โพสแบบนี้แปลว่าทวงให้เขียนเร็วๆ

พระองค์เจ้าวิวัฒนไชยเดินทางไปถึงสิงค์โปร์ในวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ทรงต้องผจญเวรผจญกรรมรอบสองกับนายเดนิงซึ่งรออยู่ที่สิงคโปร์ ทรงแจ้งนายเดนิงว่ารัฐบาลไทยได้อนุมัติให้ลงนามตกลงโดยไม่มีข้อสงวนใดๆ แต่...ต้องมีการแลกเปลี่ยนหนังสือ (exchange of notes) เพื่อแสดงถึงความยินยอมร่วมกันเสียก่อน
จะนับเป็นกรรมหรือบุญของไทยก็เชิญพิจารณากันเอง น่าจะบุญมากกว่า คือนายเดนิงยืนกรานไม่ยอมตามที่หัวหน้าคณะทูตไทยแจ้งไป อ้างวา่ข้อตกลงจะต้องถูกส่งไปพิจารณาโดยรัฐบาลของแต่ละฝ่ายเสียก่อน หนังสือที่เตรียมจะตกลงแล้วก็เลยค้างเติ่งอยู่ตรงนั้น
ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ คณะผู้แทนไทยจึงยังมิได้ลงนามในสัญญาข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ฯ ยุติสงครามโลกครั้งที่สอง
มานึกกันเล่นๆว่า นายเดนิงเป็นคนเคร่งครัดต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบมาจากลอร์ดเมาท์แบตเตนมาก คือรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษทุกกระเบียดนิ้ว มิให้กระเด็นไปสักเศษเสี้ยว แกก็เลยไม่ยอมตกลงกับอะไรที่ผิดไปจากร่างสัญญาฉบับเดิม แกก็คงคิดด้วยว่าแกไม่มีหน้าที่จะไปหยวนๆ ยอมให้ไทยต่อรองนั่นนิดนี่หน่อย เพื่อเซ็นๆมันไปซะให้หมดเร่ื่องราว เดี๋ยวเจ้านายแกเอาตายว่าแกบกพร่องต่อหน้าที่
ความเคร่งครัดของแกนี่เองก็เลยช่วยต่อลมหายใจให้ไทย ทั้งๆแกตั้งใจจะบีบคอไทยอยู่แท้ๆ
วันที่ ๑๕ นี้เอง อุปทูตสหรัฐก็ได้เข้าพบหม่อมราชวงศ์เสนีย์ นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลไทยสั่งการไปยังคณะผู้แทนไม่ให้ลงนามในความตกลง
นี่ถ้านายเดนิงใจดี อะลุ้มอล่วยกับคณะผู้แทนไทยสักหน่อย เอ้าเซ็นก็เซ็น ไทยก็เซ็นยินยอมไปตามนั้น ซุปเปอร์แมนอเมริกาก็เหาะมาช้าไปเสี้ยวนาที ไทยก็กลายเป็นประเทศผู้แพ้สงครามโดยสมบูรณ์ ให้อังกฤษบีบก็ตาย คลายก็รอด
แต่สงสัยจะตายเสียมากกว่า