ประวัติท้าวศรีสุดาจันทร์ มีอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง เป็นของ ก.ศ.ร. กุหลาบ คุณเทาชมพูเคยเล่าไว้ในเรือนไทย
ประวัติเรื่องหนึ่งที่สีสันน่าสนุกก็คือเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ อ้างว่าได้จากแผ่นหินที่หม่อมไกรสร (กรมหมื่นรักษ์รณเรศ) ได้มาจากกรุงเก่า แต่เมื่อหม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษในรัชกาลที่ ๓ แผ่นหินนี้ก็ถูกถ่วงน้ำไป( ทำไมก็ไม่ทราบ) เลยไม่มีหลักฐานเหลือให้เห็น นอกจากในคำบอกเล่าของ ก.ศ.ร.กุหลาบ
นายกุหลาบเล่าว่า แผ่นหินนั้นจารึกประวัติของท้าวศรีสุดาจันทร์ว่าเดิมชื่อ บัวผัน เป็นลูกสาวชาวบ้านยากจน แต่เวลาเกิด มีแผ่นดินไหว ไฟไหม้หมู่บ้านหมด ๕๐ หลังคาเรือน พออายุ ๑ เดือนโกนผมไฟ ฟ้าผ่าถูกต้นไม้ใหญ่ล้มบ้านเรือนพัง อายุ ๓ เดือน มีผึ้ง แมลงต่าง ๆ มาตอมเสมอ เพราะเกิดมาผิดคน มีกลิ่นตัวหอมหวานเหมือนดอกชำมะนาด รูปร่างหน้าตาก็สวยมาก บรรยายไว้เหมือนนางเอกในวรรณคดี
เจ้าเมืองรู้เรื่องเข้าเห็นประหลาดจึงทำเรื่องเล่าถวายเข้าไปในวัง พระอัครมเหสีก็นำตัวไปเลี้ยงไว้ จนอายุ ๑๒ วิ่งแก้ผ้าเล่นน้ำฝนพระไชยราชาธิราชเห็นเข้าจึงนำไปเลี้ยงเป็นนางพนักงาน แล้วได้เป็นเจ้าจอมเมื่ออายุ ๑๕-๑๖ นางไม่เหมือนคนธรรมดา เวลามีประจำเดือน ตากผ้าไว้ จะมีแมลงผึ้งมาตอมเพราะกลิ่นโลหิตนางหอมเหมือนเกสรดอกไม้
ส่วนขุนชินราช ในเรื่องนี้บอกว่าเป็นนักเทศน์ ร้องกล่อมถวายพระไชยราชาถึงพระแท่นที่บรรทม จึงมีโอกาสพบท้าวศรีสุดาจันทร์ผู้เป็นอัครมเหสีฝ่ายซ้าย พอพระไชยราชาบรรทมหลับไป ขุนชินราชก็เลยถือโอกาสเข้าไปในห้องของนาง แล้วได้เป็นชู้กัน
เรื่องราวของท้าวศรีสุดาจันทร์ บรรยายไว้ยาวมากหลายหน้ากระดาษ ถ้านำมาจากแผ่นหินจริงคิดว่าแผ่นหินนั้นคงใหญ่มากทีเดียว สำนวนเล่าก็เป็นสมัยรัชกาลที่ ๕ หรือ ๖ นี่เองค่ะ
จากกระทู้
ก.ส.ร.กุหลาบ ในเวอร์ชั่นนี้ มีการบรรยายถึงลักษณะเรือนกายของนางอย่างละเอียด
นาทีที่ ๑๑.๒๕ - ๑๘.๑๐
บัวผัน มีนามพระราชทานว่า "นางศรีจันทร์"
บัวผันรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทจนวัยล่วงเข้า ๑๔-๑๕ สมเด็จพระไชยราชาจึงยกขึ้นเป็นเจ้าจอม อยู่งานพระสนมเอก พระราชทานชื่อใหม่ว่า "นางศรีจันทร์" เพราะผิวเนื้อของนางละเอียดนวลเป็นสีเหลืองเหมือนสีผลจันทร์สุก ทั้งกลิ่นกายก็ยังหอมรัญจวนพระราชหฤทัย จึงโปรดปรานนางศรีจันทร์ยิ่งกว่าพระสนมองค์อื่น ๆ
เวอร์ชั่นนี้ ถ้าพูดอย่างเป็นทางการต้องว่า "เป็นการปลอมแปลงประวัติศาสตร์" แต่ถ้าอย่างชาวบ้านต้องว่า "เป็นนิยายประโลมโลกเรื่องหนึ่ง"