เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8
  พิมพ์  
อ่าน: 32094 เปิดกรุดาราคลาสสิกของฮอลลีวู้ด(๙)
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 03 ต.ค. 07, 16:33

          ติดตามตะลุยจักรวาลไปไหนต่อไหน แต่นึกย้อนแล้วพบว่าหนังอวกาศที่ติดใจอยู่มีสองเรื่องครับ คือ
          Lost in Space - โลกพิศวง ที่มี Angela Cartwright (The Sound of Music) แล้วก็เจ้าหุ่นยนต์ยืนแกว่งแขวนสองข้างและ
ร้องว่า อันตรายๆ กับเรื่อง Space 1999 ที่นำแสดงโดย Martin Landau (Mission: Impossible - ขบวนการพยัคฆ์ร้าย)
          จากตะลุยอวกาศดิ่งลง ผจญภัยใต้ทะเลลึก เป็นหนังทีวีอีกชุดที่ชอบมาก น่าจะได้ดูทุกตอนเพราะ(จำได้ว่า) ฉายในวันหยุดตอนบ่ายๆ ครับ   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 03 ต.ค. 07, 18:45

การบ้านในกระทู้นี้ แยะค่ะ  แค่ของคุณพิพัฒน์ก็กระหน่ำมาให้ ๕ เรื่องเข้าไปแล้ว
เลยทำได้แค่เอารูปขวัญใจในวัยเด็กของคุณ Sila มาให้ดูไปก่อน     
Angela Cartwright เป็นดาราเด็กที่พอโตเป็นสาว ก็ค่อยๆจางจากวงการเช่นเดียวกับดาราเด็กอีกมาก   ไปเป็นนางแบบบ้าง  เล่นหนังบ้างนิดหน่อย
เมื่อแต่งงานมีลูกก็อำลาชีวิตดารา  ไปเปิดกิ๊ฟต์ช็อป และปัจจุบัน  คุณป้าเป็นช่างภาพอาชีพ


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 06:37

ดิฉันอยากจะให้บรรดาคนหนุ่มคนสาวรุ่นนี้ ที่มีว่าที่หลานสะใภ้ดิฉันคนหนึ่งหละ มาอ่านการขุดกรุชุดนี้ เพื่อให้เขาทราบว่า ทำไม ดิฉันถึงได้ไม่เคยสนใจรายการทีวีที่เขาดูทุกวันที่เขาไม่รู้สึกเลยว่าเป็นขยะ
เมื่อเราอยู่คอนโดเดียวกัน เราได้ยินได้เห็นสิ่งที่เขาเปิด และเป็นนิสัยของเขาที่ยึดเอาทีวีเป็นเพื่อนประจำบ้าน แต่เราไม่ได้ห้ามให้เขาหยุดดู นานๆที ไม่อยากจะทนก็บอกว่า น้าไม่เคยเห็นส้มดูข่าวเช้าๆเลยนะ น้าจะดูสยามเช้านี้ทุกวันก่อนไปทำงาน เขาถึงจะเปิดไปดู เป็นช่วงพม่าจลาจลพอดี
ในความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ดิฉันอ่านหนังสือแฟชั่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งแบบเซเว่นทีนที่เขาซื้อได้ไม่เกี่ยงงอน มันช่วยไม่ให้เราตกยุค และช่วยสอนภาษาอังกฤษเด็กมหาวิทยาลัยที่เรียนเอกชีวะได้ไม่มีปัญหา
แต่ดิฉันปลงค่านิยมหลายอย่างที่มันแปรเปลี่ยนไป.. โดยเฉพาะเมื่อเห็นรายการทีวีเหล่านี้ เช่นที่มีพิธีกรสาวเจ้าเนื้อไร้รสนิยมนั่งสัมภาษณ์ยกย่องคนมีสตางค์ต่างๆเป็นวรรคเป็นเวร รวมถึงละครที่เต็มไปด้วยยาพิษเคลือบความบันเทิงหลายเรื่อง
ไม่น่าแปลกใจที่เด็กๆสาวๆ ที่ไม่มีผู้ปกครองคอยอบรมสั่งสอนหรือให้สติ ต่างก็ทำตัวเหมือนสำเนาของดาราพิธีกรพวกนี้ ทั้งด้านการใช้คำพูดสำเนียงแปลกๆแบบเหมือนๆกัน จนถึงมารยาทในสังคม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ต.ค. 07, 07:58 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 09:09

ยาพิษอีกอย่างที่ขยันป้อน คือนางเอกในละคร ชอบแว้ดๆๆๆพระเอก    เจอหน้าแม้แต่ครั้งแรกก็ไม่มีแม้แต่มารยาทในการพูดสุภาพด้วยเลย     รำคาญมากค่ะ
บ่นแค่นี้ละค่ะ
******************************
คราวนี้ถึง The Fugitive ละค่ะ  ออกอากาศ 1963-1967
หนังชุดเรื่องนี้  เป็นเรื่องดังที่สุดเรื่องหนึ่งของยุค 1960s ได้ทั้งเงินและทั้งกล่อง  คว้าได้ทั้งรางวัลเอมมี่ ลูกโลกทอง และPGA Hall of Fame

ผู้สร้างหาพล็อตเก่ง   วางตัวเอกเก่งด้วย   คือผูกเรื่องให้พระเอกเป็นแพทย์ที่ถูกตัดสินจำคุกข้อหาฆาตกรรมภรรยา    ทั้งที่เขาบริสุทธิ์  แต่ระหว่างถูกคุมตัวไปรับโทษ เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางทำให้หนีได้ ก็เลยหนี  ระเหเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ  โดยมีนายตำรวจเจ้าของคดีไล่ตามไม่ละลดเพื่อเอาตัวกลับไปเข้าคุกให้ได้    พระเอกรู้ว่าฆาตกรตัวจริงคือชายแขนขาดที่เขาเห็นออกมาจากบ้านก่อนเขาเข้าไปพบภรรยากลายเป็นศพไปแล้ว

ที่ว่าเก่งก็คือ พล็อตแบบนี้ทำให้สามารถหาฉากต่างๆ แปลกๆ มาดำเนินเรื่องได้ไม่ซ้ำซากจำเจ     ดารารับเชิญก็มีได้ไม่จำกัดแวดวง แล้วแต่พระเอกจะพเนจรไปถิ่นไหน    จะหาเหตุการณ์แปลกๆใหม่ๆอะไรก็ทำได้ไม่จำกัด   ความไม่จำกัดนี่ละค่ะทำให้น้ำไม่นิ่ง แล้วก็ไม่เน่า   เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของคนดู  คนเขียนบทก็จะไม่เบื่อ เพราะมีอะไรท้าทายใหม่ๆให้เขียนทุกอาทิตย์

ส่วนตัวละครที่บอกว่าวางเก่ง ก็คือคนสร้างหาเคล็ดมัดใจคนดูได้อยู่หมัด   พระเอกที่สง่างามแต่น่าสงสาร ย่อมทำให้คนดูทั้งรักและทั้งเอาใจช่วย     ดีกว่ามีอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเดียว   
ในเรื่อง พระเอกพเนจรไป  หนีเอาตัวรอดพลาง เสาะหาฆาตกรตัวจริงพลาง  แต่ก็ไม่ละเว้นที่จะช่วยเหลือผู้ลำบากตกทุกข์ได้ยาก  โดยมากวิชาแพทย์ของเขาก็ช่วยชีวิตคนในแต่ละเมืองที่เขาไปถึงไว้ได้ด้วย  แต่ตอนจบของแต่ละตอน   นายตำรวจก็ได้กลิ่นตามไปถึง   พระเอกของเราก็ต้องทิ้งสาวคนรัก(ที่เจอใหม่)  หรือทิ้งเพื่อนแสนดี (ที่พบใหม่)  ทิ้งครอบครัวอบอุ่น(ที่เพิ่งได้เข้าไปร่วมเป็นสมาชิก)เตลิดหนีไปอีก

หนีอยู่ ๔ ปี   ผู้สร้างก็ไม่ได้ทิ้งให้หนีกันอยู่ชั่วนิรันดร  แต่ทำให้พระเอกได้พบเจ้าฆาตกรตัวจริง    มาถึงตอนจบ ที่เหตุการณ์คลี่คลายออกมาได้ว่าใครเป็นคนฆ่าหญิงสาวกันแน่  พระเอกก็หลุดจากข้อหา
ตอนสุดท้ายของเรื่อง สถิติผู้ดูเฉพาะตอนนี้ในอเมริกา ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ของหนังทีวีอเมริกัน  ไม่มีเรื่องไหนเทียบได้ทั้งก่อนหน้านี้และหลังจากนั้น
จนมาถูกทำลายสถิติในเรื่องเดียว คือ"เจ้าพ่อดัลลัส" ตอน "ใครฆ่าเจ.อาร์"  ทำให้ร่วงลงเป็นอันดับสอง แต่ก็ยังไม่มีใครมาปัดตกเป็นอันดับสามได้จนทุกวันนี้

รูปนี้คือคุณหมอพระเอก กับนายตำรวจผู้ไล่ล่าค่ะ  David Janssen เล่นเป็นหมอริชาร์ด คิมเบิล  Barry Morse เล่นเป็นหมวดฟิลิป  เจอราร์ด


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 10:04


     ขอบคุณ นางฟ้า Angela Cartwright จากอาจารย์ครับ
      เรื่อง Fugitive จำได้แบบคลับคล้ายคลับคลาครับ ไม่ทราบว่าคนเขียนเรื่องหยิบยืมพล็อตมาจาก เหยื่ออธรรม (Les Miserables)
หรือเปล่า และคนเขียนในยุคต่อมาก็ดัดแปลงร่างกลายเป็น มนุษย์จอมพลัง (The Incredible Hulk) 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 10:41

The Fugitive น่าจะเป็นการผสมผสานพล็อตของ Les Miserables ของ Victor Hugo  ว่าด้วยนักโทษผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตำรวจผู้เคร่งครัดต่อหน้าที่ตามไล่ล่า     กับคดีฆาตกรรมจริง ที่เกิดขึ้นในปี 1954 เรียกว่า  Dr. Sam Sheppard murder case   
คุณหมอแซมถูกกล่าวหาว่าฆ่าภรรยาตาย  ถูกจำคุกยาวนานถึงสิบปี ก่อนจะอุทธรณ์ขอให้ศาลพิจารณาคดีอีกครั้ง  ศากลับการตัดสินครั้งแรก หมอก็เลยได้เป็นอิสระ  อ่านได้ที่นี่ค่ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Sam_Sheppard
มีหนังทีวีอีกหลายเรื่องที่มีพล็อตคล้ายๆแบบนี้ คือพระเอกเที่ยวติดตามหาใครคนหนึ่ง หรือพระเอกมีมลทินติดตัวแล้วพยายามล้างมลทิน   คือ Dustry  กับ Branded

เอาภาพดารานำ ในอดีตและภาพในปัจจุบันมาให้ดูกันค่ะ


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:10

เป็นหนังคุณธรรมจริยธรรมที่ชอบและไม่เบื่อ สมัยเมืองไทยยังเพิ่งมีไอบีซี(เคเบิลของชิน)ใหม่ๆได้ไปอเมริกาครั้งแรก พักในอพาร์ตเมนท์ เปิดทีวีเจอช่องที่เอาหนังเรื่องนี้มารีรัน..ยังชอบอยู่เลยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ต.ค. 07, 11:20 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:22

ยิงสปอตโฆษณา  เบน กาซซาร่าแห่ง Run for your Life ให้ดูกันไปพลางๆก่อน ค่ะ
เรื่องนี้ก็มีอะไรน่าเล่าไม่น้อยเหมือนกัน
จะมาต่อตอนกลางคืนนะคะ


บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:33

ยังตามอยู่เสมอค่ะ  แล้วก็สงสัยว่าทำไมความทรงจำในเรื่องหลัง ๆ เหล่านี้สำหรับดิฉันออกจะลางเลือน  บางเรื่องก็ไม่คุ้นเลยแฮะ 

ส่วนรายการทีวีปัจจุบันที่เราออกไม่นิยมชมชื่น  ใจหนึ่งก็คิดว่าเพราะเราดูมานาน  เห็นมาเยอะ  ก็เลยหาอะไรแปลกใหม่ให้ตื่นเต้นนิยมชมชื่นได้ยาก มั้ง
มาตรฐานการให้คุณค่าของเราก็แตกต่างจากคนทำสื่อในยุคปัจจุบัน  จะไปบอกว่ามาตรฐานของเขาไร้รสนิยมก็กระไร  ปลอบใจตัวเองว่า  ไม่มีอะไรดี ๆ ดูก็ดีเหมือนกันจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กว่าการนั่งเฝ้าจอทีวี 

ต่อไปเป็นรายการชวนดูค่ะ 

วันก่อน(ว่าจะพยายามใส่ใจจำวันให้ได้มาบอกก็ลืมใส่ใจเสียทุกทีค่ะ)ได้ชมรายการ โลก 360องศา ทางช่อง 5  เป็นเรื่องการเสด็จประพาสต่างแดนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทางรายการได้เชิญอาจารย์พิชัย วาสนาส่ง มาเป็นวิทยากร  ได้ดูแล้วชื่นใจจังค่ะ  ได้ฟังอาจารย์ใช้ภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ เวลาอาจารย์เอ่ยชื่อแต่ละเมืองในภาษาต่าง ๆ อาจารย์จะอธิบายขยายความการเรียกชื่อตามภาษาท้องถื่นเป็นอย่าง แต่ถ้าเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษจะเป็นอย่างไร เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอาจารย์ก็นำมาเสริมเพิ่มเติมให้  ต่างจากพิธีกรยุคปัจจุบันที่เน้นหน้าตา และการแต่งตัว  แล้วก็ออกมาอ่านข้อมูลตามที่เขามีไว้ให้ ก็เท่านั้น

คืนวันพุธ หลังข่าว ช่อง 9 ค่ะ  รายการ"จุดเปลี่ยน" เสนอเรื่อง ขี้หมาที่ไม่ขี้หมา ดิฉันว่าเป็นรายการที่ดีสำหรับยุคนี้นะคะ  แต่ไม่ใช่ดีไม่มีที่ตินะคะ  แต่ก็ขอยืนยันตามมาตรฐานของดิฉันนะคะว่า  ก็ควรค่าแก่การเสียเวลาดู  ดิฉันได้ดูมา 4 - 5 ครั้ง  แต่ละครั้งก็ดีมาก ดีน้อย ขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามประเด็น  เดาว่าบางประเด็นคนทำตีไม่แตก  แต่ถ้าประเด็นไหนตีแตกก็ทำได้ ดี ชวนให้มีความหวังกับคนทำสื่ออยู่บ้าง  รายการนี้ผลิตโดย ทีวีบูรพา ซึ่งดิฉันทราบว่าเธอได้รับการสนับสนุนจาก JSL ค่ะ  แต่ไม่ทราบว่า JSL เกี่ยวข้องกับช่อง 7 อย่างไร  ไม่รู้จริง ๆ นะคะแล้วเป็นผู้หญิงอย่างรู้เสียด้วยซิคะ  อีกความสงสัยหนึ่งที่เฝ้าดูค่ะว่า  ช่อง 7 ถ้าไม่มีคุณแดงจะเป็นอย่างไร  ส่วนเรื่องการบริหาร จัดการของช่อง 7 ใครจะว่าดี ไม่ดี ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ  ทำมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วนะคะ  จะเอาอะไรไปเถียงเธอล่ะคะ  แล้วถ้าช่อง 7 ไปบริหารจัดการอะไร ก็ยังคงเป็นบุคลิกนี้นะคะ  คือใช้ตัวบุคคลเป็นหลักค่ะ  ดิฉันเคยถามผู้คนรอบ ๆ ตัวเล่น ๆ ค่ะ  ถ้าใครชอบดูละครช่อง 7 ก็จะถามว่าทำไมไม่ดูช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 9 ก็จะได้คำตอบประมาณ  ช่องอื่น ๆ ดูแล้วเครียด  ชอบดารา  ประเภทว่ารักจุ๋ยก็ตามดูไปทุกเรื่อง รักกบก็ตามไปทุกเรื่อง กับภาพช่องไหน ๆ ก็ไม่ชัดเท่าช่อง 7 ค่ะ

ดิฉันไม่ค่อยถนัดชี้ แยกแยะว่าอะไรดี ไม่ดี นะคะ  แต่ชอบดูค่ะว่าอะไรเป็นอย่างไร  แต่ก็สนุก และติดตามค่ะเวลาคุณpipatชี้เปรี้ยงปร้าง จนชาวเราหลบกระสุนกันจ้าละหวั่น
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 11:48

เบน กาซซาร่า น่ะ จำได้ค่ะอาจารย์ จะรออ่าน
หลังจากเรื่องที่ได้ดูตอนเด็กๆ ได้ดูเบนอีกครั้ง คราวนี้บทพ่อในเรื่อง bloodline ที่ทำจากหนังสือของ Sydney Sheldon จากนั้น ดูเหมือนเขาจะหายไปเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 19:48

Theme ของ The Fugitive และ Run for Your Life เหมือนกันในข้อหนึ่ง คือแสดงให้เห็นว่า แม้ในยามตกทุกข์ได้ยาก  ตัวละครเอกของหนังชุดนี้ก็ไม่วายเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น   ข้อนี้ละค่ะเป็นส่วนหนึ่งที่ประทับใจคนดู

Run for Your Life ดำเนินเรื่องคล้าย The Fugitive  พระเอกเป็นทนายความหนุ่มงานกำลังรุ่ง   จู่ๆก็พบว่าเขาป่วยเป็นโรคร้าย จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๒ ปี     เมื่อรู้ สิ่งแรกที่คิดคือเขาจะทำชีวิตที่เหลือยังไงดี
เขาก็เลยลาออกจากงาน  เดินทางตระเวณไปตามที่ต่างๆ  เผชิญเรื่องราวร้อยแปดพันชนิด    ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน  บางทีเขาเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไม     เขามาถึง แล้วก็เดินทางต่อไปในช่วงสั้นๆ   ในแต่ละตอน

เรื่องนี้ถ้าไม่ได้เบน กาซซาร่ามาเล่น จะฮิทเท่านี้หรือไม่ยังน่าสงสัย   เบนเล่นดีมากค่ะ   สิ่งที่ติดใจคนดูคือรอยยิ้มเศร้าน้อยๆ  บุคลิกเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้านต่อความลำบากหรือความตาย  เพราะยังไงเสียความตายก็เป็นเงาตามตัวเขาอยู่แล้ว   เป็นเสน่ห์ที่เร้นลับ แปลกกว่าพระเอกอื่นๆ ที่หนักไปทางแกร่งกร้าว หรือโลดโผนผจญภัย
เรื่องนี้ก็เลยฮิทอยู่ตั้งแต่ 1965-1968    ยาวนานกว่านี้ไม่ไหว  เดี๋ยวพระเอกไม่ตายเสียที จะผิดพล็อต

เบนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทอง ทั้ง ๓ ปีเลยค่ะ จากเรื่องนี้
ทุกวันนี้อายุ ๗๗ แล้ว แต่ยังมีงานหนังใหญ่ไม่ขาดสาย


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 04 ต.ค. 07, 23:46

ลืมไปค่ะ ว่าครั้งหลังสุดคือเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ดูหนังดีเรื่อง ปารีส ฉันรักเธอ ที่สกาลา เป็นหนังสั้นๆหลายผู้กำกับ หลายๆเรื่องมารวมกัน แล้วแต่ใครจะเขียนบทว่าเป็นthemeอะไร
ลุงเบนมาเข้าฉากด้วยเรื่องหนึ่ง มีเสน่ห์ ตีบทกระจุย ประกบจีน่า โรว์แลนด์ เป็นคู่สามี ภรรยาที่นัดเจอกันที่ร้านอาหารในปารีส เพื่อตกลงเรื่องหย่า...
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 18:09

ตอนนี้ถึงคิวหนังทีวีไซไฟ  อีกเรื่องหนึ่ง คือ The Time Tunnel 
พล็อตเรื่องวางไว้มีรสชาติทีเดียวคือ ผสมผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับประวัติศาสตร์  เป็นเรื่องสนุก ให้เยาวชนได้เรียนรู้แบบไม่ต้องโงกหลับอย่างในชั้นเรียน
เรื่องมีอยู่ว่า นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม ๒ คน หลงติดอยู่ในอุโมงค์เวลา ซึ่งเป็นโปรเจคลับสุดยอดของอเมริกาในยุคนั้น  เป็นโปรเจคที่ส่งมนุษย์เดินทางในกาลเวลากลับไปอดีต(หรือปัจจุบัน)ได้   
แต่ด้วยอุบัติเหตุ สองคนนี้ก็เลยติดอยู่ในนั้น  เป็นนักพเนจรร่อนเร่ไปในกาลเวลายุคต่างๆทุกมุมโลก  แล้วแต่เจ้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์มันจะส่งเขาหล่นปุ๊บลงไปในช่วงเวลาไหนของที่ตรงไหน     
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ในห้องบังคับการก็เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยใจระทึก   และพยายามหาทางช่วยเมื่อสองคนนี้ตกที่คับขัน  ด้วยการย้ายเขาหนีจากกาลเวลาเดิมไปหล่นลงในกาลเวลาใหม่


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 18:50

เรื่องนี้มีอายุงานสั้นมากค่ะ แค่ซีซั่นเดียว ๑๙๖๖-๖๗  มี ๓๐ ตอน แล้วยกเลิกไป

ผู้สร้างได้ดารารูปหล่อสองคนมาเล่น คือเจมส์ ดาร์เรนกับโรเบิร์ต คอลเบิร์ต
เจมส์เป็นดาราวัยรุ่นขวัญใจสาวๆ มาก่อนจากหนังวัยรุ่นยอดฮิทเรื่อง Gidget  และเป็นนักร้องเพลงป๊อปยอดฮิทด้วย   
เจมส์มีฝีมือมากกว่าขวัญใจวัยรุ่นอีกหลายคนในยุคเดียวกัน     จึงวนเวียนอยู่ในวงมายาได้จนถึงทศวรรษแปดสิบ  ได้เล่นในหนังชุด T.J. Hooker    ต่อจากนั้นก็ยังรับเล่นในหนังทีวีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาจนถึงปี ๒๐๐๑
ส่วนโรเบิร์ต คอลเบิร์ต เป็นดาวดวงเล็กของวงการทีวี   เมื่อจบเรื่องนี้ก็ไปเล่นเป็นดารารับเชิญในหนังทีวีเรื่องอื่นๆไปเรื่อยๆ ได้งานในหนังสบู่เรื่อง The Young and the Restless อยู่หลายปี  ไม่ถึงกับรุ่งแต่ก็ไม่ตกงาน 
ตอนนี้  น่าจะเกษียณจากงานไปแล้ว



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 18:58

เรื่องนี้วางโครงไว้น่าสนใจ  แต่เรตติ้งไม่ดี อาจจะเป็นเพราะการเขียนบทไม่ดี เทคนิคในเรื่องก็อ่อนมาก
ฉากซ้ำๆกันคือในห้องบังคับการ มีนักวิทยาศาสตร์นั่งโหรงเหรงอยู่  ๒-๓  คน   มีบทซ้ำๆกันคือนั่งดูจอที่มีอุโมงค์ยักษ์แทนเครื่องทีวี    เฝ้าดูว่าพระเอก ๒ คนไปเจออะไรบ้าง  บางทีก็ภาพล้มเหมือนจอทีวีเสีย  ก็วุ่นวายกัน ปรับปุ่มโน้นเปิดปุ่มนี้จนภาพกลับมาดี
ส่วนฉากในอดีตก็ไม่อลังการ     เป็นฉากถ่ายทำในห้ห็องส่งเสียละมาก   

ส่วนการเขียนบททำได้ดีในส่วนที่เลือกเหตุการณ์ตื่นเต้นในอดีตมาเป็นฉาก   จำเพาะเจาะจงว่าสองคนนี้จะต้องหล่นลงไปในเหตุการณ์ใหญ่ๆทั้งนั้น    เช่นหล่นไปในเรือไททานิคก่อนล่ม    หล่นไปที่ป้อมอลาโมก่อนแตก   หล่นไปที่กรุงทรอยก่อนจะพ่ายแพ้แก่พวกกรีก   
สองคนก็พยายามจะเตือนคนในอดีตที่เขาเจอให้ระวังภัยที่จะเกิดขึ้น    แต่ผลก็คือจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจแก้ไขเหตุการณ์ได้     หรือถ้าแก้ไขได้ก็อาจจะช่วยได้แค่คนบางคน  แต่เรื่องใหญ่ๆมันก็ยังเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ดี
หนักๆเข้า   มีแต่ความซ้ำซาก  คนดูเลยเบื่อ   ยาวได้แค่นี้เองค่ะ
แต่พล็อตดี  เห็นว่าพยายามจะสร้างกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง    ไม่ได้ติดตามเลยไม่รู้ว่าไปถึงไหนยังไง

ขอให้ดูอุโมงค์ของจริงที่ใช้ถ่ายทำให้ดูมหัศจรรย์    กลวงมากๆ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.122 วินาที กับ 19 คำสั่ง