เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
อ่าน: 13252 พระยาวิทุรธรรมพิเนตุ (โต๊ะ อัมระนันทน์)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 22 มิ.ย. 24, 09:09

   คุณหลวงเป็นคนไทยคนแรกที่จบกฎหมายสูงสุดจากอเมริกา   
  แต่ทั้งๆเรียนหนักจนได้มาถึง 4 ปริญญา ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณหลวงนาถบัญชาเอาแต่คร่ำเคร่งกับตำรา เสียจนไม่สนใจกิจกรรมอื่น  ตรงกันข้าม ท่านยังแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอีกหลายอย่าง  หนึ่งในนั้นคือเป็นกรรมการหาทุนตั้งสโมสรนักเรียนนานาชาติขึ้นในนิวยอร์คเป็นแห่งแรก 
    คณะกรรมการได้ทาบทามให้มหาเศรษฐีอเมริกันชื่อ John D. Rockefeller เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จนมอบทุนให้มาตั้งสโมสรได้สำเร็จ  เรียกว่า International House  ซึ่งยังมีมาถึงจนปัจจุบัน   มีสาขาในเมืองใหญ่ๆหลายแห่ง ทั้งในและนอกประเทศ
   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 24 มิ.ย. 24, 12:43

  เมื่อสำเร็จการศึกษาในสหรัฐอเมริกาแล้ว   กระทรวงยุติธรรมอนุญาตให้คุณหลวงนาถบัญชาไปดูงานด้านศาล และศึกษากฎหมายเพิ่มเติมในประเทศต่างๆในยุโรปอีก 4 เดือนก่อนกลับสยาม  ท่านได้เข้าร่วมประชุมกฎหมายระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ที่ Academie de Droite Internationale เป็นเวลา 21 วันตามคำสั่งของสถานทูตสยาม ณ กรุงลอนดอน  ก่อนเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน
   ท่านกลับมาถึงบ้านเมื่อพ.ศ. 2466  งานในหน้าที่งานแรกคือเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา  ในกระทรวงยุติธรรม
     ปีต่อมา ได้เป็นผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ
    ต่อมา ท่านย้ายจากกระทรวงยุติธรรมไปสังกัดหน่วยราชการในพระบรมมหาราชวัง   ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้ากรมกองฎีกา  กรมราชเลขาธิการ  เมื่อ พ.ศ. 2468  สองปีหลังจากกลับจากอเมริกา 
    ท่านก้าวหน้าในราชการอย่างมาก    ปีต่อมาเป็นผู้ช่วยราชเลขาธิการ  แผนกกฤษฎีกา และเมื่อพ.ศ. 2473  อายุได้ 37 ปี  ก็ได้เป็นอธิบดีกรมกฤษฎีกา และองคมนตรีในรัชกาลที่ 7
    ด้วยเหตุนี้ ยศพลเรือนที่ท่านได้รับจึงเป็น 'เสวก' ไม่ใช่ 'อำมาตย์' อย่างขุนนางพลเรือนของกระทรวงต่างๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 02 ก.ค. 24, 16:07

 นอกจากปฏิบัติงานในหน้าที่แล้ว   เจ้าคุณยังปลีกเวลามาสอนวิชากฎหมายให้นักเรียนที่โรงเรียนกฎหมายและโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งต่อมาคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่นานหลายปี  จนมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นเนติบัณฑิตและนักปกครองอยู่ทั่วประเทศ
  ท่านมีผลงานหนังสือสำคัญ  คือ "Extra-Territoriality in Siam"  และ "คำอธิบายลักษณะกฎหมาย ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้"ซึ่งเป็นตำราทางการทูตและกฎหมายต่อมาอีกหลายสิบปี     ด้วยผลงานดีเด่น ท่านจึงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา ในพ.ศ. 2467  เมื่ออายุเพียง 30 ปี
  ชีวิตราชการที่กำลังรุ่งโรจน์ ประสบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 04 ก.ค. 24, 11:09

   โดยทั่วไปแล้วข้าราชการที่จะก้าวขึ้นสู่ชั้นพระยา  มักจะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป   มีบ้าง ที่คนมีความสามารถโดดเด่นจริงๆ หรือทำงานในตำแหน่งที่ก้าวหน้าได้เร็วเป็นพิเศษจึงจะได้เป็นพระยาตั้งแต่ยังหนุ่ม      ชีวิตของเจ้าคุณอยู่ในข้อแรกและสองรวมกัน จึงได้บรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิทุรธรรมพิเนตุตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 ปี 
   จนเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475   ชีวิตราชการของท่านก็สิ้นสุดลง
   เจ้าคุณวิทุรฯเข้าสู่วงการเมืองหลังจากนั้นอีก 5 ปี คือลงเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 ในวันที่  7 พฤศจิกายน ปี 2480   การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน   คือให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้แทนโดยตรง
   ขอแถมเป็นความรู้ไว้ในที่นี้ว่า  การเลือกตั้งครั้งแรก เมื่อพ.ศ. 2476 เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ราษฎรยังไม่ได้เลือกผู้แทนโดยตรง    คือรัฐบาลกำหนดให้กรมการอำเภอดำเนินการให้ราษฎรเลือกตั้งผู้แทนตำบลขึ้นทั่วประเทศเป็นขั้นแรก  จากนั้นผู้แทนตำบลจึงจะไปเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกเป็นขั้นที่สอง  ส.ส.ที่ผู้แทนตำบลเลือกจึงจะได้เข้าไปนั่งในสภา
    ในสภาไม่ได้มีแต่ส.ส.พวกนี้ฝ่ายเดียว  แต่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่สอง ที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่รัฐบาลเลือกให้เข้ามานั่งในสภาอีก 78 คน  (ทำนองเดียวกับวุฒิสมาชิก) รวมทั้งสิ้นเป็น 156 คน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 04 ก.ค. 24, 11:15

   ต่อมา เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ให้ราษฎรเลือกผู้แทนโดยตรง    เจ้าคุณวิทุูรฯออกจากกรุงเทพฯ กลับไปลงเลือกตั้งที่บ้านเกิดของท่านที่จังหวัดอุทัยธานี   พอลงเลือกตั้งครั้งแรก  ท่านก็ได้เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี สมความตั้งใจ

    อายุสภาฯครั้งนั้นสั้น อยู่ได้ประมาณปีเดียว เพราะรัฐบาลแพ้มติในสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีพระยาพหลพลพยุหเสนา จะลาออก แต่ประธานคณะผู้สำเร็จราชการฯเห็นว่าสถานการณ์การเมืองโลกไม่มั่นคง ให้นายกฯเลือกทางยุบสภาแทนจึงได้มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 2487
   พระยาวิทูรฯยังสนุกกับงานการเมือง จึงลงเลือกตั้งอีกที่จังหวัดเดิม และท่านก็ชนะได้เป็นผู้แทนกลับเข้าสภาฯอีกครั้ง คราวนี้อยู่ได้นาน เพราะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้มีการขยายวาระให้ยาวขึ้นเนื่องจากมีสถานะสงคราม
    ขอหมายเหตุว่า  แม้ว่าเปลี่ยนแปลงการปกครองมาถึง 7 ปีแล้ว  สยามก็ยังไม่มีพรรคการเมืองอย่างในปัจจุบัน   มีแต่สภา 2 สภาเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า สภาเลือกตั้งกับสภาแต่งตั้ง  มีส.ส. 2 ประเภทคือส.ส.เลือกตั้ง กับส.ส. แต่งตั้ง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 05 ก.ค. 24, 10:22

    ที่บอกว่า "ยังไม่มีพรรคการเมืองอย่างในปัจจุบัน"  หมายความว่าไม่มีพรรคการเมืองเสียเลยก็ไม่ใช่  เพราะว่าคณะราษฎรหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สมาคมคณะราษฎร"  จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย     มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในลักษณะของพรรคการเมือง เพียงแต่ไม่ได้ใช้ชื่อว่า "พรรคคณะราษฎร"
    ด้วยเหตุนี้ จึงมีการก่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ "คณะชาติ"  ขึ้นในพ.ศ. 2475 โดยมีผู้ยื่นขอจดทะเบียนคือ พระยาโทณวณิกมนตรี (วิสุทธิ์ โทณวณิก) พระยาศราภัยพิพัฒ (เลื่อน ศราภัยวานิช) นายหลุย คีรีวัต และ หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) เนื่องจากเห็นว่าสภาที่มีพรรคเดียวคือคณะราษฎร ยังไม่ใช่ประชาธิปไตย
     แต่ "สมาคมคณะชาติ" ก็ไม่ได้เกิด   เพราะรัฐบาลพระยามโนปกรณนิติธาดา ปฏิเสธข้อเสนอตั้งพรรคการเมืองพรรคใหม่นี้ โดยอ้างว่าบ้านเมืองยังไม่มั่นคง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 06 ก.ค. 24, 10:04

      สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทยเจอหางเลขตั้งแต่พ.ศ. 2482 ถึง 2488 ทำให้สภาหยุดนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง   ผู้แทนทั้งหลายก็ยังดำรงตำแหน่งอยู่เช่นเดิม จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง   จึงมีการเปลี่ยนรัฐบาล  รัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ขึ้นมาแทนรัฐบาลจอมพลป.  นายควงได้ผ่อนคลายความตึงเครียดหลายอย่างทางการเมือง ตั้งแต่การปล่อยนักโทษการเมือง   เลิกระบบรัฐนิยม  ทำให้บรรยกาศทางการเมืองผ่อนคลายกว่าสมัยก่อน ผู้แทนฯจึงกล้าเสนอความคิดเห็นอย่างอิสระมากขึ้น
     ประเด็นเรื่องพรรคการเมืองที่เคยถูกค้าน  ก็ได้รับการเสนอขึ้นมาใหม่ คราวนี้พระยาวิทูรฯเป็นหัวหอกร่างพระราชบัญญัติตั้งพรรคการเมือง เข้าสภาฯในวันที่ 30 พฤศจิกายน ปี 2487 เรื่องนี้มีการอภิปรายกันมากถึง 3 วัน ท้ายที่สุดสภาฯก็มีมติไม่รับร่างกฎหมายฉบับนี้ของพระยาวิทูรฯด้วยคะแนน 54 ต่อ 22 เสียง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 07 ก.ค. 24, 10:07

     ถึงแม้ว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภาไม่รับร่างพ.ร.บ. นี้   แต่ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนฐานะส.ส.ของพระยาวิทุรฯ  ท่านก็ยังนั่งเก้าอี้ต่อมา แม้ว่านายกรัฐมนตรีเปลี่ยนไปแล้วถึง 3 สมัย  คือเมื่อนายควง อภัยวงศ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตอนกลางปี 2488 ก็ถึงสมัยนายทวี บุณยเกตุ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี   จากนั้นถึงสมัยนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จึงมีประกาศยุบสภา ท่านจึงพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯ
     เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อมาในวันที่ 6 มกราคม ปี 2489   ไม่มีชื่อพระยาวิทุรฯ ในสภาผู้แทนราษฎร   ยังหาข้อมูลไม่ได้ว่าท่านไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือลงแล้วไม่ได้    ในยุคต่อๆมาก็ไม่ได้มีชื่อท่านในฐานะ ส.ส.อีกเลย แม้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งอีกหลายครั้งก็ตาม
      แม้จะไม่ได้เข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรอีก   แต่วัตถุประสงค์ของพระยาวิทุรธรรมพิเนตุก็ได้บรรลุผลหลังจากการรอคอยอันยาวนานถึง 11 ปี ( ถ้านับจากเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ 23 ปี ) ท่านและประชาชนไทยจึงเห็นกฏหมายพรรคการเมือง ฉบับแรกเกิดขึ้นจนได้ในปี พศ.2498   หลังจากนั้นมีพรรคการเมืองจำนวนมากเกิดขึ้น จนถึงปัจจุบัน
     พระยาวิทูรฯได้มีชีวิตอยู่จนถึงแก่อนิจกรรมในปี พศ. 2514
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 09 ก.ค. 24, 15:01

     ชีวิตหลังจากอำลารัฐสภาแล้ว ไม่มีรายละเอียดให้ค้นมากนัก  ดิฉันพบแต่เพียงว่าพระยาวิทุรฯเปิดสำนักงานทนายความของท่านเอง   ประสบการณ์และความรู้ดีเลิศทางกฎหมายทั้งไทยและฝรั่งน่าจะช่วยให้ท่านดำเนินงานไปได้ดี   จึงมีชีิวิตอย่างคหบดี    มีลูกหลานที่รุ่งเรืองในชีวิตยากจะหาใครเทียบอีกหลายคนด้วยกัน
    เจ้าคุณสมรสกับคุณหญิงจรัส  ยอดมณี  เป็นธิดาเจ้าสัวจูกวงหลี ภรรยาชื่อคุณนายกวย  ( เคยเล่าถึงตระกูลจูกวงหลีมาแล้วในอีกกระทู้หนึ่ง) มีบุตรธิดาเท่าที่รวบรวมชื่อไว้ได้ในที่นี้ คือ
   นางทอสี  สวัสดิ์ชูโต"
   ท่านผู้หญิงปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา  อดีต กรรมการ ปปช
   ท่านผู้หญิงวนิดา วิทูรธรรมพิเนตุ  ภรรยา นายชัยยา พูนศิริวงศ์
   คุณหญิงนงนุช อูนากูล (ภรรยานายเสนาะ อูนากูล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
    นายปรก อัมระนันทน์ อดีตเอกอัครราชทูตฯหลายประเทศ  อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 10 ก.ค. 24, 13:55

  ต่อไปคือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับพระยาวิทุรธรรมพิเนตุ เท่าที่หาเจอ
  ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ หลานปู่ของพระยาวิทุรฯเล่าว่า
  " วังเทวะเวศม์ไม่ได้ถูกยึดกรมพระยาเทววงศ์ฯ ขายไปทีละส่วน และปู่ของ ดร.ปิยสวัสดิ์ (พระยาวิฑุรธรรมพิเนตุ) ไปซื้อมาก่อนสงครามโลกครั้ง ที่ 2 จากหม่อมเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง
    “สมัยสงครามโลก วังแถบนี้ไม่ได้โดนระเบิด เพราะระเบิดไปตกลงแถบสี่เสาเทเวศร์ สมัยก่อนมีหลุมหลบภัย ซึ่งปัจจุบันก็ยังเหลืออยู่ เอาดินกลบไว้เท่านั้น” เขาพาเดินไปบริเวณ ที่คาดว่าจะมีหลุมหลบภัย
     บ้านอีกหลัง ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปู่ของปิยสวัสดิ์ก็ซื้อในระยะถัดมา ต่อมาได้ขายให้กระทรวงสาธารณสุข และเมื่อกระทรวงย้ายออกไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ขายให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม
https://viratts.com/2009/09/16/thai-elite-model/
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 10 ก.ค. 24, 13:56

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 11 ก.ค. 24, 13:51

   บุตรธิดาของพระยาวิทุรฯ เล่าถึงการฝึกอบรมลูกๆว่า แทนที่จะให้ลูกๆสมัยอยู่ในวัยเรียนดูหนังสือตอนกลางคืนก่อนเข้านอน   ท่านเปลี่ยนเวลาให้ดูในตอนเช้า  เพราะท่านเห็นว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ควรอดหลับอดนอนดูหนังสือ แต่ควรพักผ่อนให้เต็มอิ่ม  ตื่นตีเช้ามืด เป็นเวลาเช้าที่สดช่ื่นและสงบเงียบ จะอ่านท่องหนังสือได้ผลที่สุด 
    ตารางเวลาจึงเป็นดังนี้
    5.30 น. ตื่นมาดูหนังสือ
    6.00 น.  เข้าแถวออกกำลังกาย
    6.30 น.  ไปรดน้ำต้นไม้
    เสร็จแล้วมาอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
    เจ้าคุณพ่อน่าจะถือธรรมเนียมแบบฝรั่งอยู่บ้าง  สมกับที่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศมาหลายปี  คือลูกทุกคนก่อนไปโรงเรียนต้องไปให้คุณพ่อจูบลงในเรือนต้นไม้   กลับจากโรงเรียนก็ต้องมาให้คุณพ่อจูบอีกครั้ง เพื่อดูว่าทุกคนกลับมาเรียบร้อยเป็นปกติหรือไม่
    กลับมาบ้านแล้ว  เมื่อถึงมื้อเย็น พ่อแม่ลูกรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน    เสร็จแล้วทุกคนต้องออกมาเดินเล่นในบริเวณบ้านเพื่อย่อยอาหาร และตรวจบ้านไปในตัวว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ รวมทั้งดูว่าประตูบ้านปิดเรียบร้อยหรือไม่
    หลังจากเดินเล่น  เจ้าคุณก็จะขึ้นนอนแต่หัวค่ำ  ใช้เวลาช่วงนั้นเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 13 ก.ค. 24, 10:28

  อ่านที่ลูกๆเขียนถึงพระยาวิทุรฯ แล้ว รู้สึกว่าเจ้าคุณเป็นพ่อที่น่ารักมาก   ภูมิหลังจากต่างประเทศทำให้ท่านทันสมัยมากในการดำเนินชีวิต แม้แต่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างชีวิตประจำวันในครอบครัว   ท่านก็วางระเบียบไว้ชัดเจนมาก  เช่นท่านตื่นแต่เช้ามืดเป็นกิจวัตร  เที่ยวปลุกลูกๆที่ยังนอนอยู่ให้ตื่น  ถ้าคนไหนเปิดไฟในห้องเพื่อหลอกว่าตื่นแล้วแต่กลับไปนอนอยู่  ท่านก็จะรู้เสมอ ตามไปปลุกอีกจนได้
   การออกกำลังกายตอนเช้าก็เช่นกัน  ท่านจะไปยืนอยู่หัวแถว ให้ลูกๆยืนเรียงแถวตามลำดับอายุ ออกท่ากายบริหารที่เจ้าคุณพ่อทำให้เป็นแบบอย่าง   เสร็จจากการบริหาร ลูกสาวแยกกลับขึ้นบ้านไปเตรียมตัวไปโรงเรียน ส่วนลูกชายถูกคุณพ่อพาวิ่งจากหน้าบ้านไปหลังบ้านอีก 10 เที่ยว จึงจะเลิกได้  วันไหนท่านไม่ลงมาวิ่ง  ลูกชายก็ต้องวิ่งเองอยู่ดี
  เสร็จจากกิจวัตรตอนเช้าแล้ว  เจ้าคุณก็ไปที่สวนดอกไม้ หรือเรียกว่า "เรือนต้นไม้" ในบริเวณบ้าน  เพื่อดูแลกล้วยไม้และต้นหน้าวัวที่ท่านปลูกไว้    ขออธิบายแทรกไว้ตรงนี้ว่า หน้าวัวในสมัยโน้นถือเป็นต้นไม้งามและหายากมาก  เป็นของโปรดของเจ้านายและเศรษฐีต่างๆ     พระยาวิทุรฯ ทราบว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ เจ้านายที่ทรงพระเมตตาท่าน โปรดหน้าวัว  ท่านก็เลยหามาปลูกไว้เพื่อจะนำขึ้นถวายเมื่อทรงพระประสงค์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 15 ก.ค. 24, 11:36

      ความใกล้ชิดระหว่างเจ้าคุณกับลูกๆ ในยุคนั้นนับว่าล้ำสมัยไปหลายก้าว  และเป็นแบบฝรั่งมาก     ในประเทศไทยยุคนั้น บิดามารดาเป็นที่เคารพ ลูกๆต้องกราบต้องไหว้  รักษาระยะห่างระหว่างกันเพื่อสร้างความเคารพยำเกรง   
      เล่ามาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงชีวิตในบ้านของพระยาอนุมานราชธนหรือ "เสฐียรโกเศศ"  ลูกๆของท่านเคยบันทึกไว้ว่าเจ้าคุณพ่อจะไม่วางตัวคลุกคลีใกล้ชิดเล่นหัวกับลูก    เพราะท่านถือหลัก  familiarity breeds contempt  หมายถึงว่าถ้าพ่อแม่ปล่อยตัวเองให้สนิทชิดเชื้อราวกับเป็นเพื่อนกับลูก  ลูกก็จะหมดความเกรงใจ   ต่อไปจะสั่งสอนอบรมอะไรก็จะไม่ฟัง
     แต่เจ้าคุณวิทุรฯกับลูกๆ ดูเหมือนจะไม่มีช่องว่างตรงนี้  ท่านวางระเบียบเอาไว้ว่า เวลาลูกๆจะออกนอกบ้านหรือกลับมาจากข้างนอก  ก่อนอื่นต้องไปหาคุณพ่อให้ท่านจูบก่อนอื่น   ตอนที่ลูกๆยังเด็กก็ปฏิบัติตามได้ง่าย   แต่พอเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็คงเขินๆชักไม่อยากทำแบบนี้อีก   แต่เจ้าคุณก็อธิบายว่า ท่านทำเช่นนี้เพื่อจะได้รู้ว่าลูกไม่สบายป่วยไข้ หรือร่างกายมีสุขภาพผิดปกติไปบ้างหรือไม่
     ข้อนี้นับเป็นความฉลาดของเจ้าคุณที่จะสังเกตลูกๆได้โดยไม่ต้องซักถาม  เช่นตอนลูกเล็กๆ อาจไปติดไข้ติดหวัดมาจากเพื่อนในโรงเรียน   ถ้าพ่อไม่สัมผัสก็จะไม่รู้    หรือลูกชายมีเรื่องในรร. ถูกเพื่อนชกต่อยทำร้ายมา  ไม่ยอมบอกพ่อ  พ่อสัมผัสลูกก็สามารถเห็นร่อยรอยได้ง่าย   หรือแม้แต่ลูกๆมีปัญหาในใจ   ไม่คิดจะบอกพ่อแม่   แต่เมื่อพ่อสัมผัสลูกใกล้ชิด จะเห็นพิรุธในสายตาท่าที นำไปสู่การซักถามและแก้ไขได้ทันเวลา  ก็นับว่าวิธีของเจ้าคุณแนบเนียนเอาการทีเดียว   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 16 ก.ค. 24, 19:35

   นอกจากนี้ เจ้าคุณวิทุรฯ ยังมีวิธีเล่นกับลูก  ที่แสดงความใกล้ชิดระหว่างกันเหมือนพ่อฝรั่ง    เวลาลูกๆอยู่พร้อมหน้า  ท่านจะตะโกนว่า "ที่หนึ่ง"  ก็เป็นสัญญาณให้ลูกๆวิ่งแข่งกันเข้ามาหา  ใครถึงที่หนึ่งก่อนก็ได้รับจูบจากคุณพ่อก่อน คนอื่นๆก็เข้าแถวรอกันตามลำดับ   ศัพท์คำว่า "ที่หนึ่ง" จึงเป็นที่รู้จักกันจนกระทั่งถึงชั้นหลาน
   หลังรับประทานอาหารเย็น  เจ้าคุณวิทุรฯชอบออกมาเดินเล่นที่สนาม   ถือไม้เท้ามาด้วยเพื่อป้องกันงู  ลูกๆก็จะตามลงไปด้วย  ช่วงเวลานี้เป็นเวลาแห่งความสุขของเจ้าคุณกับลูกๆ  ท่านมีอารมณ์ดีมาก บางครั้งก็ร้องเพลงให้ฟัง  บางครั้งก็เล่าเรื่องเก่าๆ บางครั้งก็ให้คำอบรมสั่งสอน ตอบปัญหาที่ลูกๆซักถาม
   เจ้าคุณเป็นผู้ที่เอาใจใส่บุตรธิดาอย่างดียิ่ง  อบรมสั่งสอนให้ประพฤติดี  อยู่ในศีลในสัตย์   รู้จักพึ่งตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น  ขยันหมั่นเพียร มัธยัสถ์ เก็บหอมรอมริบ ลูกสาวของท่านท่านก็อบรมให้มีคุณสมบัติดีของแม่เหย้าแม่เรือน    ความเอาใจใส่ดูแลนี้กินไปถึงรายละเอียดต่างๆในบ้าน เช่นวันอาทิตย์ท่านจะชวนลูกๆไปตลาดเพื่อตรวจดูราคาอาหารการกิน  และหัดให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอีกด้วย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 16 คำสั่ง