ถัดจากบางปิ้งไป ก็จะถึงคลองด่าน ในสมัย 2480-2499 การเดินทางระหว่างบางปะกง - กรุงเทพ ใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่านี้ การเดินทางใช้เวลาสองสามวัน และรถโดยสารจะมาหยุดพักครึ่งทางที่คลองด่านนี้. ที่คลองด่านมีวัดบางเหี้ยตั้งอยู่ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสมานมัสการหลวงพ่อปาน ผู้สร้างเขี้ยวเสืออันโด่งดัง
เผลอหน่อยเดียวไปถึงระยองแล้ว ยังไม่ได้แวะพัทยา บางละมุง สัตหีบเลย
ที่คุณณลกล่าวว่าการเดินทางต้องใช้เวลาถึงสองวันและต้องแวะพักที่คลองด่านก่อนนั้น ผมเข้าใจว่าคงเป็นการเดินทางด้วยเรือไปตามคลองสำโรงเพื่อไปเมืองบางปะกงและเมืองแปดริ้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องแล่นเรือออกไปทางปากน้ำเจ้าพระยา ลัดเลาะไปตามชายฝั่ง ซึ่งมีคลื่นลมแรง เป็นอันตรายกับเรือเล็ก
ถาวร สุวรรณ อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อนสนิทของ สนิท เอกชัย (เรือใบ) ชาวชลบุรี เขียนบันทึกไว้ในหนังสือ "ฝ่าทะเลน้ำหมึก" ไว้ดังนี้
โดยปกติแล้วผมมักจะเข้ากรุงเทพฯ (หลังสงครามโลกครั้งที่สองสงบ พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๔๘๙) อยู่ค่อนข้างบ่อยเฉพาะวันเสาร์หรือไม่ก็วันอาทิตย์ ออกจากชลบุรีตีสี่ (รถเมล์) เสียเวลารอแพขนานยนต์ที่ท่าข้ามบางปะกง แล้วจึงจะเดินทางต่อเข้าไปจอดที่สามแยก (คงจะหมายถึงแยกเฉลิมบุรีหรือแยกต้นประดู่-ลุงไก่) ผมจะไปดูละครเวทีที่เฉลิมนคร หรืออีกทีก็เฉลิมไทยรอบเที่ยง พอละครเลิกก็กลับมาขึ้นรถที่สามแยก ถึงบ้านก็ราวสองทุ่ม หรือบางทีก็ไปที่พิมพ์ไทย-สยามนิกร ซึ่งอยู่ที่ถนนสีลม ต้องเดินข้ามคลองด้วยสะพานไม้ ผมจะนั่งรถราง ...
ถามทางบ้านมาแล้วครับ คือเป็นแบบนี้
ประมาณปี พ.ศ. 249 กว่า ๆ ทางครอบครัวเห็นลู่ทางการเดินทางระหว่าง ท่าไข่ - กรุงเทพ มีการขนส่งไข่เป็ดจำนวนมาก โดยใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่าผ่านบางปู ไปยังกรุงเทพได้ จึงได้ต่อรถบรรทุกหัวโต ด้านหลังให้คนนั่งได้ แล้วจ้างคนขับรถวิ่งระหว่าง บางปะกง ไปหัวลำโพง วิ่งวันละเที่ยว
ออกรถประมาณบ่ายโมง ถึงหัวลำโพงประมาณบ่ายสี่ บ่ายห้าโมงเป็นต้น โดยจะพักรถแวะทานข้าวกันที่คลองด่าน รถที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารใช้ชื่อ "ศรีสอ้าน" ภายหลังย้ายท่ารถไปแถววัดดวงแข
หลังจากนั้นเมื่อมีการจัดระเบียบการเดินรถในเขตกรุงเทพ จึงไม่ได้วิ่งรถสายนี้ แต่กลับไปวิ่งรับผู้โดยสารระหว่าง แปดริ้ว-เมืองชล แทนครับ
โดยพ้นคลองด่านไป ก็จะเจอ "คลองผีขุด" และ "คลองสอง" และ "ท่าไข่"