เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
อ่าน: 44620 ชาติภพใช่เพียงฝัน - การระลึกชาติในประวัติศาสตร์ไทย
han_bing
นิลพัท
*******
ตอบ: 1622



 เมื่อ 10 ก.ค. 11, 10:56

เรียนสมาชิกเรือนไทย

ช่วงนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าการนั่งระลึกชาติช่างเป็นที่นิยมเหลือเกิน เดินผ่านร้านหนังสือในไทยเห็นหน้าปกเกี่ยวกับการมองชาติที่ผ่านมามากมาย

ผู้เขียนเองก็เคยไปถือศีล และฟังพระที่นับถือท่านเทศน์ ท่านไม่ปฏิเสธเรื่องอดีตชาติ แต่ท่านก็ไม่พูดเรื่องให้ไปนั่งระลึกชาติ ท่านเน้นมากๆคือกรรมอันเกิดจากการกระทำท้ังจากปัจจุบัน และจากอดีต (ท่อนนี้ท่านว่าเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ แต่ท่านฟังจากพระอาจารย์ของท่านอีกที)

โดยส่วนตัวของข้าพเจ้าเองออกจะเชื่อเรื่องอดีตชาติอยู่บ้าง จริงๆถ้าพูดให้ถูกต้องว่าเชื่อเรื่องกรรมเก่า เคยเจอกับตัวเองมาเป็นเหตุน่าอัศจรรย์ กล่าวคือ เคยป่วยหนักปางตาย ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีอาการใดๆ ที่บ้านได้แต่ทำใจไว้แล้ว ข้าพเจ้าเองขอออกไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งแถวๆสยาม เพราะไหนๆก็ไหนๆ ขอทำบุญสักหนขณะที่พอจะมีแรงทำ พอไปมีพระภิกษุชราเห็นข้าพเจ้าท่านบอกว่าให้ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร...ด่วน ข้าพเจ้าฟังแล้วก็ออกจะงงๆ พอกลับไปบ้านเล่าให้ที่บ้านฟัง แม่ซึ่งไม่ได้ไปวัดกับข้าพเจ้าก็หน้าซีด...และเล่าว่ามีคนทักเหมือนกันแต่แม่ไม่เชื่อเรื่องพรรณนี้ สุดท้ายเลยไปถือศีล ด้วยคำแนะนำจากพระที่นับถือ ว่าการรักษาศีลจะเป็นการประพฤติที่ดีที่สุด และอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย

แปลกแต่จริง พอไปถือศีล อาการป่วยค่อยๆดีขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดินไม่ได้ก็กลับไปเดินได้อีกครั้ง หมอที่รักษาก็งง ข้าพเจ้าเองก็งง ภายหลังชีวิตก็ได้เจอเหตุอัศจรรย์เล็กๆว่าด้วยเรื่องชาติภพที่ผ่านมา ไม่ได้ไปนั่งระลึกชาติเอง แต่ฝันเห็น แล้วจู่ๆมีคนมาทักสิ่งที่เราฝันอย่างละเอียด

ตัวข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนั้นเลยออกจะเชื่อเรื่องกรรมเวรในอดีต ภายหลังเริ่มรู้สึกว่าคนไทยรอบๆตัวก็เชื่อเช่นนี้เยอะแยะ  ที่บ้านก็เล่าว่า ครั้่งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ของเราเคยมีคดีทรงเจ้าเข้าผีกลับชาติมาเกิดยกใหญ่ และหลายสิบปีก่อน ก็มีเรื่องเด็กหญิงอะไรก็ไม่รู้เป็นวิญญาณ แล้วมาช่วยคุณหมอสักท่านที่ป่วย

ข้าพเจ้ายกขึ้นมานี้ไม่ได้หวังชวนให้คนงมงาย แต่ด้วยอยากทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดังในสังคมไทยกี่ครั้ง และเรื่องดังกล่าวท่านใดเคยอ่านผ่านตาบ้าง ข้าพเจ้าอยากได้ประดับเป็นความรู้

สวัสดี
บันทึกการเข้า
han_bing
นิลพัท
*******
ตอบ: 1622



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 10 ก.ค. 11, 11:17

ปล. ไม่ได้ชวนให้งมงาย แต่สงสัยจริงๆว่าเหตุใดยุคนี้ (หรืออาจก่อนหน้านี้) คนไทยจึงนิยมเรื่องเหล่านี้นัก คิดว่าเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศหรือไร ถึงขั้นอยู่ในขีดน่ากลัว เพราะข้าพเจ้าถูกสอนว่า "เกิดแล้วดับ แล้วผ่าน รู้เรื่องที่ผ่านอย่าได้ยึดติด อาจเป็นเพียงความหลงนึก แต่จำไว้ว่าหากเป็นสิ่งที่เรารู้ว่าทำแล้วไม่ดี จะเคยทำมาจริงหรือไม่ ก็ขออย่าได้ปฏิบัติเช่นนั้นอีก"

แต่ดูหนังสือปัจจุบันมีอะไรแปลกที่ข้าพเจ้ารู้สึกเชิงน่ากลัวมากมาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 10 ก.ค. 11, 20:43

นึกไม่ออกว่าในประวัติศาสตร์ไทยมีการบันทึกเรื่องระลึกชาติไว้แบบเป็นทางการหรือไม่
หัวข้อนี้ต้องขอผ่านค่ะ    เชิญท่านอื่นดีกว่า
บันทึกการเข้า
Thida
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 09:12

บังเอิญเมื่อวานพบเว็บนี้ค่ะ

https://sites.google.com/site/reincarnationthailand/ceaphraya-sursakdi-mntri

มีประวัติส่วนหนึ่งของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (อ่านพบเฉยๆ นะคะ ยังไม่ได้ได้ค้นข้อมูลจากที่อื่นเพิ่มเติมว่าตรงกันหรือเปล่า เพราะถ้าค้นในเว็บส่วนมากก็สำเนาต่อๆ กันมา หาข้อเท็จจริงยาก)

เขาบอกว่าเขาได้ศึกษาเรื่องนี้จริง ก็เป็นเรื่องแปลก ส่วนมากคนที่ระลึกชาติได้ในข้อมูลมักจะเป็นการจากชาติที่แล้วอย่างไม่เต็มใจ

อ่านแล้วก็กึ่งน่ากลัว ก็ดีไปอย่างนะคะ การเชื่อชาติภพทำให้ตั้งใจสร้างสิ่งดีงามไว้ในแต่ละชาติ

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 17:36

อ้างถึง
และหลายสิบปีก่อน ก็มีเรื่องเด็กหญิงอะไรก็ไม่รู้เป็นวิญญาณ แล้วมาช่วยคุณหมอสักท่านที่ป่วย

ข้าพเจ้ายกขึ้นมานี้ไม่ได้หวังชวนให้คนงมงาย แต่ด้วยอยากทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดังในสังคมไทยกี่ครั้ง และเรื่องดังกล่าวท่านใดเคยอ่านผ่านตาบ้าง ข้าพเจ้าอยากได้ประดับเป็นความรู้

^
น่าจะเป็นเรื่องนี้นะครับ


http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=390
บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 20:08

กระทู้นี้น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ประเด็นจริงหรือไม่ เพราะไม่สำคัญเท่ากับ ได้อะไรจากการระลึกชาตินั้นค่ะ

พระพุทธเจ้า ในคืนก่อนจะตรัสรู้ ท่านก็ระลึกชาติได้ จากอำนาจของสมาธิขั้นสูง คือ ฌาน

ผลของฌาน จะทำให้มีอภิญญา หรือ อำนาจจิตวิเศษ ที่จำเรื่องในอดีตได้ราวกับตาเห็น

จึงย้อนไปเห็นภพชาติว่า เคยเกิดเป็นใคร หรือ อะไร ที่ไหน = ปุพเพนิวาสานุสติญาน

พระพุทธเจ้าได้อะไรจากการระลึกชาติ =>> เห็นกรรมที่เคยทำไว้ และ การรับผลของกรรมที่ผ่านมาแต่ละชาติ

เป็นปัญญาที่ช่วยให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตพัฒนาเรื่อยไปตามลำดับจนบรรลุอริยสัจ 4 และนิพพาน

เขียนมายาว เพื่อ ยืนยันว่า การระลึกชาติมีจริงค่ะ ตายแล้วเกิดใหม่ จำอดีตชาติได้ มีจริงค่ะ

แต่จะต้องระวัง เพราะ ระลึกจริง หรือ จิตคิดไปเอง อันนี้ แยกได้ยากมาก หากเรายังมีกิเลส

ยิ่งไปให้คนอื่น ดูกรรมเก่าให้เรา ยิ่งเสี่ยงเข้าไปใหญ่ เรารู้ได้อย่างไรว่า เขามี อภิญญา

และขอเตือนว่า พระพุทธองค์เท่านั้น ที่จะระลึกชาติจนรู้กรรมและผลของกรรมของสัตว์ได้แม่นยำ

นอกนั้นไม่แน่นอนค่ะ เพราะกิเลสยังไม่หมด

พระรูปที่เตือนคุณหาญให้ไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรนั้น อาจเป็นได้ว่าท่านฝึกจิตมาดีจะทำให้เห็นอะไรที่ตาเนื้อไม่เห็นได้

แต่ไม่เสมอไปนะคะ อย่าไปติดยึด สมาธิที่ไม่แนบแน่น เสื่อมได้ค่ะ





บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 20:14

ดิฉํนมีหนังสือเเรื่องตายแล้วเกิดใหม่จำญาติในอดีตได้มากมาย อ่านแล้วก็งั้น ๆ ค่ะ

ที่น่าตกใจคือ พวก "ตายแล้วฟื้น" ยังไม่พบสักรายที่ตายจริง แต่เล่าเรื่องราวยาวเหยียดเป็นตุ เป็นตะ

เรื่องพวกนี้ ทางการแพทย์ ยืนยันได้ว่า ตายจริงหรือไม่

ทางหลักธรรมก็อธิบายได้หมด ว่าไอ้ที่อ้างว่าไปนรกสวรรค์มานั้นคืออะไร

มีทั้งหมอ ทั้งพระ มาให้เหตุผลมากมายแล้ว แต่ไม่ค่อยจะมีคนเชื่อกัน

มักจะเชื่อคนที่ "สลบแล้วฝัน" และยอมรับกันไปหมดว่า นั่นคือ "ตายแล้วฟื้น"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 20:24

สวัสดีค่ะ คุณ Navarat.C และคุณ Ruamrudee

ขอเล่าเป็นความรู้ประกอบ

ชาวพุทธเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด  ตามที่ปรากฏอยู่มากมายในพระไตรปิฎก  ว่าด้วยการเสวยพระชาติต่างๆของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณก่อนจะตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระพุทธเจ้าท่องเที่ยวในภพภูมิต่างๆนับแสนโกฏิชาติ เป็นคนบ้าง เทพบ้าง สัตว์บ้าง เท่าที่พบในชาดกเรื่องต่างๆ 547 เรื่อง ปรากฏว่า พระองค์ได้เสวยพระชาติต่างๆ ดังนี้

พรหม 1 ครั้ง พระอินทร์ 17 ครั้ง    เทวดา 44 ครั้ง คือ รุกขเทวดา 30 ครั้ง เทวดาทั่วไป 7 ครั้ง เทพบุตร 3 ครั้ง สมุทรเทวดา 3 ครั้ง อากาศเทวดา 1 ครั้ง
มนุษย์ชั้นสูง 184 ครั้ง คือ จักรพรรดิราชาและพระราชา 44 ครั้ง พระโอรสของพระราชา 23 ครั้ง พรามหมณ์ พราหมณ์มหาศาล 38 ครั้ง อาจารย์ทิศาปาโมกข์ 18 ครั้ง ปุโรหิต 18 ครั้ง อำมาตย์ มหาอำมาตย์ 15 ครั้ง บัณฑิต 12 ครั้ง ราชเสวก 10 ครั้ง พระยา 5 ครั้ง ราชครู 2 ครั้ง พนักงาน 1 ครั้ง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ 1 ครั้ง
มนุษย์ทั่วไป 80 ครั้ง คือ เศรษฐี บุตรเศรษฐี กฎุมพี 30 ครั้ง พ่อค้า 16 ครั้ง กุมาร 6 ครั้ง คนจนเข็ญใจ 4 ครั้ง ชาวนา 3 ครั้ง มาณพ 3 ครั้ง จัณฑาล 3 ครั้ง โจรและนายโจร 3 ครั้ง คนสอนช้าง 2 ครั้ง หมองู 1 ครั้ง ช่างทอง 1 ครั้ง ช่างหม้อ 1 ครั้ง ช่างตัดผม 1 ครั้ง นายขมังธนู 1 ครั้ง คนตีกลอง 1 ครั้ง นักเลงสุรา 1 ครั้ง นักกระโดด 1 ครั้ง คนงาน 1 ครั้ง ประชาชนทั่วไป 1 ครั้ง อาจารย์ดีดพิณ 1 ครั้ง มนุษย์ออกบวช 66 ครั้ง คือ พระดาบส 40 ครั้ง ฤษี 25 ครั้ง ปริพาชก 1 ครั้ง

 นอกจากนี้ ทรงบังเกิดเป็นเดรัจฉาน 114 ครั้งแยกเป็น สัตว์ป่า สัตว์บ้าน สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ คือ
สัตว์ป่า วานร วานรเผือ และพระยาวานร 16 ครั้ง ราชสีห์ พระยาราชสีห์ 9 ครั้ง เนื้อทรายทอง พระยาเนื้อ 8 ครั้ง ช้าง ช้างแก้ว พระยาช้าง และพระยาช้างเผือก 7 ครั้ง สุนัขจิ้งจอก 2 ครั้ง กวาง กวางทอง 2 ครั้ง พระยาหนู 2 ครั้ง กระบือ 1 ครั้ง กระต่าย 1 ครั้ง กบ 1 ครั้ง
สัตว์บ้าน ม้า พระยาม้า 4 ครั้ง โค ดคอุสภะ 4 ครั้ง สุกร 1 ครั้ง สุนัขบ้าน 1 ครั้ง
สัตว์ปีก หงส์ พระยาหงส์ หงส์ทอง พระยาหงส์ทอง 8 ครั้ง พระยานก 3 ครั้ง นกกระจาบ 3 ครั้ง นกยูง นกยูงทอง 3 ครั้ง พระยากา 2 ครั้ง นกสุวโปดก 2 ครั้ง (นกแก้ว หรือนกแขกเต้า) พระยาครุฑ 2 ครั้ง พระยาไก่ พระยาไก่ป่า 2 ครั้ง นกดุเหว่า 2 ครั้ง นกหัวขวาน 2 ครั้ง นกกระทา 2 ครั้ง นกจากพราก 2 ครั้ง พระยานกออก 1 ครั้ง นกกาน้ำ 1 ครั้ง นกขมิ้น 1 ครั้ง นกมูลโค 1 ครั้ง
สัตว์เลื้อยคลาน ตะกวด (เหี้ย) พระยาเหี้ย 3 ครั้ง พระยานาค 3 ครั้ง
สัตว์น้ำ ปลา พระยาปลา 3 ครั้ง 3 ครั้ง

อภิญญาที่คุณร่วมฤดีเอ่ยถึง ขออธิบายว่า อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน
แบ่งเป็น 2 ระดับ คืออภิญญา 5  จัดเป็นชั้นโลกียะ คือยังอยู่ในระดับโลก  
    อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
    ทิพพโสต มีหูทิพย์
    เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
    ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
    ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
 
   การบรรลุอภิญญา 5 มีมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล    ฤๅษีชีไพรที่ฝึกจิตได้กล้าแข็งก็สามารถบรรลุได้มากมาย   แต่เป็นอภิญญาชั้นโลกียะ ไม่ทำให้หลุดพ้นจากกิเลส  พระเทวทัตเองก็สำเร็จอภิญญาชั้นโลกียะ
   ส่วนข้อ 6  เรียกว่า    อาสวักขยญาณ คือรู้การทำกิเลสให้สิ้นไป    เป็นคุณสมบัติของพระอริยบุคคล   มีในพุทธศาสนาเท่านั้น  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 20:26

ดิฉํนมีหนังสือเเรื่องตายแล้วเกิดใหม่จำญาติในอดีตได้มากมาย อ่านแล้วก็งั้น ๆ ค่ะ

ทางหลักธรรมก็อธิบายได้หมด ว่าไอ้ที่อ้างว่าไปนรกสวรรค์มานั้นคืออะไร
มีทั้งหมอ ทั้งพระ มาให้เหตุผลมากมายแล้ว แต่ไม่ค่อยจะมีคนเชื่อกัน
มักจะเชื่อคนที่ "สลบแล้วฝัน" และยอมรับกันไปหมดว่า นั่นคือ "ตายแล้วฟื้น"
อยากฟังว่าทางหลักธรรมอธิบายว่าอะไรค่ะ    หมายถึงเป็นนิมิตเท่านั้นหรือคะ
บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 22:58

พระภิกษุหลายรูปเคยอธิบายเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นระบบ จะหาเวลาค้นมาแปะให้อ่านต่อไป

จากความเข้าใจของตนเอง สรุปดังนี้ค่ะ

ภพชาติและการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง คนตายแล้วเกิดกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ต่อทันทีที่ดับจิต ขึ้นกับกรรมที่ทำไว้จะส่งไปเกิดเป็นอะไรในภูมิไหน ซึ่งมี 31 ภูมิ

คนที่ตายแล้วเกิดทันที เพราะมีบุญจะได้เกิดเป็นมุนษย์อีกครั้งอย่างต่อเนื่อง หากมีจิตที่ห่วง หรือ ติดยึดกับอดีตรุนแรง เมื่อได้เกิดทันที ก็ยังมีความจำเดิมเหลืออยู่ กรณีแบบนี้ มีไม่มาก (มีคนรวบรวมมาพิมพ์หนังสือ เวลานี้เห็นขายกัน เล่มใหญ่ ๆ หนักมาก)

ส่วนใหญ่ จะไปเกิดเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ ไปเสียเวลาอยู่ในที่ใหม่ ๆ นานไปก็ลืมภพชาติเดิม จนกว่าจะมีอะไรมากระตุ้นเตือนให้จำได้ เช่น ฝึกจิตให้เข้าถึงการระลึกได้ หรือ เพียงสมาธิบางระดับ ก็จะรับรู้ได้ เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ชัดเจนก็มี หรือได้ไปในที่ ๆ จิตเคยได้รับกระทบทางใจรุนแรง ผูกพันรุนแรง บางทีก็กระตุ้นให้จำได้ขึ้นมา

ที่เล่ามาทั้งหมด เป็นอำนาจของธรรมชาติที่ชื่อว่า สัญญาขันธ์ คือ ความทรงจำ เป็นธรรมชาติที่มีกันทุกคน และ สะสมไปเรื่อย ๆ ทุกภพชาติ ไม่มีสิ้นสุด มากมายมหาศาล มากจนสับสนและหลงลืม แต่...มันไม่หายไปไหน เมื่อไรที่จิตสงบ ก็ย้อนไประลึกได้

ความจำนี้ ข้ามภพชาติ และ ทำให้เกิดความคุ้นชินในการทำ คิด พูด ที่เราเรียกว่า นิสัย และสันดานนั่นเอง

เกิดใหม่ ก็มีแนวโน้มที่จะทำอะไรที่เคยทำ พูด หรือ คิด ในรูปแบบที่เคยชินจากอดีตที่สะสมกันมา

ในพระไตรปิฏกมีหลายเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงยืนยันว่า ไม่ได้ทำเช่นนี้แต่ในชาตินี้เท่านั้น แต่ชาติที่แล้ว ๆ มาก็ทำแบบนี้

นี่คือ ร่องรอยของความจำ หรือ สัญญาขันธ์ มีในตัวมนุษย์ทุกคน

ดร.อาจอง ชุมสาย คิดวิธีเอายานอวกาศลงดาวอังคารได้ ก็โดยใช้วิธี สงบจิตให้เป็นสมาธิ เพื่อไปค้นหาความรู้ ที่เคยรู้ หรือ เคยเห็น เคยทำได้ในอดีต หรือ ในจักรวาล มาใช้จนประสบความสำเร็จที่ Nasa
บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 23:08

อ้างถึง
ปล. ไม่ได้ชวนให้งมงาย แต่สงสัยจริงๆว่าเหตุใดยุคนี้ (หรืออาจก่อนหน้านี้) คนไทยจึงนิยมเรื่องเหล่านี้นัก คิดว่าเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศหรือไร ถึงขั้นอยู่ในขีดน่ากลัว เพราะข้าพเจ้าถูกสอนว่า "เกิดแล้วดับ แล้วผ่าน รู้เรื่องที่ผ่านอย่าได้ยึดติด อาจเป็นเพียงความหลงนึก แต่จำไว้ว่าหากเป็นสิ่งที่เรารู้ว่าทำแล้วไม่ดี จะเคยทำมาจริงหรือไม่ ก็ขออย่าได้ปฏิบัติเช่นนั้นอีก"

แต่ดูหนังสือปัจจุบันมีอะไรแปลกที่ข้าพเจ้ารู้สึกเชิงน่ากลัวมากมาย

คุณหาญคะ ที่คนไทยนิยมเรื่องแบบนี้กันมาก เพราะขาดความเข้าใจธรรมชาติ เนื่องจากไม่ได้ศึกษาธรรมะ จะรู้สึกแปลก มหัศจรรย์

เมื่อมีทุกข์ ก็จะค้นหาเหตุ แต่มักไม่สนใจเหตุในปัจจุบัน มักโทษว่า เป็นผลจากอดีตชาติ เพราะปัจจุบัน "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่"

ครูสอนว่าเกิดแล้วดับ อย่าติดยึด อย่าทำผิดซ้ำ ๆ ท่านสอนถูกแล้ว แต่ธรรมะเป็นอนัตตา หากขาดสติ จะทำผิด ๆ ซ้ำ ๆ ทันที โดยไม่รู้ตัว นี่คือเหตุผลที่เราควรฝึกสติ อย่างน้อยเพื่อได้มีโอกาสเลือกว่า จะทำผิด ซ้ำ ๆ อีกไหม

คนขายหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ต่างอะไรกับพวกหมอดู หรือ คนขายประกัน อาจารย์ฮวงจุ้ย คือ......

สร้างความกลัว และ สร้างความโลภ เพื่อผลทางธุรกิจ รับแก้กรรมไม่คิดเงินแต่ต้องทำบุญมิฉะนั้นอายเขา หรือ ต้องซื้อประกันวินาศภัยจากการชดใช้กรรม ฯลฯ

สรุปคือ ขอให้เชื่อครู "อย่าติดยึด" และขอให้มีสติ อยู่กับปัจจุบัน จะมองเห็นเองว่าเรามีความเคยชินอะไรที่ไม่ดี แล้วแก้เสีย
 พระพุทธเจ้าท่านบรรลุนิพพานด้วยการไม่ทำผิดซ้ำ ๆ ค่ะ
บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 13 ก.ค. 11, 23:24

อ้างถึง
อยากฟังว่าทางหลักธรรมอธิบายว่าอะไรค่ะ    หมายถึงเป็นนิมิตเท่านั้นหรือคะ

คำว่านิมิต ทางธรรม หมายความว่า เครื่องหมายให้ระลึกได้ จำได้ค่ะ

อาจจะเป็นภาพ เป็นเสียง ปรากฏในฝัน ปรากฏตรงหน้า ด้วยตาเนื้อมองเห็น หรือ ด้วยตาทิพย์ในขณะมีสมาธิจิต หรือ ปรากฏในวิถีจิตใกล้ตาย เป็นการรู้ทางใจของคน ๆ นั้น

พวกสลบแล้วอ้างว่าไปโน่นนี่มานั้น เข้าข่าย ฝันค่ะ เพราะจิตมนุษย์หากยังไม่ตาย ยังคิดไม่หยุด โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องสั่งหรือแม้แต่เวลาเราหลับ เขาก็ยังไม่หยุดทำงานของเขา

ทีนี้ ฝันนั้น มีจริงก็มี ไม่จริงก็มี คิดไปเอง(จิตอาวรณ์) หรือ เทวดาบอก(เทพสังหรณ์) หรือ เป็นผลของกรรมที่ทำมา(กรรมนิมิต) และ  อาหารไม่ยอ่ย หรือ ยังย่อยไม่เสร็จ ก็ฟุ้งซ่านไปม่หยุดแม้แต่เวลาเราหลับ(ธาตุพิการ)

คนที่จะฝันแม่นนั้น มักจะเป็นคนมีศีล มีการฝึกจิตให้สงบระงับ มีสติและสมาธิ การคิดฟุ้งซ่านที่จะก่อให้เกิดจิตอาวรณ์ก็จะน้อยลง และ ไม่กินอะไรจนธาติพิการอาหารไม่ย่อยอยู่แล้ว จะช่วยเพิ่มความฝันให้แม่นยำได้ แม้จะยังไม่ 100%

เล่าสู่กันฟังนะคะ อาจจะมีผิดพลาดก็ขอกราบอภัยและขอให้ผู้รู้มาร่วมขัดเกลาความเข้าใจด้วยค่ะ

สำหรับคุณหาญที่ถามหาเรื่องระลึกชาติได้ในประวัติศาสตร์ไทยก็ดีนะคะ ใครมีข้อมูลก็ช่วยกันเล่าไว้เป็นหลักฐาน

ขออย่างเดียว อย่าไปหลงเชื่อพวกทายทักว่า คุณเคยเป็นทหารพระเจ้าตาก ทหารพระนเรศวร ฯลฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานอะไรจะยืนยันได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 14 ก.ค. 11, 10:35

อยากฟังคุณร่วมฤดีอธิบายเรื่อง "เจ้ากรรมนายเวร" ค่ะ   
หลังๆนี้ได้ยินบ่อยมาก   ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโรคอะไรที่หมอหาสาเหตุไม่พบ หรือเป็นโรคที่รักษาไม่หาย   หรือเกิดอุบัติเหตุเภทภัยอย่างที่ไม่น่าจะเกิด    ก็จะมีคำอธิบายว่า มาจากเจ้ากรรมนายเวร   ดิฉันเห็นว่าเป็นคำตอบที่อิงความเชื่อมากกว่าเหตุผล ก็เลยอยากฟังคุณร่วมฤดีอธิบายมากกว่า

เรื่องการเสวยพระชาติของพระโพธิสัตว์ข้างบนนี้  ลืมบอกไปว่า เอามาจากเว็บ คลังปัญญาไทย ค่ะ  โดยส่วนตัว คิดว่าบางส่วนเป็นนิทานสอนธรรมะ  บางส่วนก็แต่งขึ้นภายหลังพุทธกาล
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 14 ก.ค. 11, 10:41

อ้างถึง
แต่ดูหนังสือปัจจุบันมีอะไรแปลกที่ข้าพเจ้ารู้สึกเชิงน่ากลัวมากมาย

ไม่ทราบว่าหนังสือเหล่านั้นมีอะไรบ้างที่ทำให้คุณหาญบิงกลัว  แต่อยากจะเสนอข้อคิดอย่างหนึ่งว่า ศาสนาพุทธไม่ได้มีเอาไว้ให้กลัว   แต่มีเพื่อทำปัญญาให้กระจ่างแจ้ง จะได้หลุดพ้นจากอวิชา หรือความไม่รู้
ที่ไหนมีความกลัว ที่นั้นก็ไม่มีปัญญา  เพราะเราจะถูกครอบงำด้วยความเชื่อที่ไม่ขึ้นกับเหตุผล  ซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับปัญญา
บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 14 ก.ค. 11, 11:55

ประสบการณ์เรื่อง ตายแล้วฟื้น อีกเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เล่าไว้ เป็นประสบการณ์ของตัวท่านเอง ในหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค

http://www.luangporruesi.com/54.html

เรื่องของ "เจ้ากรรมนายเวร" ในพระไตรปิฎกไม่มีการกล่าวถึงไว้ เป็นคำที่มาปรากฎในครั้งหลัง เพื่อจะสร้าง "กรรมที่กระทำในอดีต ที่จะมาส่งผลในปัจจุบัน" อันเป็นนามธรรม ให้มีรูปร่างขึ้นมาเป็น "รูปธรรม"



บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง