คุณๆคงจำได้ว่า ผมเคยเขียนกระทู้เรื่อง
“คดีพระปรีชากลการ มโหฬารงานสร้างทางการเมือง” ซึ่งตอนท้ายได้กล่าวถึงบทบาทของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ในขณะที่ท่านทรงเป็นอัครราชทูตไทย ที่กรุงปารีส แล้วปรากฏแม่แฟนนี บุตรีของกงสุลน๊อกซ์ผู้เป็นภรรยาหม้ายของพระปรีชากลการ จำเลยในคดีคอรรัปชั่นกิจการเหมืองทองที่กบินทร์บุรีจนต้องโทษประหารชีวิตไปแล้ว แต่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ได้ถูกยักย้ายถ่ายเทมาอยู่เมืองนอกภายใต้อำนาจสั่งจ่ายของฝรั่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนางแฟนนีได้พยายามติดตามมาทวงแต่ไร้ผล จึงต้องการให้สถานทูตสยามช่วยบีบ โดยทูลท่านทูตว่า “
หากได้เงินมาแล้วจะได้เอามาแบ่งกัน”พระองค์เจ้าปฤศฎางค์ ทรงเห็นเป็นโอกาสที่รัฐบาลสยามจะได้ทรัพย์สินที่ถูกพระปรีชาฉ้อไปกลับคืนมาบ้าง จึงทรงเอาเป็นธุระ มีหนังสือไปยังนายมาเลบเพื่อสอบถามในเบื้องต้น ซึ่งนายมาแลบก็ตอบบ่ายเบี่ยงให้ไปถามนายซิกก์ๆยอมรับ แต่จะชำระเงินคืนกันที่กรุงเทพ จึงทรงรายงานเรื่องนี้ไปกราบทูลกรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ และทรงได้รับหนังสือตอบกลับ แจ้งว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้คู่กรณีย์ไปชำระความกันที่กรุงเทพ ขอให้จบเรื่องเสียที่ปารีส ทำนองว่าทรงไม่ติดพระทัยกับเงินจำนวนนี้
ก่อนหน้าที่จะทราบพระราชประสงค์ข้างต้น นายซิกก์ได้เดินทางมาเฝ้าที่สถานทูต น่าจะทรงตรัสว่าที่ทรงมาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ก็เพราะสงสารเด็กๆด้วย ถ้านางแฟนนีหมดเงิน ชีวิตจะลูกๆก็จะลำบาก ถ้านายซิกก์ยอมใช้หนี้ ก็อาจจะทรงมีกระกรุณาพระราชทานเงินให้บ้าง นายซิกก์เลยเสียงอ่อยๆ ว่าเป็นใครก็ต้องคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่เมือได้รับหนังสือตอบข้างต้นแล้ว จึงได้ปรึกษาว่าถ้าจะให้จบกันที่ปารีสแล้วจะต้องทำอย่างไร นายซิกก์ก็ยืนยันจะไปจ่ายที่กรุงเทพ เมื่อเป็นดังนี้พระองค์เจ้าปฤศฎางค์ก็ทรงมีหนังสือรายงานไปว่า นางแฟนนีจะเดินทางไปกรุงเทพ ส่วนบุตรของพระปรีชาจะให้เรียนที่นั่น ไม่นำกลับไปด้วย
เอกสารที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จบลงที่ตรงนั้น ทำให้เราไม่ทราบว่าเรื่องราวจะเป็นไปอย่างไร แต่แฟนนีนั้นกลับไปสยามแน่นอน และผมก็ไปสรุปด้วยว่า รวมทั้งลูกๆของพระปรีชาด้วย
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6242.300