การสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ และการยัดเยียด
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้รุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง พูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง
ความเห็นของคุณพพ. ดิฉันรู้สึกว่าเป็นตัวอย่างสูตรสำเร็จการวิจารณ์ที่ใช้ได้กว้างขวางเกือบครอบจักรวาล ไม่ว่าวงการอะไร ในประเทศไหน น่าจะใช้ได้หมด
ลองสมมุติว่าเอาไปใช้กับพรรคการเมือง (พรรคไหนก็ได้ไม่ระบุชื่อ)
"การจะสร้างพรรคการเมืองให้เจริญขึ้นมา มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ และการยัดเยียดผู้สมัครกลุ่มเดิมๆให้ประชาชนเลือก
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้รุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง หัวหน้าพรรคพูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง"
เปลี่ยนใหม่ เอาไปใช้กับบริษัทเอกชน(กิจการอะไรก็ได้)
"การสร้างบริษัทให้เจริญก้าวหน้า มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์เรื่องวางแผนมาร์เก็ตติ้ง และการยัดเยียดสินค้าให้ผู้บริโภคผ่านอัดโฆษณาเข้าไป
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้พนักงานรุ่นใหม่ๆ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง กรรมการผู้จัดการพูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง"
อีกที เอาเป็นสถาบันการศึกษา
"การสร้างความก้าวหน้าให้สถาบัน มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ของผู้บริหารว่าควรจะมุ่งไปทางไหน และการยัดเยียดคณะใหม่ๆให้เปิดขึ้นมา
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้บุคลากรรุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง ผู้บริหารพูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง"
เป็นคำวิจารณ์กลางๆ ที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครแย้งได้ เพราะไม่มีหลักฐานรองรับเลยว่า มันเป็นจริงมาแต่แรกหรือเปล่า และจะเป็นจริงตามคาดคะเนตอนท้ายได้หรือไม่
มันอาจจะกลับตาลปัตรเป็นตรงกันข้ามก็ได้ ไม่มีทางรู้ทั้งสองทางค่ะ
*******************************
มาถึงเรื่องใหม่ Land of the Giants (1968-70)
หนังชุดไซไฟเรื่องนี้สร้างโดยเออร์วิง แอลเลน ที่ทำหนังชุดไซไฟดังมาก่อนหน้านี้ ชื่อ Lost in Space พอ LIS จบลงเขาก็มาทำเมืองคนยักษ์
เนื้อเรื่องคล้ายๆ LIS ค่ะ คือเป็นการหลงทางของคนกลุ่มหนึ่งไปอยู่บนดาวอีกดวง
ขึ้นต้น บอกว่าเป็นอนาคตปี 1983 มียานอวกาศพาณิชย์ลำหนึ่งบินจากแอลเอไปลอนดอน แต่เจออากาศแปรปรวนอย่างแรงกลางทาง ทำให้พลัดเข้าไปในรูหนอน (wormhole) อวกาศ จึงทะลุมิติไปตกบนดาวอีกดวง
หน้าตาดินแดนนั้นเหมือนสหรัฐอเมริกาไม่มีผิด แต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่าถึง ๑๒ เท่า นักบินและผู้โดยสารรวมหกหรือเจ็ดคนก็เลยกลายเป็นมนุษย์ตัวจิ๋ว ต้องหลบเร้นยักษ์ไม่ให้เห็น มิฉะนั้นจะถูกจับตัวไป
ความตื่นตาตื่นใจอยู่ที่ฉาก ซึ่งจะต้องจัดข้าวของประกอบฉากให้ได้สัดส่วนขนาดยักษ์ ให้แนบเนียนน่าเชื่อถือ