3. นันโทปนันทสูตรคำหลวง และ พระมาลัยคำหลวง อาจเป็นผลงานของกวีอีกกลุ่มแต่ใส่ logo ของสำนักนี้
เนื่องจากชื่อผู้แต่งน่าจะถูกเขียนแทรกมาในภายหลัง
4. อาจเป็นไปได้ว่ามีงานดีๆ ที่ใส่ logo ของสำนักนี้อีกแต่สูญหายไปแล้วครับ
เมื่อวานผ่านไปทางวัดในหมู่บ้านเห็นมีชื่อผู้มีกำลังทรัพย์บนซุ้มประตู ว่าสร้างถวายวัดปีไหนๆ
แต่ผมเข้าใจว่าตอนสร้างท่านเหล่านั้นเป็นผู้ออกเงิน แต่มีช่างมาสร้างให้ครับ
ข้อ 3 ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่าแค่มีชื่อผู้แต่งมาอยู่ตรงท้าย แต่จะสรุปเลยว่าทรงไม่ได้แต่งเองหรือเป็นกวีสำนักอื่นดูยังไม่มีน้ำหนักมากพอครับ ถ้าเป็นแบบนี้บทประพันธ์ต่างๆที่มีชื่อผู้แต่งเขียนอยู่ก็คงจะไม่สามารถเชื่อได้เลยว่าชื่อผู้เขียนที่ลงไว้เป็นผู้แต่งจริง นอกจากนี้หากเป็นกวีสำนักอื่นแอบอ้างชื่อเจ้านายแต่ง(ในกรณีเจ้านายไม่ได้สั่ง)ก็จะไม่ต่างอะไรกับการหมิ่นเบื้องสูงครับ ซึ่งคงจะมีโทษมหันต์
ส่วนเรื่องการสร้างวัดหรืออาคารต่างๆ แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงผู้สร้างน่าจะเข้าใจได้ว่าเป็นผู้ว่าจ้างหรือผู้สั่งให้สร้าง ซึ่งไม่ใช่คนที่ลงไปทำงานก่ออิฐฉาบปูนด้วยตนเองแน่นอนครับ และการสร้างอาตารก็ต้องใช้คนงานจำนวนมากและต้องมีหลายหน้าที่ จึงไม่น่าจะเอามาเทียบกับการประพันธ์วรรณกรรมได้ครับเพราะมีความแตกต่างกัน ถ้าจะเทียบน่าจะเทียบเกี่ยวกับองค์ประกอบย่อยของอาคารเช่นการแกะสลักบานประตู จิตรกรรมฝาผนัง หรือการปั้นพระพุทธรูป ซึ่งเป็นงานฝีมือเฉพาะอย่างมากกว่าครับ