เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 15458 แม่หยั่วเมือง
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 06 พ.ย. 24, 09:23

ในพระราชพงศาวดาร  พระยอดฟ้าเป็นโอรสพระไชยราชาฯ กำเนิดจากท้าวศรีสุดาจันทร์    แต่ในละคร ทำท่าเหมือนจะมีพ่อตัวจริงคือขุนวรวงศาฯ หรือพราหมณ์วามนเสียแล้ว 
ละครถือสิทธิ์ poetic license  จะดัดแปลงประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารอย่างไรก็ได้   ข้อนี้ยอมรับ
แต่ไม่ยอมรับฉากหนึ่งในละคร ที่วามนกับจินดา(ท้าวศรีสุุดาจันทร์)สมสู่กันกลางแจ้งกลางวันแสกๆ  ต่อหน้าพระพุทธรูป 


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8425


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 06 พ.ย. 24, 12:19

           เป็นปกติปฏิบัติของช่อง ที่ต้องมีบทแรงๆ เข้มข้น เรียกให้ผู้คนสนใจเพื่อจะได้เรทตื้งดี
           ทั้งนี้รวมทั้ง "ท่าพับเป็ด" ที่เว็บต่างๆ ก็อปแชร์ข้อความเดิมๆ ซ้ำๆ กัน แต่
           ที่เว็บศิลปวัฒนธรรม - หาคำนี้ ไม่มี, วันก่อนฟบ. หนุ่มรัตนะก็ลงว่า ไม่ผ่านตาคำนี้ในเอกสารโบราณ
           ฟบ.โบราณนานมา ระบุว่า จากการตรวจสอบกฎมณเฑียรบาลสมัยอยุทธยาที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งถูกเรียบเรียงไว้ในประมวลกฎหมายตราสามดวง ไม่มีการบันทึกเรื่องท่า “พับเป็ด” นี้ไว้แต่อย่างใด   และ
จากการศึกษายังไม่พบบันทึกเกี่ยวกับท่า “พับเป็ด” ในหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่มีอายุเก่าแก่ถึงสมัยอยุทธยา
           ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องท่า “พับเป็ด” ที่เผยแพร่กันทั่วไป อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน คืองานเขียนของ เผ่าทอง ทองเจือ
ที่อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้านายผู้ใหญ่ในสมัยรัตนโกสินทร์ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา และพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล  กับงานเขียนของ พิทยา บุนนาค
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 06 พ.ย. 24, 12:35

ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องท่า “พับเป็ด” ที่เผยแพร่กันทั่วไป อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน คืองานเขียนของ เผ่าทอง ทองเจือ ที่อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้านายผู้ใหญ่ในสมัยรัตนโกสินทร์ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา และพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล กับงานเขียนของ พิทยา บุนนาค

คุณศรีสรรเพชญ์อธิบายเพิ่มเติมไว้ใน วิพากษ์ประวัติศาสตร์ ว่า

สรุปใจความงานเขียนทั้งสองรวมกันได้ว่า เป็นท่าสำหรับใช้ถวายตัวโดยเก็บเท้าที่เป็นของต่ำไม่ให้สัมผัสหรือชี้ไปที่พระเจ้าแผ่นดิน โดยระบุว่าเป็น "ท่าแรกและท่าบังคับตามจารีตประเพณี" แต่ก็ไม่ได้ระบุว่ามีท่านี้ในกฎมณเฑียรบาลตั้งแต่สมัยอยุทธยา

เป็นไปได้ที่ราชสำนักสมัยรัตนโกสินทร์จะมีการสืบต่อจารีตประเพณีการถวายตัวมาจากสมัยอยุทธยา แต่อย่างที่กล่าวคือยังไม่พบหลักฐานบันทึกชัดเจนว่าราชสำนักอยุทธยาจะมีการใช้ท่า "พับเป็ด" เวลาถวายตัวจริงหรือไม่

สิ่งที่ชัดเจนคือไม่ปรากฏเรื่องท่า "พับเป็ด" ในกฎมณเฑียรบาลที่ค้นพบในปัจจุบัน

ภาพจากละครเรื่อง "แม่หยัว"


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 06 พ.ย. 24, 15:54

 มติชนลงไว้เต็มปากเต็มคำว่ามาจากกฎมณเฑียรบาลสมัยอยุธยา



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 06 พ.ย. 24, 15:54

ไม่ทราบว่านางในที่เข้าถวายตัวต้องอยู่ในท่าพับเป็ดนานเท่าใด     ตอนแรกเดินหรือคลานเข้ามาในห้องบรรทมตามปกติ    แล้วค่อยๆลงมือทำท่าพับเป็ด  หรือว่าหามกันเข้ามาตั้งแต่แรก 
แต่จะอย่างไหนก็ตาม  ก็น่าจะต้องซ้อมท่านี้อยู่ก่อนหน้าจนคล่อง จึงจะทำได้   ถ้าไม่เคยทำมาก่อน  คงยากเอาการ  ขาแข้งคงจะเด้งไม่ยอมลงไปนอนราบ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 07 พ.ย. 24, 17:35



นาที ๑.๒๖ หลักฐานชิ้นเด็ด หนังสือที่วามินผูกไว้ที่ขาเหยี่ยวสื่อสารส่งถึงท้าวศรีสุดาจันทร์ เขียนว่าอะไรหนอ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 09:35

ข้อความในหนังสือลับฉบับนี้ เขียนด้วยอักษรขอมไทย ในเรื่องคงให้เข้าใจว่าเป็นอักษรที่ใช้กันอยู่ที่เมืองลพบุรี

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอักษรขอมไทย บอกว่าไม่ถูกต้อง สะกดตัวเต็มพร้อมเชิงเกือบทุกตัว แบบคนไม่เข้าใจอักขรวิธี ปริวรรตตามภาพที่เขียนแบบผิด ๆ ได้ว่า

"พฺี่พจฺํกัเตียฺยมการวอไว้
อีกไม่นานเวาบองฺงจฺจักได
กาลฺลับฺบมาครองฺงคู่"

ทดลองเขียนใหม่ให้ถูกอักขรวิธีขอมไทยสมัยอยุทธยาตอนต้น ดังภาพ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 09:35

แปลขอมไทยเป็นไทย ได้ว่า

"พี่จัดเตรียมการรอไว้
อีกมิได้นานเรา(รา)สองจักได้
กลับมาครองคู่"

ป.ล. ช่วงอยุทธยาตอนต้น คำว่า "ไม่" คงใช้รูปดั้งเดิมคือ "มิได้"

เรา แก้ เป็น รา สรรพนาม ทวิพจน์ (๒ คน) บุรุษที่ ๑
ถ้า เรา คือ ๓ คนขึ้นไป ในไทยเดิม

ยุคสมัยพระไชยราชาธิราช เริ่มมี รูปวรรณยุกต์โท ๒ รูป คือ อ๋ รูปกากบาทเดิมแต่พ่อฃุนรามและรูปไม้ขอหวัด อ้ (คือ การเขียน สองเส้น ให้ตวัดเป็น cross-loop-angle) แต่ขอเลือกใช้รูปเก่ากว่า

จาก พันศาสตร์ภาษา เขียนโดย ลินพันสือ & แดนฟ้าฟื้น (๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 09:45

 ยิ้ม


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 09:02

แม่หยัวที่ผมรอคอย  พี่น้องเขารักกันแบบนี้นี่เอง ยิ้มกว้างๆ





บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 09:13

LGBTQ กำลังอินเทรนด์ค่ะ   
ขาดแต่วาย   พราหมณ์วานนยังไม่ได้ไปรักกับทหารฝ่ายอโยธยาคนไหน ไม่งั้นครบแล้ว


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 09:35

ฉาก แม่จินดา กับ แม่น้อย (ตันหยง) เรียกว่า "เล่นเพื่อน"  



ฉาย "วาย" ก็พอมี อยู่ตอนท้ายของ "แม่หยัว" ตอนที่ ๕ เรียกว่า "เล่นสวาท"

นาทีที่ ๕๕.๔๕ - ๕๗.๒๐



ผู้ดูแลหอพระข้างหน้าและข้างใน ลักลอบ "เล่นสวาท" กันในห้องอาบน้ำ เปิดโอกาสให้วามนใช้เป็นข้อต่อรองขอเข้าไปทำงานในวังต่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 14:35

แม่หยัว ตอนที่ ๔



ชื่อละครว่า "แม่หยัว" แต่ไม่ฉากการแต่งตั้งแม่หยัว กลับแต่งตั้งเป็นพระอัครมเหสีเลย

กฎมณเฑียรบาล กล่าวถึงตำแหน่งของพระมเหสีเทวีไว้โดยแบ่งเป็นลำดับชั้นดังนี้

พระอัครมเหสี
แม่อยั่วเมือง
พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง
พระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง

คุณศรีสรรเพชญ์เขียนไว้ใน วิพากษ์ประวัติศาสตร์ ว่า

"แม่หยัว" เป็นคนละตำแหน่งกับ "พระอัครมเหสี"

ไม่ปรากฏหลักเกณฑ์การตั้งยศพระมเหสีเทวีในสมัยอยุทธยามาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ชัดเจน ไม่ปรากฏข้อบังคับว่าหากพระสนมองค์ใดประสูติพระโอรสก่อนแล้วจะถูกยกขึ้นเป็นพระอัครมเหสี การสถาปนาพระมเหสีเทวีส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกษัตริย์เป็นหลัก หลายรัชกาลก็ไม่มีการตั้งพระอัครมเหสี

ในภาพยนตร์สุริโยไท (๒๕๔๔) แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ในรัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราชมีศักดิ์เป็น "แม่หยัว" อยู่ก่อน จนสมเด็จพระไชยราชาใกล้สวรรคตจึงให้สถาปนาเลื่อนเป็นที่พระอัครมเหสี และเข้าใจว่าได้เป็นพระอัครมเหสีในรัชกาลขุนวรวงศาธิราชด้วย เพราะมีฉากขุนวรวงศาธิราชสวมมงกุฎที่เป็นเครื่องยศของพระอัครมเหสีให้ในพิธีราชาภิเษก

ฤๅในละคร เอาตำแหน่งแม่หยัวกับพระอัครมเหสี มารวมเป็นตำแหน่งเดียวกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 15:34


ฉาย "วาย" ก็พอมี อยู่ตอนท้ายของ "แม่หยัว" ตอนที่ ๕ เรียกว่า "เล่นสวาท"

ผู้ดูแลหอพระข้างหน้าและข้างใน ลักลอบ "เล่นสวาท" กันในห้องอาบน้ำ เปิดโอกาสให้วามนใช้เป็นข้อต่อรองขอเข้าไปทำงานในวังต่อ
งั้นครบแล้ว  ยิงฟันยิ้ม 
แม้เป็นเรื่องย้อนไปสมัยอยุธยา แต่ทันสมัยมากในความเป็น woke
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8425


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 15:48

แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ : ‘แม่หยัวเมือง’ ผู้ก้าวมาจากพระสนมเอก 4 ท้าว

ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ

https://www.matichonweekly.com/column/article_810911

          “แม่หยัวเมือง” โดยชื่อตำแหน่งนี้เป็นคำที่กร่อนมาจาก “แม่อยู่หัวเมือง” หรือที่บางท่านเช่น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ทรงระบุว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “แม่อยู่เมือง” (เสียงสระอู เพี้ยนเป็นเสียงสระอัวได้ เช่น ผู้-ผัว) ซึ่งก็คือ หญิงผู้มีอำนาจ “อยู่หัว” ของ “เมือง”
ในทำนองเดียวกันกับคำว่า “พระเจ้าอยู่หัว” เพราะเป็นพระราชมารดาของยุวกษัตริย์ผู้สืบทอดราชบัลลังก์จากพระไชยราชา คือ “พระยอดฟ้า”

          กฎมณเทียรบาล ซึ่งตราขึ้นเมื่อ พ.ศ.1903 ในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือที่มักจะเรียกกันว่า พระเจ้าอู่ทอง
โดยมีข้อความระบุเอาไว้ว่า  “(พระราชกุมาร) อันเกิดด้วยแม่หยัวเมือง เปนพระมหาอุปราช”
          (บางทีในกฎมณเทียรบาลจะเรียกตำแหน่งนี้ว่า แม่หยัวเจ้าเมือง)

           ดูตามลำดับศักดิ์ของพระชายาที่ระบุอยู่ในกฎมณเทียรบาลแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นตำแหน่งของพระชายาที่เป็นรองเพียงแค่
พระอัครมเหสี และพระอัครชายาเท่านั้น โดยเป็นใหญ่กว่าพระสนมทั้งหมด

           ชื่อ “ศรีสุดาจันทร์” นี้ไม่ใช่ชื่อตัว แต่เป็นชื่อตำแหน่งของพระสนมสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา

           ตําแหน่งท้าวศรีสุดาจันทร์นี้ มีระบุอยู่ใน “พระไอยการนาพลเรือน” ซึ่งตราขึ้นเมื่อ พ.ศ.1998 อันเป็นช่วงที่ห่างจากยุค
แม่หยัวท้าวศรีสุดาจันทร์มีชีวิตอยู่ไม่ถึง 100 ปีดีนัก โดยปรากฏร่วมอยู่กับตำแหน่งพระสนมอื่นๆ อีก 3 ตำแหน่งศักดิ์ศรีเสมอกัน ดังข้อความที่ว่า
          “ท้าววรจันที่สมเด็จพระพี่เลี้ยง นา 1000 แม่เจ้า แม่นาง แลนางท้าวพระสนมเอกทั้ง 4 คือ อินทรสุเรนทร 1 ศรีสุดาจัน 1 อินทรเทวี 1
ศรีจุลาลักษ 1 นาคละ 1000”
          ข้อความข้างต้นระบุว่า “ท้าวศรีสุดาจันทร์” นั้น เป็นหนึ่งในพระสนมเอกทั้ง 4 ท้าว ซึ่งต่างก็มีมีศักดินา 1,000 เท่ากันกับกับ ท้าววรจัน
ที่สมเด็จพระพี่เลี้ยง ซึ่งมากกว่า “นางพระสนมสัตรีกำนัล” ทั้งหลาย ที่ในพระไอยการนาพลเรือนเล่มเดิม ระบุว่ามีศักดินา 800 โดยเขียนเป็น
ข้อความอยู่ต่อจากที่ระบุถึง พระสนมเอกทั้ง 4 ท้าว

           คุณดิเรก กุลสิริสวัสดิ์ อธิบายถึงที่มา และความหมายของ “สนม” ไว้ในหนังสือที่มีชื่อว่า “ความสัมพันธ์ของมุสลิม ทางประวัติศาสตร์ และวรรณคดีไทย”

           “สนม จากศัพท์เปอร์เซีย ซัน -Zun- แปลว่า ผู้หญิง ซะนานะฮฺ -Zananah- แปลว่า อย่างผู้หญิง เทียบกับคำไทยก็ตรงกับ ‘ฝ่ายใน’
ที่เรียกในกฎมณเทียรบาลว่า ‘ประเทียบ’ ในทำเนียบศักดินาสมัยพระบรมไตรโลกนาถมีกรมหนึ่งเรียกว่า ‘กรมสนมพลเรือน’ อยู่ในพวกราชสำนัก
(กระทรวงวัง) มีตำแหน่งสมุห์บัญชีเป็นที่ ‘หมื่นฉะนานัน’ ถือศักดินา 600 คำ ‘ฉะนานัน’ น่าจะเป็นคำเดียวกับ ซะนานะฮฺ’ คำเปอร์เซีย”
            หมายความว่า ทั้งท้าววรจันที่สมเด็จพระพี่เลี้ยง และพระสนมเอกทั้ง 4 ท้าว จึงควรจะเป็นหัวหน้าของพระสนมทั้งหลาย ที่มีศักดินาต่ำกว่า

            จากข้อความในพระไอยการนาพลเรือน จะเห็นได้ว่า ตำแหน่ง “ท้าวศรีสุดาจันทร์” นี้ควรจะมีฐานันดรศักดิ์ต่ำกว่าตำแหน่ง “แม่หยัว”
ซึ่งในกฎมณเทียรบาลให้ความสำคัญมากกว่าบรรดาพระสนมทั้งหลาย โดยเป็นรองเพียงแค่พระอัครมเหสี และพระอัครชายา เท่านั้น

            ดังนั้น ท้าวศรีสุดาจันทร์ในสมัยพระไชยราชาธิราชนั้น จึงควรจะดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในสนมเอกทั้ง 4 ท้าวมาก่อน จนเมื่อประสูติพระโอรส
คือ พระยอดฟ้า จึงได้พระราชทานตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น คือให้เป็น “แม่หยัวเมือง” ตามที่ในกฎมณเทียรบาลระบุไว้ว่า คือตำแหน่งมารดาของพระมหาอุปราช

            ตามปรัมปราคติในศาสนาพุทธแบบเถรวาทนั้น มีความเชื่อว่า “พระอินทร์” ราชเหนือทวยเทพมีพระชายาอยู่ 4 องค์
            คติเรื่องพระอินทร์มีชายา 4 องค์ ดูจะไม่เป็นที่แพร่หลายนักในอินเดีย หรือในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่กลับเป็นที่นิยมในกรุงศรีอยุธยา
และกรุงรัตนโกสินทร์เป็นพิเศษ
            ดังนั้น จึงชวนให้คิดไปได้เช่นกันว่า ความนิยมเรื่องพระอินทร์มีชายา 4 องค์ในสยามนั้น เป็นผลสะท้อนมาจากธรรมเนียมในการอภิเษกชายา
หรือพระสนม 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับการบรมราชาภิเษก หรือความเป็นจักรพรรดิราช (คือการเป็นราชาเหนือหมู่เทพทั้งหลาย เหมือนกับพระอินทร์)
            ตำแหน่งพระสนมเอก 4 ท้าว จึงมีบทบาทสำคัญอย่างน้อยก็ในแง่ของอุดมคติ และความเชื่อ ซึ่งจะมีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่งในเชิงพิธีกรรมต่างๆ
ดังนั้น ถึงแม้ว่าตำแหน่ง “ท้าวศรีสุดาจันทร์” จะเป็นตำแหน่งที่เล็กกว่า “แม่หยัวเมือง” แต่ก็เป็นตำแหน่งสำคัญตามพิธีการความเชื่อของกรุงศรีอยุธยา
โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเสียกรุง ครั้งที่ 1 (มีต่อ)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 17 คำสั่ง