SILA
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 03 ต.ค. 07, 16:33
|
|
ติดตามตะลุยจักรวาลไปไหนต่อไหน แต่นึกย้อนแล้วพบว่าหนังอวกาศที่ติดใจอยู่มีสองเรื่องครับ คือ Lost in Space - โลกพิศวง ที่มี Angela Cartwright (The Sound of Music) แล้วก็เจ้าหุ่นยนต์ยืนแกว่งแขวนสองข้างและ ร้องว่า อันตรายๆ กับเรื่อง Space 1999 ที่นำแสดงโดย Martin Landau (Mission: Impossible - ขบวนการพยัคฆ์ร้าย) จากตะลุยอวกาศดิ่งลง ผจญภัยใต้ทะเลลึก เป็นหนังทีวีอีกชุดที่ชอบมาก น่าจะได้ดูทุกตอนเพราะ(จำได้ว่า) ฉายในวันหยุดตอนบ่ายๆ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 03 ต.ค. 07, 18:45
|
|
การบ้านในกระทู้นี้ แยะค่ะ แค่ของคุณพิพัฒน์ก็กระหน่ำมาให้ ๕ เรื่องเข้าไปแล้ว เลยทำได้แค่เอารูปขวัญใจในวัยเด็กของคุณ Sila มาให้ดูไปก่อน Angela Cartwright เป็นดาราเด็กที่พอโตเป็นสาว ก็ค่อยๆจางจากวงการเช่นเดียวกับดาราเด็กอีกมาก ไปเป็นนางแบบบ้าง เล่นหนังบ้างนิดหน่อย เมื่อแต่งงานมีลูกก็อำลาชีวิตดารา ไปเปิดกิ๊ฟต์ช็อป และปัจจุบัน คุณป้าเป็นช่างภาพอาชีพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 06:37
|
|
ดิฉันอยากจะให้บรรดาคนหนุ่มคนสาวรุ่นนี้ ที่มีว่าที่หลานสะใภ้ดิฉันคนหนึ่งหละ มาอ่านการขุดกรุชุดนี้ เพื่อให้เขาทราบว่า ทำไม ดิฉันถึงได้ไม่เคยสนใจรายการทีวีที่เขาดูทุกวันที่เขาไม่รู้สึกเลยว่าเป็นขยะ เมื่อเราอยู่คอนโดเดียวกัน เราได้ยินได้เห็นสิ่งที่เขาเปิด และเป็นนิสัยของเขาที่ยึดเอาทีวีเป็นเพื่อนประจำบ้าน แต่เราไม่ได้ห้ามให้เขาหยุดดู นานๆที ไม่อยากจะทนก็บอกว่า น้าไม่เคยเห็นส้มดูข่าวเช้าๆเลยนะ น้าจะดูสยามเช้านี้ทุกวันก่อนไปทำงาน เขาถึงจะเปิดไปดู เป็นช่วงพม่าจลาจลพอดี ในความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ดิฉันอ่านหนังสือแฟชั่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งแบบเซเว่นทีนที่เขาซื้อได้ไม่เกี่ยงงอน มันช่วยไม่ให้เราตกยุค และช่วยสอนภาษาอังกฤษเด็กมหาวิทยาลัยที่เรียนเอกชีวะได้ไม่มีปัญหา แต่ดิฉันปลงค่านิยมหลายอย่างที่มันแปรเปลี่ยนไป.. โดยเฉพาะเมื่อเห็นรายการทีวีเหล่านี้ เช่นที่มีพิธีกรสาวเจ้าเนื้อไร้รสนิยมนั่งสัมภาษณ์ยกย่องคนมีสตางค์ต่างๆเป็นวรรคเป็นเวร รวมถึงละครที่เต็มไปด้วยยาพิษเคลือบความบันเทิงหลายเรื่อง ไม่น่าแปลกใจที่เด็กๆสาวๆ ที่ไม่มีผู้ปกครองคอยอบรมสั่งสอนหรือให้สติ ต่างก็ทำตัวเหมือนสำเนาของดาราพิธีกรพวกนี้ ทั้งด้านการใช้คำพูดสำเนียงแปลกๆแบบเหมือนๆกัน จนถึงมารยาทในสังคม
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ต.ค. 07, 07:58 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 09:09
|
|
ยาพิษอีกอย่างที่ขยันป้อน คือนางเอกในละคร ชอบแว้ดๆๆๆพระเอก เจอหน้าแม้แต่ครั้งแรกก็ไม่มีแม้แต่มารยาทในการพูดสุภาพด้วยเลย รำคาญมากค่ะ บ่นแค่นี้ละค่ะ ****************************** คราวนี้ถึง The Fugitive ละค่ะ ออกอากาศ 1963-1967 หนังชุดเรื่องนี้ เป็นเรื่องดังที่สุดเรื่องหนึ่งของยุค 1960s ได้ทั้งเงินและทั้งกล่อง คว้าได้ทั้งรางวัลเอมมี่ ลูกโลกทอง และPGA Hall of Fame
ผู้สร้างหาพล็อตเก่ง วางตัวเอกเก่งด้วย คือผูกเรื่องให้พระเอกเป็นแพทย์ที่ถูกตัดสินจำคุกข้อหาฆาตกรรมภรรยา ทั้งที่เขาบริสุทธิ์ แต่ระหว่างถูกคุมตัวไปรับโทษ เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางทำให้หนีได้ ก็เลยหนี ระเหเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ โดยมีนายตำรวจเจ้าของคดีไล่ตามไม่ละลดเพื่อเอาตัวกลับไปเข้าคุกให้ได้ พระเอกรู้ว่าฆาตกรตัวจริงคือชายแขนขาดที่เขาเห็นออกมาจากบ้านก่อนเขาเข้าไปพบภรรยากลายเป็นศพไปแล้ว
ที่ว่าเก่งก็คือ พล็อตแบบนี้ทำให้สามารถหาฉากต่างๆ แปลกๆ มาดำเนินเรื่องได้ไม่ซ้ำซากจำเจ ดารารับเชิญก็มีได้ไม่จำกัดแวดวง แล้วแต่พระเอกจะพเนจรไปถิ่นไหน จะหาเหตุการณ์แปลกๆใหม่ๆอะไรก็ทำได้ไม่จำกัด ความไม่จำกัดนี่ละค่ะทำให้น้ำไม่นิ่ง แล้วก็ไม่เน่า เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของคนดู คนเขียนบทก็จะไม่เบื่อ เพราะมีอะไรท้าทายใหม่ๆให้เขียนทุกอาทิตย์
ส่วนตัวละครที่บอกว่าวางเก่ง ก็คือคนสร้างหาเคล็ดมัดใจคนดูได้อยู่หมัด พระเอกที่สง่างามแต่น่าสงสาร ย่อมทำให้คนดูทั้งรักและทั้งเอาใจช่วย ดีกว่ามีอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเดียว ในเรื่อง พระเอกพเนจรไป หนีเอาตัวรอดพลาง เสาะหาฆาตกรตัวจริงพลาง แต่ก็ไม่ละเว้นที่จะช่วยเหลือผู้ลำบากตกทุกข์ได้ยาก โดยมากวิชาแพทย์ของเขาก็ช่วยชีวิตคนในแต่ละเมืองที่เขาไปถึงไว้ได้ด้วย แต่ตอนจบของแต่ละตอน นายตำรวจก็ได้กลิ่นตามไปถึง พระเอกของเราก็ต้องทิ้งสาวคนรัก(ที่เจอใหม่) หรือทิ้งเพื่อนแสนดี (ที่พบใหม่) ทิ้งครอบครัวอบอุ่น(ที่เพิ่งได้เข้าไปร่วมเป็นสมาชิก)เตลิดหนีไปอีก
หนีอยู่ ๔ ปี ผู้สร้างก็ไม่ได้ทิ้งให้หนีกันอยู่ชั่วนิรันดร แต่ทำให้พระเอกได้พบเจ้าฆาตกรตัวจริง มาถึงตอนจบ ที่เหตุการณ์คลี่คลายออกมาได้ว่าใครเป็นคนฆ่าหญิงสาวกันแน่ พระเอกก็หลุดจากข้อหา ตอนสุดท้ายของเรื่อง สถิติผู้ดูเฉพาะตอนนี้ในอเมริกา ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ของหนังทีวีอเมริกัน ไม่มีเรื่องไหนเทียบได้ทั้งก่อนหน้านี้และหลังจากนั้น จนมาถูกทำลายสถิติในเรื่องเดียว คือ"เจ้าพ่อดัลลัส" ตอน "ใครฆ่าเจ.อาร์" ทำให้ร่วงลงเป็นอันดับสอง แต่ก็ยังไม่มีใครมาปัดตกเป็นอันดับสามได้จนทุกวันนี้
รูปนี้คือคุณหมอพระเอก กับนายตำรวจผู้ไล่ล่าค่ะ David Janssen เล่นเป็นหมอริชาร์ด คิมเบิล Barry Morse เล่นเป็นหมวดฟิลิป เจอราร์ด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 10:04
|
|
ขอบคุณ นางฟ้า Angela Cartwright จากอาจารย์ครับ เรื่อง Fugitive จำได้แบบคลับคล้ายคลับคลาครับ ไม่ทราบว่าคนเขียนเรื่องหยิบยืมพล็อตมาจาก เหยื่ออธรรม (Les Miserables) หรือเปล่า และคนเขียนในยุคต่อมาก็ดัดแปลงร่างกลายเป็น มนุษย์จอมพลัง (The Incredible Hulk)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 10:41
|
|
The Fugitive น่าจะเป็นการผสมผสานพล็อตของ Les Miserables ของ Victor Hugo ว่าด้วยนักโทษผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตำรวจผู้เคร่งครัดต่อหน้าที่ตามไล่ล่า กับคดีฆาตกรรมจริง ที่เกิดขึ้นในปี 1954 เรียกว่า Dr. Sam Sheppard murder case คุณหมอแซมถูกกล่าวหาว่าฆ่าภรรยาตาย ถูกจำคุกยาวนานถึงสิบปี ก่อนจะอุทธรณ์ขอให้ศาลพิจารณาคดีอีกครั้ง ศากลับการตัดสินครั้งแรก หมอก็เลยได้เป็นอิสระ อ่านได้ที่นี่ค่ะ http://en.wikipedia.org/wiki/Sam_Sheppardมีหนังทีวีอีกหลายเรื่องที่มีพล็อตคล้ายๆแบบนี้ คือพระเอกเที่ยวติดตามหาใครคนหนึ่ง หรือพระเอกมีมลทินติดตัวแล้วพยายามล้างมลทิน คือ Dustry กับ Branded เอาภาพดารานำ ในอดีตและภาพในปัจจุบันมาให้ดูกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:10
|
|
เป็นหนังคุณธรรมจริยธรรมที่ชอบและไม่เบื่อ สมัยเมืองไทยยังเพิ่งมีไอบีซี(เคเบิลของชิน)ใหม่ๆได้ไปอเมริกาครั้งแรก พักในอพาร์ตเมนท์ เปิดทีวีเจอช่องที่เอาหนังเรื่องนี้มารีรัน..ยังชอบอยู่เลยค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ต.ค. 07, 11:20 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:22
|
|
ยิงสปอตโฆษณา เบน กาซซาร่าแห่ง Run for your Life ให้ดูกันไปพลางๆก่อน ค่ะ เรื่องนี้ก็มีอะไรน่าเล่าไม่น้อยเหมือนกัน จะมาต่อตอนกลางคืนนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:33
|
|
ยังตามอยู่เสมอค่ะ แล้วก็สงสัยว่าทำไมความทรงจำในเรื่องหลัง ๆ เหล่านี้สำหรับดิฉันออกจะลางเลือน บางเรื่องก็ไม่คุ้นเลยแฮะ
ส่วนรายการทีวีปัจจุบันที่เราออกไม่นิยมชมชื่น ใจหนึ่งก็คิดว่าเพราะเราดูมานาน เห็นมาเยอะ ก็เลยหาอะไรแปลกใหม่ให้ตื่นเต้นนิยมชมชื่นได้ยาก มั้ง มาตรฐานการให้คุณค่าของเราก็แตกต่างจากคนทำสื่อในยุคปัจจุบัน จะไปบอกว่ามาตรฐานของเขาไร้รสนิยมก็กระไร ปลอบใจตัวเองว่า ไม่มีอะไรดี ๆ ดูก็ดีเหมือนกันจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กว่าการนั่งเฝ้าจอทีวี
ต่อไปเป็นรายการชวนดูค่ะ
วันก่อน(ว่าจะพยายามใส่ใจจำวันให้ได้มาบอกก็ลืมใส่ใจเสียทุกทีค่ะ)ได้ชมรายการ โลก 360องศา ทางช่อง 5 เป็นเรื่องการเสด็จประพาสต่างแดนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางรายการได้เชิญอาจารย์พิชัย วาสนาส่ง มาเป็นวิทยากร ได้ดูแล้วชื่นใจจังค่ะ ได้ฟังอาจารย์ใช้ภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ เวลาอาจารย์เอ่ยชื่อแต่ละเมืองในภาษาต่าง ๆ อาจารย์จะอธิบายขยายความการเรียกชื่อตามภาษาท้องถื่นเป็นอย่าง แต่ถ้าเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษจะเป็นอย่างไร เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอาจารย์ก็นำมาเสริมเพิ่มเติมให้ ต่างจากพิธีกรยุคปัจจุบันที่เน้นหน้าตา และการแต่งตัว แล้วก็ออกมาอ่านข้อมูลตามที่เขามีไว้ให้ ก็เท่านั้น
คืนวันพุธ หลังข่าว ช่อง 9 ค่ะ รายการ"จุดเปลี่ยน" เสนอเรื่อง ขี้หมาที่ไม่ขี้หมา ดิฉันว่าเป็นรายการที่ดีสำหรับยุคนี้นะคะ แต่ไม่ใช่ดีไม่มีที่ตินะคะ แต่ก็ขอยืนยันตามมาตรฐานของดิฉันนะคะว่า ก็ควรค่าแก่การเสียเวลาดู ดิฉันได้ดูมา 4 - 5 ครั้ง แต่ละครั้งก็ดีมาก ดีน้อย ขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามประเด็น เดาว่าบางประเด็นคนทำตีไม่แตก แต่ถ้าประเด็นไหนตีแตกก็ทำได้ ดี ชวนให้มีความหวังกับคนทำสื่ออยู่บ้าง รายการนี้ผลิตโดย ทีวีบูรพา ซึ่งดิฉันทราบว่าเธอได้รับการสนับสนุนจาก JSL ค่ะ แต่ไม่ทราบว่า JSL เกี่ยวข้องกับช่อง 7 อย่างไร ไม่รู้จริง ๆ นะคะแล้วเป็นผู้หญิงอย่างรู้เสียด้วยซิคะ อีกความสงสัยหนึ่งที่เฝ้าดูค่ะว่า ช่อง 7 ถ้าไม่มีคุณแดงจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการบริหาร จัดการของช่อง 7 ใครจะว่าดี ไม่ดี ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ทำมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วนะคะ จะเอาอะไรไปเถียงเธอล่ะคะ แล้วถ้าช่อง 7 ไปบริหารจัดการอะไร ก็ยังคงเป็นบุคลิกนี้นะคะ คือใช้ตัวบุคคลเป็นหลักค่ะ ดิฉันเคยถามผู้คนรอบ ๆ ตัวเล่น ๆ ค่ะ ถ้าใครชอบดูละครช่อง 7 ก็จะถามว่าทำไมไม่ดูช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 9 ก็จะได้คำตอบประมาณ ช่องอื่น ๆ ดูแล้วเครียด ชอบดารา ประเภทว่ารักจุ๋ยก็ตามดูไปทุกเรื่อง รักกบก็ตามไปทุกเรื่อง กับภาพช่องไหน ๆ ก็ไม่ชัดเท่าช่อง 7 ค่ะ
ดิฉันไม่ค่อยถนัดชี้ แยกแยะว่าอะไรดี ไม่ดี นะคะ แต่ชอบดูค่ะว่าอะไรเป็นอย่างไร แต่ก็สนุก และติดตามค่ะเวลาคุณpipatชี้เปรี้ยงปร้าง จนชาวเราหลบกระสุนกันจ้าละหวั่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:48
|
|
เบน กาซซาร่า น่ะ จำได้ค่ะอาจารย์ จะรออ่าน หลังจากเรื่องที่ได้ดูตอนเด็กๆ ได้ดูเบนอีกครั้ง คราวนี้บทพ่อในเรื่อง bloodline ที่ทำจากหนังสือของ Sydney Sheldon จากนั้น ดูเหมือนเขาจะหายไปเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 19:48
|
|
Theme ของ The Fugitive และ Run for Your Life เหมือนกันในข้อหนึ่ง คือแสดงให้เห็นว่า แม้ในยามตกทุกข์ได้ยาก ตัวละครเอกของหนังชุดนี้ก็ไม่วายเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ข้อนี้ละค่ะเป็นส่วนหนึ่งที่ประทับใจคนดู
Run for Your Life ดำเนินเรื่องคล้าย The Fugitive พระเอกเป็นทนายความหนุ่มงานกำลังรุ่ง จู่ๆก็พบว่าเขาป่วยเป็นโรคร้าย จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๒ ปี เมื่อรู้ สิ่งแรกที่คิดคือเขาจะทำชีวิตที่เหลือยังไงดี เขาก็เลยลาออกจากงาน เดินทางตระเวณไปตามที่ต่างๆ เผชิญเรื่องราวร้อยแปดพันชนิด ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน บางทีเขาเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไม เขามาถึง แล้วก็เดินทางต่อไปในช่วงสั้นๆ ในแต่ละตอน
เรื่องนี้ถ้าไม่ได้เบน กาซซาร่ามาเล่น จะฮิทเท่านี้หรือไม่ยังน่าสงสัย เบนเล่นดีมากค่ะ สิ่งที่ติดใจคนดูคือรอยยิ้มเศร้าน้อยๆ บุคลิกเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้านต่อความลำบากหรือความตาย เพราะยังไงเสียความตายก็เป็นเงาตามตัวเขาอยู่แล้ว เป็นเสน่ห์ที่เร้นลับ แปลกกว่าพระเอกอื่นๆ ที่หนักไปทางแกร่งกร้าว หรือโลดโผนผจญภัย เรื่องนี้ก็เลยฮิทอยู่ตั้งแต่ 1965-1968 ยาวนานกว่านี้ไม่ไหว เดี๋ยวพระเอกไม่ตายเสียที จะผิดพล็อต
เบนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทอง ทั้ง ๓ ปีเลยค่ะ จากเรื่องนี้ ทุกวันนี้อายุ ๗๗ แล้ว แต่ยังมีงานหนังใหญ่ไม่ขาดสาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 04 ต.ค. 07, 23:46
|
|
ลืมไปค่ะ ว่าครั้งหลังสุดคือเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ดูหนังดีเรื่อง ปารีส ฉันรักเธอ ที่สกาลา เป็นหนังสั้นๆหลายผู้กำกับ หลายๆเรื่องมารวมกัน แล้วแต่ใครจะเขียนบทว่าเป็นthemeอะไร ลุงเบนมาเข้าฉากด้วยเรื่องหนึ่ง มีเสน่ห์ ตีบทกระจุย ประกบจีน่า โรว์แลนด์ เป็นคู่สามี ภรรยาที่นัดเจอกันที่ร้านอาหารในปารีส เพื่อตกลงเรื่องหย่า...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 05 ต.ค. 07, 18:09
|
|
ตอนนี้ถึงคิวหนังทีวีไซไฟ อีกเรื่องหนึ่ง คือ The Time Tunnel พล็อตเรื่องวางไว้มีรสชาติทีเดียวคือ ผสมผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องสนุก ให้เยาวชนได้เรียนรู้แบบไม่ต้องโงกหลับอย่างในชั้นเรียน เรื่องมีอยู่ว่า นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม ๒ คน หลงติดอยู่ในอุโมงค์เวลา ซึ่งเป็นโปรเจคลับสุดยอดของอเมริกาในยุคนั้น เป็นโปรเจคที่ส่งมนุษย์เดินทางในกาลเวลากลับไปอดีต(หรือปัจจุบัน)ได้ แต่ด้วยอุบัติเหตุ สองคนนี้ก็เลยติดอยู่ในนั้น เป็นนักพเนจรร่อนเร่ไปในกาลเวลายุคต่างๆทุกมุมโลก แล้วแต่เจ้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์มันจะส่งเขาหล่นปุ๊บลงไปในช่วงเวลาไหนของที่ตรงไหน ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ในห้องบังคับการก็เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยใจระทึก และพยายามหาทางช่วยเมื่อสองคนนี้ตกที่คับขัน ด้วยการย้ายเขาหนีจากกาลเวลาเดิมไปหล่นลงในกาลเวลาใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 05 ต.ค. 07, 18:50
|
|
เรื่องนี้มีอายุงานสั้นมากค่ะ แค่ซีซั่นเดียว ๑๙๖๖-๖๗ มี ๓๐ ตอน แล้วยกเลิกไป
ผู้สร้างได้ดารารูปหล่อสองคนมาเล่น คือเจมส์ ดาร์เรนกับโรเบิร์ต คอลเบิร์ต เจมส์เป็นดาราวัยรุ่นขวัญใจสาวๆ มาก่อนจากหนังวัยรุ่นยอดฮิทเรื่อง Gidget และเป็นนักร้องเพลงป๊อปยอดฮิทด้วย เจมส์มีฝีมือมากกว่าขวัญใจวัยรุ่นอีกหลายคนในยุคเดียวกัน จึงวนเวียนอยู่ในวงมายาได้จนถึงทศวรรษแปดสิบ ได้เล่นในหนังชุด T.J. Hooker ต่อจากนั้นก็ยังรับเล่นในหนังทีวีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาจนถึงปี ๒๐๐๑ ส่วนโรเบิร์ต คอลเบิร์ต เป็นดาวดวงเล็กของวงการทีวี เมื่อจบเรื่องนี้ก็ไปเล่นเป็นดารารับเชิญในหนังทีวีเรื่องอื่นๆไปเรื่อยๆ ได้งานในหนังสบู่เรื่อง The Young and the Restless อยู่หลายปี ไม่ถึงกับรุ่งแต่ก็ไม่ตกงาน ตอนนี้ น่าจะเกษียณจากงานไปแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 05 ต.ค. 07, 18:58
|
|
เรื่องนี้วางโครงไว้น่าสนใจ แต่เรตติ้งไม่ดี อาจจะเป็นเพราะการเขียนบทไม่ดี เทคนิคในเรื่องก็อ่อนมาก ฉากซ้ำๆกันคือในห้องบังคับการ มีนักวิทยาศาสตร์นั่งโหรงเหรงอยู่ ๒-๓ คน มีบทซ้ำๆกันคือนั่งดูจอที่มีอุโมงค์ยักษ์แทนเครื่องทีวี เฝ้าดูว่าพระเอก ๒ คนไปเจออะไรบ้าง บางทีก็ภาพล้มเหมือนจอทีวีเสีย ก็วุ่นวายกัน ปรับปุ่มโน้นเปิดปุ่มนี้จนภาพกลับมาดี ส่วนฉากในอดีตก็ไม่อลังการ เป็นฉากถ่ายทำในห้ห็องส่งเสียละมาก
ส่วนการเขียนบททำได้ดีในส่วนที่เลือกเหตุการณ์ตื่นเต้นในอดีตมาเป็นฉาก จำเพาะเจาะจงว่าสองคนนี้จะต้องหล่นลงไปในเหตุการณ์ใหญ่ๆทั้งนั้น เช่นหล่นไปในเรือไททานิคก่อนล่ม หล่นไปที่ป้อมอลาโมก่อนแตก หล่นไปที่กรุงทรอยก่อนจะพ่ายแพ้แก่พวกกรีก สองคนก็พยายามจะเตือนคนในอดีตที่เขาเจอให้ระวังภัยที่จะเกิดขึ้น แต่ผลก็คือจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจแก้ไขเหตุการณ์ได้ หรือถ้าแก้ไขได้ก็อาจจะช่วยได้แค่คนบางคน แต่เรื่องใหญ่ๆมันก็ยังเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ดี หนักๆเข้า มีแต่ความซ้ำซาก คนดูเลยเบื่อ ยาวได้แค่นี้เองค่ะ แต่พล็อตดี เห็นว่าพยายามจะสร้างกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ไม่ได้ติดตามเลยไม่รู้ว่าไปถึงไหนยังไง
ขอให้ดูอุโมงค์ของจริงที่ใช้ถ่ายทำให้ดูมหัศจรรย์ กลวงมากๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|