ถ้ารุ้งยังมีชีวิตต่อมาจนถึงวันนี้ เขาจะเป็นสุขกับสยามในวันนี้ ขึ้นบ้างหรือยัง?
คำถามนี้ ถามลอยๆค่ะ มันแวบขึ้นมาเมื่ออ่านข้อความนี้
สังคมทุกวันนี้อยู่ได้เพราะไม่ใช่ทุกคนคิดอย่างที่ว่านะครับ
ยังมีผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นอีกมากมาย แม้เขาเหล่านั้นอาจจะเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ที่จำเป็นต้องมีผลกำไร
รุ้งเป็นคนพูดน้อยกว่าคิด บทที่ ๒ จึงมีความคิดยาวเหยียดของรุ้ง เป็นตัวเดินเรื่อง แต่มีบทพูดอยู่ประโยคเดียว
สี่ปีครึ่งในบางขวางไม่ได้ผ่านไปอย่างซึมเซา มีแต่รอเวลาได้รับอิสรภาพ รุ้งใคร่ครวญพินิจพิเคราะห์อย่างปัญญาชนอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่า แม้ปฏิวัติมาหลายปีแล้ว สยามก็ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่นั่นเอง ต่อให้การสู้รบระหว่างรัฐบาลกับกบฏบวรเดชจะพลิกผัน ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชเป็นฝ่ายชนะ
เขาก็ยังไม่เชื่อว่าสยามจะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยไปได้
เพราะตอนนั้นระบอบการเมืองที่ฉายแสงขึ้นมาแทน คือฟาสซิสม์