รู้ไว้ไม่ “เงือก”
เมื่อพูดถึง “เงือก” ในภาษาไทย ตามความหมายที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตให้ไว้ สรุปได้ ๓ ความหมายดังนี้คือ
๑. “งู” โบราณอย่างในสมัยอยุธยาใช้ความหมายนี้
๒. สัตว์นํ้าในนิยาย ท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นปลา
๓. นกในวงศ์ Bucerotidae
(ไม่นับคำสแลง ที่หมายถึง หน้าตาไม่สวย เช่น หน้าเงือก ใครที่เพื่อนชมว่า เหมือน “เงือก” ควรระแวง)
ในยุคปัจจุบัน พอพูดถึง “เงือก” ก็คงไม่ค่อยมีใครนึกถึงความหมายว่า “งู” ภาพในจินตนาการของคนก็อาจจะเป็น นางเงือก (Mermaid) ที่ท่อนบนเป็นหญิงสาวสวยงาม อย่างในเรื่องพระอภัยมณี หรือ นางสุพรรณมัจฉา ธิดาของทศกัณฑ์กับนางปลา ในรามเกียรติ์ของเรา หรือไม่ก็ นางเงือกจากเรื่อง Little Mermaid การ์ตูนของดิสนีย์ ไม่ใช่ภาพของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว อย่างความหมายที่ ๒ ข้างต้น ถ้าไม่สวย พระอภัยคงไม่เอา
หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนผู้เขียนว่า “นางเงือก” นี้ ไทยเราไปรับมาจากอินเดียหรือไม่ ผู้เขียนจึงลองไปค้นคว้าและ พบว่า นางเงือก แบบ Mermaid อย่างในเทพนิยายตะวันตกนั้น อินเดียโบราณไม่รู้จักเลย ในภาษาสันสกฤตไม่มีคำเรียก นางเงือก แบบ Mermaid อีกทั้งในเรื่องรามายณะ ของอินเดียตอนจองถนน (อินเดียเรียก ผูกสะพาน “เสตุพันธะ”) ก็ไม่มีกล่าวถึง นางเงือกสุพรรณมัจฉา มีกล่าวถึงเพียงพระรามตั้งพิธีบูชาพระสมุทร เพื่อขอให้ตนและเสนาได้ข้ามไปยังลังกาทวีป แต่ ๓ วันล่วงแล้วพระสมุทรยังไม่หือไม่อือ พระรามเลยกริ้วจะยิงศรให้มหาสมุทรแห้ง พระสมุทรเลยต้องรีบขึ้นมาขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่ให้สัตว์น้ำมารบกวน ตรงที่ที่พระรามและเหล่าเสนาสามารถถมทะเลสร้างสะพานข้ามไป
เมื่อค้นไป “นางเงือก” ในภาษาอินโด-อารยันปัจจุบัน เป็นคำที่สร้างใหม่ทั้งสิ้น เช่น ภาษาฮินดี ปัญจาบี เป็นต้น เรียกว่า ชลปารี ภาษาเนปาลี เรียกว่า มัตสยกันยา หรือภาษาเบงคลีเรียก มัตสกันยา เป็นต้น
ในวรรณคดีโบราณ อมนุษย์ที่ปรากฏมีลักษณะครึ่งบนเป็นมนุษย์ และครึ่งล่างเป็นงู อย่างน้อยที่พบในงานศิลปะ ก็คือ พวก “นาค” และ “นาคกันยา” อย่างในงานภาพสลักนูนต่ำของพุทธ ก็มีให้เห็นหลายชิ้น ในวรรณคดีบาลีสันสกฤตก็เช่น ในชาดก หรือ นางอุลูปี ในมหาภารตะ
สิ่งที่น่าสนใจและควรค้นต่อไปก็คือ ไทยเราเริ่มรับรู้เรื่อง “เงือก” แบบสวยงาม ตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะรับรู้ผ่านต่างชาติ อย่างฝรั่งมังค่าที่เข้ามาติดต่อกับสยามในสมัยก่อน
ในรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ อธิบายว่า เงือกเป็นอมนุษย์ที่ท่อนบนเป็นหญิง มีใบหน้าเล็กเท่างบน้ำอ้อย โผล่จากน้ำมาครึ่งเดียว ส่วนท่อนล่างอยู่ในน้ำ คาดว่าน่าหางน่าจะเป็นปลา พระยาอนุมานราชธนค้นคำว่า เงือก ในภาษาไทต่าง ๆ พบว่าภาษาไทอาหม เงือกแปลว่าสัตว์น้ำในนิยาย นาคน้ำ ในภาษาไทใหญ่ เงือกแปลว่าจระเข้. ในภาษาไทขาว เงือกแปลว่างูที่ปรากฏในนิยายว่าอยู่ตามห้วย
จากหลักฐานที่พบ นอกจากวรรณคดียุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในสัพะพะจะนะพาสาไท ก็เก็บความหมายทั้งสามนี้ไว้แล้ว คำที่น่าสนใจคือ “เงือกน้ำ” ที่พจนานุกรมให้ความหมายว่า Sirene fabulosa cujus pars superior est mulieris et inferior piscis หมายถึงสัตว์ในเทพนิยาย (ในที่นี้เทียบกับ เงือกฝรั่งที่เรียกว่า ไซเรน) ร่างกายส่วนบนเป็นหญิงและส่วนล่างเป็นปลา เราไม่ได้ว่า หางของพวกนี้เป็น “งู” ดังความหมายของคำว่า “เงือก” แต่โบราณ
น่าค้นต่อไปว่า “นางนาค” “นาคกันยา” นี้ จะเป็นที่มาของ “นางเงือก” ได้หรือไม่ เพียงแต่ภายหลัง “หางงู” มากลายเป็น “หางปลา” แทน
เรื่องนี้ รู้ไว้ รับรองไม่ “เงือก” (ความหมายแบบสแลง)
ผศ. ดร. ชานป์วิชช์ ทัดแก้ว
สาขาวิชาภาษาเอเชียใต้ ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
https://www.facebook.com/southasianlanguageschula/posts/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%B4%E0%B8%95/1477587945636127/