เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ท่านเป็น อดีตอธิบดีกรมกฤษฎีกา และองคมนตรีสมัยรัชกาลที่ 7 ต่อมาเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้านการศึกษา เป็นมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา
ตั้งกระทู้เช็คจำนวนนักเรียนไว้ก่อนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 18:53
|
|
เข้ามาแล้วครับ สวัสดีครับอาจารย์เทาชมพู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 20:04
|
|
เข้ามาแล้วครับ สวัสดีครับอาจารย์เทาชมพู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 20:38
|
|
มาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CVT
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 15 มิ.ย. 24, 09:44
|
|
มารายงานตัวครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 15 มิ.ย. 24, 15:57
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 15 มิ.ย. 24, 16:04
|
|
มารายงานตัวครับ
อ้าว มีติวเตอร์มือดีมาช่วยเฉลยข้อสอบเสียแล้ว ที่ตั้งกระทู้นี้เพราะอ่านประวัติพระยาวิทุรธรรมพิเนตุ แล้วนึกทึ่งสติปัญญาของท่านค่ะ ท่านเกิดในจังหวัดเล็กๆห่างไกลเมืองหลวง ในยุคที่การศึกษาก็ยังไม่แพร่หลายนัก อุปกรณ์การเรียนก็ไม่พรั่งพร้อมเหมือนสมัยนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องยกให้ว่าปัญญาของท่านเป็นยอด ความจำแม่นยำเป็นเลิศ จึงสามารถไปเรียนแข่งกับฝรั่ง ในมหาวิทยาลัยไอวี่ลีคของอเมริกา จนได้ปริญญาถึง 2 สาขา เจ้าของภาษาเองยังทำไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 16 มิ.ย. 24, 09:45
|
|
ดิฉันจะไม่เขียนถึงประวัติของท่านแบบเป็นทางการ เหมือนบรรดาที่เขาลงในหนังสืออนุสรณ์กัน แต่จะเล่าไปเรื่อยๆ แบบเล่าสู่กันฟังถึงบุคคลในอดีตที่น่านับถือยิ่งท่านหนึ่ง กาลเวลาทำให้ชื่อเสียงท่านอาจถูกลืมเลือนไปจากประชาชนรุ่นหลัง จึงอยากบันทึกไว้ให้จดจำกันได้อีกครั้ง เจ้าคุณเป็นชาวอุทัยธานี บิดาท่านชื่อหลวงศรีทิพบาล เคยรับราชการในตำแหน่งแพ่ง ( คำนี้ในประวัติไม่ได้ระบุว่าหมายถึงหน้าที่อะไร แต่พอแกะรอยได้ว่าทำงานด้านศาล เกี่ยวกับกฎหมายแพ่ง) ดูจากประวัติของเจ้าคุณวิทุรฯแล้วก็คิดว่า ปัญญาของท่านน่าจะเป็นพรสวรรค์เฉพาะตัว บิดาก็คงดูออกว่าลูกชายเฉลียวฉลาดเกินวัย จึงไว้ใจให้ไปติดต่องานในศาลตั้งแต่เล็ก งานที่ว่านี้ในประวัติก็ไม่ได้บอกว่าอะไรอีก อาจจะเป็นการไปส่งไปรับเอกสาร หรือส่งจดหมายติดต่อให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็เป็นได้ แต่การที่พ่อส่งลูกชายตัวเล็กๆไปทำหน้าที่นี้ ก็แสดงว่าไว้ใจว่าลูกมีความรับผิดชอบสูง และเป็นเด็กที่กล้า ไม่กลัวคนแปลกหน้า คงจะพูดจาบอกกล่าวได้เรื่องได้ราว จนอายุ 8 ขวบถึงเข้าโรงเรียน ตามเกณฑ์ ได้เรียนชั้นประถมที่วัดอุโปสถราม ในตัวจังหวัดอุทัยธานี จนจบชั้นประถม ชีวิตท่านก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 17 มิ.ย. 24, 08:53
|
|
ประวัติระบุว่าคุณหลวงศรีทิพบาลผู้บิดาหลังจากไปร่วมกองทัพเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ปราบกบฏเงี้ยวที่เมืองแพร่เสร็จ ในพ.ศ. 2445 พอกลับมาบ้านท่านก็ลาออกจากราชการมาค้าขายและทำไร่ทำนาที่อุทัยธานี ตอนนั้นเจ้าคุณวิทุรฯ อายุ 9 ขวบ เมื่อเรียนจบชั้นประถมแล้ว คุณหลวงก็ไม่ได้ให้ลูกชายค้าขายหรือเป็นเจ้าของไร่นาสืบต่อจากพ่อ แต่ว่าส่งตัวมาเรียนหนังสือต่อที่กรุงเทพ แสดงว่าท่านคงเล็งเห็นว่าสติปัญญาของลูกชายไปได้ดีเกินกว่าจะเก็บตัวเอาไว้บ้าน เจ้าคุณมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลวงอภิบาลประเพณีที่บ้านหม้อ ท่านผู้นี้คงจะเป็นเพื่อนฝูงที่สนิทกันของหลวงศรีทิพบาล จึงรับอุปการะเจ้าคุณเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง ส่งเข้าเรียนที่โรงเรียนราชบูรณะ (ปัจจุบันคือโรงเรียนสวนกุหลาบ) โรงเรียนราชบูรณะเปิดสโมสรอังกฤษในเวลากลางคืน เพื่อสอนภาษาอังกฤษ ดูลักษณะแล้วน่าจะสอนแก่คนภายนอกทั่วไป ที่ตอนกลางวันเรียนหรือทำงานอยู่ แต่สนใจใคร่เรียนภาษาฝรั่ง ก็มาเรียนได้ในตอนกลางคืน เจ้าคุณเรียนในชั้นเรียนตอนกลางวัน กลางคืนก็มาเรียนต่อที่นี่ ถ้านึกว่าท่านเป็นเด็กอายุแค่ 10 กว่าขวบในตอนนั้นก็ต้องถือว่าเป็นเด็กรักเรียนมากเอาการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 18 มิ.ย. 24, 09:52
|
|
ท้้งที่พื้นฐานมาจากการศึกษาในต่างจังหวัด แต่เจ้าคุณก็เรียนคู่กับนักเรียนเมืองหลวงได้อย่างสบาย สามารถสอบเป็นที่ 1 ในชั้นได้เสมอ ผู้ใหญ่ที่เจ้าคุณอาศัยอยู่ด้วย เป็นผู้โอบอ้อมอารี ดูแลท่านเหมือนบิดากับบุตร เจ้าคุณจึงเคารพรักมาก เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว ท่านผู้ใหญ่อยากให้เรียนกฎหมาย เจ้าคุณก็ทำตามความประสงค์ เข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมาย ใช้เวลาเพียง 1 ปี 8 เดือนก็สอบได้เนติบัณฑิตไทย เมื่ออายุเพียง 18 ปีเท่านั้นเอง นับว่าท่านมีปัญญาและความจำดีเลิศ ขอย้อนไปก่อนหน้าเจ้าคุณเกิด หลวงศรีทิพบาลผู้บิดาเคยเข้าเฝ้าแสดงความจงรักภักดีคล้ายกับเป็นข้าในวังของเจ้านาย 2 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ เมื่อบุตรชายสอบได้เนติบัณฑิตไทยซึ่งถือว่าเป็นของโก้มากในสมัยนั้น ท่านก็พาเจ้าคุณไปฝากตัวถวายกับสมเด็จกรมพระสวัสดิฯ เจ้าคุณก็เป็นที่โปรดปรานของเจ้านายในวังนี้ทุกพระองค์ ท่านจึงมีความกตัญญูต่อเจ้านายทุกพระองค์ และสั่งสอนบุตรหลานให้ยึดมั่นในความกตัญญูเสมอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 19 มิ.ย. 24, 10:26
|
|
การนำลูกหลานไปฝากตัวกับเจ้านายองค์ใดองค์หนึ่ง เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย ถ้าเรียกว่าเป็น connection อย่างสมัยนี้เรียกกัน ก็ถือว่าเป็นคอนเนคชั่นในทางดี คือผู้ใหญ่ก็จะได้คอยดูแลให้ผู้น้อยได้ประพฤติปฏิบัติตัวถูกต้องดีงามในหน้าที่การงาน ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ส่วนผู้น้อยก็จะได้ยำเกรง ระวังความประพฤติและการปฏิบัติงานไม่ให้บกพร่อง ไม่งั้นเสียถึงผู้ใหญ่ หรือท่านจะตำหนิเอาได้ ตัวอย่างความสัมพันธ์แบบนี้เห็นได้จากในประวัติเจ้าพระยามหิธร เมื่อท่านยังเป็นขุนนางหนุ่ม เกิดคดีพญาระกาจนกรมหลวงราชบุรีฯปุบปับลาออกจากราชการ เป็นเหตุให้ขุนนางนักกฎหมายลาออกตามไปด้วย รวมทั้งเจ้าพระยามหิธร พอความทราบถึงกรมขุนศิริธัชสังการ ที่ทรงมี 'connection' อยู่อย่างดีในฐานะผู้ใหญ่กับผู้น้อย ท่านก็เสด็จมาที่บ้านเจ้าพระยามหิธร บังคับให้เขียนจดหมายกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าอยู่หัวทันที เพราะกรมขุนศิริธัชดูออกว่า กรมหลวงราชบุรีและขุนนางทำอย่างนี้ต้องถูกกริ้วมากแน่นอน เจ้าพระยามหิธรก็เลยรอดตัวไปได้ ใครสนใจตามไปอ่านในกระทู้ เจ้าพระยามหิธร ได้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 19 มิ.ย. 24, 10:44
|
|
กลับมาที่พระยาวิทุร ดูจากตำแหน่งการงานของท่านแล้วก็น่าอัศจรรย์ใจ เพราะเมื่ออายุ 19 ปี ถ้าเป็นปัจจุบันหนุ่มอายุเท่านี้ยังเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 หรือ 2 อยู่ ท่านได้ตำแหน่งผู้พิพากษาที่ 6 ทำการพนักงานอัยการ แล้ว สมัยแรกเริ่มระบบศาลยุติธรรม ยังไม่ได้แยกอัยการออกจากศาล ผู้จบเนติบัณฑิตไทย เมื่อได้บรรจุเป็นผู้พิพากษา อาจได้รับหน้าที่อัยการด้วย ได้เงินเดือนขั้นต้น 240 บาท ในพ.ศ. 2455 ลูกจ้างรายได้เดือนละ 10 บาทก็พอกินไปทั้งเดือน เคยอ่านพบว่าสมัยรัชกาลที่ 6 ทองคำราคาบาทละประมาณ 30 บาท เงินเดือน 240 บาท ซื้อทองได้ 8 บาท ปัจจุบันทองราคาบาทละเฉียดๆ 42,000 บาท เท่ากับท่านได้เงินเดือนขั้นต้น 336,000 บาท ปีต่อมา ท่านได้เป็นผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม ิิ อายุ 21 ปี คือ 2 ปีนับแต่เข้ารับราชการ ได้รับพระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์เอก อายุ 22 ปี ได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงนาถบัญชา อายุ 24 ปี หลวงนาถบัญชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ไปเรียนวิชากฎหมาย ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 20 มิ.ย. 24, 10:48
|
|
ในยุคที่สยามเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตกด้วยการส่งนักเรียนไทยไปเรียนในประเทศตะวันตก วิชากฎหมายเป็นวิชาหนึ่งที่จะช่วยให้คนไทยมีความรู้เท่าทันฝรั่งได้ ในเมื่อความเจริญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 อยู่ที่ยุโรป ศูนย์กลางการเรียนกฎหมายจึงอยู่ในประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ และฝรั่งเศส นักเรียนไทยก็ไปเรียนกันในยุโรปเป็นส่วนใหญ่ แต่สยามเองก็คำนึงถึงประเทศใหญ่อย่างอเมริกาด้วย ดังนั้น นักเรียนไทยจึงถูกส่งไปเรียนกฎหมายยังสหรัฐอเมริกา นักเรียนกฎหมายคนแรกที่ไปคือหลวงนาถบัญชา ออกเดินทางไปเมื่ออายุ 24 ปี พร้อมกับนักเรียนไทยอื่นๆอีก 18 คน ไปเรียนทางสาขาต่างๆ หนึ่งในจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางไปพร้อมกัน คือนางสาวสังวาลย์ ตะละภัฏ ไปศึกษาวิชาพยาบาลต่อที่ โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ต่อมาท่านก็คือสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 20 มิ.ย. 24, 12:19
|
|
หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ เล่าความตอนเป็นหนึ่งในนักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่อเมริกาพร้อมกับหลวงนารถบัญชาว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 21 มิ.ย. 24, 12:47
|
|
ในขณะนั้น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ ทรงดำเนินชีวิตเรียบง่าย เช่าอะพาร์ตเมนต์ พร้อมกับมหาดเล็กเพียง 1 คน ใช้พระนามว่า มิสเตอร์มหิดล สงขลา เมื่อมีนักเรีียนไทยเดินทางไปถึง ก็ทรงต้อนรับอย่างโอบอ้อมอารี เป็นที่ประทับใจของทุกคน หลวงนาถบัญชาก็เป็นคนหนึ่งในข่ายพระกรุณา นำความซาบซึ้งใจมาให้อย่างยิ่ง และสำนึกในพระกรุณาต่อมาจนตลอดชีวิต หลวงนาถบัญชาได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ค สมัยนั้น นักเรียนไทยที่เรียนภาษาฝรั่ง มีตัวช่วยในห้องสมุดเพียงพจนานุกรม และสารานุกรม ซึ่งก็เป็นภาษาฝรั่ง เพราะฉะนั้นเราคงเดาได้ว่าหลวงนาถบัญชาต้องเรียนตำรับตำรากฎหมายด้วยความอุตสาหะวิริยะมากเพียงใด เพื่อท่องจำตัวบทกฎหมายยากๆ และเป็นภาษาอังกฤษล้วน ให้ได้ความรู้เท่ากับเพื่อนร่วมชั้น ท่านใช้เวลา 6 ปี เรียนจนได้ปริญญามาถึง 4 ปริญญา คือ B.A. (Bachelor of Arts อักษรศาสตรบัณฑิต) LL.B. (Bachelor of Laws นิติศาสตรบัณฑิต) M.A. (Master of Arts อักษรศาสตรมหาบัณฑิต) และ LL.M.( Master of Laws นิติศาสตรมหาบัณฑิต ) ซึ่งเป็นปริญญากฎหมายสูงสุดของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในยุคนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|