองนั้นเป็นเวลาสองวัน นางสาวรี้ดใช้เวลานั้นไปเที่ยวในเมืองและละแวกใกล้เคียง เมื่อเรือออกเดินทางอีกครั้ง เธอกลายเป็นผู้โดยสารคนเดียวในเรือ เรือได้ลัดเลาะไปตามชายฝั่งของเกาะอินเดียตะวันตก และแวะจอดตามเมืองท่าหลายเมือง เพื่อขนสินค้าลงไปบ้าง หรือขนสินค้าขึ้นมาในเรือบ้าง “หวังว่าคุณคงไม่ลำบากใจนะครับ ที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้ชายตั้งมากมายนี้เพียงลำพังคนเดียว คุณรี้ด” กัปตันเรือกล่าวปราศรัยด้วยอย่างเต็มอกเต็มใจ เมื่อนั่งลงรับประทานอาหารมื้อกลางวันด้วยกันในห้องอาหาร เธอถูกจัดที่ให้ย้ายมานั่งทางขวามือของกัปตัน ที่โต๊ะนั้นมีต้นเรือ หัวหน้าช่างเครื่อง และแพทย์ประจำเรือนั่งร่วมรับประทานอาหารอยู่ด้วย
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 204 เมื่อ 08 ก.ย. 25, 14:27
|
|
มอห์มบรรยายถึงชีวิตประจำวันในเรือเอาไว้ว่า
นางสาวรี้ดเป็นคนกุมเรื่องสนทนาที่โต๊ะอาหารไว้ในมือ ในเมื่อเธอตระหนักว่าผู้ชายเป็นเพศที่ชอบพูดเสียเองมากกว่าชอบฟังคนอื่น เธอจึงตระเตรียมคำถามเอาไว้เป็นจำนวนมากที่เธอรู้คำตอบดีแล้ว เอาไว้ถามเพื่อให้เขามีโอกาสตอบ แต่ก็น่าแปลกที่ผู้ชายเหล่านี้ไม่ยักรู้คำตอบ ในที่สุดในตอนท้าย เธอก็พบว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายจำต้องให้คำบรรยายแก่พวกเขา ดังนั้นก่อนอาหารเย็นจะจบสิ้นลง เธอก็ได้ถ่ายทอดข้อมูลความรู้แก่นักเดินเรือเหล่านี้ไปมาก ไม่ว่าเป็นสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจของสาธารณรัฐไฮติ ปัญหาต่างๆ ที่สังคมเผชิญอยู่ และลู่ทางจะแก้ไขปัญหาในอนาคต คำบรรยายทั้งหมดนี้เธอพูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำด้วยเสียงไพเราะเป็นผู้ดี พร้อมด้วยศัพท์อันหลากหลายกว้างขวาง
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 205 เมื่อ 08 ก.ย. 25, 14:33
|
|
นางสาวรี้ดรู้สึกเพลิดเพลินกับประสบการณ์ใหม่แปลก คิดดูซิ เธอมีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังท่ามกลางผู้ชายทั้งลำเรือ ก่อนหน้านี้เธอเคยเดินทางท่องทะเลก็จริง แต่ก็มีผู้โดยสารชายหญิงร่วมทางทุกครั้ง เธอเดาว่าเพื่อนฝูงคงหัวเราะกิ๊กกั๊กไปตามๆ กันตอนเธอกลับถึงบ้านแล้วเล่าให้พวกหล่อนฟัง พวกหล่อนคงออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า...มีแต่เวนีเชีย(ชื่อต้นของนางสาวรี้ด) เท่านั้นแหละที่จะเจอเรื่องอะไรเจ๋งๆ แบบนี้ คืนนี้ หลังจากจบมื้อค่ำแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน นางสาวรี้ดอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกัปตันร้องเพลงด้วยเสียงห้าวใหญ่ก้องกังวานอยู่บนดาดฟ้าเรือ เหนือห้องพัก เธอนึกเอ็นดูว่าพวกเยอรมันมักจะชอบร้องรำทำเพลงอย่างนี้เอง กัปตันมักจะทำอะไรตลกๆ เช่นชอบเดินย่ำเท้าหนักๆ ไปมาบนดาดฟ้า พลางร้องเพลงอุปรากรของแวกเนอร์ ด้วยเนื้อร้องที่คิดขึ้นมาเอง คืนนี้เขาร้องเพลง ทันน์ฮอยเซอร์ แต่ในเมื่อไม่รู้ภาษาเยอรมัน นางสาวรี้ดก็ได้แต่ฉงนฉงายอยู่คนเดียวว่าคืนนี้กัปตันเขาเอาเนื้อร้องอะไรใส่เข้ามาในเพลง
ความจริงเนื้อร้องนั้นก็คือ “โอ้แม่นางนี้ช่างน่าเบื่อ จนข้าเหลือจะทนจะทาน อยู่เห็นกันอีกไม่นาน เป็นต้องพาลฆ่านางตาย” แล้วเขาก็เปลี่ยนเป็นเพลงมาร์ชของซีกฟรีดว่า “กูละเบื่อเหลือทน เบื่อ เบื่อ เบื่อ...เบื่อเหลือทน อยากจะโยน...อยากจะโยน...แม่ลงทะเล”
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 206 เมื่อ 08 ก.ย. 25, 14:35
|
|
มอห์มเพิ่งขยายความจริงให้คนอ่านอย่างเราๆท่านๆได้รู้กันตอนนี้เองค่ะ
นี่ก็คือความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวนางสาวรี้ด เธอเป็นตัวแสบ เป็นตัวมหาวินาศ เป็นตัวมนุษย์ที่สุดแสนน่าเบื่อจนเหลือที่ใครจะทนทานได้ เสียงพูดของเธอสม่ำเสมอไม่มีสูงต่ำ เรื่อยเจื้อยไปตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีประโยชน์ที่ใครจะขัดจังหวะให้เธอชะงัก เพราะถ้าทำเช่นนั้นเธอจะเริ่มย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรกอีกครั้งหนึ่ง แล้วเรื่อยเจื้อยมาจนถึงตอนเดิมอีกครั้ง เธอเป็นมนุษย์ที่กระหายอย่างแรงกล้าในการรู้ข้อมูลเรื่องต่างๆ ไม่รู้จักจบสิ้น ไม่มีใครเลยอ้าปากพูดที่โต๊ะอาหาร แม้แต่เป็นคำพูดเปรยๆ ธรรมดาที่สุด จะไม่เจอนางสาวรี้ดระดมคำถามถี่ยิบป้อนกลับไปจนนับไม่ถ้วน เธอเป็นนักฝันเฟื่องตัวฉกาจ และชอบเล่าเรื่องความใฝ่ฝันของตัวเองเป็นคุ้งเป็นแคว ซ้ำยาวเหยียดเกินกว่าใครจะทนฟังไหว ไม่มีหัวข้อสนทนาไหนเลยที่นางสาวรี้ดจะเก็บปากไว้ได้โดยไม่พูดเรื่อยเจื้อยแทรกเข้าไป เธอสามารถพูดซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้ทุกโอกาส แม้แต่เรื่องสุดแสนธรรมดาสามัญที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว นางสาวรี้ดก็ไม่วายตอกย้ำราวกับค้อนกระหน่ำตะปูลงบนฝาห้อง เธอกระโจนเข้าใส่เรื่องที่ทุกคนรู้กันแจ่มแจ้ง ไม่ผิดอะไรกับตัวตลกละครสัตว์โจนเข้าลอดบ่วงวงกลม ความเงียบงันของคนโดยรอบไม่ทำให้นางสาวรี้ดรู้สึกตัวหรือตะขิดตะขวงแต่อย่างใด ในสายตาของเธอ ผู้ชายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่น่าเห็นอกเห็นใจ ทุกคนต้องพลัดถิ่นออกมาไกลบ้าน ห่างลูกห่างเมีย ซ้ำวันคริสต์มาสก็ย่างกรายเข้ามาใกล้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนดูหงุดหงิดและกดดัน นางสาวรี้ดจึงต้องระดมความพยายามหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อจะทำให้พวกเขามีกะจิตกะใจเบิกบานขึ้นมาบ้าง เธอตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะต้องนำความรื่นรมย์มาสู่ชีวิตอันแห้งแล้งซึมเซาของพวกเขาให้ได้ ข้อนี้แหละที่ร้ายที่สุด เนื่องจากนางสาวรี้ดเป็นคนมีความตั้งใจดี เธอเบิกบานสำราญใจกับการเดินทางและเธอก็คิดว่าพวกผู้ชายควรจะได้รับความเพลิดเพลินเหมือนกัน เธอเชื่อเอาจริงๆ จังๆ ว่าพวกเขาชอบเธอเหมือนอย่างที่เธอชอบพวกเขา ด้วยเหตุนี้เธอรู้สึกว่าเธอควรจะทำให้สำเร็จเพื่อความสุขของพวกเขา และด้วยความไม่ประสีประสา เธอก็เชื่อว่าเธอทำได้สำเร็จจริงๆ เธอเล่าให้พวกผู้ชายฟังเรื่องทุกเรื่องเกี่ยวกับนางสาวปรินซ์เพื่อนรักของเธอ ตลอดจนคำพูดที่เพื่อนมักจะย้ำว่า “เวนีเชีย ใครอยู่กับเธอแล้วไม่สนุกเป็นไม่มี”
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
SILA
|
|
ความคิดเห็นที่ 207 เมื่อ 09 ก.ย. 25, 11:00
|
|
เรื่องนี้ มีความสามัญ เล่าเรื่องราวพบเห็นได้ทั่วไปในสังคม ทุกที่ทุกสมัย ตัวละครเอกหญิง ไม่"ร้ายๆ แรงๆ" เกินเบอร์ เหมือนเรื่องก่อนหน้า คนอ่าน อ่านแล้วบอกได้ว่า เคยเจอหรือตอนนี้ก็มีอยู่ใกล้ตัวหรือในที่ทำงาน ไม่จำกัดเพศ ท่านมอห์มเล่าเหมือนบันทึกเหตุการณ์จริงที่ประสบพบมาเอง แต่ทำให้เป็นเรื่องพิเศษเฉพาะด้วยส่วนประกอบ อย่าง สถานที่บนเรือล่องสมุทรที่ลูกเรือหนีผดส.น่ารำคาญไปไม่พ้น การเฉลย,ระบายความกล้ำกลืนฝืนทนออกมา ก็โรแมนติคเป็นพิเศษด้วยการตะโกนร้องฟ้องดาวและเดือนเป็นเพลงอุปรากร (ที่ความคุ้นเคยจะนึกถึงชนชาติชาวอิตาลี มากกว่าเยอรมัน)
เรื่องไม่จบแค่ "ใครอยู่กับเธอแล้วไม่สนุกเป็นไม่มี"
aria เพลงร้องฟ้องดาว น่าจะเป็นเพลงนี้ - O du mein holder Abendstern
Oh! You, My Beautiful Evening Star | Tannhäuser of Richard Wagner
คลิปอย่างสั้นนี้มีบรรยายอังกฤษ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 208 เมื่อ 10 ก.ย. 25, 11:10
|
|
มาเล่าเรื่องต่อค่ะ ในเมื่อเป็นหน้าที่ของกัปตันเรือที่จะต้องรักษามารยาทกับผู้โดยสาร และแม้ว่าเขาอยากจะบอกใจจะขาดว่าให้นางสาวรี้ดหุบปากเสียทีเถอะ เขาก็ทำไม่ได้อยู่นั่นเอง ต่อให้เขาสามารถจะบอกได้โดยไม่ผิดหน้าที่หรือมารยาท เขาก็ไม่กล้าบอกเพราะมันจะต้องทำร้ายความรู้สึกของเธอ ดังนั้น จึงไม่มีใครต้านทานคำพูดเรื่อยเจื้อยไม่รู้จักหยุดจักหย่อนของนางสาวรี้ดได้จนแล้วจนรอด มันทรงพลังเกินกว่าจะขัดขืนได้ ประดุจพลังอำนาจของธรรมชาติ (เช่นพลังของภูเขาไฟ หรือน้ำตก) มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อพวกผู้ชายหมดท่าที่จะหาแก้ไขจริงๆ เขาก็หาทางออกด้วยการพูดภาษาเยอรมัน แต่นางสาวรี้ดออกปากห้ามทันที “ฉันไม่ยอมหรอกนะคะที่จะให้คุณพูดภาษาที่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง คุณน่าจะรู้ว่าโชคดีแค่ไหนที่มีฉันอยู่ด้วย คุณจะได้มีโอกาสฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องๆ ไงคะ” “เรากำลังคุยกันเรื่องปัญหาทางเทคนิคน่ะครับ คุณฟังไปก็เบื่อเปล่าๆ” กัปตันเรือแก้ตัว “ฉันไม่เคยเบื่อหรอกค่ะ แล้วพูดจริงๆ นะคะ อย่าหาว่าคุย ฉันไม่เคยเบื่ออะไรเลยในชีวิต จะบอกให้ ฉันเป็นคนอยากเรียนรู้เรื่องทุกเรื่องละค่ะ ทุกอย่างที่ผ่านสายตาฉันว่าน่าสนใจทั้งนั้น เรารู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย ข้อมูลเหล่านี้อาจจะเป็นประโยชน์ขึ้นมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง” นายแพทย์ประจำเรือยิ้มอย่างฝืดฝืน “กัปตันเขาแก้ตัวไปอย่างนั้นเพราะเขากระดากปากน่ะครับ เลยไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าเราคุยกันเป็นภาษาเยอรมันถึงเรื่องที่ไม่เหมาะจะให้คุณสุภาพสตรีสาวโสดฟัง” “ฉันเป็นสาวโสดก็จริง แต่ฉันก็รู้เห็นเรื่องโลกมามากนะคะ ฉันไม่พาซื่อคิดว่ากะลาสีจะบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนนักบุญหรอกค่ะ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะให้ฉันฟังนะคะ กัปตัน รับรองว่าฉันไม่ช็อก แล้วฉันก็อยากจะฟังเรื่องที่คุณคุยกันด้วยว่ามันเป็นยังไง” ในเมื่อเจอไม้นี้เข้า เราก็คงเดาได้ว่ากัปตันและบรรดาผู้ร่วมงาน จะจุกขนดไหน
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41828
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
|
ความคิดเห็นที่ 209 เมื่อ 10 ก.ย. 25, 11:15
|
|
ในบรรดาชาวเรือที่เล่ามานี้ คนที่เหลืออดเหลือทนกับนางสาวรี้ดรองลงมาจากกัปตันน่าจะเป็นนายแพทย์ประจำเรือ เขาเป็นชายวัยหกสิบปี ผมบาง หงอกเป็นสีเทาเช่นเดียวกับหนวด และมีนัยน์ตาเล็กสีฟ้าคมปลาบ เขาเป็นคนเงียบขรึมและมีปากคอร้ายกาจ แม้ว่านางสาวรี้ดจะพยายามชักจูงเขาเข้าสู่วงสนทนาเพียงใดก็ตาม ก็ยากที่นายแพทย์จะหลุดปากออกมาสักคำสองคำ แต่นางสาวรี้ดไม่ใช่ผู้หญิงที่ท้อถอยวางมือง่ายๆ โดยไม่ต่อสู้กันจนแพ้จนชนะเสียก่อน มอห์มเล่าเหตุการณ์พะอืดพะอมระหว่างสองคนนี้ว่า เช้าวันหนึ่ง ระหว่างที่อยู่กลางทะเล นางสาวรี้ดขึ้นไปเห็นนายแพทย์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนดาดฟ้า เธอจึงยกเก้าอี้มาวางใกล้ๆ เก้าอี้ของเขา แล้วนั่งลงข้างๆ ตัว “คุณหมอชอบอ่านหนังสือหรือคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างชื่นบาน “ครับ” “ฉันก็เหมือนกัน ฉันคิดว่าคุณคงชอบร้องรำทำเพลงเหมือนพวกคนเยอรมันทั่วไปมังคะ” “ผมชอบดนตรี” “ฉันก็เหมือนกันค่ะ เห็นคุณตั้งแต่ครั้งแรก ฉันก็รู้แล้วว่าคุณฉลาดเอาการ” เขาชำเลืองมองแวบหนึ่ง เม้มปาก แล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อไป หากนางสาวรี้ดมิได้เดือดร้อน “นั่นแหละ คนเราถ้าอ่านมากๆ เข้าก็ฉลาดอยู่ดี ฉันเองชอบการคุยกันเพลินๆ มากกว่าอ่านหนังสือเพลินๆ คุณล่ะคะ ?” “ไม่” “แหม! น่าสนใจจริง ทำไมถึงคิดยังงั้นล่ะคะ บอกหน่อยซิ” “ผมหาเหตุผลไม่ได้” “ก็น่าแปลกนะคะ...แต่ก็อย่างว่าละค่ะ ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าธรรมชาติของมนุษย์มักจะมีอะไรแปลกๆ ฉันเป็นคนสนใจเพื่อนมนุษย์ รู้ไหมคะ ฉันชอบพวกแพทย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะว่าพวกนี้เขารู้จักธรรมชาติของมนุษย์ดีจังเลย แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะคะ แม้แต่คุณเองก็คงแปลกใจแน่ๆ เมื่อรู้ ถ้าหากว่าคุณอยากเรียนรู้เรื่องมนุษย์ละก็ ลองตั้งร้านน้ำชาขึ้นมาอย่างฉันเถอะค่ะ แล้วถ้าคุณเปิดหูเปิดตาให้กว้างๆ ละก็ คุณจะได้รู้เห็นอะไรเยอะแยะเชียว” นายแพทย์ลุกขึ้นยืน “ผมเห็นจะต้องขอตัว คุณรี้ด ผมมีคนไข้ที่จะต้องไปดูเขาสักหน่อย” “เอาเถอะ ยังไงก็ยอมเปิดปากพูดขั้นแรกแล้วละน่า” นางสาวรี้ดรำพึงกับตัวเองเมื่อนายแพทย์เดินห่างออกไป “คนขี้อายก็ยังงี้แหละ ไม่มีอะไรมาก”
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|