น่าอิจฉาครับ คนที่มีของเก่าดีแบบนี้ เพราะถ้านำข้อดีตรงนี้มาใช้ให้ถูกทาง(กำกับด้วยวิปัสสนาญาณ) รับรองว่าความเป็นพระอริยเจ้าอยู่ไม่ไกลแน่ ๆ ถ้าทำแบบไม่ยั้งตัวกลัวกิเลสเฉาตาย ก็น่าจะไปถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้แน่ ๆ
วิปัสสนาญาณ?
วิปัสสนาญาณ ๙
๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ
๒. ภังคานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความดับ
๓. ภยตูปัฎฐานญาณ พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว
๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นโทษของสังขาร
๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ พิจารณาสังขารเห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย
๖. มุญจิตุกามยตาญาณ พิจารณาเพื่อใคร่จะให้พ้นจากสังขารไปเสีย
๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร
๘. สังขารุเปกขาญาณ พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร
๙. สัจจานุโลมิกญาณ พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ นั้น เพื่อกำหนดรู้ในอริยสัจ
http://www.larnbuddhism.com/grammathan/vipassanayan3.htmlการคิดที่ถูกต้องอันดับแรกให้คิดอยู่ในกรอบของ "ไตรลักษณ์" ไตรลักษณ์ คือลักษณะของความเป็นจริงสามประการ ประกอบด้วย
อนิจจัง ความไม่เที่ยงเป็นปกติ
ทุกขัง เราไปยึดถือมั่นหมายเมื่อไร จะประกอบไปด้วยความทุกข์อย่างแน่นอน
อนัตตา ไม่มีอะไรยึดถือเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในที่สุดก็เสื่อมสลายไปทั้งหมด
อันดับสองคิดในแบบของ "วิปัสนาญาณ ๙" คือ
พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ
พิจารณาเห็นความดับ
พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว
พิจารณาเห็นโทษของสังขาร
พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่าเบื่อหน่าย
พิจารณาเพื่อต้องการจะให้พ้นจากสังขารไปเสีย
พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร
พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร
พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ ดังกล่าวมาข้างต้น
จนกระทั่งในที่สุดถึงจุดสุดท้ายก็จะปล่อยวางกลายเป็น สังขารุเบกขาญาณ คือยอมรับสภาพของสังขาร เห็นธรรมดาของสังขาร
อันดับสามคิดตามแนว "อริยสัจ" อริยสัจให้คิดในเรื่องทุกข์ อย่างเดียวก็พอ เพราะถ้าเรารู้ทุกข์ เราก็ไม่อยากจะไปแตะต้องทุกข์อีก ถ้าเห็นว่าเข้มข้นเกินไปหรือหนักเกินไป ก็พิจารณาสองตัวคือทุกข์กับสมุทัย สมุทัย คือสาเหตุที่ทุกข์เกิด ที่เราทุกข์อยู่ปัจจุบันนี้ สาเหตุใหญ่ก็คือการเกิดมา ถ้าเราไม่เกิดมา เราก็ไม่ต้องทุกข์อย่างนี้ พยายามตัดตรงที่สาเหตุคือ ตัวอยากเกิดให้ได้ ถ้าหากว่าตัดลงได้ก็คือ นิโรธ ขณะที่เรากำลังตัดกำลังทำก็คือ มรรค อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..ก็พิจารณาแค่สมุทัยกับทุกข์สองตัวก็ได้ หรือจะเอาแต่ทุกข์อย่างเดียว เห็นแล้วเข็ดไม่เอาเลยก็ได้
ถ้าหากว่าอยู่ในกรอบของความคิดสามแบบ คือ ตามแนวของไตรลักษณ์ก็ดี ตามแนวของวิปัสสนาญาณ ๙ ก็ดี ตามแนวของอริยสัจ ๔ ก็ดี เป็นอันว่าความคิดของเราถูกต้อง แต่ถ้าพ้นจากนี้ไปคือคิดฟุ้งซ่าน
http://www.watthakhanun.com/webboard/archive/index.php/t-2967.html