อ๋อจำได้แล้ว สมัยก่อนผมถามป้าทุกวัน ไอ้ตึกที่ตอนนี้มีสักกะสีเขียวๆ ที่เขาบอกว่าไกล้จะรื้อนะหรอครับ ผมถามป้าผมเขาก็บอกว่าไม่รู้ไม่รู้อยู่เรื่อย ทุกครั้งผมพยายามมองเข้าไปเห็นบ้านเก่าๆผุผุพังๆสภาพดูไม่ค่อยจะได้นะครับ แต่ถ้าอยู่ในสภาพดีคงจะสวยมากนะครับ ที่อยู่ไกล้ๆกับโรงพยาบาลลเดชา และโรงแรมสยามซิตี้ ในเวป
http://diary.jorjae.com/list.phpเขาเล่าถึงวังนี้แบบสยองๆไม่อยากเล่าเลยมันน่ากลัว ต้องขอคมาลาโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายด้วย เรื่องเล่าจากป่าช้า ตอนที่1 ภาพหลอนจากบ้านร้างข้างตึก (สี่แยกพญาไท) ค่ำคืนวันศุกร์สิ้นเดือนมักจะเป็นวันที่ใครก้อต้องไปเที่ยว ปาร์ตี้กัน แต่ผมเองก้อไม่มีอะไรจะทำนั่งเคลีย์งานอยู่คนเดียว ทำงานเรื่อยๆจนเพลิน ดูเวลาปาไป 5 ทุ่มกว่าๆแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้วเรา... ตึกที่ผมทำงานดันมีกฏงี่เง่าๆๆเรื่องนึงที่หกากเวลาเกิน 4 ทุ่มแล้วลิฟฟ์จะปิดต้องโทรเรียก รปภ. ด้านล่างกดลิฟฟ์มารับผมที่ชั้น11 แล้วตัวอาคารผมใครเคยเดินทางมาสี่แยกพญาไทจะสังเกตได้ว่าตรงหัวมุมสี่แยกพญาไทตัดกับถนนศรีอยุธยาจะมีบ้านร้างเก่าๆหลังนึง เป็นของเจ้าขุนมูลนายเก่าๆท่านนึงเป็นข้าหลวงใหญ่สมัยนานมาแล้ว เป็นคนเชื้อสายแขก แล้วบ้านของท่านได้บริจาคให้กับสากาชาดแล้ว ผมเองโทรเรียกยามด้านล่างมารับผมเเล้วกะลังรอลิฟฟ์อยู่เวลาก้อปาไปเกือบเที่ยงคื่น ระหว่างที่ผมรอลิฟ์ผมก้อมองออกไปด้านนอกกระจกผ่านบ้านหลังดังกล่าว สิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมพยายามจ้องมองบ้านหลังดังกล่าวด้วยความสงสัย...สิ่งที่ผมเห็นผมต้องจำไปจนวันตายเลยครับ.....มีสิ่งผิดปกติมีความเคลือ่นไหวที่บ้านหลังนั้น....ผมๆ..............ไม่กล้ามองกลับไปอีกรอบว่าที่ผมเห็นเป็นสิ่งที่ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ไม่ใช่ผมหันกลบัไปมองอีกครั้ง...........ทำให้ผมแน่ใจว่า... มันคือ...ติดตามตอนสองนะครับเพราะว่าผมเขียนต่อไม่ได้อีกแล้วเพราะขณะกำลังเขียนไดอารี่อยู่มีลมๆพัดไปมาตลอดและการเขียนมีอุปสรรคไม่ว่าไฟที่ออฟฟิศจะดับอีกหรือเปล่าขณะที่ผมกะลังเขียนไดอารี่นี้ผมก้อเขียนที่ออฟฟิศนี้ครับผมว่าเรื่องที่ผมกำลังเขียนต้องอะไรซักอย่างที่ทำให้มีอุปสรรค เชื่อไหมครับไฟที่ออฟิศผมดับไปสองรอบแล้วคร้บ...บื้อ....ผมจะมาเขียนตอนสองหลังจากวันนี้นะครับเพราะผมแน่ใจว่าทำการเขียนต่อที่นี้ไม่ได้แน่นอนคร้าบ...................ติดตามตอนสองนะครับ.............