พวกเราผู้ห่างไกลจากวงจรของ Wall Street
ไม่เคยสนใจตลาดหุ้น ไม่เคยแม้แต่คิดจะซื้อจะขายด้วยซ้ำ
เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นขณะนั้น
มันเหมือนเมืองทั้งเมืองถูกถล่มด้วยระเบิดลูกแล้วลูกเล่า
เพียงชั่วข้ามคืน โศกนาฎกรรมปรากฏทั่วทุกครัวเรือน
จากหายนะหนึ่งไปสู่อีกหายนะหนึ่ง
เหมือนเกมส์โดมิโนที่ล้มกลิ้งไปสู่ถนนอเวจี
คนที่จ้างให้พ่อทำงานปูพื้น สูญเสียเงินทั้งหมด ไม่สามารถจ่ายเงินพ่อได้
พ่อเองก็ติดหนี้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างท่วมท้น
อีกทั้งติดหนี้เงินกู้จากแบ็งก์ก้อนใหญ่ซึ่งตามทวงไม่ลดละ
พูดอีกนัยหนึ่ง พ่อล้มละลาย และน่าเสียดาย ไม่ได้ฟื้นกลับมาอีกเลย
สะพานจอร์ช วอชิงตัน ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ
ปกติจะเป็นสถานที่เดินเล่นชมวิวของชาวมหานครที่อยากจะหลีกลี้ใต้เงาตึกสูงใหญ่
แต่ ณ วินาทีคือสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับจบชีวิตของบรรดาผู้คนที่เกี่ยวข้องกับ Wall Street
พวกคนที่เล่นหุ้นด้วย Margin และไม่สามารถจ่ายหนี้คืนได้
Margin คืออะไรนะ เป็นศัพท์ใหม่ที่เราเพิ่งเคยได้ยินในตอนนั้น
ใครๆก็พูดกันหนาหูมาก เขาคนนั้น คุณคนนี้ตายเพราะมาร์จิ้น
มันร้ายแรงเหมือนโรคระบาดชนิดหนึ่งหรือเปล่านะ
หลายคนที่ไม่อาจอยู่สู้หน้าใครได้อีก
ก็เลือกหนทางสุดท้ายคือ ฆ่าตัวตาย
ด้วยหวังว่าอย่างน้อยก็พอมีเงินประกันสักก้อนหนึ่ง
จ่ายให้ภรรยาและลูกๆที่อยู่ข้างหลังได้
ไม่น่าเชื่อ การจบชีวิตเยี่ยงนี้
กลายเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง สมเกียรติ
ในสังคมและอารมณ์ของผู้คน ณ ห้วงเวลานั้น
นักธุรกิจผู้เคยมีหน้ามีตาในสังคม
เดินแบกตะกร้าขายผลแอปเปิ้ลสีแดงก่ำตามท้องถนนลูกล่ะ 5 เซนต์
ช่างเป็นเรื่องหดหู่เสียจริงๆ
และที่หดหู่ยิ่งกว่าก็คือ
แม้แต่เงิน 5 เซ็นต์ เราก็ยังไม่มีเลย