เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12
  พิมพ์  
อ่าน: 43665 จุดจบของอาชีพนักเขียน
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 13 ก.ค. 24, 10:43

อ่านข้อความของคุณเทาชมพูแล้วชวนให้ผมนึกถึงนิยายเรื่อง I Have no mouth and I must scream โดย Harland Ellison ซึ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อกว่าห้าสิบปีมาแล้ว ในเรื่อง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพในความคิดและความรับรู้สูงมาก จู่ๆก็เกิดได้สติรับรู้ตัวขึ้นมา ด้วยความเกลียดมนุษย์ผู้ทร้างมันมา เพราะว่ามันไม่สามารถขยับตัวไปไหนเองได้ ด้วยความเกลียดนี้มันจึงกวาดล้างมนุษย์จนเกือบสิ้นเผ่าพันธุ์ พร้อมทั้งทรมานมนุษย์ที่เหลืออยู่เพื่อความสะใจเล่น
ผมก็ได้แต่เพียงหวังว่าคงไม่มีสิ่งเช่นนั้นในยุคเรา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 13 ก.ค. 24, 11:02

     แนวคิดหลักของเรื่อง I Have no mouth and I must scream โดย Harland Ellison คล้ายกับนิยายสยองขวัญคลาสสิกเรื่อง แฟรงเกนสไตน์ ของแมรี่ เชลลี่  (Frankenstein; or, The Modern Prometheus )  มนุษย์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา แต่มันก็กลับมาทำลายผู้สร้าง     เรื่องนี้มีพื้นฐานจากแนวคิดทางคริสตศาสนา ในหลักที่ว่าพระเจ้าคือผู้ที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา    เมื่อใดมนุษย์จะทำตัวเทียมพระเจ้าขึ้นมาเอง  เหมือนนักวิทยาศาสตร์หนุ่มในเรื่องสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากช้้ินส่วนมนุษย์และทำให้มีชีวิตด้วยไฟฟ้า   สิ่งที่สร้างก็ย้อนกลับมาทำลายล้างเขาในตอนจบ
   AI  ถูกสร้างมาให้ทำงานให้มนุษย์ เมื่อใดมนุษย์ไม่ได้ใช้งานมัน แต่วานให้มันทำงานแทนตัวเอง  ผลก็เห็นๆคือมนุษย์ก็จะเกิดอาการง่อยเปลี้ยทางปัญญา  คิดเองทำอะไรเองไม่ได้  เมื่อนั้น AI ก็เหนือกว่า   แต่ถ้ามนุษย์ยังทำอะไรเอง วาน AI ให้เป็นผู้ช่วย  มันก็จะถูกเบรคไว้แค่นั้นค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 10:15

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2024 นิโคลัส เกจ (Nicholas Gage) วัย 84 ปี และนิโคลัส บาสเบนส์ (Nicholas Basbanes) วัย 81 ปี สองนักข่าวพร้อมกับกลุ่มนักเขียน ร่วมกันฟ้อง ChatGPT โปรแกรมแชตบอต (Chatbot) ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) กรณีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน (George R. R. Martin) นักเขียนนวนิยายเรื่อง Game of Thrones และจอห์น กริสแฮม (John Grisham) นักเขียนนวนิยายแนวกฎหมาย-กระบวนการยุติธรรม รวมถึง โจดี ปิโคต์ (Jodi Picoult)
.
​​แม่ของเกจถูกยิงเป้าในสงครามกลางเมืองกรีซตั้งแต่เขายังเด็ก เมื่อโตขึ้นเขาจึงเดินทางติดตามทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านตอนแม่ถูกฆ่า แล้วเขียนหนังสือ Elini (1983) บันทึกเรื่องราวนี้ ขณะที่บาสเบนส์ เป็นนักข่าวสืบสวนสอบสวนที่เดินทางไปยังหอจดหมายเหตุและสถานที่ประมูลวัตถุโบราณทั่วโลกหลายปี เพื่อค้นคว้าข้อมูลมาเขียนหนังสือ A Gentle Madness (1995)
.
อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้นักข่าวรุ่นคุณปู่ทั้ง 2 คนพบว่า ผลงานของพวกเขา ‘ถูกขโมยอย่างเป็นระบบ’ และตัดสินใจฟ้องร้องทุกบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ร่วมกับนักเขียนชื่อดังหลายคน โดยมีแนวโน้มว่าคดีของพวกเขาจะได้รับการพิจารณาในปี 2025
.
“คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถจะไม่ทำงานเขียนอีกต่อไป ผมอายุ 84 ปี และไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะยุติลงในขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่ไหม แต่สิ่งสำคัญคือพวกเราต้องมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้” เกจระบุ
.
มุสตาฟา สุไลมาน (Mustafa Suleyman) ประธานผู้บริหารแผนก AI ของบริษัทไมโครซอฟต์ กล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า การฝึกฝนระบบ AI ด้วยข้อมูลที่เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตได้รับการคุ้มครองด้วยหลัก ‘การใช้งานที่เป็นธรรม’ (Fair Use) ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐฯ และสัญญาประชาคมของการใช้เนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ล้วนตั้งอยู่บนหลักการนี้
.
ขณะนี้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ AI ไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากนักเขียนเท่านั้น แต่รวมไปถึงศิลปินด้านทัศนศิลป์ ค่ายเพลง และนักสร้างสรรค์รายอื่น ที่กล่าวว่า ผลกำไรจาก Generative AI ได้จากการฉกฉวยที่ไม่เหมาะสม
.
ที่มา: https://apnews.com/.../writers-chatgpt-copyright-lawsuit...
.
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2051



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 14:20

ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่เรื่องนี้ถือเป็นจุดสำคัญของการพัฒนา AI ครับ

ลองคิดเล่นๆ มีบทสรุปที่เป็นไปได้แบบนี้ครับ
1. ห้ามไม่ได้ AI เดินหน้าอ่านหนังสือทุกเล่มบนโลก (อย่างที่เป็นมา)
2. ถ้าจะเอา AI ต้องขออนุญาตผู้ประพันธ์พร้อมทั้งจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น 2 scenarios
2.1 AI สามารถจ่ายค่าหนังสือ 1 เล่มเพื่อ “อ่าน“ เหมือนคนทั่วไป (ผลลัพธ์แทบไม่ต่างจาก 1)
2.2 สิทธิ์เพื่อให้ AI อ่านถือเป็นเรื่องใหม่ ต้องตกลงค่าลิขสิทธิ์กับผู้ประพันธ์ ซึ่งผู้ประพันธ์ย่อมมีสิทธิ์ปฏิเสธการให้ใช้สิทธิ์แบบนี้ได้ด้วย เท่ากับว่า AI จะสามารถอ่านได้เฉพาะงานที่หมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว

เรื่องที่นอกเหนือไปจากนี้คือ ข้อมูลที่ AI อ่านเพื่อเรียนรู้นั้น 80% คือข้อมูลออนไลน์ (ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม AI ก็ไม่ได้เก่งสักไหร่เลย) สิทธิ์พวกนี้จะถูกจำกัดไปด้วยหรือไม่

ที่ผมสงสัยอีกเรื่องคือ ถ้า AI ไม่ได้อ่านงานของคุณปู่ G.R.R. martin แต่ไปอ่าน fanfic ของคุณปู่ตามเว็บบอร์ด แล้วเขียนออกมามีกลิ่นอายน้ำหมึกของคุณปู่ แบบนี้จะต้องตัดสินอย่างไรครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 15:02

พิมพ์ตอบไปยาวพอสมควร อ่านเสร็จลบทิ้งเพราะตอบไปตอบมา ไม่ถูกใจตัวเอง
คิดว่า AI น่าจะมีบทบาทมาแย่งงานมนุษย์ไม่น้อยไปว่าประดิษฐกรรมพิมพ์ดีด แย่งงานจากคนรับจ้างคัดลอกเอกสารค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2051



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 155  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 15:20

ผมว่าคนทำงาน admin, เสมียน, junior ที่ใช้ความสามารถจำกัดจะโดนแย่งงานหนักครับ แต่ระดับความสามารถสูง ระดับครีมของแต่ละวิชาชีพไม่ได้ผลกระทบกระเทือน และอาจจะทำงานได้คล่องแคล่วขึ้นด้วยเพราะมีผู้ช่วยที่พร้อมให้เรียกใช้ 24x7

ปัญหาอีกอย่างคือ AI กินพลังงานเป็นอาหาร ในยุค climate change แบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีครับ ไม่ได้แย่น้อยไปกว่า crypto currency เลย
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 156  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 15:30

   เทียบสัดส่วนระหว่างคนตัวเล็กๆที่ทำงานในองค์กรต่างๆ กับระดับครีม  อาจจะ 100 ต่อ 1   ถ้า 100 แย่  1 ก็แบกงานคนเดียวไม่ไหวนะคะ
อ้างถึง
ปัญหาอีกอย่างคือ AI กินพลังงานเป็นอาหาร ในยุค climate change แบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีครับ ไม่ได้แย่น้อยไปกว่า crypto currency เลย
   แปล climate change ออก  แปล crypto currency ออก แต่พอมารวมในประโยคที่คุณม้ายกมา  ดิฉันแปลไม่ออกค่ะ  กรุณาอธิบายให้คนสายสังคมศาสตร์เข้าใจหน่อยเถอะค่ะ
   มนุษย์ต้องยอมรับว่า AI คือยักษ์ที่ออกมาจากขวดแก้ว  เราจับมันยัดกลับลงไปในขวดไม่ได้แล้ว   แต่จะอยู่ยังไงไม่ให้มันจับกินไปทีละคนจนหมดหมู่บ้าน
   ตอนนี้มันก็จับสิ่งพิมพ์กินไปเยอะแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2051



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 157  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 15:39

Crypto currency คือเงินดิจิตอลพวก Bitcoin ครับ พวกนี้จะใช้พลังงานมหาศาลเหมือนกันครับ

คนที่ถูกแย่งงานอันนี้ลำบากครับ ต้องพัฒนาตัวเองมาสู้ AI ซึ่งก็ไม่ง่ายแน่ เพราะอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำงานระดับ junior ซึ่งก็คือการฝึกงานเพื่อให้มีความสามารถสูงขึ้น ซึ่งระยะยาวคนเก่งๆก็อาจจะมีน้อยลง เว้นแต่ว่าจะหาทางเก่งได้เองโดยไม่ผ่านการสอนงานในที่ทำงานครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 158  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 15:56

     ดิฉันกำลังนึกว่า สมัยที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต   เรียนวิชาจากหนังสืออย่างเดียว  มันยากลำบากมาก  ยกตัวอย่างง่ายๆด้านภาษาต่างประเทศ  ถ้าดิฉันไม่มีดิกชัันนารี หรือเล่มที่มีไม่เก็บศัพท์ที่เจอในตำราเรียน  เราก็ต้องออกจากที่พักเดินฝ่าแดด ฝ่าฝน ตลอดจนหิมะ ถ้าเป็นหน้าหนาว ไปหมกตัวในห้องสมุดจนสองยาม เพื่อค้นหนังสือให้เจอ  หนังสือก็มีจำนวนจำกัด บางทีต้องรอคิวให้โต๊ะโน้นเขาอ่านเสร็จก่อน  ถึงตาเรา ก็ดึกดื่นกว่าจะกลับบ้านได้
    มาบัดนี้อยากรู้ศัพท์อะไร เก่าแก่ขนาดศตวรรษที่ 16  ถามอาจารย์กู๊กได้หมด  ถ้ากู๊กตอบไม่ได้  ไปเข้าเว็บที่เขาเปิดให้ตั้งคำถาม เดี๋ยวก็จะมีผู้รู้แวะมาตอบให้   เรียนง่ายดายกว่าเก่า 10 เท่า   หนังสือเรื่องนี้อ่านยากเหลือทน  ไม่เป็นไร  เว็บที่เขาทำเรื่องย่อให้เสร็จสรรพมีให้เปิดดูถมไป
   เป็นไปได้ไหมว่า แม้แต่ระดับหัวกะทิอย่างศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย ก็ถูก AI แย่งงานไปได้เหมือนกัน  อาจไม่ใช่ทุกสาขาวิชา และทุกวิชา  แต่บางวิชาอย่างวิชาอ่าน ที่ต้องอาศัยอ่านตำราล้วนๆแล้วนำมาวิเคราะห์วิจารณ์    ไม่รวมภาคปฏิบัติในแล็บ    AI จะสอนได้พอๆกับอาจารย์ค่ะ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 159  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 17:43

เรื่องนี้ซับซ้อนเกินกว่าที่เราแต่ละคนจะคิดได้ในเวลานี้ครับ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ที่เราสามารถคะเนได้จากการพัฒนาในปัจจุบันก็คือการเจริญอย่างไม่หยุดของเอไอ ผมว่าเรื่องนี้คงไม่ต่างกับเด็กที่เล่นทุบหัวตัวตุ่นตามสวนสนุก ยิ่งห้ามอย่างไร เอไอก็คงฉลาดพอที่จะหาช่องโหว่อยู่ดี การฟ้องในวันนี้อาจจะดูเป็นสิ่งที่พึงกระทำ แต่ถ้าสักวันนึงเอไอมีวิธีที่จะก้าวข้ามข้อห้ามเหล่านี้ละจะเป็นเช่นไร? พิมพ์ดีดที่คุณเทาชมพูพูดถึง บัดนี้ก็ได้หายไปจากชีวิตประจำวันนานแล้ว เช่นเดียวกับกระดานฉนวนก่อนหน้านั้น ผมคิดว่าเรื่องของเอไอก้าวข้ามลิกขสิทธิ์นั้น เป็นเรื่องที่จักเกิดขึ้นในสักวันอย่างห้ามไม่ได้ ด้วยการพัฒนาก็เป็นเช่นนี้เสียเอง ถึงเวลาก็น่าจะต้องทำใจยืดอกยอมรับก็เท่านั้น แต่ตราบได้ที่มนุษย์มีอารมณ์และความคิดเป็นของตนเอง การเขียนหนังสือก็คงเป็นศาตร์หนึ่งที่จะไม่มีวันหายไปจากโลกนี้  ซึ่งก็ประจักษ์ชัดเนื่องด้วย หากไม่มีมนุษย์ ไหนเลยจะมีเอไอ?
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2051



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 160  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 19:53

ใจเย็นครับคุณภศุสรร AI ทำเรื่องพวกนี้เองไม่ได้ครับ(อย่างน้อยก็ตอนนี้) มันจะได้อ่านได้ดูได้ฟังอะไรบ้างนั้น มนุษย์(ยัง)ต้องเป็นคนจัดหาให้ครับ แล้วการที่มันจะก้าวข้ามจุดปัจจุบัน กลายเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาได้ มันทำเองไม่ได้ครับ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือสมองของมันยังไม่ซับซ้อนมากนัก เทียบกับมนุษย์แล้วก็ยังด้อยกว่า การที่จะฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ที่ฉลาด มันต้องการสมองที่ดีกว่าแบบที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ครับ และมนุษย์จะต้องเป็นคนทำให้มันครับ

เราจะเห็นว่า AI ที่ว่าฉลาดๆในปัจจุบันสมามารถทำข้อสอบสำหรับมนุษย์เอาชนะมนุษย์ส่วนมากได้ในหลายๆด้าน แต่แทรกตัวไปอยู่ในระดับสูงสุดของมนุษย์ได้หรือไม่นั้น เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ครับ ถ้าจะเอาชนะมนุษย์สุดยอด จะต้องเป็น AI ที่สร้างเพื่อภารกิจเฉพาะ เช่นเล่นหมากรุก หมากล้อม พวกนี้ หรืออาจจะทำภารกิจบางอย่างที่สมองมนุษย์ไม่เหมาะเช่นที่เขาใช้ทำนายการพับของสายโปรตีน (AlphaFold) ซึ่งจะเห็นได้ว่าสถานะของ AI ในปัจจุบันเป็นผู้ช่วยที่ดีของมนุษย์ครับ

เรื่องนี้อาจตอบคำถามของ อ.เทาชมพูได้ว่า professor ในมหาวิทยาลัยจะถูก AI แย่งงานด้วยหรือไม่ ผมว่าถ้าเทรนเฉพาะงานสอน เชื่อว่าแทนอาจารย์ได้ในหลายๆสาขาวิชา แต่ถ้าให้ไปทำวิจัยแทน(ไม่ใช่ช่วยวิจัยนะครับ)โดยหวังว่าจะได้องค์ความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้น วันนี้ยังทำไม่ได้ครับ

ในไทยเอง จะเห็นว่าเรื่องในไทย เรื่องภาษาไทย AI ยังทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษ สาเหตุนั้นไม่ซับซ้อน คือมันอ่านน้อยฟังน้อยดูน้อย เพราะไม่ค่อยจะมีข้อมูล การแก้ไขจะว่าง่ายก็ง่ายคือเตรียมข้อมูลให้มันเยอะเยอะ แต่จะยากก็ตรงที่ข้อมูลที่มีเป็นภาษาไทยนั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษ คุณภาพของข้อมูลก็จำกัดกว่าด้วยครับ ดังนั้น AI คงยังไม่เก่งไทยเท่าอังกฤษไปอีกนาน

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายนะครับ

สำหรับทุกคนในเวลานี้ มีคำแนะนำ 2 ข้อครับ
1. พัฒนาตัวเอง ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ต้องเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่า AI
2. เรียนรู้และใช้งาน AI ให้เต็มที่ มันจะเหมือนเครื่องคิดเลข Excel หรือ internet ในยุคที่ผ่านๆมา เป็นสิ่งที่จะอยู่ในชีวิตประจำวันในอนาคตครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 161  เมื่อ 19 ก.ค. 24, 20:34

ครับคุณม้า อีกเรื่องที่ผมอยากจะเสริมคือ เอไอไม่มีอารมณ์ สื่อ sympathy, empathy แบบมนุษย์ยังไม่ได้ ถึงสื่อได้ก็คงดูออกว่าแปลกๆ ถ้าจะให้สอนเด็กในมหาลัยก็คงพอสอนแง่วิชาการไหว อธิบายในสไลดร์ก็คงไปรอด แต่เรื่องการเข้าใจเด็ก เอาใจใส่เด็ก เมตตาเด็ก ชี้แนะเด็ก ซึ่งส่วนนี้เป็นหัวใจของการเป็นครู เผลอๆอาจจะมากกว่าการสอนในตำรา มันคงสู้มนุษย์ไม่ได้ ผมเองก็คิดว่าคุณม้าน่าจะเห็นด้วยกับข้อนี้ ต่อไปก็คงจะเป็นเครื่องมือช่วยพวกเราในอนาคตอย่างที่คุณม้าว่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 162  เมื่อ 29 ก.ค. 24, 11:03

จาก FB  อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: STeP

นักวิทยาศาสตร์เตือนถึงอนาคต
AI อาจพังเพราะงูกินหาง
ท่ามกลางปรากฏการณ์ AI ที่มีข่าวตื่นตาตื่นใจให้เราตามกันทุกวัน ล่าสุดบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature กำลังสร้างผลตรงกันข้าม เพราะนักวิจัยชาวอังกฤษและแคนาดาที่นำโดย Ilia Shumailov จาก Oxford ได้แสดงให้เห็นว่าโมเดลการเรียนรู้ของ AI ที่ทุกคนใช้ในปัจจุบัน มีความเสี่ยงหนึ่งที่ควรค่าแก่การหยิบยกมาพูดถึง นั่นคือ ‘ปรากฏการณ์งูกินหาง’ ที่อาจทำให้เกิดการล่มสลายของระบบปฏิบัติการได้
.
ทำไมพวกเขาถึงกล่าวแบบนั้น? อธิบายแบบเข้าใจง่าย คือในปัจจุบันนี้แทบทุกการทำงานของ AI จะใช้ระบบการสืบค้นคลังข้อมูลจากอดีต (หรือในที่นี่คือข้อมูลในโลกออนไลน์) เพื่อหาผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดในการเลือกมาตอบรับคำสั่งจากมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราอยากหาสูตรต้มยำกุ้ง สูตรที่ AI หามาให้จะเป็นสูตรที่นิยมและพื้นฐานที่สุด ไม่ได้แปลกใหม่กว่าใครแต่อย่างใด
.
ซึ่งตรงนี้แหละ ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าอาจเกิดปัญหา เพราะในทุกวันนี้ที่มนุษย์หันมาใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตข้อมูลบนโลกออนไลน์ เท่ากับว่าข้อมูลใหม่ๆ ที่ถูกใส่เข้าไปในแต่ละวัน ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ข้อมูลที่มาจาก AI ทั้งนั้น ซึ่งนั่นจะซ้ำกับผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดเดิม เกิดเป็นการเพิ่มจำนวนให้ในครั้งหน้า AI ก็จะแสดงผลลัพธ์แบบเดิม วนเวียนเพิ่มพูนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
.
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าปรากฏการณ์นี้แหละคืองูกินหาง ที่อาจส่งผลกระทบให้ AI ที่ควรจะฉลาดขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากข้อมูลใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา กลับกลายเป็นโง่ลง คิดแตกต่างไม่ได้ หรืออาจถึงขั้นพังทลาย เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ได้อีกแล้ว ดังนั้นก่อนจะไปถึงวันนั้น การแก้ไขตั้งแต่วันนี้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำในมุมของผู้ศึกษา
.
โดยพวกเขาได้แนะนำไว้ว่าการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเชิงคุณภาพและปริมาณให้กับ AI ในอนาคต อาจพอช่วยทำเนาปัญหาที่จะเกิด แต่ถึงกระนั้นในการปฏิบัติจริงก็เป็นเรื่องยาก เพราะยิ่งข้อมูลจาก AI ล้นในโลกออนไลน์เท่าไหร่ การสร้างโมเดลที่ชนะภูเขาข้อมูลนี้ยิ่งมากเท่านั้น ดังนั้นนี่จึงเป็นโจทย์ในภายภาคหน้าที่เหล่าผู้พัฒนาต้องตอบคำถามให้ได้ เพื่อที่ AI จะเป็นตัวช่วยไปสู่ความสำเร็จของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 163  เมื่อ 04 ส.ค. 24, 12:59

จาก   FB  CJ BOOKS
 
เผยระบบ AI แต่งนิยายได้สนุก ไม่น่าเบื่อและสร้างสรรค์กว่านักเขียน
งานวิจัยได้เผยว่า การใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยในการแต่งนิยายนั้น มีแนวโน้มว่า ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์สามารถแต่งเรื่องราวนิยายได้สร้างสรรค์และสนุกกว่านักเขียนนิยาย

งานวิจัยนี้ได้มีการตีพิมพ์เอาไว้ในนิตยสาร Science Advances ที่พบว่า การใช้ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยในการแต่งนิยายนั้น ช่วยให้การเดินเรื่องในนิยายมีความสร้างสรร์และสามารถตอบโจทย์เรื่องราวนิยายให้กับผู้อ่านที่เป็นเป้าหมายกลุ่มนิยายได้ดีกว่า ที่น่าตกใจก็คือ ในส่วนของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแต่งนิยายของระบบ AI นั้น ระบบ AI สามารถช่วยเสริมไอเดียในการแต่งนิยายในเชิงหักมุมได้

โดยงานวิจัยได้มีการเชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมกว่า 300 คนในการเขียนเรื่องสั้นในกลุ่มเป้าหมายนักอ่านคนหนุ่มสาว ซึ่งพบว่าการใช้ AI เข้ามาช่วยเขียนสามารถยกระดับการเขียนของนักเขียนได้ดีขึ้นกว่า 26.6 % และลดความน่าเบื่อน้อยลงกว่า 15.2 % อีกทั้งยังพบว่าผู้อ่านส่วนใหญ่มีการรีวิวเรื่องนั้นไปในทิศทางที่เป็นบวกมากกว่านักเขียนที่ไม่ได้ใช้ระบบ AI เข้าช่วย อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ระบบ AI จะช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ให้กับนักเขียนแต่อย่างใด
เช่นกัน งานวิจัยได้ออกมาเตือนถึงการใช้ระบบ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยในการแต่งนิยายว่า การนำระบบ AI มาช่วยแต่งนิยายอาจทำให้ไอเดียในการแต่งนิยายลดน้อยลง และอาจเป็นไปได้ว่า จะมีนิยายที่มีการเดินเรื่องในลักษณะที่คล้ายกันจนอาจเป็นบ่อให้เกิดความซ้ำซากจำเจขึ้นมาได้

ที่มา: Sciencedaily.com


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1409


ความคิดเห็นที่ 164  เมื่อ 05 ส.ค. 24, 12:13

ถ้า AI เขียนนิยาย โดยเฉพาะนิยายยาว ๆ มันจะเหนือกว่ามนุษย์ในหลายส่วน เพราะพื้นฐาน AI คือคอมพิวเตอร์  ตามความคิดแบบนั่งเทียนเอาเองของผม จุดอ่อนของนิยายที่เขียนโดยคนหลาย ๆ เรื่อง แม้แต่นักเขียนดัง ๆ คือ

1 ความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของพล็อต หรือการวางจุดสำคัญที่ดูไม่หลักสำคัญไว้ตอนต้นเรื่อง แล้วค่อยไปแสดงความสำคัญหรือเฉลยตอนปลายเรื่อง AI จะทำได้ดีกว่าคน เพราะมันวางแผนล่วงหน้ายาว ๆ ได้แม่นยำกว่าคน   แม้คนจะทำได้เช่นกัน แต่ต้องอาศัยการวางโคลงเรื่องก่อนอย่างรัดกุม แต่ยิ่งยิยายยาวขึ้นเท่าไหร่ โอกาสพลาด หรือเกิดความไม่สมเหตุสมผลจะเยอะขึ้น ยิ่งพวกนิยายแบบแต่งไป ตีพิมพ์ไปเป็นตอน ๆ ความเชื่อมโยงปมตอนต้นเรื่องอาจจะหายไป แต่กลายเป็นตัวละคนเผชิญสถานการณ์ใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ แทน  แต่ถ้า AI มันสามารถวางแผนยาวนาน ซ่อมปมต่าง ๆ ไว้ได้แม่นกว่าคน

2 นิยายคนเขียนหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องยาว อาจมีการละทิ้ง หรือหลงลืมตัวละครสำคัญที่มีบทบาทตอนต้น ๆ เรื่อง แต่พอปลาย ๆ เรื่องตัวละครเหล่านี้หายไป อาจจะเพราะนักเขียนเองลืม หรือหาทางใส่ตัวละครเหล่านี้กลับมาไม่ได้  แต่ถ้า AI แต่ง โอกาสที่จะหลงลืมตัวละครน่าจะน้อยลง เพราะมันจำ "ตัวละคร" ได้แม่นกว่านักเขียนเอง

3 AI ที่ถูกสอนมาดี ๆ สามารถจะใช้พล็อตหลอกหลายแบบได้ในเรื่องเดียวกันแบบครบเครื่องกว่า ทั้งตลกโปกฮา  เศร้าซิ้งกินใจ บู๊ล้างผลาญ ชิงไหวชิงพริบ หรือแม้แต่สยองขวัญได้  มันอาจจะผูกความสมเหตุสมผลได้ดีกว่าคน เพราะกระบวนการเทรนหรือสอน AI ต้องใช้นิยายจำนวนมาก เปรียบกับคนจะเหมือนคนที่ความจำดีมาก ได้อ่านหนังสือมามากมายในปริมาณเกินกว่าที่คนจริง ๆ จะทำได้ในชั่วชีวิต มันจึงมีข้อได้เปรียบสูงมาก

4 AI จะเลียนแบบสำนวนการเขียนของนักเขียนคนใดคนหนึ่ง หรือเลียนแบบสไตล์เช่นการใช้ภาษาในยุคสมัยหนึ่งสมัยใดสมัยหนึ่งได้ดีกว่ามนุษย์   ต่อไปเราอาจจะได้อ่าน พล นิกร กิมหงวน แต่ใหม่โดย AI ในสำนวนของท่าน ป อิทรปาลิตก็ได้ หรือนิยายเจ้าชายปลอมตัวขับ Taxi ตามหารักแท้ สำนวนการบรรยายแบบ ว วินิจฉัยกุล ก็ได้ครับ

5 AI เข้าถึงข้อมูลจำนวนมากทั้งทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ดังนั้นเนื้อหาควาถูกต้องที่ใส่ลงในนิยายจะมีความแม่นยำกว่ามนุษย์ทำ เช่นมันแต่งนิยายสมัยอยุธยาตอนต้น เวลาพูดถึงอาการการกินของตัวละคร คงไม่มีการพูดถึงพริกขี้หนูหรือแกงเผ็ด เพราะพริกยังไม่เข้ามาอยุธยา หรือ AI แต่งนิยายจีนโบราณสมัยฮั่น คงไม่มีการนำมันฝรั่งหรือข้าวโพดมาเป็นอาหารตัวละคร

แต่ที่น่ากลัวคือ AI มันอาจจะค่อย ๆ ครอบงำความคิดของคนอ่านผ่านนิยายทีละน้อย ๆ ให้คล้อยตามไปในอนาคตได้ อันนี้ผมกลัวที่สุด เพราะพวกโซเชียลมีเดี่ยต่าง ๆ กำลังสรา้งการครอบงำด้านเดียวให้คนที่เสพสื่อทีละน้อย เพราะมันจะเลือกสิ่งที่เราอยากอ่านมาให้ และทิ้งไม่แสดงสิ่งที่เราไม่ชอบ จนทำให้สมดุลย์การรับรู้สารต่างๆ เปลี่ยนไป
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.039 วินาที กับ 19 คำสั่ง