จากตารางทะเบียนเรือทั้งหมด บอกได้ว่า
๑ เรือสยามอรสุมพลนั้น เป็นเรือPaddleหรือ พายแบบกงล้อหมุนข้างลำเรือ ไม่ได้ใช้ใบจักรท้ายเรือ(ถึงว่าซิครับ ใบจักรเรือยังล้ำสมัยมากในยุโรปด้วยซ้ำ) รูปที่เริมต้นจากเวปนี้ แล้วลอกต่อๆกันไปนับสิบในโลกไซเบอร์นั้น ผิดครับ
http://www.navy.mi.th/nrdo/Chakri/king4.htm๒ ผู้ที่ต่อเรือกลไฟได้ในสมัยรัชกาลที่๔นั้น มีมากมาย มิใช่เฉพาะอู่เรือวังหลวง และอู่เรือวังหน้า หรืออู่ปากคลองสานของสมเด็จเจ้าพระยาเท่านั้น ในบรรดาท่านที่ต่อได้เป็นรายแรกๆองค์หนึ่งก็คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านวม กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงกำกับราชการมหาดไทย ว่ากรมพระคลังสินค้า
เรือบางลำที่ต่อโดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ลงทะเบียนชื่อเจ้าของว่าPrime Minister ผมเพิ่งทราบบัดเดี๋ยวนี้แหละครับว่า ตำแหน่งสมุหพระกลาโหมที่ท่านดำรงอยู่ในครั้งรัชกาลที่๔ ฝรั่งเรียกว่า “นายกรัฐมนตรี”ตามความหมายในปัจจุบัน
เรือบางลำของท่านลงทะเบียนชื่อเจ้าของว่า สมเด็จองค์ใหญ่ แสดงว่าเป็สมบัติส่วนตัวของท่าน บางลำเป็นของสมเด็จองค์น้อย หริอสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ
เจ้านายและขุนนางอื่นๆที่เป็นเจ้าของเรือก็มี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ กรมหมื่นวิษณุนาทนิภาธร กำกับราชการกรมพระคลังมหาสมบัติ และพวกข้าราชการระดับพระยาสายสกุลบุนนาคหลายคน
ที่รวมกันแล้วก็จำนวนไม่น้อยคือพวกพ่อค้าจีน ที่ดังๆก็เจ้าสัวยิ้ม(พระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์) เจ้าสัวฟัก(พระยาศิริไอยสวรรค์) ญาติผู้ใหญ่ของท่านเจ้าคุณจอมมารดาเอม เจ้าสัวสอน ที่มาของชื่อตรอกเจ้าสัวสอนแถวเยาวราชทุกวันนี้ เจ้าสัวนอกนั้นชื่อยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นไทย ผมอ่านไม่ออก
๓ เรือกลไฟที่ต่อส่วนใหญ่เป็นเรือสินค้า ระวาง๒-๓รัอยตันขึ้นไป เรือรบส่วนใหญ่จะ๒๐๐ตันลงมา เพราะเน้นความคล่องตัว วิ่งเร็ว มากกว่าความจุ ในทะเบียนเรือไม่ยักแยกประเภทเรือรบกับเรือสินค้า