เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 25 26 [27] 28 29
  พิมพ์  
อ่าน: 61501 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 390  เมื่อ 25 เม.ย. 25, 18:23

ย้อนกลับไปที่หนัง Arthur 



หนังเรื่องนี้เข้ามาฉายในบ้านเรา  ผมไม่รู้ว่าหนังดังแค่ไหน (ในบ้านเรา)  แต่เพลงในหนังดังกระหึ่ม  เสนอไปแล้ว 2 เพลง  เพลงนี้เป็นเพลงเอกของหนัง  เพราะสุดจะห้ามใจ



เพลงได้รางวัล Oscar เพลงยอดเยี่ยม  รางวัลตกเป็นของคนแต่งเนื้อร้องซึ่งมี 3 คน  หนึ่งในนั้นคือคนร้องชื่อ Christopher Cross

ชื่อ CC นี้ติดหูนักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยมาก่อนหน้า 1 ปีอันเป็นปีแรกที่เธอเข้าวงการ  album แรกของเธอสร้างปรากฏการณ์บนเวทีแจกรางวัล Grammy ในปีนั้นคือสามารถคว้ารางวัลสำคัญใหญ่ ๆ มาได้หมดคือ Album of the year, Song of the year, Record of the year ส่วนตัวเธอได้ Best new artist  แถมรางวัลที่ 5 คือ Best Instrumental Arrangement
 
Album แผ่นนี้คลอด single มาถึง 4 เพลง (ปกติจะแค่ 2) เป็นเพลงดังในบ้านเราเสีย 3 สำหรับเพลงที่ 4 ผมไม่แน่ใจเพราะผมเปิดฟังจากแผ่นเสียงเลยจำไม่ได้

มาฟังกันว่า  ทำไมเพลงจาก album แผ่นนี้ถึงกวาดรางวัลฯ ใหญ่ไปหมดเกลี้ยง

เพลงแรก



เพลงที่สองนี่ฟังทั้งทางวิทยุและแผ่นเสียง  เป็นเพลงที่ดังที่สุดในบ้านเรา



เพลงที่สามนี่ผมชอบมากที่สุด  จังหวะน่ารัก



และเพลงที่สี่



ผมอ่านจากที่ไหนสักแห่ง (ก่อน อตน.) ว่ารางวัล Grammy สาขา Best New Artist นี่เปรียบเสมือนคำสาป  กล่าวคือใครที่ได้ครองรางวัลนี้  ส่วนใหญ่เป็นดับเร็วร่วงเร็ว  CC ก็ต้องคำสาปนี้เช่นกัน  ผมว่าเพราะ album แรกประเสริฐเลิศเลอ  แถมเจ้าตัวไปได้ Oscar จากเพลงเพราะสุดขั้วทั้ง ๆ ที่หน้าใหม่ในวงการ  (เพลงนี้ไม่ได้รวมอยู่ใน album เดี่ยวของเธอ  ใครอยากฟังก็ต้องควักเงินซื้อแผ่น soundtrack เท่านั้น)  คนเลยคาดหวังกับผลงานในแผ่นที่ 2  ปรากฏว่าผลงานมันย่ำอยู่กับที่  2 เพลงนี้ได้ยินเพียงแผ่ว ๆ 





จาก album แค่ 2 แผ่นแรกนี้  ชื่อเสียงของ CC ก็ดับ  เสียงของเธอก็หายไปจากลำโพงวิทยุ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 391  เมื่อ 26 เม.ย. 25, 17:51

ตานี้ก็ย้อนกลับไปที่หนัง White nights (1985)



ตอนนั้นเอ่ยถึงเพลงเอกเพลงหนึ่งในหนังคือ Separate lives (Phil Collins and Marilyn Martin) เพลงนี้แต่งโดย Stephen Bishop  ผมเล่าว่าบนเวทีประกวด Oscar ในปีนั้น  เพลงนี้ได้รับเลือกเข้าชิง  แต่ไม่ใช่เพลงเดียวในหนัง  ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่ได้เข้าชิงด้วย  เพลงนี้ก็ดังในอันดับเพลงฯ  ขึ้นถึงอันดับ 1 เช่นกัน  แต่งเนื้อและร้องโดย Lionel Richie  เมื่อผลการประกวดออกมาเพลงนี้ได้รางวัล  เพลงครองหน้าปัดวิทยุอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง



Lionel Richie นี่  บางคนอาจจำได้ว่า  เมื่อย้อนไปในยุค 70s  เธอเป็นหัวจักรสำคัญของวง R&B ระดับแนวหน้าชื่อ Commodores  ในยุคนั้นวงผลิต single เพราะๆ ออกมาให้พวกเราฟังมากมาย  บางเพลงครองหน้าปัดวิทยุในบ้านเรา  บางเพลงก็ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป  ผมได้ยินมาหมด







ถ้าวงผลิตเพลง ballad ออกมาละก็  นอนใจได้ว่าเพราะสุดขั้ว  และเปิดกันกระหน่ำในบ้านเรา











เพลงนี้ออกมาหลังจาก LR แยกตัวออกจากวงไปเป็นศิลปินเดี่ยว  เป็นเพลงเดียวที่ดังโดยไม่อาศัยฝีมือของ LR  หลังจากนั้นชื่อเสียงของวงก็ลดระดับลงและหายไปจากวงการเพลงในที่สุด  เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นประจำกับวงที่ 'หัวใจ' อยู่กับสมาชิกเพียงคนเดียว เช่น วง Bread  หรือ Chicago เมื่อ key person แยกตัวไป  วงก็ไปต่อไม่ได้

(เนื้อเพลงอุทิศให้กับนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ 2 คนในวงการเพลง soul คือ Marvin Gaye และ Jackie Wilson ที่ตายไปในปีก่อนหน้า)


มีต่อ....
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 392  เมื่อ 27 เม.ย. 25, 18:03

ตามที่รู้มา  ในต้น 80s วง The Commodores พักกิจกรรมชั่วคราว  Lionel Richie ก็หาลำไพ่พิเศษด้วยการไปเป็นศิลปินเดี่ยว เธอออก album แรกในปี 1982 single 3 เพลงนี้  ดังติดต่อกันในบ้านเราอย่างสนุกสนาน







Album แผ่นที่ 2 ต่อมายิ่งดังเข้าไปอีก  มันขึ้นถึงอันดับ 1  แผ่นนี้คลอด single ออกมาถึง 5 เพลง  ถ้าจะบ้า  ทั้งแผ่นมีเพลง 8 เพลง  ซื้อ album มาฟังเสียเลยไม่ดีรึไง  จ่ายเงินซื้อ single อยู่ได้  'ไรวะ

Single แรกของ album นี้คือเพลงจังหวะสนุกสนาน  ได้มาเห็น MV ในยุค อตน. ยิ่งรู้สึกมันเข้าใหญ่



จาก single นี้  ผมจำได้ว่ามีคนตั้งข้อสังเกตว่า single นี้รวมถึง single เก่า 3 เพลงย้อนขึ้นไปจาก album เก่าแผ่นที่แล้ว  เมื่อเอาชื่อมารวมกันแล้วผูกประโยคได้ 1 ประโยค คือ

Truly – You are - My love – All night long  ช่างสังเกตดีจัง


Single ที่ 2 นี่  ผมจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินทางวิทยุ  ผมฟังจากแผ่นเสียง  ไม่เห็นเพราะเลย  บัดนี้ยังจำไม่ได้ว่าทำนองเป็นอย่างไร  มาดู MV ในยุค อตน. ก็เพลินดี



แผ่นที่ 3 คือเพลงที่วิทยุเปิดบ่อยน้อยกว่าเพลงชาตินิดเดียว



ความดัง (ในบ้านเรา) อย่างไม่มีโรยราของ เพลง Hello  ไปกลบ single ที่ 4 และ 5 สนิท





Lionel01" border="0


(แผ่นเป็นแบบ gatefold  ตอนกลับมาถึงบ้าน  ขณะนั่งแกะห่อพลาสติก  ใจก็อยากรู้ว่าหน้ากลางจะเป็นรูปอะไร  สวยสะใจแค่ไหน  แต่พอกางออกมาแล้วเห็นภาพนี้  ต้องถอนหายใจแล้วก็รู้สึกเซ็งไปเลย  แหม... จะลงภาพเท่ ๆ แบบปกหน้า/หลังหน่อยก็ไม่ได้)
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 393  เมื่อ 28 เม.ย. 25, 17:59

Lionel Richie สนุกสนานกับความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว  เธอแยกตัวออกจากวงอย่างถาวรในที่สุด  แล้วผลิตผลงานดี ๆ ออกมามากมาย  หลังจาก album เดี่ยว 2 แผ่นแรก  ผมก็เลิกสนใจเพลงของเธอไปเสียแล้ว

นอกจาก LR จะเป็นนักร้องล่ารางวัลแล้ว  เธอยังมีความสามารถสูงในการแต่งเพลงด้วย  งานแต่งเพลงของเธอเป็นที่ยอมรับจาก 2 เพลงนี้ (ที่ผมเอียนสุดชีวิตเพราะวิทยุเปิดมันอยู่นั่นแล้ว)


นี่คือสรุปผลงานของ Kenny Rogers  ที่วิทยุบ้านเราเคยเปิดให้ฟัง
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=5361.msg183944;topicseen#msg183944
(ความคิดเห็นที่ 819)


เพลงที่ 2 จากงานแต่งเนื้อร้องของ LR



นักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุคทุกคนรู้จักฝ่ายหญิงดี  Diana Ross ผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง

DR โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงมาตั้งแต่ต้นยุค 60s  ในตอนนั้นเธอเป็นหัวหอกของวง girl group ที่มีผลงานขายดีตลอดกาลคือ The Supremes  ผมเสนอผลงานของวงนี้ไปแล้วในกระทู้ของ อ. เทาชมพู  ยกตัวอย่างเพลงดังในบ้านเราเช่น



ยุคของวง TS นั้นเป็นช่วงเวลาก่อนผมมาก  พอเริ่มบ้าเพลงฝรั่ง  เพลงของวงนี้ซึ่งเข้ามาดังในบ้านเราก่อนหน้ากันหมดแล้ว  ก็ล่องลอยออกมาจากลำโพงวิทยุมากมาย  ไม่รู้ว่าเพลงไหนออกมาก่อนมาหลัง (หมายถึงในขณะนั้น)
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7342.msg184390;topicseen#msg184390
(ความคิดเห็นที่ 66)


DR อยู่กับวงมาจนถึงต้นยุค 70s  ก็แยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว  เนื่องจากความดังขึ้นอยู่ตัวเธอคนเดียว  พอแยกตัว  วง The Supremes ก็ถึงกับการอวสาน  แม้จะมีการหานักร้องนำคนใหม่มาแทนก็ไปไม่รอด

ตอน DR ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวเป็นช่วงเวลาก่อนยุคของผมนิดเดียว  ยังทันกับเพลงนี้อันเป็นเพลงแรกที่ผมได้ยินเสียงของเธอในฐานะศิลปินเดี่ยว  (ฟังฉบับอัดใน studio ดีกว่านะ  อลังการมาก)

(จำได้ว่าครั้งที่ได้ฟัง  รู้สึกว่าเพลงยาวมาก  เมื่อไรจะจบเสียที  มันยาวเกินความสนใจของเด็กอย่างผม  พอมาฟังตอนโตแล้วกลับไม่อยากให้จบ)


เพลงดังเพลงที่ 2 นี่ ผมอยู่ในเหตุการณ์เลย  ประมาณว่า นั่งอยู่แถวหน้า  ตอนที่เพลงนี้ออกอากาศ  ‘เฮ้ย... นี่คือ single ใหม่ของ Diana Ross’ เพลงดังจนบอกไม่ถูก



ตามติดมาด้วย 2 เพลงนี้  มันไม่ดังแต่บ้านเราเปิด  เพลงที่สองเป็นเพลงโปรดของผม





มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 394  เมื่อ 29 เม.ย. 25, 18:14

ต่อจากเพลง Last time I saw him  วิทยุเปิดเพลงคู่  2 เพลง  เพลงแรกดังระเบิดในบ้านเรา  ต่อมาผมถึงรู้ว่าเพลงนี้ไม่ได้ออกขายในอเมริกา  มันเป็นเพลงฝั่งอังกฤษ

คู่ของ Diana Ross คือ Marvin Gaye เจ้าพ่อเพลง soul  ผมนำเสนอผลงานของเธอไปแล้วเช่นกัน  จุดจบของเธอเศร้ามาก  
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7342.270
(ความคิดเห็นที่ 277)






ผลงานของ DR กลับมาครองหน้าปัดวิทยุอีกครั้งกับ 2 เพลงนี้  ขึ้นอันดับ 1 ทั้งคู่

(เพลงจากหนัง นางสาวมะฮอกกานี (ภาษาไทยทำนองนี้) ฉายเครือสยาม  ไม่รู้หนังดังแค่ไหน  แต่เพลงดังจนหูอื้อ)





เพลงนี้เป็นน้ำจิ้ม คงเป็นเพราะมันไม่ดัง วิทยุเปิดไม่บ่อย  ผมเลยติดใจ



ย่างเข้ายุค disco ใคร ๆ ก็ลองร้องเพลง disco กันใหญ่  Diana Ross ก็เอากับเขาด้วย  เพลงแรกเป็นอีกหนึ่งเพลงขาประจำในบาร์ disco  เป็นเพลงที่มีจังหวะมันมาก  ฉบับเปิดในบาร์ยาวกว่านี้  รู้จึกจะ 8 นาทีนะ  ผมยังคงเปิดอยู่เวลา ‘คึก’





ปีต่อมาเป็นปีทองของเธอด้วย 2 เพลงที่คลื่นเพลงฝรั่งคลื่นไหนไม่เปิดเป็นเชยส่องหล้า





เพลงนี้ออกขายในอังกฤษ  วิทยุบ้านเราก็เอามาเปิดให้ฟัง  เพราะมันรวมอยู่ใน album เดียวกันนั่นแหละ



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 395  เมื่อ 30 เม.ย. 25, 18:08

ปีต่อมา Diana Ross กลับมาร้อง ballad จากหนังชื่อเดียวกับเพลง  ผมจำไม่ได้ว่าหนังมาฉายรึเปล่า  แต่เพลงมาแน่นอน  เพราะมาก  เปิดกันกระหึ่ม



หลังจากเพลงนี้  ผมก็เริ่มห่างจากเพลงของ DR  บางเพลงดังมากผมก็ยังพอจำได้







(คู่กับ Julio Iglesias – ผลงานของเธออยู่ในนี้แหละ  หน้าไหนสักแห่ง)


ส่วนเพลงนี้ดังนะ  จำกันได้รึเปล่า  ดังทั้งหนังและเพลง



รำลึกได้เท่านี้  คงมีตกหล่นบ้าง  ในช่วงหลังนี่  เธอออกผลงานถี่มาก  จำไม่หวาดไม่ไหว  แต่มันขาดเสน่ห์ (สำหรับผม) ของยุค ‘โน้น’

ในที่สุด DR ก็ออกไปจากวงจรการฟังเพลงของผม เธอยังคงมุ่งหน้าเสนอผลงานต่อไปจนถึงทุกวันนี้  ส่วนผมย้อนก็กลับไปคลุกคลีกับผลงานเก่า ๆ ของเธอ
 
จบแว้วววว...






นี่เป็นแผ่นเสียงคู่  ผมประหลาดใจมากที่ไม่มีเพลงโปรด Last time I saw him  ทั้ง ๆ ที่อันดับสูงสุดที่มันไต่ไปถึงบน billboard ก็ไม่เลวร้ายอะไร  แม้จะไม่เข้า top ten  เพลงนี้ถูกนำเข้ามารวมในยุค CD  โดยตัดเพลง medley สมัย The Supremes ที่อยู่ในแผ่นเสียงออกไป
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 396  เมื่อ 01 พ.ค. 25, 17:53

ที่เพิ่งจบไปเป็นยำเละจานย่อย  ที่ทำไว้มีเท่านั้น  แต่พอเอาลงจริง ๆ  ดันนึกได้อีก  เขียน ๆ ไป  อ้าว... ต่อได้อีก  สรุปแล้ว  เสร็จไม่ทันเอาลงวันนี้ 

ก็เลยเอา ของในตู้กับข้าว ออกมาคั่นรายการ  เป็นการประวิงเวลา

สองวันก่อน (ตอนนี้น่าจะเป็นเดือนแล้ว)  ส่งรูปสวย ๆ ของ Anouk Aimee นักแสดงหญิงยุค classic ชาวฝรั่งเศส  ไปให้ อ. เทาชมพู  เป็นรูปถ่ายของเธอในฉากหนึ่งของหนังชื่อ A man and a woman  หนังเรื่องนี้มาฉายในบ้านเราด้วย  แต่ตอนนั้นผมกำลังตั้งไข่  ยังเดินออกจากบ้านไม่ถูก  ที่จำได้  ไม่ใช่ตัวหนังแต่เป็นเพลงในหนังที่เพราะและดังยืนยาวมาจนกระทั่งผมฟังเพลงเป็น  มั่นใจว่านักฟังเพลงฝรั่งร่วมรุ่นกับผมต้องเคยได้ยิน



มาถึงตอนนี้ก็นึกถึงเพลงอื่นจากในหนัง  ที่ดังทั้งหนังและเพลง  ในช่วงที่ผมยังเบ๊าะแบ๊ะอยู่  เพลงเหล่านี้มีความดังที่ยืนยาวเช่นกัน  มั่นใจอีกเหมือนกันว่าทุกคนต้องจำได้



















แหม... มันพรั่งพรูกันออกมา  ต่อพรุ่งนี้อีกหน่อยนะ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 397  เมื่อ 02 พ.ค. 25, 18:24

ภาค 2 นะ
















คงมีใครคิดถึงเพลงเหล่านี้บ้าง 

ผมยังมีเพลงจากหนังฝรั่งทางทีวีที่ดัง ๆ ในบ้านเราอีก  เก็บไว้ตอนขั้นรายการ

พรุ่งนี้มา ยำ กันต่อ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 398  เมื่อ 03 พ.ค. 25, 17:59

อ้ะ... ตั้งหน้าตั้งตา ยำ กันต่อ...

ในปลายปี 1973  ที่ Diana Ross ส่ง single ชื่อ Last time I saw him  ออกสู่ตลาด  อ้ะ... ฟังอีกที

(กว่าจะมาถึงบ้านเราก็ต้นปีต่อมา)


ก่อนหน้านี้  ราวกลางปี ก็มีเพลงแนวนี้ออกสู่ตลาดเช่นกัน  แนวเดียวกันเด๊ะ 

(เสียงคุ้นหูใช่มั้ย  ถ้าไม่อ่านชื่อ  จะจำได้รึเปล่าว่าเสียงของใคร)


ตอนที่เพลงของ DR ออกสู่ตลาด  บรรดานักวิจารณ์เมื่อได้ฟังเพลงนี้ต่างเหน็บแนมแบบตลกดีว่า  The "arguably campy" last-named track, the arrangers "throw in everything but the proverbial kitchen sink with a score that is all over the musical map from Dixieland-band jazz to banjo-pickin' and even an orchestrated string section" while Billboard would describe "Last Time I Saw Him" as "a light romp in the Tony Orlando and Dawn style”

อย่างไรก็ตามผมว่าเพลงเพราะดีออก   

ผลงานเพลงของวง Tony Orlando & Dawn เริ่มต้นในยุค 70s  อันเป็นยุคที่หูผมถูกทากาวแนบติดกับลำโพงวิทยุ  ฉะนั้นทุก single ที่วงนำเสนอเป็นไม่รอดไปจากหูคู่เล็ก ๆ ของผม

เริ่ม single แรกก็ดังเลย



ตามด้วยเพลงฝาแฝดที่ดังกว่า 



ผมว่าเพลงนี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นความดังของวงในบ้านเรา  ต่อจากนี้ทุก single ที่ดังไม่ว่าจะน้อยหรือมากเป็นต้องผ่านออกมาจากลำโพงวิทยุบ้านเรา







มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 399  เมื่อ 04 พ.ค. 25, 18:00

หลังจากเพลงที่เปิดให้ฟังไปเมื่อวาน  บ้านเราขาดเสียงเพลงของวง Tony Orlando & Dawn ไปแป๊บ  ก่อนที่วงจะส่งผลงานล่าสุดกลับมา  มันแบบฮิตจนต้องร้องว่า ‘เฮ้ย... แก (หมายถึงคลื่นเพลงฝรั่งต่าง ๆ บนหน้าปัดวิทยุ) ไม่เปิดเพลงอื่นกันมั่งรึไงวะ’



ในบ้านเขา  เพลงดังขนาดที่ว่ามีศิลปินอื่นรีบทำเพลงออกมาโต้ตอบเพลงนี้  อย่างเป็นทางการ



เพลงไม่ดัง  แต่แสดงให้เห็นถึงผลตอบรับของความดังของเพลง Tieฯ  นักร้องหญิงคนนี้ไม่ใช่ขี้ ๆ เธอคือ Connie Francis (นำเสนอเพลงของเธอไปแล้วในหน้าต้น ๆ) เธอเป็นราชินีคนหนึ่งของเพลง pop ฝ่ายหญิงในยุค golden oldies (ปลาย 50s - ต้น 60s)  ในช่วงเวลานี้ (70s) มันเลยยุคดังของเธอไปแล้ว
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7422.15
(ความคิดเห็นที่ 21 – 23  ถ้าใครยังไม่เคยรู้เรื่องเหตุร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ  กรุณาย้อนกลับไปอ่าน)

ช่วงที่เพลง Tieฯ  ของวง Tony Orlando & Dawn กำลังออกอาละวาด  วิทยุบ้านเราตอกย้ำความดังด้วยเพลงนี้อีกเพลง



ตอนนั้นผมนึกว่าเป็น single ต่อมา  พอมีข้อมูลอยู่ในมือถึงรู้ว่าไม่ใช่  มันเป็นเพลงหน้า B ของ single Tieฯ  แสดงว่า single แผ่นนี้ดังในบ้านเราทั้ง 2 หน้า  ในขณะที่บ้านเขาถ้าใครไม่ได้ซื้อ single ที่ว่าจะไม่เคยได้ยินเพลงนี้เพราะวิทยุบ้านเขาไม่เปิดออกอากาศ

จุดสูงสุดของวง Tony Orlando & Dawn ผ่านไปแล้ว  แต่ควันหลงจากความดังยังออกอากาศมาให้ฟังอย่างสม่ำเสมอ



3 เพลงนี้รวมอยู่ใน album เดียวกัน  วิทยุเปิดกันอย่างสนุกสนาน  ผมก็ฟังแบบชื่นมื่น







Theme ของ album เสนอเพลงในแนว ragtime แนวเพลงที่แพร่หลายในหมู่ชุมชนชาวผิวดำในอเมริกาในปลายศตวรรษที่ 19



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 400  เมื่อ 05 พ.ค. 25, 18:11

วง Tony Orlando & Dawn กลับมาดังถึงจุดสูงสุดอีกครั้งกับเพลงนี้

(ตอนได้ยินครั้งแรก  รู้สึกเฉย ๆ  ยิ่งมารู้ฤทธิ์ของมันว่าขึ้นถึงอันดับ 1  พร้อมแผ่นเสียงทองคำด้วย  อดคิดไม่ได้ว่า  ไม่เห็นเพราะขนาดนั้นเลย  แต่มาฟังตอนแก่นี่  โอ้... ข้าเจ้าตระหนักแล้วววว)


วงสนุกสนานกับความสำเร็จมาหลายปีจนถึงเพลงที่ว่า  จากนั้นผลงานของวงเริ่มจางหายไปจากลำโพงวิทยุ  นี่เป็นเพลงสุดท้ายที่ผมได้ยิน



จากประสบการณ์  เพลง Cupid นี้มีคนนำมาร้องใหม่มากมาย  ต้นฉบับอยู่ในยุค golden oldies เป็นเสียงของ Sam Cooke อีกหนึ่งตำนานของวงการเพลง

https://www.reurnthai.com/index.php?topic=5361.msg183276;topicseen#msg183276
(ความคิดเห็นที่ 739)


หลังจากมีข้อมูลก็ได้รับรู้ว่า วง TO&D ออกผลงานหลังจากเพลงนี้ไม่มาก  แล้วก็ไม่ดัง  ก่อนจะหายไปเลย  รู้แล้วก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น  จนกระทั่งถึงยุค อตน นั่นแหละ…

He was briefly addicted to cocaine, and battled both obesity and depression. In 1977, due to the death of his sister and the suicide of Orlando's close friend, comedian Freddie Prinze, Orlando had a breakdown and retired from singing. He was briefly institutionalized…

แม้ช่วงเวลาเลวร้ายนี้ดำเนินไปไม่นาน  แต่กว่า TO จะตั้งตัวได้และกลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง  โอกาสทองก็ผ่านเธอไปเสียแล้ว

นี่คือเพลงในยุคแรก ๆ จากเสียงของเธอ  ซึ่งตอนนั้นเป็นศิลปินเดี่ยว  ก่อนที่เธอจะตั้งวง Dawn อันเป็นชื่อที่ใช้ตอนเริ่มแรก





มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 401  เมื่อ 06 พ.ค. 25, 18:10

Tony Orlando ร้องเพลง Half way to paradise  ในต้น 60s  อันเป็นช่วงเวลาที่บ้านเราเรียกว่ายุค golden oldies  มันเป็นเพลง pop  กาลเวลาล่วงเข้ามาในกลาง 70s  ก่อนการระบาดของดนตรีแนว disco  มีแนวดนตรีใหม่เกิดขึ้น  มันมีชีวิตอยู่เพียงช่วงสั้น ๆ  เจ้าถิ่นตั้งชื่อว่าดนตรีแนว bump



ในช่วงระบาด  มีคนนำเพลงนี้มาปรับปรุงเป็นเพลงแนว bump คนร้องคือสาวคนนี้ที่บ้านเรารู้จักดี



Tina Charles เปิดตัวกับนักฟังเพลงฝรั่งบ้านเราเป็นครั้งแรกกับเพลงนี้



เพลงดังจนพูดไม่ออก  เปิดจนกลายเป็นเพลงโหล  ผมจำได้ว่าตอนนั้นเราเรียกเพลงของเธอว่า bump music  และ TC คือเจ้าแม่เพลง bump  เธอนำเพลงจังหวะเดียวกันนี้มาร้องให้พวกเราฟังเป็นชุด  เริ่มจากเพลงที่ดังที่สุดคือเพลงนี้  ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ในบ้านเกิดของเธอคือ อังกฤษ  และขึ้นอันดับ 1 ในบ้านเรา (เป็นเพลงที่ 2 ติดต่อกัน)





(Album ของเธอแผ่นนี้วางขายทุกร้านแผ่นเสียง)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 402  เมื่อ 07 พ.ค. 25, 18:13

วิทยุบ้านเราเปิดเพลงของ Tina Charles มากมาย  ตอนนั้นผมคิดว่า แหม.. ช่างขยันออก single จัง  จนกระทั่งแผ่น album ของเธอออกวางขายและผมซื้อมาฟังถึงรู้ว่า  เหล่าดีเจท่านเปิดมั่วไปหมดไม่ว่าจะเป็น single หรือ album track ประมาณว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก  คนฟังก็ตัก (เข้าหู) กันใหญ่







เพลงนี้มาทีเดียว 2 ฉบับ  จังหวะเดียวกันแต่ต่างเนื้อร้อง

(คนทำ clip เอา ฉบับชื่อ Falling in love with the boy like you มาแปะทับฉบับดั้งเดิม (... in the summertime))




เพลงนี้เปิดในบาร์ dicso เป็นประจำ  อันเป็นฉบับที่ยาวกว่านี้มาก



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 403  เมื่อ 08 พ.ค. 25, 18:01

Tina Charles ยกระดับความดังของเธอในบ้านเราขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นกับ 2 เพลงนี้



(จำได้ว่ามีคนนำเพลงนี้ไปเป็น spot โฆษณาตัวหนึ่งด้วย)


ถ้าเป็นนักฟังเพลงฝรั่งตัวยง  จะรู้ว่า TC ไม่ได้ร้องแต่เพลงเต้นรำจังหวะเดียว  เธอร้องเพลงช้าด้วยและเพราะมาก  2 เพลงนี้ไม่ใช่ single  แต่ได้ยินออกมาจากลำโพงวิทยุบ่อยพอ ๆ กับ single





ช่วงดังสุดขีดของ TC  ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือ Biddu (British-Indian, singer-songwriter, composer, and music producer)  ด้วยอานิสงค์ความดังของ TC  วิทยุบางคลื่นเคยนำผลงานของ Biddu มาเปิดให้ฟัง  เธอเอา soundtrack หนังมาดัดแปลงเป็นเพลงแนว disco  ผมจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินในบาร์ฯ  เคยแต่ได้ยินทางวิทยุ  ดีเจในยุคก่อน อตน. นี่มีความรู้เรื่องเพลงละเอียดอย่างน่ายกย่อง



นี่คือ clip ของ Biddu Appaiah ตัวเป็น ๆ






หมายเหตุ ... ก่อนที่จะดังสุดขีด  TC เป็นนักร้องของวง 5,000 Volts  เพลงดังของวงนี้ก็มาออกอากาศในบ้านเราเช่นกัน



อ้อ... เธอเคยมาเปิดการแสดงในบ้านเราด้วยนะ  ใครเคยไปชมบ้าง  ผมจำเกร็ดที่ว่อนอยู่ในอากาศได้แม่นยำว่า  ในรอบแรกเธอร้องได้ไม่เต็มเสียง  เนื่องจากไปติดใจส้มตำ  กินจนท้องเสียเลยตะเบ็งไม่ได้เต็มที่


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 404  เมื่อ 09 พ.ค. 25, 18:52

Tina Charles เป็นเจ้าแม่เพลงจังหวะ bump  อย่างไรก็ตาม  ในช่วงเวลานั้นมีเพลงจังหวะ bump จากเสียงของศิลปินอื่นออกอาละวาดตามหน้าปัดวิทยุอีก  เท่าที่จำได้มี 2 เพลง  เพลงแรกของ Joe Tex



สำหรับศิลปินคนนี้  แม้เธอดังในบ้านเราเพลงเดียว  แต่เพลงของ Penny McLane ดังสุดขีด



PM เป็นสมาชิกหนึ่งของวง girl group ในยุค disco จากยุโรปชื่อ Silver Convention  วงนี้มีเพลงกระหน่ำหูในบ้านเรา 3 เพลงติดต่อกัน  บาร์ disco เปิดเป็นประจำ (เขียนแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าผมนอนที่นั่น  ประมาณว่าไป ‘เยี่ยม’ เมื่อไรเป็นต้องได้ยิน 3 เพลงนี้)

(เนื้อเพลงมีเท่านี้... Baby save me, save me. I'm am falling in love)



(ถ้าฟังดี ๆ เนื้อร้องของเพลงนี้ทั้งเพลงมีแค่ 6 คำคือ fly, robin, up, to, the, sky)



(เพลงนี้ก็เช่นกัน  เนื้อเพลงประกอบด้วย 6 คำคือ Get, Up, And, Boogie, That's, Right  แค่ 6 คำก็ได้เงิน (ค่าเขียน) แล้วนิ)


ระหว่างนี้วิทยุจะเปิดเพลงจังหวะช้าของวง 1 เพลงเป็นเพลงที่ผมชอบมาก  ชอบจนต้องแจ้นออกไปหาซื้อแผ่นเสียงมาเพื่อฟังเพลงนี้เพลงเดียว (3 เพลงนั่นได้ฟังทางวิทยุจนเบื่อแล้ว)  แต่เพลงนี้ไม่ใช่ single  บางคนอาจจำได้



จบแว้วววว... ยำเละ

ไปพลิก ๆ ดูงานที่ทำไว้ก่อนว่าพรุ่งนี้จะนำเสนออะไรดี  ขอบคุณที่ติดตาม  พรุ่งนี้อย่าลืมแวะมาเยี่ยมนะจ๊ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 25 26 [27] 28 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.094 วินาที กับ 19 คำสั่ง