ย้อนกลับไปอ่านข้อความในพงศาวดารที่คุณหนุ่มคัดมาไว้
ครั้นถึง ณ วันอาทิตย์ เดือนยี่ ขึ้นสี่ค่า ปีระกา ตรีศก ( ตรงกับ ศักราช ๙๒๓ )
เดือนยี่ คือเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่ลมเหนือพัดพาเอาหนาวลงมาจากจีนพอดี ตรงตามที่ผมสันนิฐานไว้ พระยาจีนจันตุคงมีแผนหนีอยู่นานแล้ว ไม่ใช่เรื่อบังเอิญแบบเหตุการณ์พาไปอย่างในหนัง ขึ้นสี่ค่ำ น้ำยังเต็มฝั่งอยู่ วิ่งไม่ต้องกลัวท้องครูดเลนใต้น้ำในบางช่วงด้วย
เพลาประมาณ สองนาฬิกา พระยาจีนจันตุ ก็พาครัวลงสาเภาหนีล่องลงไป ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรเจ้า เสด็จลงมาแต่เมืองพระพิษณุโลก เสด็จอยู่ในวังใหม่ สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็เสด็จยกทัพเรือตามพระยาจีนจันตุลงไปในเพลากลางคืนนั้น
เสด็จตาม มิได้บอกว่าปะทะกันในคืนนั้นเลยทีเดียว ผมคิดว่าเรือสำเภาพอได้ลมก็วิ่งได้ฉิวอยู่แต่ก็คงช้ากว่าเรือดั้ง หากภายจ้ำตามมา และเวลาเข้าคุ้งน้ำก็ต้องเสียเวลามากพอสมควร พระนเรศวรกว่าจะทรงทราบ กว่าจะเกณฑ์คนลงเรือและเคลื่อนพลได้ คงเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆอยู่ คงจะตามมาทันตอนรุ่งสาง จึงมีเรื่องให้บันทึกว่ามีการดวลปืนยาวเพราะเห็นตัวกันแล้ว
ไม่แน่นะครับ หากเสด็จมาทันก่อนแสงอาทิตย์สาดฟ้า ทหารเรือไทยอาจจะอาศัยความมืดกำบังเข้าไปประชิดเรือใหญ่ แล้วส่งหน่วยซีลบุกขึ้นเรือได้ ตอนนั้นปืนไฟคงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่
ผมเอาเรือสำเภาจีนที่วิ่งค้าขายในลำน้ำเจ้าพระยา ตลอดไปถึงหัวเมืองปักษ์ใต้มาให้ดู เรือชนิดนี้เหลือรอดมาให้ฝรั่งถ่ายรูปไว้ได้ในยุครัตนโกสินทร์เลยทีเดียว