เรื่องนี้เด็ดขาดครับ ‘จาร
Strangers on a train (1951) เป็นหนังแนวสั่นประสาทจากฝีมือการกำกับของ Alfred Hitchcock อีกเรื่องหนึ่งที่นักวิจารณ์ทั้งอดีตและปัจจุบันให้การยกย่องถึงระดับ 4 ดาว
หนังเล่าเรื่องชายแปลกหน้า 2 คนมาเจอกันบนรถไฟ หลังจากคุยกันถูกคอถึงขนาดเล่าปัญหาส่วนตัวแลกกันฟัง คนหนึ่งก็เสนอว่าน่าจะ ฆ่า ทิ้งซะ แต่ควรจะใช้วิธี ‘ทำให้ซึ่งกันและกัน’ จะได้ไม่เป็นที่สงสัยของตำรวจ
ฉากเจอกันครั้งแรกของชายแปลกหน้า 2 คนบนรถไฟ คนหนึ่งเป็นนักเทนนิส อีกคนหนึ่งเป็นหนุ่มท่าทางมีเงิน ทั้ง 2 คุยกันถูกคอ เรื่องที่คุยมาถึงเรื่องส่วนตัวเมื่อ หนุ่มมีเงินรู้ (ความจริงรู้มานานแล้วจากการค้นคว้า) ความลับว่านักเทนนิสมีเมียแล้วแต่เจ้าหล่อนร่านมากจนเขาอยากฟ้องหย่าแล้วไปแต่งกับผู้หญิงลูกสาวนักการเมืองที่แอบคั่วกันอยู่ แต่ความหวังที่จะหย่ายากขึ้นเมื่อ เมียสำส่อนดันรู้ตัวว่าท้องโดยหาพ่อไม่เจอ เจ้าหล่อนเลยไม่ยอมตกลงหย่า
หนุ่มมีเงินแนะนำว่าเรื่องแบบนี้ต้องฆ่าทิ้งแต่นักเทนนิสจะทำด้วยตัวเองไม่ได้ เป็นต้องโดนจับ เขาจึงยื่นข้อเสนอว่าจะดำเนินการให้เพื่อแลกกับการที่นักเทนนิสจะต้องฆ่าพ่อที่เขาเกลียด เป็นการยื่นหมูยื่นแมว (ใช้สำนวนนี้ใช่ปะ) เหตุผลคือคนโดนฆ่าโดยคนแปลกหน้า โอกาสที่ฆาตกรโดนจับนั้นยากมาก
นักเทนนิสตะลึงกับข้อเสนอแต่บอกปัด ตอนผลุนผลันจากไปนักเทนนิสดันลืมไฟแช็คไว้
แทนที่จะรอการตกลงให้เป็นกิจลักษณะ หนุ่มมีเงินที่ตอนนี้คนดูรู้แล้วว่าเป็นโรคจิตด้วยก็ลงมือฆ่าเมียสำส่อนของนักเทนนิสโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
แล้วมาดักแจ้งนักเทนนิสว่า มีของขวัญมาให้ซึ่งก็คือแว่นตาของเมียที่เลนส์แตกกระจาย ซึ่งก็หมายความว่าสามารถฆ่าเมียของเขาได้สำเร็จแล้ว ตานี้ก็ถึงคิวที่นักเทนนิสจะทำงานให้เขาบ้างซึ่งก็คือไปฆ่าพ่อของตน
เมื่อนักเทนนิสปฏิเสธพร้อมบอกว่าไม่เคยได้บอกการตกลงแบบนั้นเลย หนุ่มมีเงินโรคจิตก็เริ่มตามรังควาน ถึงขนาดเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงจรชีวิตของนักเทนนิส
1.33 - หนุ่มมีเงินโรคจิตเมื่อเห็นหน้าน้องสาวของแฟนนักเทนนิสถึงกับตะลึงเพราะหน้าเหมือนเมียนักเทนนิสที่ตัวเองเพิ่งลงมือฆ่าไป และทำโจ๊กสาธิตเรื่องวิธีการฆาตกรรมคนให้ชาวบ้านดู เผอิญช่วงนั้นน้องสาวของแฟนใหม่ของนักเทนนิสเดินเข้ามาในฉาก หนุ่มมีเงินโรคจิตเห็นเข้าก็นึกถึงเมียนักเทนนิสที่ตัวเองเพิ่งฆ่าไปอีก เพราะ 2 คนนี่หน้าตาคล้ายกัน อารมณ์เผลอทำให้เขาบีบคอผู้หญิงที่ตัวเองกำลังสาธิตอยู่จนเกือบตาย
น้องสาวแฟนใหม่ของนักเทนนิสเล่าเรื่องให้พี่สาวฟัง ทำให้เธอประติดประต่อเรื่องได้ว่าฆาตกรที่ฆ่าเมียนักเทนนิสคือใคร เธอจึงไปเล่าให้นักเทนนิสฟังและนักเทนนิสก็เผยเรื่องแผนฆาตกรรมของหนุ่มมีเงินโรคจิตออกมา
หนุ่มมีเงินโรคจิตเดินเรื่องต่อด้วยการส่งรายละเอียดในการฆ่าพ่อของตนมาให้นักเทนนิส นักเทนนิสรีบไปที่บ้านหนุ่มมีเงินโรคจิตเพื่อแจ้งพ่อของเขาแต่กลับต้องเผชิญกับตัวหนุ่มมีเงินโรคจิตแทนเพราะความไม่ไว้ใจ
เมื่อเห็นว่านักเทนนิสจะล้มแผนหนุ่มมีเงินโรคจิตจึงเปลี่ยนแผนเป็นลวงให้ตำรวจจับนักเทนนิสข้อหาฆ่าเมียตัวเอง ด้วยการย้อนกลับไปที่สถานที่เกิดเหตุแล้วทิ้งไฟแช็คที่นักเทนนิสลืมทิ้งไว้บนรถไฟตั้งแต่ต้นเรื่องไว้เป็นหลักฐาน แต่พนักงานของสวนสนุกคุ้นหน้าหนุ่มมีเงินโรคจิตว่าป้วนเปี้ยนอยู่ในวันเกิดเหตุฆาตกรรม จึงไปแจ้งตำรวจ ในขณะที่ด้วยความเอะใจ นักเทนนิสจึงตามมาทัน ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น (ฉากนี้ตื่นเต้นและสนุกมาก)
ตามด้วยฉาก aftermath
ตัวอย่างหนัง
Cameo อันเป็นเอกลักษณ์ของ ผกก. AH อยู่ที่ฉากที่นักเทนนิสลงจากรถไฟ
บทนักเทนนิสเล่นโดยนักแสดงชื่อ Farley Granger บทหนุ่มมีเงินโรคจิตเล่นโดยนักแสดงชื่อ Robert Walker ทั้งคู่เป็นนักแสดงระดับรองในยุคทองของฮอลลีวู้ด RW ตายหลังจากเรื่องนี้ถ่ายทำแล้วเสร็จไปเพียง 8 เดือนเนื่องจากแพ้ยาที่ใช้รักษาโรคติดสุรา
FG เป็นนักแสดงเกย์แต่ปกปิดอีกคนหนึ่งของฮอลลีวู้ดยุคทอง เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงการถ่ายทำหนังเรื่องนี้และได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับ RW เป็นประสบการณ์ที่เขามีความสุขที่สุด ในยุค studio เธอมีหน้าฉากเป็นคู่ตุนาหงันกับ Shelley Winters และ Ava Gardner
ในตอนหนึ่งของบันทึกส่วนตัวชื่อ ‘Include Me Out’ ที่ออกขายในปี 2007 กล่าวถึง FG ที่เล่าถึงฮอลลีวู้ดยุคทองว่า
Granger feels lucky to have been a part of Hollywood's Golden Age. He writes about what may have been the quintessential Hollywood party. Gary Cooper called to invite Granger to a party for Clark Gable. Granger quickly accepted.
The Cooper estate overflowed with the town's elite: Greer Garson, Ronald Colman, Jimmy Stewart, David Niven, Ray Milland, James Mason, Deborah Kerr, Myrna Loy and many others.
"Clark Gable arrived late, and it was an entrance to remember," Granger writes. "He stopped for a moment at the top of the stairs that led down into the garden. He was alone, tanned, and wearing a white suit. He radiated charisma. He really was The King.''
หมายเหตุ – หนัง Strangers on a train เป็นหนังขาวดำเรื่องเดียวในชีวิตที่ผมดูซ้ำถึง 2 ครั้ง เพราะมันสนุกมาก ๆ