เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 10 11 [12]
  พิมพ์  
อ่าน: 43713 จุดจบของอาชีพนักเขียน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 165  เมื่อ 05 ส.ค. 24, 12:56

ขอตัวไปมองหาอาชีพเสริมก่อนนะคะ    แต่ระหว่างนี้อยากฟังความเห็นท่านอื่นๆด้วยค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 166  เมื่อ 30 มี.ค. 25, 19:24

 วันนี้เข้าไปคุยกับ AI  ตัว Chat GPT   หลังจากคุยกันไปสักพัก ก็ถามว่าแต่งเรื่องสั้นได้ไหม   มันก็ตอบว่าได้ แล้วแต่งมาให้ตามนี้ค่ะ

   The Quiet Visitor

   In a small café near the river, an elderly man sat by the window, his gaze fixed on the ripples of the water as they caught the fading light of day. He had always been a solitary figure, preferring the hum of quiet spaces to the loud chaos of social gatherings. His clothes, though old, were impeccably neat, his posture straight—an air of someone who had seen much, perhaps even more than he cared to recount.

The waiter, a young man with a nervous smile, approached the table.

“Good evening, sir. Would you like your usual?”

The elderly man looked up, meeting the waiter’s eager eyes with a soft smile.

“Yes, thank you. But no rush, I’m in no hurry.”

The waiter nodded and retreated, leaving the man to his thoughts. It had been years since anyone had spoken to him with such casual familiarity. It was a refreshing change from the polite indifference of others who kept their distance, either afraid of him or simply uninterested.

He looked back at the water, the thought of his past creeping in, uninvited, as it often did. His life had been filled with the kind of quiet disappointments that no one cared to hear about. He had loved and lost, earned and squandered, and somewhere along the way, had learned to find contentment in the smallest of things—the taste of strong coffee, the way the evening light painted the world in shades of gold, and the soft murmur of a life that no longer required great meaning to be satisfying.

“Here you are, sir,” the waiter said, setting down the cup of coffee.

“Thank you,” the elderly man replied, his voice warm with the kind of gratitude that comes not from grand gestures, but from the simplest of services.

The waiter hesitated, then, almost as if on impulse, asked, “Are you waiting for someone, sir?”

The elderly man paused, staring at the surface of the coffee as if it might offer an answer.

“No,” he said at last, “I’ve been waiting for a long time, but I’ve stopped expecting anyone to come.”

The waiter, unsure of how to respond, nodded politely and made his way back behind the counter.

The elderly man sipped his coffee slowly, savoring the warmth that spread through him. He wasn’t sure what exactly he had been waiting for all these years. Perhaps it had been love, or perhaps it had been simply a reason to keep going. Either way, he realized, he had already arrived at his destination. The quiet, simple moments of life were enough now.

And so, as the sun sank behind the trees, the man sat contentedly by the window, a silent observer of the world passing by.

**************************
แปลเป็นไทย ด้วยสำนวนแปลของ Chat GTP  เพื่อให้สังเกตความรู้ของเจ้าสมองกล

นักท่องเงียบ

ในร้านกาแฟเล็กๆ ริมแม่น้ำ ชายชรานั่งอยู่ข้างหน้าต่าง สายตาจ้องมองไปยังเกลียวคลื่นที่สะท้อนแสงยามเย็น เขามักจะเป็นคนสันโดษ ชอบสถานที่เงียบสงบมากกว่าความวุ่นวายของการสังสรรค์ เสื้อผ้าของเขา แม้จะเก่า แต่ก็เรียบร้อยไร้ที่ติ ท่าทางนั่งตัวตรง แสดงถึงบุคลิกของคนที่ผ่านประสบการณ์มากมาย อาจมากเกินกว่าจะเล่าออกมา
พนักงานเสิร์ฟ หนุ่มน้อยที่มีรอยยิ้มเจื่อนๆ เดินเข้ามาหา
"สวัสดีครับคุณลุง รับเหมือนเดิมไหมครับ?"
ชายชราเงยหน้าขึ้น สบตากับพนักงานเสิร์ฟที่ดูตื่นเต้น พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
"ใช่ ขอบใจ แต่ไม่ต้องรีบนะ ฉันไม่รีบ"
พนักงานพยักหน้าแล้วถอยออกไป ปล่อยให้ชายชราอยู่กับความคิดของตนเอง เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครพูดกับเขาด้วยความคุ้นเคยเช่นนี้ มันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นใจ จากความเย็นชาของผู้คนที่รักษาระยะห่าง ไม่ว่าจะเพราะกลัวเขาหรือเพียงแค่ไม่สนใจ
เขามองกลับไปที่ผืนน้ำ ความทรงจำในอดีตไหลเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญเหมือนเช่นเคย ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังเงียบๆ ที่ไม่มีใครอยากฟัง เขาเคยรักและสูญเสีย เคยสร้างและทำลาย และระหว่างทางนั้น เขาได้เรียนรู้ที่จะพอใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ—รสชาติกาแฟเข้มข้น แสงเย็นยามอาทิตย์อัสดงที่แต้มโลกเป็นสีทอง และเสียงพึมพำเบาๆ ของชีวิตที่ไม่ต้องการความหมายยิ่งใหญ่เพื่อให้มีความสุข
"กาแฟได้แล้วครับ" พนักงานพูด พร้อมวางถ้วยกาแฟลง
"ขอบใจ" ชายชราตอบ น้ำเสียงอบอุ่นด้วยความรู้สึกขอบคุณ ไม่ใช่เพราะการกระทำที่ยิ่งใหญ่ แต่เพราะบริการเล็กๆ น้อยๆ ที่จริงใจ
พนักงานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเหมือนตัดสินใจได้ ถามขึ้นว่า "ลุงกำลังรอใครอยู่หรือครับ?"
ชายชรานิ่งไป มองผิวหน้ากาแฟราวกับว่ามันอาจให้คำตอบ
"ไม่" เขาพูดในที่สุด "ฉันรอมานานแล้ว แต่ฉันหยุดคาดหวังว่าจะมีใครมานานแล้ว"
พนักงานไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์
ชายชรายกกาแฟขึ้นจิบอย่างช้าๆ ซึมซับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเขารออะไรมาตลอด อาจเป็นความรัก หรืออาจเป็นเพียงเหตุผลในการก้าวเดินต่อไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็รู้แล้วว่าเขามาถึงจุดหมายแล้ว ช่วงเวลาธรรมดาและเงียบสงบในชีวิตก็เพียงพอแล้ว    และเมื่อดวงอาทิตย์ลับหลังต้นไม้ไป ชายชรายังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างสงบ มองโลกที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเงียบๆ

เชิญออกความเห็นตามสะดวกค่ะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 167  เมื่อ 11 พ.ค. 25, 09:48

         Agatha Christie จบอาชัพนักเขียนด้วยปัญหาสุขภาพและ(เขาว่าเริ่มมี) อัลไซเมอร์
แต่โลกาวิวัฒน์วิทยาการพาคุณย่ากลับมา เริ่มต้นอาชีพเป็นครูบาอาจารย์สอนการประพันธ์

         ลองไปที่เว็บ BBC Maestro  https://www.bbcmaestro.com/courses/agatha-christie/writing
พบว่า Sorry, BBC Maestro is not yet available in your location

ไปลองดูที่ youtube



เบื้องหลัง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 168  เมื่อ 11 พ.ค. 25, 10:15

จาก FB คุณThida Plitpholkarnpim 

    อีกหนึ่งตัวอย่างใหม่ที่สร้างกระแสถกเถียงเกี่ยวกับ AI ก็คือ การที่ BBC Maestro (เป็นโปรเจ็กต์คอร์สออนไลน์ แบบเดียวกับ MasterClass) เปิดตัวคอร์ส "เรียนเขียนออนไลน์กับ อกาธา คริสตี้"...โดยใช้ AI "ชุบชีวิต" ให้เธอ (ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งเกือบ 50 ปีแล้ว) กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวมานั่งสอนนักเรียนได้
     ลองคลิกดูคลิปตัวอย่าง (ในคอมเมนต์) แล้วมันก็จะเหวอ ๆ หน่อย แต่ซีอีโอของ BBC Maestro บอกว่านี่ไม่ใช่การแกล้งทำเป็นว่าอกาธาฟื้นคืนชีพนะ เป็นแค่การสร้างภาพตัวเธอมาสอนงานของตัวเธอเอง และโปรเจ็กต์นี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย เพราะครอบครัวของอกาธาซึ่งดูแลมรดกของเธออยู่นั้นสนับสนุนเต็มที่ โดยมีเงื่อนไขแค่ว่า สิ่งที่สอนจะต้องเอามาจากสิ่งที่เธอเคยพูดไว้ และภาพกับเสียงก็จะต้องเหมือนตัวจริงเท่านั้น
แต่แน่นอนว่าคนในวงการที่กำลังถกกันหนักเรื่องจริยธรรมในการใช้ AI ก็มีความเห็นแตกต่างหลากหลาย คาริสซา เวลิซ ศจ.ด้านปรัชญาและสถาบันจริยธรรมใน AI ที่อ็อกซฟอร์ดบอกว่า ถึงครอบครัวจะยินยอม แต่อกาธานั้นไม่อยู่แล้ว ใครจะตอบแทนเจ้าตัวได้ล่ะว่าเธอจะยินยอมไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อคำพูดทั้งหมดที่ใช้ในคอร์สก็เกิดจากการนำคำพูดของเธอมาสังเคราะห์ข้อมูลใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยพูดเองล้วน ๆ
    อีกด้าน เฟลิกซ์ เอ็ม ไซมอน นักวิจัยด้าน AI และข่าวดิจิทัลที่สถาบัน Reuters อ็อกซฟอร์ดเหมือนกันก็บอกว่า เราอาจต้องพิจารณาในแง่ที่ว่า อกาธาเป็นคนที่พยายามทำงานแบบให้ความบันเทิงและความรู้มาตลอดเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งโครงการนี้ก็ทำแบบเดียวกันนั้น แถมยังอิงจากสิ่งที่เป็นงานจริงและคำพูดจริงของเธอด้วย จึงทำให้กรณีนี้ซับซ้อนและฟันธงว่า "ไม่เหมาะสม" ได้ยากกว่าปกติ
    (ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีคล้าย ๆ กันคือ ตอนที่หนังสารคดีเรื่อง Roadrunner ใช้ AI สร้างเสียงของ แอนโทนี บัวร์เดน เชฟคนดังผู้ล่วงลับ ขึ้นมาเป็นเสียงวอยซ์โอเวอร์ฉากที่เขาอ่านจดหมาย แต่คราวนั้นอาจเพราะบัวร์เดนเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานและวิทยาการ AI ก็ยังค่อนข้างไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ทำให้หนังโดนด่ายับไปเลย)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 169  เมื่อ 12 พ.ค. 25, 11:07

    สิ่งที่ AI ทำได้คือช่วยให้นักเขียนหน้าใหม่เดินแกะรอยแนวทางได้ถูกต้องมากขึ้น   ไม่ต้องคลำหาทางไปเองอย่างเมื่อก่อน
      แต่ก็ไม่ได้ประกันว่าเดินตามสูตรของคุณป้าแล้วจะประสบความสำเร็จ  เพราะมีองค์ประกอบส่วนตัวต้องใช้อีกหลายอย่าง เช่นภาษา  จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์
     มันก็ไม่ต่างกับให้ AI สร้างปิกัสโซ หรือแวนโกะ มาบอกวิธีลงเส้นและลงสีทีละขั้นตอนน่ะค่ะ   ถึงทำได้ครบทุกขั้นตอน ก็ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นปิกัสโซหรือแวะโกะกันได้หมดทุกคน
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 817


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 170  เมื่อ 12 พ.ค. 25, 11:49

ถ้าสูตรของคุณป้ามีสายวาย สายยูริ เด็กรุ่นใหม่คงให้ความสนใจมากขึ้น ยิ่งถ้ามีสายโว้กยิ่งโด่งดังไปกันใหญ่  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 171  เมื่อ 13 พ.ค. 25, 11:33

น่าคิด  น่าจะเป็นได้มากทีเดียวค่ะ
ดิฉันจะลองถาม AI ดูนะคะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 172  เมื่อ 13 พ.ค. 25, 12:16

    ก่อนอื่น ขอสรุปข้อความในวิดีโอที่คุณป้าอกาธา คริสตี้ (บันดาลด้วยฝีมือ AI) สอนนักอยากเขียน หรือนักเขียนหน้าใหม่  ตามความเข้าใจของ "เทาชมพู" ดังนี้
     1. จงเขียนในสิ่งที่คุณมีความรู้ด้านนั้น  และรักที่จะนำเสนอ
     คุณป้าแนะนำให้นักเขียนเริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัว เช่น ประสบการณ์ส่วนตัวหรือความสนใจของตนเอง   เห็นได้จากคุณป้าเองมีความรู้เรื่องพิษวิทยา  เธอก็เลยใช้ความรู้นั้นสร้างเงื่อนงำด้านวางยาพิษในนิยายของเธอ ออกมาได้สมจริง
     2. ขนาดและการดำเนินเรื่องของเรื่อง
      เธอมองว่า “นิยายสืบสวนที่ดี” ควรยาวราว 50,000 คำ เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อและคุมการดำเนินเรื่องไม่ให้เยิ่นเย้อเกินไป
     3. เล่นกับผู้อ่านอย่างแฟร์ๆ (Fair play)
     นักเขียนควรวางเงื่อนงำและเบาะแสตั้งแต่ต้นเรื่อง  ไม่ใช่เดินเรื่องไปครึ่งค่อนแล้วจึงจะมีการฆ่ากันตาย   นอกจากนี้ ต้องให้ฆาตกรมีบทบาทในเรื่องมากพอสมควร   ไม่ใช่ว่าเรื่องยาว 500 หน้า ฆาตกรเพิ่งโผล่หน้ามาในหน้า 450   หรือทั้งเรื่องฆาตกรตัวจริงเป็นตัวประกอบกระจอกๆในเรื่อง  แบบนี้เรียกว่า"หลอกลวง" ผู้อ่านแบบไม่ให้โอกาสไขปริศนา
     4. การใช้กลลวงและจุดหักมุม (Red Herrings & Twists)
     เรื่องนักสิบที่ดีมักจะใช้กลลวงเป็นศิลปะในการชี้นำให้ผู้อ่านเข้าใจผิด แต่ก็ต้องทำอย่างมีน้ำหนักเหตุผล  ก่อนหักมุมอย่างมีเหตุผลสมจริงในตอนจบ
      5. การวางโครงเรื่องล่วงหน้า
      คริสตี้มักเริ่มจาก “ผลลัพธ์ของคดี” แล้วค่อยย้อนกลับไปสร้างเรื่อง เธอเชื่อว่า “ฆาตกรรมที่สองหรือสาม” คือต้องเกิดการตายมากกว่า 1 ครั้ง  เพื่อจะทำให้เรื่องมีมิติมากขึ้น และต้องเชื่อมโยงกับแก่นเรื่องได้เนียนด้วย
      6. การสร้างตัวละครและกลุ่มผู้ต้องสงสัย
      แต่ละตัวละครควรมีแรงจูงใจเฉพาะตัว และ “ตัวผู้เล่าเรื่อง” เองสามารถเป็นฆาตกรได้ (เช่น The Murder of Roger Ackroyd)
      7. การใช้สถานที่และบรรยากาศ
      คริสตี้ชอบใช้ฉากปิดตาย เช่น เกาะหรือคฤหาสน์ในหิมะ เพื่อบีบวงผู้ต้องสงสัย — คุณป้าแนะนำให้ใช้ “แผนผังบ้าน” เพื่อช่วยผู้อ่านเข้าใจฉากอย่างชัดเจน
      8. การหาแรงบันดาลใจ
      เธอยกตัวอย่างการได้ไอเดียจากบทสนทนาบนถนน หรือเหตุการณ์ธรรมดา ๆ ที่ใครไม่ทันสังเกต
      9. การเขียนคือกระบวนการเรียนรู้
      คุณป้ายอมรับว่าเรื่องแรกของเธอซับซ้อนเกินไป และเธอเรียนรู้จากการลงมือเขียนจริง เธอเน้นให้เชื่อในสัญชาตญาณของตน ไม่ตามบรรณาธิการไปเสียทุกคำ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 173  เมื่อ 13 พ.ค. 25, 13:17

ถ้าสูตรของคุณป้ามีสายวาย สายยูริ เด็กรุ่นใหม่คงให้ความสนใจมากขึ้น ยิ่งถ้ามีสายโว้กยิ่งโด่งดังไปกันใหญ่  ยิ้มเท่ห์
คุณ Superboy ถาม แล้วเทาชมพูไปถามต่อ      AI ตอบในนามของคุณป้า Agatha Christie

เทาชมพู : Dame Agatha, you’ve lived again, thanks to modern machines. But what do you think of the world we live in now—especially the rise of the so-called “Woke” culture?

Agatha (dryly): “Woke, is it? In my day, we used different terms: progressive, interfering, well-meaning. Sometimes, tiresome. I must say, I’ve never minded people thinking deeply about fairness or representation. What bothers me is when one forgets that fiction must first entertain.”

“You may call it ‘woke,’ but I call it awareness. And if it helps writers create richer characters and more thoughtful stories—very well. But if it turns the reader into a suspect and the writer into a preacher—then someone’s committed the murder of storytelling.”

เทาชมพู: Fair enough. Now let’s suppose you were born a hundred years later—say, writing mysteries in 2025. Would you ever write a same-sex protagonist?

“If they had a good motive, a sharp mind, and a secret worth killing for—why not?”

“I’ve never objected to difference. I object to dullness. My readers want puzzles, not pamphlets. A same-sex protagonist? Perfectly reasonable—if they bring tension, wit, and danger. After all, the heart is mysterious, but murder is universal.”

“Let me remind you: I once let the detective turn out to be the killer. That caused more gasps than any romance might have.”

แปลเป็นไทย

เทาชมพู: คุณป้าคิดอย่างไรคะ  กับกระแส “Woke” ที่แพร่หลายในปัจจุบัน?

อกาธา (เสียงเรียบเย็น):
“Woke งั้นหรือ? ในสมัยฉัน เราใช้คำอื่นกันค่ะ: "หัวก้าวหน้า" "ยุ่งเรื่องชาวบ้าน" หรือบางครั้งก็ "หวังดีเกินเหตุ" ฉันไม่เคยคัดค้านคนที่อยากเห็นความเท่าเทียม — ใคร ๆ ก็ชอบความยุติธรรมทั้งนั้นแหละ
“จะเรียกมันว่า woke หรือไม่ ฉันมองว่ามันคือ ความตระหนักรู้ — ถ้ามันช่วยให้นักเขียนสร้างตัวละครที่ลึกขึ้น หลากหลายขึ้น ก็ยินดีค่ะ
แต่ถ้าทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนถูกสอบสวน และนักเขียนกลายเป็นนักเทศน์…นั่นแหละค่ะ คือการฆ่า ‘นิยาย’ อย่างเลือดเย็น”

เทาชมพู: แล้วถ้าเกิดมาทันยุคนี้ จะเขียนตัวเอกเป็นคนรักเพศเดียวกันไหมคะ?

อกาธา :  “ถ้าเขามีแรงจูงใจเด็ดขาด ไหวพริบดี และมีความลับ ที่ใหญ่พอจะเป็นคดีฆาตกรรมได้ — ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ?”
" ฉันไม่เคยรังเกียจความแตกต่างค่ะ ฉันรังเกียจแต่ความน่าเบื่อ ผู้อ่านของฉันต้องการปริศนา ไม่ใช่บทเทศน์
ตัวเอกเพศเดียวกัน? เหมาะสมแน่นอน — ถ้าเขาเป็นตัวละครที่สร้างแรงตึงเครียด  คมีไหวพริบ และมีอันตราย
เรื่องของหัวใจเป็นเรื่องลึกลับยากจะเข้าใจ   แต่…ฆาตกรรม เป็นเรื่องสากลที่เข้าใจกันได้ทั่วโลก”

“อย่าลืมนะคะ — ฉันเคยเขียนเรื่องที่นักสืบกลายเป็นฆาตกร นั่นทำให้คนอ่านอ้าปากค้างยิ่งกว่าความรักเพศใด ๆ จะทำได้เสียอีก”
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1409


ความคิดเห็นที่ 174  เมื่อ 15 พ.ค. 25, 09:49

ลองสั่ง  Chat GPT  ตามนี้ครับ เขียนบทความเรื่อง คนไทยยุคใหม่ไม่อยากมีลูก ไม่แต่งงาน   ยาวประมาณ 800 ตัวอักษร ให้ใช้สำนวนการเขียนแบบ  นิ้วกลม  ได้แบบนี้มา


"คนไทยยุคใหม่ไม่อยากมีลูก ไม่แต่งงาน

ในวันที่คำว่า “ครอบครัว” ไม่ได้แปลว่าพ่อแม่ลูกเสมอไป คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเลือกเดินเส้นทางที่ต่างออกไป ไม่แต่งงาน ไม่อยากมีลูก และไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร

ไม่ใช่ว่าพวกเขาเกลียดความรัก แต่พวกเขาแค่ไม่แน่ใจว่า "รูปแบบเดิม" ยังตอบโจทย์ชีวิตไหม ชีวิตที่ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเทอมลูก ค่ารถ ค่าบ้าน ไล่ตามพวกเขามาทุกเดือน ความรักจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องคำนวณ มากกว่าความฝันสีชมพู

บางคนรักอิสระ บางคนโตมากับครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แล้วตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องทำซ้ำแบบนั้น?”
บางคนอยากเติบโตเป็นตัวเองเต็มที่ โดยไม่ต้องเลี้ยงดูใคร หรือให้ใครมารั้ง

ใช่, มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัวในหูของบางคน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันคือความซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง

เมื่อความสุขไม่จำเป็นต้องผูกติดกับพิธีวิวาห์หรือเสียงเด็กเล็กในบ้าน บางที...การอยู่คนเดียวอย่างสงบ อาจอบอุ่นกว่าการอยู่กับใครอย่างวุ่นวายก็ได้"


สั่งใหม่  เปลี่ยนเป็นสำนวนแบบ ป อิทรปาลิต

"สมัยก่อน ใครไม่แต่งงานก็มักจะโดนแม่ว่า โดนป้าเร่ง หรือไม่ก็โดนยายชี้หน้าว่า “ระวังจะขึ้นคาน!” แต่เดี๋ยวนี้ขอให้ยายอย่าพูดเชียว คนรุ่นใหม่เขายิ้มแล้วตอบทันทีว่า “ขึ้นก็ขึ้นสิคะ แต่อย่าให้ค่าไฟขึ้นก็แล้วกัน”

แต่ก่อนเขาว่าโตแล้วต้องมีครอบครัว ต้องมีลูก จะได้ไม่เหงาตอนแก่ เดี๋ยวนี้บางคนคิดว่า อยู่กับแมวก็ดูจะเงียบสงบกว่า อยู่กับลูกแล้วต้องวิ่งตามตลอดทั้งวัน

ที่ไม่แต่งงานก็ใช่ว่าจะไม่มีคนรักนะ บางคนรักกันแต่ไม่อยากผูกมัด จะให้ไปยืมเงินมาจัดงานแต่งแล้วทะเลาะกันเรื่องกู้หนี้ใช่ไหมล่ะ? เลยขออยู่แบบสบายใจ ไม่ต้องเซ็น ไม่ต้องจ่ายค่าสินสอด

ค่าเทอมลูกก็ใช่ย่อย ค่าเนิร์สเซอรี่ก็หนักหนา ใครจะกล้าอุ้มเด็กออกมาเลี้ยง ถ้าตัวเองยังอุ้มค่าผ่อนคอนโดอยู่ไม่ไหว

บางคนก็ว่าเห็นแก่ตัว แต่บางคนก็บอก “เปล่าเลย ฉันแค่รู้ว่าฉันต้องการอะไร”
อันความสุขน่ะ มันไม่ได้มาจากเสียงเด็กวิ่งเล่นในบ้านเสมอไป บางทีก็มาจากความเงียบ กับชาร้อน ๆ สักแก้วในวันหยุด

ใครไม่แต่งก็ไม่ผิด ใครไม่อยากมีลูกก็ไม่บาป โลกมันเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยนตาม
ชีวิตใคร ใครก็เลือกเองจะดีไหมล่ะพ่อคุณ"


นักเขียนน่าจะใกล้ตกงานขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 175  เมื่อ 15 พ.ค. 25, 10:06

   สำนวน ป.อินทรปาลิตยังไม่เหมือนเท่าไหร่   แต่ก็เห็นด้วยว่านักเขียนคงตกงานกันมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ค่ะ
   เดี๋ยวนี้ เวลาเสนองานวิชาการ หรือเข้าประชุมวิชาการ   นักวิชาการไม่ต้องหลังขดหลังแข็งเขียนแล้ว บอกให้ AI เขียนแทน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ AI ทำได้สบายมาก ในพริบตาเดียวได้บทความออกมาเลย
   ถ้าไม่มีการตรวจจับ AI  ก็รอดตัว
   วิทยานิพนธ์ก็เหมือนกัน
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 817


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 176  เมื่อ 15 พ.ค. 25, 12:01

สำนวนเหมือนนิ้วกลมหรือป อิทรปาลิต ไม่เกี่ยวกับยอดขายนะครับ

ยอดขายไม่เดินบุรุษหรือสตรีท่านนั้นย่อมไม่มีตัวตน นอกเสียจากจะอดทนใช้ฝืมือตัวเองในการไต้เต้าขึ้นครองอันดับหนึ่งกี่ปีก็ว่าไป

คนอ่านรุ่นใหม่ไม่สนใจนามปากกาเก่าๆ หรือสำนวนสมัยฉลองกรุงเทียบเท่ากระแสนิยม ถ้าในแวดวงวรรณกรรมผมยังมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง

นิยายที่ขายดีระดับโลกผู้เขียนมีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนใหญ่ที่ตกต่ำเนื่องจากคนเขียนอายุมากเขียนไม่ไหวแล้ว จึงร่วมมือกับคนเขียนอายุน้อยหรือลูกตัวเองในการออกหนังสือเล่มใหม่ แทนที่จะปังกลับกลายเป็นปัง-ปิ๊-นาด เนื่องจากปัจจุบันเรามีนักเขียนจำนวนมหาศาลสามารถเลือกอ่านได้ตามใจชอบ

ส่วนเรื่องเขียนรายงานหรืองานวิจัยที่ AI ค่อนข้างเจ๋ง  ว่ากันตามจริงนักวิชาการที่อยากนำเสนอแนวคิดตัวเอง ต้องเขียนรายงานเองด้วยมุมมองตัวเองที่แตกต่างออกไป มัวแต่เดินตามรอยเขาย่อมเป็นได้แค่กีกี้ตลอดชีวิต วิธีแก้ไขมีอยู่แล้วคือทันทีที่ตรวจพบให้ลงโทษสถานหนัก เชือดไก่ใ้ห้ลิงดูสักรายสองรายเดี๋ยวก็ดีเอง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 177  เมื่อ 15 พ.ค. 25, 13:48

  เราสามารถสั่งให้ AI แต่งเรื่องด้วยสำนวนใหม่ได้นี่คะ    ได้ข่าวว่ามีแล้ว  พวกที่ใช้ AI ส่งให้สนพ.คัดเลือก หรือส่งประกวด
  ส่วนด้านวิชาการ เห็นด้วยว่าควรลงโทษให้หนัก   ก่อนงานวิจัยโดย AI  หรือวิทยานิพนธ์ปริญญาโทและเอกฝีมือ AI จะแพร่สะพัดจนหาของแท้ไม่เจอ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 10 11 [12]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 19 คำสั่ง