หายหน้าไปจัดการปลงศพญาติผู้ใหญ่หลายวันจนไม่มีเวลาตามอ่านกระทู้เลยค่ะ
ขอข้ามมาอ่าน ค.ค.ห.สุดท้าย และ คำถามทิ้งท้ายของ อ.เทาชมพูค่ะ
เรื่องนี้นับว่าแปลก เพราะทารกที่อยู่มาตลอด ๙ เดือนในท้องแม่จนคลอดออกมา ย่อมจะมีขันธ์ทั้ง ๕ คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ครบแล้ว แต่เหตุใดลุงจึงเข้าไปแทนที่ได้เมื่อคลอดแล้ว ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน
อาจารย์เข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ
การจุติและปฏิสนธิของสัตว์นั้น จะเกิดต่อเนื่องกันทันที
ไม่มีระหว่างคั่นแปลว่า....ตาย(จุติ)ปุป.... เกิดใหม่(ปฏิสนธิ)ปั๊ป
การปฏิสนธิทางวิทยาศาสตร์ ถือเอา รูปธรรมเป็นหลัก คือ ทันทีที่มีการผสมกันระหว่างไข่และsperm
ทางพุทธศาสนา ก็ถือว่า จะต้องมี ปฏิสนธิจิต หรือ วิญญานของสัตว์ที่จะมาเกิดเข้ามาครอบครอง หรือ สิง ไข่และ Sperm ที่ผสมกันแล้วนั้น
ทันทีแปลว่า วิญญานของสัตว์ที่จะมาเกิด เป็นเจ้าของร่างกายที่เริ่มแบ่งเซลล์เป็น ปัญจสาขา(2แขน+2ขา+1หัว)ทันที
ส่วนทารกนั้นจะได้เกิด และ อยู่รอดจนได้คลอดมาเป็นปกติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ อุปฆาตกรรม(กรรมที่จะมาตัดรอนชีวิต)
หากมีกรรมนี้แรงมาก ก็อาจจะแท้ง หรือ ตายเมื่อถึงเวลาคลอด นี่เป็นเพราะผลกรรมที่เคยตัดชีวิตผู้อื่นไว้
ดังนั้น การกลับชาติมาเกิด ต้องเป็นขณะปฏิสนธิ ไม่ใช่ขณะใกล้คลอด เพราะร่างทารกนั้น มีเจ้าของแล้ว
....ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ด้วยความเคารพค่ะ....
กรณีที่เจ้าคุณพระเทพสุทธาจารย์เล่ามานี้ ฟังดูคล้ายกับการเข้า
ดลใจเด็กให้คิดและเชื่อว่าเป็นใครกลับมาเกิดมากกว่า เพราะจิตผูกพันกันมาก
ไม่ใช่การสิง ไม่ใช่เกิดใหม่ แต่ "น่าจะ" เป็นการดลใจเด็กให้เชื่อตามวิญญานของผู้ตายต้องการ
และผู้ที่ตายไปแล้ว ก็เกิด(อุบัติขึ้นทันที=โอปะปาติกะกำเนิด)แล้ว ในภพที่เป็นเปรต หรือ ผี(นั่นเอง)
หากจิตผูกพันกันมาก ก็ติดตามเด็กนั้นไปจนโต หรือจนวิญญานนั้นไปเกิดใหม่ เด็กก็จะลืมว่าเคยจำอะไรได้มาก่อน
น่าสังเกตุว่า กรณีระลึกชาติได้ ส่วนใหญ่ จะลืมเมื่อโตขึ้น