เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 13257 พระยาวิทุรธรรมพิเนตุ (โต๊ะ อัมระนันทน์)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 14:22

ท่านเป็น อดีตอธิบดีกรมกฤษฎีกา และองคมนตรีสมัยรัชกาลที่ 7 ต่อมาเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ด้านการศึกษา เป็นมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา

ตั้งกระทู้เช็คจำนวนนักเรียนไว้ก่อนค่ะ



บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 538


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 18:53

เข้ามาแล้วครับ
สวัสดีครับอาจารย์เทาชมพู
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 20:04

เข้ามาแล้วครับ
สวัสดีครับอาจารย์เทาชมพู


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 20:38

มาครับ
บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 527


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 15 มิ.ย. 24, 09:44

มารายงานตัวครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 15 มิ.ย. 24, 15:57

มาครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 15 มิ.ย. 24, 16:04

มารายงานตัวครับ
อ้าว มีติวเตอร์มือดีมาช่วยเฉลยข้อสอบเสียแล้ว
ที่ตั้งกระทู้นี้เพราะอ่านประวัติพระยาวิทุรธรรมพิเนตุ  แล้วนึกทึ่งสติปัญญาของท่านค่ะ  ท่านเกิดในจังหวัดเล็กๆห่างไกลเมืองหลวง   ในยุคที่การศึกษาก็ยังไม่แพร่หลายนัก   อุปกรณ์การเรียนก็ไม่พรั่งพร้อมเหมือนสมัยนี้
เพราะฉะนั้นก็ต้องยกให้ว่าปัญญาของท่านเป็นยอด  ความจำแม่นยำเป็นเลิศ   จึงสามารถไปเรียนแข่งกับฝรั่ง ในมหาวิทยาลัยไอวี่ลีคของอเมริกา  จนได้ปริญญาถึง 2 สาขา  เจ้าของภาษาเองยังทำไม่ได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 16 มิ.ย. 24, 09:45

    ดิฉันจะไม่เขียนถึงประวัติของท่านแบบเป็นทางการ  เหมือนบรรดาที่เขาลงในหนังสืออนุสรณ์กัน  แต่จะเล่าไปเรื่อยๆ แบบเล่าสู่กันฟังถึงบุคคลในอดีตที่น่านับถือยิ่งท่านหนึ่ง    กาลเวลาทำให้ชื่อเสียงท่านอาจถูกลืมเลือนไปจากประชาชนรุ่นหลัง  จึงอยากบันทึกไว้ให้จดจำกันได้อีกครั้ง
     เจ้าคุณเป็นชาวอุทัยธานี   บิดาท่านชื่อหลวงศรีทิพบาล  เคยรับราชการในตำแหน่งแพ่ง  ( คำนี้ในประวัติไม่ได้ระบุว่าหมายถึงหน้าที่อะไร  แต่พอแกะรอยได้ว่าทำงานด้านศาล   เกี่ยวกับกฎหมายแพ่ง)  ดูจากประวัติของเจ้าคุณวิทุรฯแล้วก็คิดว่า ปัญญาของท่านน่าจะเป็นพรสวรรค์เฉพาะตัว  บิดาก็คงดูออกว่าลูกชายเฉลียวฉลาดเกินวัย    จึงไว้ใจให้ไปติดต่องานในศาลตั้งแต่เล็ก   
    งานที่ว่านี้ในประวัติก็ไม่ได้บอกว่าอะไรอีก   อาจจะเป็นการไปส่งไปรับเอกสาร หรือส่งจดหมายติดต่อให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็เป็นได้  แต่การที่พ่อส่งลูกชายตัวเล็กๆไปทำหน้าที่นี้ ก็แสดงว่าไว้ใจว่าลูกมีความรับผิดชอบสูง  และเป็นเด็กที่กล้า ไม่กลัวคนแปลกหน้า   คงจะพูดจาบอกกล่าวได้เรื่องได้ราว
    จนอายุ 8 ขวบถึงเข้าโรงเรียน ตามเกณฑ์  ได้เรียนชั้นประถมที่วัดอุโปสถราม ในตัวจังหวัดอุทัยธานี จนจบชั้นประถม ชีวิตท่านก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 17 มิ.ย. 24, 08:53

  ประวัติระบุว่าคุณหลวงศรีทิพบาลผู้บิดาหลังจากไปร่วมกองทัพเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ปราบกบฏเงี้ยวที่เมืองแพร่เสร็จ ในพ.ศ. 2445   พอกลับมาบ้านท่านก็ลาออกจากราชการมาค้าขายและทำไร่ทำนาที่อุทัยธานี  ตอนนั้นเจ้าคุณวิทุรฯ อายุ 9 ขวบ 
   เมื่อเรียนจบชั้นประถมแล้ว   คุณหลวงก็ไม่ได้ให้ลูกชายค้าขายหรือเป็นเจ้าของไร่นาสืบต่อจากพ่อ   แต่ว่าส่งตัวมาเรียนหนังสือต่อที่กรุงเทพ   แสดงว่าท่านคงเล็งเห็นว่าสติปัญญาของลูกชายไปได้ดีเกินกว่าจะเก็บตัวเอาไว้บ้าน
   เจ้าคุณมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลวงอภิบาลประเพณีที่บ้านหม้อ   ท่านผู้นี้คงจะเป็นเพื่อนฝูงที่สนิทกันของหลวงศรีทิพบาล  จึงรับอุปการะเจ้าคุณเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง   ส่งเข้าเรียนที่โรงเรียนราชบูรณะ (ปัจจุบันคือโรงเรียนสวนกุหลาบ)
   โรงเรียนราชบูรณะเปิดสโมสรอังกฤษในเวลากลางคืน เพื่อสอนภาษาอังกฤษ  ดูลักษณะแล้วน่าจะสอนแก่คนภายนอกทั่วไป ที่ตอนกลางวันเรียนหรือทำงานอยู่ แต่สนใจใคร่เรียนภาษาฝรั่ง ก็มาเรียนได้ในตอนกลางคืน   เจ้าคุณเรียนในชั้นเรียนตอนกลางวัน  กลางคืนก็มาเรียนต่อที่นี่   ถ้านึกว่าท่านเป็นเด็กอายุแค่ 10 กว่าขวบในตอนนั้นก็ต้องถือว่าเป็นเด็กรักเรียนมากเอาการ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 18 มิ.ย. 24, 09:52

 ท้้งที่พื้นฐานมาจากการศึกษาในต่างจังหวัด  แต่เจ้าคุณก็เรียนคู่กับนักเรียนเมืองหลวงได้อย่างสบาย  สามารถสอบเป็นที่ 1 ในชั้นได้เสมอ
  ผู้ใหญ่ที่เจ้าคุณอาศัยอยู่ด้วย  เป็นผู้โอบอ้อมอารี ดูแลท่านเหมือนบิดากับบุตร เจ้าคุณจึงเคารพรักมาก   เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว ท่านผู้ใหญ่อยากให้เรียนกฎหมาย เจ้าคุณก็ทำตามความประสงค์  เข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมาย ใช้เวลาเพียง  1 ปี 8 เดือนก็สอบได้เนติบัณฑิตไทย เมื่ออายุเพียง 18 ปีเท่านั้นเอง นับว่าท่านมีปัญญาและความจำดีเลิศ
  ขอย้อนไปก่อนหน้าเจ้าคุณเกิด  หลวงศรีทิพบาลผู้บิดาเคยเข้าเฝ้าแสดงความจงรักภักดีคล้ายกับเป็นข้าในวังของเจ้านาย 2 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์   เมื่อบุตรชายสอบได้เนติบัณฑิตไทยซึ่งถือว่าเป็นของโก้มากในสมัยนั้น    ท่านก็พาเจ้าคุณไปฝากตัวถวายกับสมเด็จกรมพระสวัสดิฯ   เจ้าคุณก็เป็นที่โปรดปรานของเจ้านายในวังนี้ทุกพระองค์     ท่านจึงมีความกตัญญูต่อเจ้านายทุกพระองค์ และสั่งสอนบุตรหลานให้ยึดมั่นในความกตัญญูเสมอ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 19 มิ.ย. 24, 10:26

    การนำลูกหลานไปฝากตัวกับเจ้านายองค์ใดองค์หนึ่ง เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา  เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย    ถ้าเรียกว่าเป็น connection อย่างสมัยนี้เรียกกัน  ก็ถือว่าเป็นคอนเนคชั่นในทางดี   คือผู้ใหญ่ก็จะได้คอยดูแลให้ผู้น้อยได้ประพฤติปฏิบัติตัวถูกต้องดีงามในหน้าที่การงาน  ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง    ส่วนผู้น้อยก็จะได้ยำเกรง ระวังความประพฤติและการปฏิบัติงานไม่ให้บกพร่อง  ไม่งั้นเสียถึงผู้ใหญ่ หรือท่านจะตำหนิเอาได้
  ตัวอย่างความสัมพันธ์แบบนี้เห็นได้จากในประวัติเจ้าพระยามหิธร    เมื่อท่านยังเป็นขุนนางหนุ่ม เกิดคดีพญาระกาจนกรมหลวงราชบุรีฯปุบปับลาออกจากราชการ เป็นเหตุให้ขุนนางนักกฎหมายลาออกตามไปด้วย รวมทั้งเจ้าพระยามหิธร    พอความทราบถึงกรมขุนศิริธัชสังการ ที่ทรงมี 'connection' อยู่อย่างดีในฐานะผู้ใหญ่กับผู้น้อย    ท่านก็เสด็จมาที่บ้านเจ้าพระยามหิธร  บังคับให้เขียนจดหมายกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าอยู่หัวทันที     เพราะกรมขุนศิริธัชดูออกว่า กรมหลวงราชบุรีและขุนนางทำอย่างนี้ต้องถูกกริ้วมากแน่นอน   เจ้าพระยามหิธรก็เลยรอดตัวไปได้
  ใครสนใจตามไปอ่านในกระทู้ เจ้าพระยามหิธร ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 19 มิ.ย. 24, 10:44

  กลับมาที่พระยาวิทุร
  ดูจากตำแหน่งการงานของท่านแล้วก็น่าอัศจรรย์ใจ    เพราะเมื่ออายุ 19 ปี  ถ้าเป็นปัจจุบันหนุ่มอายุเท่านี้ยังเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 หรือ 2 อยู่   ท่านได้ตำแหน่งผู้พิพากษาที่ 6  ทำการพนักงานอัยการ แล้ว
   สมัยแรกเริ่มระบบศาลยุติธรรม ยังไม่ได้แยกอัยการออกจากศาล  ผู้จบเนติบัณฑิตไทย เมื่อได้บรรจุเป็นผู้พิพากษา อาจได้รับหน้าที่อัยการด้วย   ได้เงินเดือนขั้นต้น   240 บาท
  ในพ.ศ. 2455   ลูกจ้างรายได้เดือนละ 10 บาทก็พอกินไปทั้งเดือน   เคยอ่านพบว่าสมัยรัชกาลที่ 6 ทองคำราคาบาทละประมาณ 30 บาท   เงินเดือน 240 บาท ซื้อทองได้ 8 บาท  ปัจจุบันทองราคาบาทละเฉียดๆ 42,000 บาท
   เท่ากับท่านได้เงินเดือนขั้นต้น 336,000 บาท
  ปีต่อมา ท่านได้เป็นผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม
ิิ   อายุ 21 ปี คือ 2 ปีนับแต่เข้ารับราชการ ได้รับพระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์เอก
   อายุ 22 ปี ได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงนาถบัญชา
   อายุ 24 ปี หลวงนาถบัญชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ไปเรียนวิชากฎหมาย ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 20 มิ.ย. 24, 10:48

    ในยุคที่สยามเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตกด้วยการส่งนักเรียนไทยไปเรียนในประเทศตะวันตก    วิชากฎหมายเป็นวิชาหนึ่งที่จะช่วยให้คนไทยมีความรู้เท่าทันฝรั่งได้    ในเมื่อความเจริญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 อยู่ที่ยุโรป  ศูนย์กลางการเรียนกฎหมายจึงอยู่ในประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ และฝรั่งเศส   นักเรียนไทยก็ไปเรียนกันในยุโรปเป็นส่วนใหญ่
    แต่สยามเองก็คำนึงถึงประเทศใหญ่อย่างอเมริกาด้วย 
    ดังนั้น  นักเรียนไทยจึงถูกส่งไปเรียนกฎหมายยังสหรัฐอเมริกา   นักเรียนกฎหมายคนแรกที่ไปคือหลวงนาถบัญชา  ออกเดินทางไปเมื่ออายุ 24 ปี   พร้อมกับนักเรียนไทยอื่นๆอีก 18 คน ไปเรียนทางสาขาต่างๆ   หนึ่งในจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางไปพร้อมกัน คือนางสาวสังวาลย์ ตะละภัฏ  ไปศึกษาวิชาพยาบาลต่อที่ โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา   
   ต่อมาท่านก็คือสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8425


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 20 มิ.ย. 24, 12:19


          หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ เล่าความตอนเป็นหนึ่งในนักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่อเมริกาพร้อมกับหลวงนารถบัญชาว่า


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 21 มิ.ย. 24, 12:47

      ในขณะนั้น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ   ทรงดำเนินชีวิตเรียบง่าย  เช่าอะพาร์ตเมนต์ พร้อมกับมหาดเล็กเพียง  1 คน ใช้พระนามว่า มิสเตอร์มหิดล สงขลา เมื่อมีนักเรีียนไทยเดินทางไปถึง ก็ทรงต้อนรับอย่างโอบอ้อมอารี เป็นที่ประทับใจของทุกคน    หลวงนาถบัญชาก็เป็นคนหนึ่งในข่ายพระกรุณา นำความซาบซึ้งใจมาให้อย่างยิ่ง   และสำนึกในพระกรุณาต่อมาจนตลอดชีวิต
      หลวงนาถบัญชาได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ค    สมัยนั้น นักเรียนไทยที่เรียนภาษาฝรั่ง มีตัวช่วยในห้องสมุดเพียงพจนานุกรม และสารานุกรม ซึ่งก็เป็นภาษาฝรั่ง       เพราะฉะนั้นเราคงเดาได้ว่าหลวงนาถบัญชาต้องเรียนตำรับตำรากฎหมายด้วยความอุตสาหะวิริยะมากเพียงใด เพื่อท่องจำตัวบทกฎหมายยากๆ และเป็นภาษาอังกฤษล้วน ให้ได้ความรู้เท่ากับเพื่อนร่วมชั้น
    ท่านใช้เวลา 6 ปี เรียนจนได้ปริญญามาถึง 4 ปริญญา คือ B.A. (Bachelor of Arts  อักษรศาสตรบัณฑิต) LL.B. (Bachelor of Laws  นิติศาสตรบัณฑิต) M.A. (Master of Arts อักษรศาสตรมหาบัณฑิต) และ LL.M.( Master of Laws  นิติศาสตรมหาบัณฑิต ) ซึ่งเป็นปริญญากฎหมายสูงสุดของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในยุคนั้น
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 17 คำสั่ง