NAVARAT.C
|
คนรุ่นผมนี่ก็ถือว่าเป็นรุ่นปู่แล้ว ผ.ศ.อุดมศรี บูรณศิริ อาจารย์ของผมที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่จะกล่าวถึงในกระทู้นี้จึงต้องถือว่าท่านเป็นรุ่นทวด บัดนี้อายุเก้าสิบเศษแล้วยังรื่นเริง แข็งแรง สามารถมาร่วมกิจกรรมสำคัญๆกับคณะได้บ่อยๆในฐานะอาจารย์อาวุโส ต้นปีนี้นิสิตเก่าคณะสถาปัตย์ได้งานฉลองการก่อตั้งคณะมาครบ๘๐ปีกัน จารย์ดมศรีก็ไปในงานนี้ด้วย ผมเสียอีกไม่เอาแล้วงานสมัยนี้ เพราะเค้าเปิดเครื่องเสียงกันหนวกหูเหลือกำลัง จะคุยอะไรกันก็ไม่รู้เรื่อง ตั้งใจเอารูปนี้มาโฆษณาหน่อยว่าอาจารย์รุ่นทวดของผมท่านป๊อบปูล่าอย่างไรในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาที่บางคนท่านคงคุ้นๆหน้าอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 07:33
|
|
เจอในเวปของสภากาชาดไทยว่าเมื่อสองปีที่ผ่านมาท่านนำเงินสะสมของท่านเอง๑ล้านบาทไปบริจาคให้ สุดยอดจริงๆ ในเวปของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็เห็นภาพท่านไปทำพิธีเปิดศูนย์บริการของสมาคมที่ตึกเอมโพเรียมในฐานะสมาชิกอาวุโสที่สุดด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 07:36
|
|
เดือนที่แล้วเพื่อนผมเอาหนังสือนี้มาให้ ผมเห็นรูปท่านบนหน้าปกมีอยู่ก็ใจหายวาบ ถามเพื่อนว่า เฮ้ย ! งานอะไร ?!? เพื่อนบอกว่า ไม่ใช่ม่ายช่าย ยัง..ยัง จารย์ดมศรีเอามาแจกเฉยๆ …เฮ้อ แล้วไป
ชื่อหนังสือบนปกเขียนว่า “ลูกถาปัด”คนหนึ่ง ในเล่มก็มีข้อเขียนของท่านเล่าอะไรต่อมิอะไรเป็นเรื่องๆไป บางเรื่องผมอ่านแล้วก็เห็นว่าน่าจะถ่ายทอดมาให้ชาวเรือนไทยอ่านด้วย เช่นเรื่อง อดีตถนนสุขุมวิทที่ผมเห็น จึงขอถือโอกาสนี้อนุญาตท่านทางเน็ทนี่แหละ อาจารย์คงไม่ว่าผมนะครับ ไม่เป็นไรน่ะ อย่างมากท่านก็คงคิดค่าลิขสิทธิ์แค่ตบหลังผมสักป้าบหนึ่งเท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 07:38
|
|
ผมจะยกมาเขียนเล่าเรื่อยๆนะครับ ใครจะปาด หรือจะแซงหน้าแซงหลังชนท้ายทุบหลังคาก็เชิญตามสะดวก เพราะเรื่องของจารย์ดมศรีมีหลากอรรถรส สามารถแยกเข้าซอยได้ตลอด แต่อย่าไปโผล่ออกทะเลก็แล้วกันเดี๋ยวจะกู่ไม่กลับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 07:56
|
|
ก่อนจะไปถนนสุขุมวิท ท่านเล่าประวัติของท่านน่าสนใจทีเดียว ตระกูลบูรณศิริของท่านถือเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ สืบต่อจากสมัยอยุธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ บรรพบุรุษของท่านได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์
ผมเกิดเมื่อ พ.ศ. 2465 ภายใต้การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 คุณพ่อคือ คุณหลวงเลขาวิจารณ์ (ศรีศุกร์ บุรณศิริ) รับราชการเป็นเลขาของท่านเจ้าคุณเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม คุณแม่คือ นางเลขาวิจารณ์ (จิตรารมย์ บุรณศิริ) บ้านของผมอยู่ที่ถนนทรงวาดหน้าบ้านติดแม่น้ำเจ้าพระยา หลังบ้านติดถนน (เพราะสมัยโบราณนั้นหน้าบ้านต้องติดแม่น้ำ เพราะการจราจรทางน้ำสะดวกกว่า) มีห้องแถว 2 ชั้นอยู่ 9 ห้อง ถัดมาก็มีที่ว่างหลังบ้าน มีมะม่วงใหญ่มาก 2 ต้น ต่อมาก็เป็นตึกใหญ่โบราณสี่เหลี่ยม ถัดออกมาไปอีกก็มีลานกว้างปูด้วยหินแกรนิตแผ่นสี่เหลี่ยม ขนาด 50 ซม.ต่อไปถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีบันใดท่าน้ำใหญ่เป็นที่อาบน้ำและซักผ้าของคนเช่าบ้านในบริเวณนั้น และมีโป๊ะยื่นลงไปในแม่น้ำ ใช้ขึ้นสินค้าที่มาจากเมืองจีนและต่างจังหวัด (ของร้านคนจีนที่มาเช่าคุณย่าอยู่) มี “เสาตะเกียบ” ใหญ่ 2 ต้น เพื่อกันเรือใหญ่มากระแทกโป๊ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 07:58
|
|
รูปคุณพ่อของคุณทวดอีกรูปหนึ่ง
(ต้องการไกด์พาแยกเข้าซอยบูรณศิริครับ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 08:57
|
|
ซอยบุรณศิริ มีต้นซอยย้อนหลังไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต้นตระกูลเป็นพราหมณ์เมืองพาราณสี เข้ามารับราชการอยู่ในอยุธยา ก็คล้ายๆกับตระกูลบุณยรัตพันธุ์ที่ว่าเป็นพราหมณ์พฤฒิบาศมาจากอินเดีย เข้ามารับราชการในอยุธยาเหมือนกัน จากนั้นก็กลายเป็นไทยนับถือพุทธศาสนาในตอนปลายอยุธยา เรื่องราวของผู้สืบตระกูลในช่วงปลายอยุธยา ขาดหายไป ใครทราบกรุณาเชื่อมให้ด้วยค่ะ มารู้จักอีกครั้งตอนกลางซอย คือ ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 ผู้สืบตระกูลนี้คือเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาบดี(บุญศรี)เสนาบดีกระทรวงวัง เมื่อท่านชราแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนเป็นเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี เพื่อให้ผู้อื่นได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ต่อไป ถ้าสนใจประวัติท่านก็หาอ่านได้ใน "ตั้งเจ้าพระยากรุงรัตนโกสินทร์"ค่ะ
ในรัชกาลที่ 3 เมื่อเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์แพ้ศึก ถูกจับตัวมากรุงเทพพร้อมด้วยบุตรภรรยา หนึ่งในจำนวนบุตรีเจ้าอนุวงศ์ชื่อ "พัน" ได้มาเป็นภรรยาคนหนึ่งของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี มีธิดาคนหนึ่งชื่อแหวว หม่อมแหววผู้นี้ต่อมาได้เป็นภรรยาหม่อม (หมายถึงอนุภรรยา)ของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) มีธิดาด้วยกัน 2 คน หนึ่งในจำนวนนั้นชื่อแดง ต่อมาคือหม่อมของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบ บุตร 2 คนในจำนวน 6 คนของท่านก็คือม.ร.ว.เสนีย์ และม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 09:01
|
|
ร่วมด้วยช่วยพาเข้าซอย "บุรณศิริ" เจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) (ท่านผู้นี้เป็นสกุลอื่นๆ อีกหลายสกุล ซึ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวในที่นี้) มีบุตร ๒ คน คือ ๑ เจ้าพระยาสุรินทราชา (จันทร์) เป็นต้นสกุลจันทโรจวงศ์ ๒ พระยาวิเศษสุนทร (นาก หรือบุนนาค นกเล็ก)
พระยาวิเศษสุนทร (นาก) มีบุตรหลายคน ที่สำคัญ คือ ๑ หลวงเสน่ห์สรชิต (พราหมณ์) ๒ พระยาจินดารังสรรค์ (แก้ว หรือแก้วแขก) เป็นต้นสกุลภูมิรัตน ๓.เจ้าจอมมาดาพุ่ม ในรัชกาลที่ ๑
เจ้าจอมมารดาพุ่ม เป็นพระมารดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคันธรส กรมหมื่นศรีสุเรนทร์ ส่วนหลวงเสน่ห์สรชิต (พราหมณ์) มีบุตร คือ เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี) เป็นต้นสกุลบุรณศิริ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 09:17
|
|
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ โปรดเกล้าพระราชทานแก่ผู้สืบเชื้อสายจาก เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี) ว่า "บุรณศิริ" สะกดแบบโรมันว่า Purnasiri ผู้ขอพระราชทานคือพระยามหานิเวศนานุรักษ์ (กระจ่างตา) ข้าราชการกระทรวงวัง (นอกราชการ) หลานปู่ของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี คำว่า บุรณศิริ น่าจะมาจากคำว่า บุญศรี นามเดิมของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี
เจ้าพระยาสุธรรมมนตรีสร้างวัดในกรุงเทพไว้วัดหนึ่ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระยามหาอำมาตย์ ในรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามให้ว่า " วัดศิริอำมาตยาราม " ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯได้พระราชทานเปลี่ยนใหม่เป็น " วัดบุญศิริมาตยาราม " มาถึงรัชกาลที่ 5 เรียกนามวัดเสียใหม่เป็น " วัดบุรณศิริมาตยาราม " ยังเรียกชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ อยู่ใกล้ๆโรงแรมรอยัล ที่ถนนอัษฎางค์หลังกระทรวงกลาโหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 10:15
|
|
ก่อนจะไปถนนสุขุมวิท ท่านเล่าประวัติของท่านน่าสนใจทีเดียว ตระกูลบูรณศิริของท่านถือเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ สืบต่อจากสมัยอยุธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ บรรพบุรุษของท่านได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์
ผมเกิดเมื่อ พ.ศ. 2465 ภายใต้การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 คุณพ่อคือ คุณหลวงเลขาวิจารณ์ (ศรีศุกร์ บุรณศิริ) รับราชการเป็นเลขาของท่านเจ้าคุณ
รบกวนอา ใหม่อีกครั้ง คงรีบพิมพ์ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 15:26
|
|
ต้นฉบับเขียนไว้เพียงเท่านี้ครับ ที่ลอกมาลงไว้ถูกต้องแล้ว
รับราชการเป็นเลขาของท่านเจ้าคุณเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้ระบุชื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 15:40
|
|
มาขยายความเพราะคุณหลานไม่ได้บอกคุณอาให้แจ่มแจ้งลงไป ว่าคุณหลานสงสัยว่าคุณอารีบพิมพ์คำไหน กล่าวคือ คุณหนุ่มหมายถึงว่า พ.ศ. 2465 ไม่ได้อยู่ในรัชกาลที่ 7 ค่ะ ยังเป็นรัชกาลที่ 6 อยู่ สิ้นรัชกาลที่ 6 เมื่อพ.ศ. 2468
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 15:44
|
|
ต้นฉบับเป็นตามนั้นครับ คุณทวดคงหลงไปซะแล้ว
ปู่ก็หลงๆด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 15:46
|
|
ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีบันใดท่าน้ำใหญ่เป็นที่อ่าบน้ำและซักผ้าของคนเช่าบ้านในบริเวณนั้น และมีโป๊ะยื่นลงไปในแม่น้ำ ใช้ขึ้นสินค้าที่มาจากเมืองจีนและต่างจังหวัด (ของร้านคนจีนที่มาเช่าคุณย่าอยู่) มี “เสาตะเกียบ” ใหญ่ 2 ต้น เพื่อกันเรือใหญ่มากระแทกโป๊ะ
“เสาตะเกียบ” นั้นทำด้วยซุงไม้แข็งทั้งต้น เส้นผ่าศูนย์กลางราว 60 ซม. ยาวราว 7-8 เมตร ตอกตะปูถี่ๆ และฉาบปูนขัดมันรอบต้น ระหว่างระดับน้ำขึ้นสูงสุดและน้ำลงต่ำสุด เพื่อกันไม้ผุ เสาตอนเหนือน้ำไม่ฉาบปูน เพราะถ้าถูกเรือกระแทกปูนจะแตก ถ้าเป็นไม้แข็งทนได้ไม่แตก
ผมพยายามหาภาพเสาตะเกียบมาให้ดู แต่หายากมาก ที่นำมาลงนี้พอให้เข้าใจว่าคุณทวดหมายถึงอะไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 06 ก.ย. 13, 16:00
|
|
เสาตะเกียบ หน้าตาแบบนี้หรือเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|